Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เจาะลึกแผนท่องเที่ยวอาเซียน 2569-2573 ผ่านมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ณ หนองหลวง เวียงชัย

ร้อยเอกธรรมนัส เปิดงานไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ชู “นทีศรัทธา” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน

เชียงราย, 20 ธันวาคม 2568 – ท่ามกลางกระแสการยกระดับการท่องเที่ยวอาเซียนสู่เวทีโลก แผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียนฉบับใหม่ พ.ศ. 2569–2573 กำลังจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปีหน้า ขณะเดียวกัน จังหวัดเชียงรายกำลังก้าวสู่บทบาท “ห้องทดลองเชิงพื้นที่” ผ่านการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 โซนอำเภอเวียงชัย” บริเวณหนองหลวง แหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด ภายใต้แนวคิด “นทีศรัทธา ธ สถิตในใจตราบนิจนิรันดร์” เปลี่ยนพื้นที่ชุมชนริมหนองน้ำให้กลายเป็นเวทีเชื่อมโยงนโยบายระดับภูมิภาคกับเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม

งานมหกรรมฯ ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 และจะจัดต่อเนื่องถึงวันที่ 7 มกราคม 2569 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลชมไม้ดอกเมืองหนาว หากแต่สะท้อน “เชียงรายโมเดล” ที่นำเป้าหมายการท่องเที่ยวอาเซียนมาปรับใช้ในระดับจังหวัด ผ่านการออกแบบภูมิทัศน์ กิจกรรมทางวัฒนธรรม และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในพื้นที่หนองหลวง ซึ่งครอบคลุม 3 ตำบล ใน 2 อำเภอ และเป็นบ้านของชุมชนจำนวนมากที่พึ่งพาระบบนิเวศแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน

อาเซียนขยับเกมท่องเที่ยว แผนใหม่ 2569–2573 กับเป้าหมาย “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลก”

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 กรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) เผยแพร่ข้อมูลสำคัญผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ ระบุว่า ประเทศไทยในฐานะสมาชิกประชาคมอาเซียนกำลังก้าวเดินตาม “แผนรายสาขาด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ฉบับใหม่ พ.ศ. 2569–2573” ซึ่งจะเป็นกรอบทิศทางร่วมของทั้งภูมิภาคในอีก 5 ปีข้างหน้า

เป้าหมายหลักของแผนฉบับนี้สอดคล้องกับ AEC Goals และวิสัยทัศน์อาเซียน 2588 โดยมุ่งผลักดันให้อาเซียน

  1. เป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีมาตรฐานและมูลค่าสูง
  2. ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดี
  3. สร้างงานและรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาคมอาเซียน ซึ่งมีประชากรมากกว่า 660 ล้านคน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว แผนท่องเที่ยวอาเซียนฉบับใหม่ได้วาง แนวทางการดำเนินงานสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่

  • การท่องเที่ยวที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ (Resilient & Sustainable Tourism)
  • การเดินทางที่เข้าถึงได้และไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity)
  • การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการท่องเที่ยวและบริการ
  • การยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพสูงและมีอัตลักษณ์ชัดเจน
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรม

กรมการท่องเที่ยวระบุว่า แผนฉบับเต็มจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ทางการของอาเซียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงเดือนมกราคม 2569 เพื่อใช้เป็น “เข็มทิศร่วม” ของทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่นในการออกแบบผลิตภัณฑ์และเส้นทางท่องเที่ยวในระยะต่อไป

จากแผนระดับภูมิภาค สู่เวทีจริงที่หนองหลวง เวียงชัย

บนแผนที่ยุทธศาสตร์ของอาเซียน จังหวัดเชียงรายอาจเป็นเพียงหนึ่งในเมืองชายแดนตอนเหนือของไทย แต่ในทางปฏิบัติ จังหวัดแห่งนี้ถูกจับตามองอย่างต่อเนื่องในฐานะ “เมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูง” ที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจชายแดน วัฒนธรรมล้านนา และความหลากหลายทางชาติพันธุ์

ในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2568 ภาพของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินเคียงข้างนักท่องเที่ยวและชาวบ้านริมหนองหลวง ในพิธีเปิด มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 โซนอำเภอเวียงชัย” จึงมีความหมายมากกว่าพิธีเชิงสัญลักษณ์ หากแต่แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการระหว่างนโยบายเกษตร ทรัพยากรน้ำ และการท่องเที่ยวในพื้นที่เดียวกัน

ภายในงานเปิดมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ

  • นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่–ท้องถิ่น และภาคประชาชน

บรรยากาศในวันเปิดงานสะท้อนให้เห็นความคึกคักของผู้คนในพื้นที่ที่มาร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางทุ่งดอกไม้เมืองหนาวที่ได้รับการจัดแต่งภูมิทัศน์อย่างประณีต ริมผืนน้ำของหนองหลวงที่สะท้อนแสงไฟและการแสดงน้ำพุดนตรีในยามค่ำคืนอย่างงดงาม

หนองหลวง” จากพื้นที่ชุ่มน้ำสู่แลนด์มาร์กใหม่ของเชียงราย

หัวใจสำคัญของเวทีงานครั้งนี้คือ หนองหลวง” แหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ใน 2 อำเภอ เป็นทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญ แหล่งทำกินของชุมชน และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) อธิบายถึงทิศทางการพัฒนาอย่างชัดเจนว่า การจัดงานมหกรรมไม้ดอกในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการจัดเทศกาลชั่วคราว หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและพลิกโฉมหนองหลวงให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมที่มีศักยภาพในระยะยาว

ที่ผ่านมา อบจ.เชียงรายได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการจัดการน้ำ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการพัฒนาภูมิทัศน์ จนพื้นที่หนองหลวงกลับมามีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น สภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตรและการท่องเที่ยว

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ได้รับความสนใจจากผู้มาเยือน คือ ประติมากรรม “แม่หม้าย” ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ถ่ายทอดตำนานและเรื่องเล่าท้องถิ่นเกี่ยวกับหนองหลวง เชื่อมโยง “ศรัทธา–ธรรมชาติ–ประวัติศาสตร์” เข้าด้วยกันอย่างมีมิติ ช่วยให้การท่องเที่ยวไม่จำกัดแค่การถ่ายภาพกับดอกไม้ แต่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้เรียนรู้รากเหง้าและอัตลักษณ์ของชุมชนริมหนองน้ำแห่งนี้ด้วย

ไฮไลต์มหกรรมไม้ดอก ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เชื่อมอารมณ์–เศรษฐกิจ–สิ่งแวดล้อม

งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 โซนอำเภอเวียงชัย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 รวมระยะเวลายาวกว่า 2 สัปดาห์ เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่และผู้มาเยือนจากประเทศเพื่อนบ้าน

กิจกรรมสำคัญที่ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่

  1. การจัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวและภูมิทัศน์ริมหนองน้ำ
    แปลงดอกไม้ถูกออกแบบให้เป็นลานชมวิวต่อเนื่องริมหนองหลวง พร้อมจุดถ่ายภาพที่เชื่อมฉากหลังระหว่างดอกไม้–ผืนน้ำ–ทิวเขา นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ตลอดแนว เสริมด้วยงานศิลปะจัดวางและโคมไฟยามค่ำคืน เพื่อให้พื้นที่มีชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืน
  2. การแสดงน้ำพุดนตรีประกอบบทเพลงพระราชนิพนธ์
    การนำบทเพลงพระราชนิพนธ์มาใช้ประกอบการแสดงน้ำพุดนตรี ไม่เพียงเพิ่มอรรถรสด้านบันเทิง แต่ยังเชื่อมโยงมิติทางวัฒนธรรมและความจงรักภักดีให้เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะอย่างสง่างาม
  3. กิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติและวิถีชีวิตริมน้ำ
    นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบหนองหลวง สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านริมฝั่ง และเรียนรู้เรื่องราวระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นฐานทรัพยากรสำคัญด้านประมงพื้นบ้านและการเกษตร โดยกิจกรรมดังกล่าวช่วยสร้างรายได้ทางตรงให้กับผู้ประกอบการเรือท้องถิ่นและชุมชนรอบหนองหลวง
  4. การแสดงศิลปวัฒนธรรมและประติมากรรม “แม่หม้าย”
    ลานกิจกรรมถูกใช้เป็นเวทีหมุนเวียนสำหรับการแสดงฟ้อนเมือง ดนตรีพื้นบ้าน และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์หนองหลวง ผ่านทั้งการเล่าเรื่องสดและนิทรรศการภาพ–สื่อผสม ทำให้ผู้มาเยือนได้รับทั้งความบันเทิงและความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับชุมชน

งานทั้งหมดถูกจัดวางให้สอดคล้องกับนโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ของจังหวัดเชียงราย ที่ต้องการกระจายโอกาสทางการท่องเที่ยวจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

เชียงรายโมเดล กับการต่อยอดแผนท่องเที่ยวอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม

หากเปรียบแผนท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. 2569–2573 เป็น “แผนที่ระดับภูมิภาค” การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ที่เวียงชัยก็คือ “แผนที่ระดับชุมชน” ที่ถูกขยายจากแผนใหญ่สู่การปฏิบัติจริง

ในมิติของ การท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน หนองหลวงเป็นตัวอย่างของการนำพื้นที่ชุ่มน้ำที่เคยประสบปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มาฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผ่านการจัดการน้ำ การอนุรักษ์พันธุ์ปลา และการจัดภูมิทัศน์ที่เคารพต่อระบบนิเวศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของอาเซียนที่เน้นการท่องเที่ยวไม่ทำลายทรัพยากร

ด้าน การสร้างรายได้และการจ้างงาน งานมหกรรมไม้ดอกฯ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารพื้นเมือง ผู้ให้บริการเรือ ร้านจำหน่ายสินค้า OTOP และงานหัตถกรรมท้องถิ่น ได้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าและบริการในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น โดยรายได้จะหมุนเวียนอยู่ในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

ในมิติของ การยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยว เชียงรายใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรมและภูมิประเทศ ผสมผสานกับประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น การชมดอกไม้เมืองหนาวริมหนองน้ำ การล่องเรือชมธรรมชาติยามเย็น และการชมการแสดงน้ำพุดนตรี ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับพื้นที่หนองหลวงมากกว่าการเป็นเพียงพื้นที่สาธารณะธรรมดา

ที่สำคัญ เชียงรายยังมีศักยภาพเชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและประเทศเพื่อนบ้าน การยกระดับหนองหลวงและอำเภอเวียงชัยให้เป็นหนึ่งในจุดหมายเชื่อมโยงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในอนาคต จึงสามารถต่อยอดสู่เป้าหมายของอาเซียนที่ต้องการเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวคุณภาพสูงของโลก” ได้อย่างชัดเจน

ผลกระทบต่อชุมชน จากดอกไม้สู่ความหวังระยะยาว

แม้ยังไม่มีตัวเลขสถิติรายได้จากการจัดงานครั้งนี้ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มองจากจำนวนวันจัดงานกว่า 20 วัน และการกระจายตัวของกิจกรรมภายในหนองหลวงที่เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการท้องถิ่นหลายกลุ่ม เชื่อได้ว่ามหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงปลายปีและต้นปีใหม่

ในเชิงสังคม งานลักษณะนี้ยังช่วย “เยียวยาและเชื่อมความสัมพันธ์” ระหว่างคนในพื้นที่กับทรัพยากรธรรมชาติที่พวกเขาอยู่ร่วมกันมานาน การได้เห็นหนองน้ำที่เคยถูกมองข้ามกลับมามีชีวิต มีนักท่องเที่ยวมาเยือน และมีการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านประติมากรรมและการแสดง เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกร่วมของชุมชน

สำหรับระดับนโยบาย การที่จังหวัดเชียงรายเลือกใช้เวทีมหกรรมไม้ดอกฯ เป็นพื้นที่สื่อสารเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การจัดการน้ำ และการท่องเที่ยวคุณภาพสูง สอดคล้องกับทิศทางของแผนท่องเที่ยวอาเซียนชุดใหม่อย่างใกล้ชิด ทำให้เชียงรายกลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าจับตาสำหรับจังหวัดอื่น ๆ ที่ต้องการนำแผนระดับภูมิภาคมาปรับใช้ในแบบของตนเอง

เมื่อแผนอาเซียนมาบรรจบกับลมหายใจของชุมชนริมหนองหลวง

แผนท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. 2569–2573 ตั้งเป้าให้อาเซียนเป็นผู้นำการท่องเที่ยวคุณภาพสูงของโลก เน้นความยั่งยืน ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง และการสร้างงานให้ประชาชนในภูมิภาค ขณะที่ “หนองหลวง–เวียงชัย–เชียงราย” กำลังสาธิตให้เห็นว่า เป้าหมายใหญ่ระดับภูมิภาคจะไม่เป็นเพียงเอกสารหรือสไลด์ประชุม หากแต่สามารถแปลงเป็นประสบการณ์จริงที่จับต้องได้ในระดับชุมชน

จากทุ่งไม้ดอกเมืองหนาว น้ำพุดนตรีริมผืนน้ำ ล่องเรือชมวิถีชีวิต ไปจนถึงตำนาน “แม่หม้ายหนองหลวง” ทุกองค์ประกอบคือการเล่าเรื่องเดียวกันว่า การท่องเที่ยวที่ดีไม่ใช่แค่การเดินทางไป “ดู” สถานที่ใหม่ ๆ เท่านั้น แต่คือการเดินทางไป “เข้าใจ” ผู้คน ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของพื้นที่นั้นอย่างลึกซึ้ง

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจุดหมายใหม่ในช่วงปลายปีนี้ การเดินทางไปสัมผัส “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 โซนอำเภอเวียงชัย” จึงไม่ใช่เพียงการไปชมดอกไม้สวยงาม หากแต่เป็นการไปเห็นด้วยตาตนเองว่า เมืองชายแดนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนแผนที่ไทย กำลังก้าวเดินเคียงไปกับวิสัยทัศน์ใหญ่ของอาเซียนอย่างสง่างามเพียงใด

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งซ่อมแหล่งน้ำเล็ก 250 แห่งปี 69 ก่อนถ่ายโอนภารกิจสู่ อปท. ตามมติ ครม. 2565

เชียงรายเดินหน้าซ่อมแซม “แหล่งน้ำขนาดเล็ก” หนุนนโยบายกระจายอำนาจวางเป้าปี 2569 สำรวจ 1,881 แห่ง ออกแบบ 200 แห่ง ซ่อมจริง 250 แห่ง ชี้กุญแจสู่ความมั่นคงด้านน้ำและคุณภาพชีวิต

เชียงราย, 8 พฤศจิกายน 2568 — จังหวัดเชียงรายขยับเกียร์เดินหน้า “โครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่กำหนดให้หน่วยงานส่วนกลางเร่งสำรวจซ่อมแซมแหล่งน้ำเดิม ก่อนส่งต่อภารกิจให้ อปท. ดูแลอย่างยั่งยืนในระยะยาว

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงรายจัดประชุมกลุ่มอำเภอเพื่อวางแนวทางการดำเนินโครงการปีงบประมาณ 2569 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอเมืองเชียงราย แม่จัน พาน และแม่สรวย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ ร่วมเป็นประธาน พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

จาก “โครงสร้างทรัพย์สินเดิม” สู่ “ทรัพย์สินสาธารณะของท้องถิ่น”

ใจกลางของวาระครั้งนี้คือการปรับสภาพ “แหล่งน้ำเดิม” ของส่วนราชการให้กลับมาใช้งานได้จริงไม่ใช่เพียงซ่อมเพื่อซ่อม แต่ซ่อมเพื่อ “ถ่ายโอน” ตามหลักกระจายอำนาจ และส่งต่อไปยัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อย่างถูกต้องครบถ้วน เมื่อ อปท. รับมอบแล้ว จะสามารถบรรจุภารกิจดูแลบำรุงรักษาไว้ใน แผนพัฒนาท้องถิ่น และตั้งงบประมาณประจำปีได้อย่างมั่นคง

ภาพใหญ่ระดับชาติถูกวางไว้ตั้งแต่ มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 ด้วยกรอบเวลา พ.ศ. 2565–2570 ตั้งเป้า สำรวจ 3,029 แห่ง และ ซ่อมแซม 750 แห่ง ภายใต้หน่วยงานเจ้าของสินทรัพย์เดิม คือ กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมพัฒนาที่ดิน ก่อนเดินเข้าสู่กระบวนการถ่ายโอน โดยมี สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำหน้าที่เชื่อมโยงเข้ากับ แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกันทั้งเชิงพื้นที่และเชิงยุทธศาสตร์

แผนปี 2569 “สำรวจกว้าง ออกแบบแม่น ซ่อมจุดคุ้มค่า”

สำหรับปีงบประมาณ 2569 โครงการในส่วนของ กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) ถูกวางโครงให้เดินอย่างเป็นจังหวะ 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่

  1. การสำรวจชี้เป้า แหล่งน้ำ 1,881 แห่ง เพื่อจัดลำดับความสำคัญอย่างมีหลักฐาน,
  2. การสำรวจออกแบบ ทางวิศวกรรม 200 แห่ง เพื่อเตรียมแบบและงบประมาณอย่างรัดกุม, และ
  3. การซ่อมแซมร่วมกับ อปท. 250 แห่ง เพื่อให้การลงทุนเกิดผลกระทบต่อชุมชนสูงสุด

กลยุทธ์ “สำรวจกว้าง ออกแบบแม่น ซ่อมจุดคุ้มค่า” ช่วยลดความเสี่ยงเชิงวิศวกรรม งบประมาณ และทำให้ ทุกบาทที่ลงไป มีที่มาที่ไปจากข้อมูลจริงของพื้นที่ ขณะเดียวกันยังเพิ่มความพร้อมสำหรับ “ขั้นถ่ายโอน” เพราะแบบ ข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน จะครบถ้วนพร้อมปฏิบัติเมื่อถึงมือ อปท.

ตัวเลขที่บอกความคืบหน้า 60% ของข้อมูลพื้นที่รากฐานสำคัญก่อนลงมือซ่อม

ในช่วง ปี 2567–2568 โครงการสามารถ สำรวจและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่ได้แล้วกว่า 60% ซึ่งเท่ากับ “วางเสาเข็มข้อมูล” ให้พร้อมสำหรับการซ่อมจริงในปี 2569 การมีข้อมูลทันสมัยช่วยให้เลือกแหล่งน้ำที่ คุ้มค่าการซ่อม มากที่สุด (เช่น จำนวนครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์, ศักยภาพการเพิ่มปริมาตรเก็บกัก, ความเชื่อมโยงต่อพื้นที่เกษตร/อุปโภคบริโภค) และช่วยจัดคิวงานให้ “ตรงจุด ตรงเวลา” โดยเฉพาะในกลุ่มอำเภอเมืองเชียงราย แม่จัน พาน แม่สรวย ที่ชุมชนพึ่งพิงแหล่งน้ำขนาดเล็กกระจายอยู่หลายจุด

อุปสรรคที่ต้องฝ่า “แหล่งน้ำในที่ดินเอกชน” และโจทย์กฎหมายที่ซับซ้อน

การประชุมระบุอุปสรรคสำคัญว่า แหล่งน้ำบางส่วนตั้งอยู่ในที่ดินเอกชน ซึ่งทำให้การใช้งบสาธารณะไปซ่อมแซมแล้วถ่ายโอนให้ อปท. ดูแลติดเงื่อนไขทางกฎหมาย จึงจำเป็นต้อง ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ และหา “ทางออกทางกฎหมาย” ที่เหมาะสม อาทิ

  • ภาระจำยอม (Easement) หรือ สิทธิเหนือพื้นดิน เพื่อให้รัฐ/อปท. เข้าถึง บำรุงรักษาได้โดยชอบ,
  • แนวทางคืนสภาพที่สาธารณะ หากมีหลักฐานว่าเป็นสาธารณสมบัติเดิม, หรือ
  • มาตรการอื่นตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
    ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ “น้ำสาธารณะ” อยู่ในกรอบสิทธิที่ชัดเจน ลดข้อพิพาท และที่สำคัญคือ ซ่อมแล้วถ่ายโอนได้จริง

จุดแข็งของเชียงราย ใช้ “ปิดทองหลังพระฯ” เป็นคานงัดเชื่อมรัฐกับฐานราก

หนึ่งในหัวใจสำคัญของโมเดลเชียงรายคือการวางบทบาทให้ มูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ เป็นหน่วยสนับสนุนหลักด้านสำรวจและซ่อมแซมเบื้องต้น และยังทำหน้าที่เป็น หน่วยปฏิบัติหลัก ในการขับเคลื่อนแผนแม่บทน้ำร่วมกับ สทนช. จุดเด่นของโมเดลนี้คือ

  • ยึดโจทย์ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community-Driven) เริ่มจากความต้องการจริงของประชาชน,
  • ต้นทุนคุ้มค่า จากการ “ร่วมแรงร่วมใจ” ชุมชน และการจัดซื้อวัสดุอย่างประหยัด,
  • เชื่อมเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการบูรณาการพัฒนาอาชีพ ตลาดควบคู่ไปกับการมีน้ำใช้

ผลลัพธ์เชิงประจักษ์จากพื้นที่นำร่องหลายจังหวัดสะท้อนว่า การทำงานรูปแบบนี้สามารถสร้าง ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจต่อการลงทุน (ROI) ที่คุ้มค่า เพิ่ม ปริมาตรเก็บกัก อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ ครัวเรือนหลุดพ้นความยากจน ในระดับที่วัดผลได้ สิ่งเหล่านี้คือ “ทุนความเชื่อมั่น” ที่ทำให้โมเดลเชียงรายมีแรงส่งทางสังคมสูง

เล่าเรื่องผ่านผลลัพธ์ที่ชุมชนสัมผัสได้ “น้ำมากขึ้น เสี่ยงน้ำน้อยลง รายได้ยั่งยืนกว่าเดิม”

หากมองจากมุมบ้าน–นา–ไร่ แหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็กคือ “ประกันภัย” ของครัวเรือนเกษตรรายย่อย การซ่อมฝายหรือสระเก็บน้ำหนึ่งแห่งอาจหมายถึง

  • ฤดูกาลเพาะปลูกที่ไม่สะดุดแม้น้ำฝนแปรปรวน,
  • ต้นทุนสูบน้ำที่ลดลงเพราะอยู่ใกล้แหล่งกักเก็บ,
  • ความมั่นคงด้านการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนและคุณภาพสุขภาวะที่ดีขึ้น

ในบริบทความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ (ฝนทิ้งช่วง–ฝนตกหนักเฉียบพลัน) “แหล่งน้ำเล็กแต่เยอะ” และกระจายทั่วพื้นที่ กลายเป็น โครงข่ายค้ำยัน (Resilience) ของจังหวัด การที่จังหวัดเชียงรายเร่งซ่อมให้ใช้งานได้จริงและเตรียมส่งไม้ต่อให้ อปท. ดูแล จึงเท่ากับสร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชนในเชิงโครงสร้าง

เทียบมิติการเงินสาธารณะ เงินกลาง แผนประจำ ถ่ายโอนทรัพย์สิน เพื่อ “ไม่กลับไปทรุดโทรม”

มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 วางหลักการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นขั้นตอน เฟสต้นปรับแผน ใช้งบปีเดิมของหน่วยงานก่อน หากไม่พอจึงขอ งบกลาง เสริม ต่อเนื่องด้วยการบรรจุเข้ากระบวนการงบประมาณปกติในช่วงปีถัดไป ที่จังหวัดระดับปฏิบัติการ จะเห็นผลเป็น “โครงการซ่อม” ที่มุ่งทำให้ ทรัพย์สินพร้อมถ่ายโอน และเมื่อถ่ายโอนแล้ว อปท. จะบรรจุ ค่าบำรุงรักษา ไว้ในแผนท้องถิ่นนี่คือการปิดจุดอ่อน “ซ่อมแล้วไม่มีใครดูแล” ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ทำงานเชิงกฎหมายคู่ขนานและเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบได้

เพื่อให้เป้าหมาย ซ่อมแซม 250 แห่งในปี 2569 เดินหน้าได้จริง จังหวัดควรตั้งคณะทำงานกฎหมายแบบสหสาขาวิชาชีพ (ที่ดิน–กฎหมายปกครอง–อปท.) ทำ “คู่มือภาระจำยอม” สำหรับแหล่งน้ำชุมชน และเดินหน้าขอความยินยอมเจ้าของที่ดินที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ศักยภาพการเจรจาของภาคประชาสังคม/ปิดทองหลังพระฯ เป็นเครื่องมือหนุน

ขณะเดียวกัน การ เปิดข้อมูลสาธารณะ ตั้งแต่รายชื่อแหล่งน้ำที่จะซ่อม สถานะสิทธิในที่ดิน แบบ งบประมาณ ไปจนถึงกำหนดการส่งมอบ ถ่ายโอน จะช่วยให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้ลดข้อครหา เพิ่มความไว้วางใจ และดึง “แรงร่วมมือ” ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการแก้ปัญหาแหล่งน้ำที่คาบเกี่ยวสิทธิเอกชน

ซ่อมวันนี้เพื่อส่งไม้ต่อและยืนระยะความมั่นคงน้ำของเชียงราย

การประชุม 7 พ.ย. 2568 ของเชียงราย ไม่ได้เป็นเพียงการนัดหมายเชิงพิธีการ แต่คือ “จิ๊กซอว์” สำคัญที่ทำให้ภาพใหญ่ตั้งแต่มติ ครม. การจัดลำดับความสำคัญโดยข้อมูลจริง การใช้โมเดลภาคประชาสังคมที่คุ้มค่า และการเตรียมถ่ายโอนภารกิจประกอบเข้าหากันอย่างเป็นระบบ หากปี 2569 เดินตามแผน “สำรวจ 1,881 / ออกแบบ 200 / ซ่อม 250” ได้ครบถ้วน พร้อมการจัดการปมกฎหมายแหล่งน้ำในที่เอกชน เชียงรายจะมี “เครือข่ายแหล่งน้ำขนาดเล็ก” ที่พร้อมใช้งาน กระจายทั่วพื้นที่ และมีเจ้าของ (อปท.–ชุมชน) ดูแลอย่างแท้จริง

แก่นของเรื่อง จึงไม่ใช่เพียง “จำนวนแห่งที่ซ่อม” แต่คือการสร้าง วัฏจักรดูแล (O&M) ที่ยั่งยืนภายใต้ท้องถิ่นซึ่งหมายถึงน้ำที่มั่นคงขึ้น ความเสี่ยงภัยแล้งที่ลดลง และรายได้ที่ยืนระยะของครัวเรือนเชียงรายในวันหน้า

กล่องข้อมูล (Key Numbers)

  • มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 เป้าหมายระดับชาติ สำรวจ 3,029 แห่ง / ซ่อม 750 แห่ง (พ.ศ. 2565–2570)
  • เชียงราย (ประชุม 7 พ.ย. 2568) ขับเคลื่อนปีงบประมาณ 2569 ครอบคลุม อ.เมืองเชียงราย แม่จัน พาน แม่สรวย
  • เป้าหมาย กรมพัฒนาที่ดิน (ปี 2569) สำรวจชี้เป้า 1,881 / ออกแบบ 200 / ซ่อมร่วม อปท. 250 แห่ง
  • ความคืบหน้า ข้อมูลพื้นที่ (ปี 2567–2568) สำรวจ–ปรับปรุงแล้วกว่า 60%
  • อุปสรรคหลัก แหล่งน้ำในที่ดินเอกชน ต้องจัดการสิทธิให้ชัดเพื่อซ่อม–ถ่ายโอน

หมายเหตุเชิงนโยบาย (สำหรับผู้กำหนดนโยบายในพื้นที่)

  1. เร่งตั้งคณะทำงานกฎหมายเฉพาะกิจ จัดทำ “แม่แบบภาระจำยอม” สำหรับแหล่งน้ำชุมชน และลิสต์แหล่งน้ำที่ต้องดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน
  2. ผูกข้อมูล “ทะเบียนทรัพย์สิน–สถานะสิทธิที่ดิน แบบ งบ กำหนดส่งมอบ” ไว้ในแดชบอร์ดกลางของจังหวัด เพื่อการติดตามโปร่งใส
  3. ใช้โมเดล “ร่วมแรง–ร่วมงบ” ระหว่างรัฐ ปิดทองหลังพระฯ ชุมชน เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความรู้สึกเป็นเจ้าของ และทำให้ O&M หลังซ่อมมีเจ้าภาพชัดเจน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) / กรมพัฒนาที่ดิน (พด.)
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ
  • จังหวัดเชียงราย / ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) / กระทรวงมหาดไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News