
Medical Tourism โอกาสทองของไทย สู่ “จุดหมายสุขภาพ” ระดับโลก—เชียงรายพร้อมหรือยัง?
เชียงราย, 22 กันยายน 2568 — ห้องประชุมของโรงแรมทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท ค่อย ๆ เงียบลงเมื่อพิธีเปิดเวิร์กช็อปเริ่มต้นขึ้น “ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC – Creative LANNA) ต้องจับมือกันแน่นขึ้น—จากเชียงรายถึงเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง” นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเปิด โดยมี นายนิพนธ์ นิยม หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย และตัวแทนราชการ-เอกชน-ประชาสังคม 4 จังหวัดเข้าร่วมกว่า 200 คน วาระสำคัญบนโต๊ะ จะเปลี่ยน “ศักยภาพ” ของภาคเหนือให้เป็น “มูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์” อย่างยั่งยืนได้อย่างไร—โดยหนึ่งในสี่อุตสาหกรรมเป้าหมายคือ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งเชื่อมตรงสู่ Medical Tourism ในระดับประเทศ
ไทย—จากจุดหมายท่องเที่ยวสู่จุดหมายสุขภาพ
สองทศวรรษหลังเปิดยุทธศาสตร์ “Medical Hub” ประเทศไทยเดินเกมต่อเนื่อง—ยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลเอกชน, ขยายบริการเฉพาะทาง, รับรองคุณภาพสากล, เสริมโครงสร้างสนามบิน–วีซ่า–บริการล่าม–รถรับส่ง—จน “การรักษา + การพักผ่อน + การพักฟื้น” หลอมรวมเป็นประสบการณ์เดียว จุดเด่นของไทยยังเหมือนเดิมแต่คมขึ้น: คุณภาพการรักษา, ราคาคุ้มค่า, บริการมืออาชีพและเป็นมิตร ขณะที่ตลาดโลกเปลี่ยนเร็ว ผู้ป่วยต่างชาติไม่ได้มองหาการผ่าตัดอย่างเดียว แต่ยังสนใจ ศัลยกรรมความงาม–ชะลอวัย, ทันตกรรม, IVF, หัวใจ–กระดูก–สันหลัง, ไปจนถึง แพทย์ฟื้นฟู/เวชศาสตร์ชะลอวัย และ wellness แบบองค์รวม
แม้ตัวเลขมูลค่าตลาดจากแต่ละสำนักวิจัยต่างกัน (เพราะคำนิยามคนละชุด—Medical vs Health/Wellness) แต่ “ทิศทาง” สอดคล้องกัน เติบโตเร็ว, ตัวยืนใหม่เพิ่ม, ผู้ป่วยพักนาน–ใช้จ่ายนอกการแพทย์สูง, และ อาเซียน–ตะวันออกกลาง–ออสเตรเลีย–จีนตอนใต้ เป็นฐานลูกค้าหลัก หากมองทั้งห่วงโซ่ คุณค่าทางเศรษฐกิจไม่ได้อยู่แค่ “ค่ารักษา” แต่อยู่ใน ที่พัก–อาหาร–เดินทาง–ผู้ติดตาม–แพ็กเกจพักฟื้น–สปาทางการแพทย์ ซึ่งทำให้ “เมืองปลายทาง” เป็นผู้เล่นตัวจริง ไม่ต่างกับโรงพยาบาล
NEC–Creative LANNA เวทีที่เชียงรายต้องคว้า
นายนิพนธ์ นิยม อธิบายทิศทางการขับเคลื่อน NEC หลังมติ ครม. ที่วางโครงมาจากปี 2565–2566 เป้าประสงค์ 5 ด้านเพื่อกระจายความเจริญ ลดเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพชีวิต แข่งขันข้ามพรมแดน และเชื่อมโลก ผ่าน 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย—อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (เช่น Movie Town), ดิจิทัล (Data Center/Cloud/คอนเทนต์), ท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, และ เกษตร–อาหาร (อินทรีย์/สารสกัด/นิคมอาหาร)
สำหรับ Medical/Wellness Tourism จุดแข็งของเชียงรายโดดเด่น
- ทำเลชายแดน เชื่อมเมียนมา–ลาว–จีนตอนใต้ (R3A) มีด่าน–ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน–ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งเชียงของ
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง รองรับเที่ยวบินภายในประเทศและศักยภาพเชื่อมเมืองหลักภูมิภาค
- สินทรัพย์ท่องเที่ยว ธรรมชาติ–วัฒนธรรม–ชุมชน–กาแฟ–ชา–งานหัตถกรรม
- ภูมิปัญญาสุขภาวะล้านนา สมุนไพร–นวดไทย–สปา–อาหารพื้นถิ่นสายสุขภาพ—ต่อยอดเป็น Wellness Retreat/Detox/Recovery Stay ได้ทันที
แต่ในสนาม Medical Tourism ความพร้อมต้องไปไกลกว่า “บรรยากาศดี–บริการดี”—เชียงรายจำเป็นต้อง “ปิดช่องว่าง” ต่อไปนี้ให้เร็วและพร้อมกัน

สิ่งที่เชียงรายยังขาด และต้องเร่งเติม
1) มาตรฐานสากลฝั่งสถานพยาบาล
เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติอย่างมั่นใจ โรงพยาบาล/คลินิกเฉพาะทางต้องมีมาตรฐานระดับสากล (เช่น JCI หรือเทียบเท่า) ในบริการแกน: ศัลยกรรมความงาม–ทันตกรรม–IVF–กระดูกสันหลัง–หัวใจ–เวชศาสตร์ฟื้นฟู/ชะลอวัย วันนี้ เชียงรายยัง “พึ่งบริการเฉพาะทางระดับสูงจากหัวเมืองใหญ่” อยู่พอสมควร การยกระดับโรงพยาบาลจังหวัด/เอกชน และการดึงดูดพันธมิตรโรงพยาบาลเครือใหญ่จึงเป็น เกมเชิงรุก ที่ต้องทำคู่กัน
2) International Patient Center (IPC) แบบครบวงจร
ผู้ป่วยต่างชาติต้องการ “ผู้ช่วยส่วนตัว” ตั้งแต่ก่อนบินจนจบการติดตามผล: นัดหมายแพทย์, ประเมินความเหมาะสมเบื้องต้นทางเทคนิคการแพทย์, second opinion ออนไลน์, รับ–ส่งสนามบิน, ล่าม, อำนวยความสะดวกวีซ่าการแพทย์, ประสานประกันสุขภาพนานาชาติ, จัดที่พัก/อาหารเฉพาะโรค, เวชระเบียนภาษาอังกฤษ, และ digital follow-up หลังกลับประเทศ เชียงรายยังต้องตั้ง/ยกระดับ IPC ในโรงพยาบาลหลัก พร้อมมาตรฐานบริการเดียวกันทั้งเครือข่าย
3) ระบบการเงิน–ประกันต่างประเทศ
การเบิกจ่ายตรงกับ International Insurance/Assistance เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของการตัดสินใจผู้ป่วย (โดยเฉพาะตะวันออกกลาง–ออสเตรเลีย–ยุโรป) เมืองปลายทางต้องมี ทีม Billing นานาชาติ, สัญญาเครือข่ายประกัน, และ DRG/ICD สากลที่แม่น—จุดนี้ยังเป็น gap ของหลายโรงพยาบาลหัวเมือง
4) บุคลากรภาษา–มาตรฐานเอกสาร
แม้แพทย์เก่ง แต่ถ้า touchpoint อื่น ๆ ภาษาไม่พร้อม—ประสบการณ์ผู้ป่วยจะสะดุดทันที จึงต้องมี ล่ามการแพทย์ (อังกฤษ–จีน–พม่า–ลาว–อาหรับ), เอกสารสองภาษา, แผงสื่อสารความเสี่ยง–ยินยอมรักษา (informed consent) มาตรฐานเดียวกันทั้งเมือง
5) โครงสร้างรองรับการพักฟื้น (Recovery/Wellness Stay)
นี่คือ “จุดต่าง” ที่เชียงรายสร้างความได้เปรียบได้เร็ว—โรงแรม/รีสอร์ต/โฮมสเตย์คุณภาพ ต้องร่วมกับโรงพยาบาลทำ แพ็กเกจพักฟื้น เฉพาะหัตถการ (อาหาร–กายภาพ–การพยาบาล–รถรับส่ง–แพทย์เยี่ยม–สปาเชิงการแพทย์) โดยมี Care Pathway ชัดเจนและความปลอดภัยเป็นฐาน
6) การตลาดปลายทางแบบ one story, many doors
ต้องมี แบรนด์ร่วม “Chiang Rai Health & Wellness” ที่เล่าเรื่องเดียวกันในหลายประตู: สถานพยาบาล–ผู้ให้บริการท่องเที่ยว–ตัวแทนการแพทย์ในต่างประเทศ–สายการบิน–OTA เพื่อให้ผู้ป่วยค้นเจอ “ข้อเสนอเดียวกัน–คุณภาพเดียวกัน–ราคาโปร่งใส” ไม่ว่าจะเริ่มต้นจากช่องทางใด
7) ธรรมาภิบาล–สมดุลกับระบบสุขภาพท้องถิ่น
การเติบโตของ Medical Tourism ต้องไม่ดึงบุคลากรจากระบบรัฐมากเกินไปจนกระทบประชาชนในพื้นที่ จำเป็นต้องมี โควตา/แรงจูงใจ ที่รักษาสมดุล และ โครงการร่วมผลิต–พัฒนาบุคลากร ระหว่างรัฐ–เอกชน พร้อม แนวทางรับเรื่องร้องเรียน/ชดเชย ที่เป็นธรรมและเข้าถึงได้สำหรับผู้ป่วยต่างชาติและคนไทย
เส้นทางสู่ความพร้อม แผน 3 ระยะที่ “วัดผลได้”
ระยะสั้น 0–12 เดือน “ย้ำหัวใจประสบการณ์ผู้ป่วย”
- ตั้ง Chiang Rai International Patient Desk กลาง (ออนไลน์ + จุดบริการสนามบิน) เชื่อมโรงพยาบาลหลัก/โรงแรมพันธมิตร
- คัด “5 สายผลิตภัณฑ์เรือธง” ที่ทำได้ทันที: ทันตกรรมด่วน, ศัลยกรรมเล็ก–ความงามเฉพาะ, โปรแกรมชะลอวัย/Detox, กายภาพ–เวชศาสตร์ฟื้นฟู, โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน
- Fast track เอกสาร 2 ภาษา, ล่ามการแพทย์, ระบบรับ–ส่ง, จับมือโรงแรมทำ Recovery Packages อย่างน้อย 10 ชุด
- วัดผลด้วย จำนวนเคสต่างชาติ, คะแนนความพึงพอใจ, ค่าใช้จ่ายต่อเคส (ใน-นอกการแพทย์)
ระยะกลาง 12–36 เดือน “ล็อกมาตรฐาน–ขยายบริการเฉพาะทาง”
- พัฒนา/ดึงดูด ศูนย์เฉพาะทาง อย่างน้อย 2 ด้าน (เช่น กระดูกสันหลัง, IVF, เวชศาสตร์ฟื้นฟูชั้นสูง) สู่มาตรฐานสากล
- ทำ สัญญาเครือข่ายประกันนานาชาติ 10–20 ราย, ตั้ง International Billing Unit ร่วม
- สร้าง/ยกระดับ Wellness Campus (สมุนไพร–สปาการแพทย์–กายภาพ) เชื่อมชุมชนท้องถิ่น
- วัดผลด้วย รายได้รวมห่วงโซ่, สัดส่วนเคสประกันนานาชาติ, อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำ
ระยะยาว 36 เดือนขึ้นไป “ศูนย์กลางสุขภาพชายแดนตอนบน”
- เป็นเจ้าภาพ งานประชุม/มหกรรม Health & Wellness ระดับอนุภูมิภาค (GMS/ล้านช้าง-แม่โขง)
- พัฒนา ข้อมูลสุขภาพ–เวชท่องเที่ยว ระดับเมือง (แดชบอร์ดสาธารณะ) เพื่อนโยบายฐานข้อมูล
- ตั้ง กองทุนพัฒนาสุขภาพจังหวัด จากรายได้อุตสาหกรรม เพื่อ “คืนกลับ” สู่ระบบสุขภาพประชาชน—ทำให้การเติบโต “ไม่ทิ้งใคร”
เสียงจากเวทีเชื่อมยุทธศาสตร์ให้ลงดิน
บนเวทีเวิร์กช็อป นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ย้ำว่า “NEC จะสำเร็จได้ ต้อง ‘ทำงานร่วม’ ระหว่างรัฐ–เอกชน–ชุมชน—เชียงรายมีทุนวัฒนธรรมและธรรมชาติพร้อม แต่เราต้องแปลงทุนให้เป็นบริการที่มาตรฐานเดียวกันทั้งเมือง” ขณะที่ นายนิพนธ์ นิยม ชี้เป้า “ห่วงโซ่คุณค่า” ว่า “ปีนี้เราจะเน้นสร้างความร่วมมือเชิงรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในมิติแพทย์แผนปัจจุบัน–แผนไทย–Wellness—และเชื่อมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้คนในพื้นที่ได้ประโยชน์ตรง”
แม้ไม่มี “คำตอบลัด” แต่ฉากหน้าเริ่มชัดเจน: เมืองชายแดนที่ เดินเกมมาตรฐาน–บริการไร้รอยต่อ–แพ็กเกจพักฟื้นที่ปลอดภัย–การตลาดร่วม จะชิงส่วนแบ่งตลาดได้เร็วกว่าคู่แข่ง—และที่สำคัญคือ ทำให้การเติบโตไม่ย้อนศรคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่
ตัวเลขที่ชวนคิดชวนโฟกัส
- รายงานตลาดบางสำนักประเมิน Health/Wellness Tourism ไทย แตะหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตในอัตราสูงมากเมื่อรวมบริการสุขภาวะ ขณะที่รายงานที่จำกัดเฉพาะ Medical Tourism ประเมิน หลักหลายร้อยล้าน–พันล้านดอลลาร์สหรัฐ—สะท้อนความต่างเชิงคำนิยามมากกว่าความคลาดเคลื่อนของข้อเท็จจริง
- สัดส่วน Wellness ในตลาดสุขภาพอาเซียนถูกประเมินว่ามีส่วนแบ่งสูง (หลายฉบับระบุราว 70%+ ของภาพรวมสุขภาพ/การแพทย์รวมกัน) จึงเป็น “ทางด่วน” ที่เชียงรายสามารถขึ้นรถได้เร็ว—หากทำให้ ปลอดภัย–เป็นสากล–เชื่อมแพทย์ปัจจุบัน
- ผู้ป่วยต่างชาติ non-medical spend (ที่พัก–อาหาร–เดินทาง–ผู้ติดตาม) สูง—หมายถึง “รายได้เมือง” จะเกิดเมื่อเรามี แพ็กเกจพักฟื้น ที่คำตอบครบตั้งแต่รพ.ถึงโรงแรม ไม่ใช่ขาย “ค่าห้องผ่าตัด” เพียงอย่างเดียว
เชียงราย—จากคำถาม “พร้อมหรือยัง” สู่ “พร้อมอย่างไร”
คำตอบสั้น ๆ คือ พร้อมบางส่วน แต่ยังต้องเร่ง “เชื่อมจุด” จุดแข็งของเชียงราย—ทำเลชายแดน, สนามบิน, ทุนวัฒนธรรมและธรรมชาติ, ภูมิปัญญาสุขภาวะล้านนา—คือฐานที่ดีมาก เมื่อประกอบเข้ากับกรอบ NEC–Creative LANNA เมืองสามารถ “ยกระดับ” เป็น จุดหมายสุขภาพชายแดนตอนบน ได้จริง หากลงมือ 4 เรื่องใหญ่ พร้อมกัน:
- มาตรฐานสากล–ศูนย์เฉพาะทาง (เลือกไม่กี่เรือธงแล้วทำให้ชนะจริง),
- International Patient Center + ประกันนานาชาติ (ทำให้การเดินทางรักษาไร้รอยต่อ),
- แพ็กเกจพักฟื้นเชื่อมชุมชนอย่างปลอดภัย (เปลี่ยนโรงแรม–รีสอร์ตให้เป็น Recovery Partner), และ
- ธรรมาภิบาล–คืนกำไรสู่ระบบสุขภาพประชาชน (ให้คนเชียงรายได้ประโยชน์จากการเติบโต)
บนถนนสาย Medical Tourism เมืองที่ “เล่าเรื่องเดียวกัน—ให้บริการมาตรฐานเดียวกัน—คิดภาพรวมทั้งห่วงโซ่” จะไปได้เร็วและไกลกว่า คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า พร้อมหรือยัง แต่คือ พร้อมอย่างไร ให้ ได้มาตรฐาน และ ได้ส่วนแบ่ง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคเหนือ (NEC – Creative LANNA) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (20 ก.ย. 2565; 31 ม.ค. 2566)
- จังหวัดเชียงราย / สำนักงานจังหวัดเชียงราย: เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ NEC (22–24 ก.ย. 2568) คำชี้แจงโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและหัวหน้าสำนักงานจังหวัด
- กระทรวงสาธารณสุข: แผนยุทธศาสตร์ประเทศไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ต่อเนื่องถึงแผน 2017–2026
- Data Bridge Market Research: Thailand Health/Wellness Tourism
- IMARC Group และ Credence Research: Thailand Medical Tourism
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
- สมาพันธ์โรงพยาบาลเอกชนไทย / ข้อมูลการรับรอง Joint Commission International (JCI)