Categories
TOP STORIES

ไทยปราบแก๊งคอลฯ ผนึกกำลัง ทหาร-ตำรวจ ลุยชายแดน

รอง นรม./รมว.กห. หารือร่วมกับนายกฯ เร่งเดินหน้านโยบาย ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

กรุงเทพฯ, 15 กุมภาพันธ์ 2568 – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมหารือกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้นำหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อเร่งเดินหน้านโยบาย ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด ที่ยังคงเป็นภัยต่อประชาชน

การประชุมจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางบูรณาการกำลังพลและทรัพยากรของกองทัพให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

แนวทางปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มาตรการเด็ดขาดของรัฐบาลที่ดำเนินมาแล้ว เช่น การตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง การปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ ได้ส่งผลให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ การพนันผิดกฎหมาย และการหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้คณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนดำเนินการขยายแผนการทำงาน และให้รายงานผลความคืบหน้าภายใน 1 เดือน โดยเน้นการปิดช่องโหว่ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาศัยพื้นที่ชายแดนไทยเป็นฐานปฏิบัติการ

ผลลัพธ์จากมาตรการเชิงรุกของรัฐบาล

จากปฏิบัติการที่เข้มข้นและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง พบว่ามีการปิดสถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการระบุเป้าหมายของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนคัดแยก และส่งตัวกลับประเทศต้นทางโดยได้รับความร่วมมือจากกองกำลังป้องกันชายแดน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ไทยจะไม่เป็นศูนย์อพยพของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม โดยมีแนวทางที่ชัดเจนคือ

  1. ขจัดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากประเทศไทย
  2. ปิดกั้นไม่ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์และยาเสพติด

การสร้างกำแพงชายแดน และความร่วมมือระดับภูมิภาค

ประเด็นที่ได้รับความสนใจในการประชุมคือ แนวคิดการสร้างกำแพงชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปอยเปต ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเป็นฐานปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่ายังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย และต้องมีการศึกษารายละเอียดเชิงลึกก่อน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินความร่วมมือระดับภูมิภาคกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันและปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นระบบ และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ

ความเข้มข้นของมาตรการปราบปรามอาชญากรรม

นายภูมิธรรม เวชยชัย เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยจะไม่ลดระดับความเข้มข้นของมาตรการ แม้จะได้รับสัญญาณจากกองกำลังต่าง ๆ ของประเทศเพื่อนบ้านว่ามีมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในประเทศของตนเองแล้ว โดยยืนยันว่ามาตรการต้องเป็นไปตามเป้าหมายและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

“ปัญหาสำคัญของเราคือ ต้องกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ และจะไม่ให้ใช้พื้นที่ของไทยเป็นแหล่งเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ” นายภูมิธรรมกล่าว

บทสรุป

รัฐบาลไทยกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกในการ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง โดยเน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค พร้อมใช้มาตรการที่เด็ดขาดในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ให้มีที่ยืนในประเทศไทย

การดำเนินการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก และจะเดินหน้ากำจัดภัยคุกคามเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
WORLD PULSE

เมียนมาส่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7,000 คนกลับไทย

เมียนมาพร้อมส่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7,000 คนกลับไทย

ตาก, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – รัฐบาลเมียนมาประกาศเตรียมส่งตัวผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไทยอีก 7,000 คน หลังจากปล่อยตัวเหยื่อชุดแรก 261 คนเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มาตรการของไทยจะประสานกับประเทศปลายทางเพื่อให้สามารถรับตัวผู้เสียหายกลับได้โดยตรง ลดปัญหาการตกค้างในจังหวัดตาก

ไทยเร่งประสานนานาชาติ พร้อมรับเหยื่อกลับบ้าน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทางการไทยได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตจากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ แอฟริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อให้ประเทศเหล่านี้พร้อมรับพลเมืองของตนที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับบ้านอย่างปลอดภัย

จับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากการช่วยเหลือเหยื่อ ทางการไทยยังสามารถจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงนักแสดงชาวจีนให้ไปทำงานผิดกฎหมาย โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

มาตรการซีลชายแดนของไทย ได้ผลจริง

นายภูมิธรรมย้ำว่า มาตรการซีลชายแดนของไทยและการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเมียนมา ได้ช่วยให้ปัญหาการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ ทางการจีนได้ขอบคุณไทยสำหรับมาตรการนี้ ซึ่งส่งผลให้มีการช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกหลอกลวงกลับประเทศได้สำเร็จ

บุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย(ชาย 221 / หญิง 39) จาก 20 สัญชาติ

โดย ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ได้บูรณาการร่วมในการปฏิบัติกับฝ่ายปกครอง อ.พบพระ, สภ.พบพระ, ร้อย.ตชด.346 และ พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตาก (พม.ตาก) ในการรับตัว

ในเวลา 15.45 น.ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ดำเนินการรับตัวบุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย(ชาย 221 / หญิง 39) จาก 20 สัญชาติ โดยทางฝ่ายเมียนมา และ กกล.DKBA ส่งมอบบริเวณท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

จากนั้น ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร นำบุคคลต่างชาติมาร่วมคัดกรองและตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อยืนยันสัญชาติ และจำนวน 20 สัญชาติ ภายในที่ว่าการอำเภอพบพระ ร่วมกับ ตม.จ.ตาก และ พม.จ.ตาก ประกอบด้วย

  1. สัญชาติ ฟิลิปปินส์ จำนวน 16 ราย
  2. สัญชาติ เคนยา จำนวน 23 ราย
  3. สัญชาติ แทนซาเนีย จำนวน 1 ราย
  4. สัญชาติ บราซิล จำนวน 2 ราย
  5. สัญชาติ เอธิโอเปีย จำนวน 138 ราย
  6. สัญชาติ ปากีสถาน จำนวน 12 ราย
  7. สัญชาติ บังกลาเทศ จำนวน 2 ราย
  8. สัญชาติ เนปาล จำนวน 7 ราย
  9. สัญชาติ กัมพูชา จำนวน 1 ราย
  10. สัญชาติ ศรีลังกา จำนวน 1 ราย
  11. สัญชาติ ยูกันดา จำนวน 6 ราย
  12. สัญชาติ ไต้หวัน จำนวน 7 ราย
  13. สัญชาติ ลาว จำนวน 6 ราย
  14. สัญชาติ อินโดนีเซีย จำนวน 8 ราย
  15. สัญชาติ บุรุนดี จำนวน 2 ราย
  16. สัญชาติ ไนจีเรีย จำนวน 1 ราย
  17. สัญชาติ กานา จำนวน 1 ราย
  18. สัญชาติ อินเดีย จำนวน 1 ราย
  19. สัญชาติ มาเลเซีย จำนวน 15 ราย
  20. สัญชาติ จีน จำนวน 10 ราย

แผนรับผู้ถูกหลอกกลับไทย ประสานประเทศปลายทางโดยตรง

รัฐบาลไทยเน้นย้ำว่าจะไม่มีการนำตัวเหยื่อไปพักไว้ที่ไทย แต่จะส่งตัวให้ประเทศต้นทางโดยตรงเพื่อป้องกันปัญหาความแออัดและลดภาระการดูแล

หากประเทศใดมีจำนวนผู้ถูกหลอกมาก สามารถจัดเตรียมเครื่องบินมารับตัวพลเมืองของตนกลับไปพร้อมกันได้ทันที รัฐบาลไทยจะเร่งรายงานความคืบหน้าให้กับนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด

สรุป

การดำเนินมาตรการของรัฐบาลไทยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และลดการค้ามนุษย์ ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศทั่วโลก การซีลชายแดน การประสานงานระดับนานาชาติ และการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มว่านโยบายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงานข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. เหตุใดรัฐบาลเมียนมาจึงส่งตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไทย?
    รัฐบาลเมียนมามีข้อตกลงกับไทยและนานาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกหลอกลวง และส่งตัวกลับประเทศต้นทาง
  2. ไทยมีมาตรการอย่างไรในการช่วยเหลือเหยื่อ?
    ไทยประสานงานกับสถานทูตต่างประเทศ เพื่อให้พลเมืองของแต่ละประเทศสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
  3. หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกจับกุมแล้วหรือไม่?
    ใช่ ทางการไทยจับกุมตัวหัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมด และกำลังดำเนินคดีตามกฎหมาย
  4. ทำไมไทยต้องใช้มาตรการซีลชายแดน?
    เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและการค้ามนุษย์ รวมถึงลดปัญหาการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  5. ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีประเทศใดบ้าง?
    หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และหลายประเทศในยุโรปและลาตินอเมริกา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงกลาโหม 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เอกอัครราชทูตปากีสถานหารือเชียงราย พัฒนาสุขภาวะและแรงงานข้ามชาติ

เอกอัครราชทูตปากีสถานเยือนเชียงราย หารือพัฒนาความสัมพันธ์ด้านแรงงานและการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับนางรุคซานา อัฟซอล (H.E. Ms. Rukhsana Afzaal) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดเชียงราย

การหารือด้านสวัสดิการและการย้ายถิ่นฐานแรงงาน

เอกอัครราชทูตปากีสถานและคณะได้เข้าพบและหารือกับทางจังหวัดเกี่ยวกับประเด็นด้านสวัสดิการ การย้ายถิ่นฐาน และการจ้างงานของชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีแรงงานหลากหลายชาติพันธุ์เข้ามาทำงาน โดยจังหวัดเชียงรายได้รายงานแผนงานการพัฒนาเชียงรายให้เป็น เมืองสุขภาวะ (Wellness City) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม หลังประสบวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา

การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

เอกอัครราชทูตฯ ได้แสดงความกังวลต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งมีแรงงานถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการทำงานในกลุ่ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scammer) และงานที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่ล่อลวงแรงงานด้วยค่าตอบแทนสูง ทางจังหวัดเชียงรายได้รายงานความคืบหน้าในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานแรงงานจังหวัด หน่วยงานปกครอง และตำรวจ เพื่อดำเนินการคัดกรอง ช่วยเหลือ เยียวยา และส่งตัวกลับประเทศ

ความสัมพันธ์ไทย-ปากีสถานในมิติการศึกษาและวัฒนธรรม

นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและปากีสถานในด้านต่าง ๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและวัฒนธรรม มีนักศึกษามุสลิมไทยจำนวนมากที่ไปศึกษาด้านศาสนาในปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญชาวพุทธไทยที่สนใจเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา

ขอบคุณและย้ำความร่วมมือในอนาคต

นางรุคซานา อัฟซอล ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยและจังหวัดเชียงรายที่ให้การสนับสนุนและดำเนินการช่วยเหลือในประเด็นที่เกี่ยวข้องได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมแสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และขอยืนยันความร่วมมือในอนาคต โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองสุขภาวะและการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

ทั้งนี้ การเยือนครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและขยายความร่วมมือในทุกมิติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS NEWS

พม. จัดงาน “KICK OFF ต่อต้านการค้ามนุษย์” TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน

พม. จัดงาน “KICK OFF ต่อต้านการค้ามนุษย์” TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 เวลา 13.30 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดงาน “KICK OFF รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์” ภายใต้แนวคิด TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน โดยมี คณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  พร้อมเครือข่าย เข้าร่วมงาน ณ ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก กรุงเทพมหานคร อีกทั้งผ่านระบบออนไลน์ โดยมีหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการสังกัดกระทรวง พม. เครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน เครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ เข้าร่วม 

        นายอนุกูล  กล่าวว่า “การค้ามนุษย์” เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ ปัจจุบัน พบว่า ขบวนการค้ามนุษย์เปลี่ยนรูปแบบการกระทำผิดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เช่น การค้าประเวณี การหลอกเด็กหญิง เด็กชาย ผู้ชายและผู้หญิงเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร และการหลอกลวงโฆษณาจัดหางาน เพื่อชักชวนคนไทยให้ไปทำงานต่างประเทศ เป็นต้น โดยปี 2565 มีคดีค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 182 คดี คิดเป็นร้อยละ 71 ของคดีค้ามนุษย์ทั้งหมด 253 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีจำนวน  107 คดี คิดเป็นร้อยละ 70.09 ของคดีค้ามนุษย์ ทั้งหมด 188 คดี ทั้งนี้ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย 

      นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงจัดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ ห้องฟีนิกซ์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  สำหรับวันนี้ กระทรวง พม. โดยกองต่อต้านการค้ามนุษย์  ได้จัดงาน KICK OFF วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้แนวคิด TOGETHER WE CAN หยุด ค้ำ คน เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่เด็ก เยาวชน  และประชาชน ในการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์  และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศ และประชาชน เป็นเครือข่ายต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทยที่เข้มแข็งต่อไป 

 

การจัดงานครั้งนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 

1) การเปิดตัวทูตรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นครั้งแรกของประเทศไทย คือ นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ ดารานักแสดง 

2) การปล่อยคาราวานรถตุ๊กตุ๊กรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ 

3) การเสวนาในหัวข้อ “สื่อออนไลน์กับการค้ามนุษย์” 

4) การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน และ 

5) การจัดแสดงบูธนิทรรศการผลงานของภาคีเครือข่าย จำนวน 14 บูธ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม.) 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News