Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งซ่อมแหล่งน้ำเล็ก 250 แห่งปี 69 ก่อนถ่ายโอนภารกิจสู่ อปท. ตามมติ ครม. 2565

เชียงรายเดินหน้าซ่อมแซม “แหล่งน้ำขนาดเล็ก” หนุนนโยบายกระจายอำนาจวางเป้าปี 2569 สำรวจ 1,881 แห่ง ออกแบบ 200 แห่ง ซ่อมจริง 250 แห่ง ชี้กุญแจสู่ความมั่นคงด้านน้ำและคุณภาพชีวิต

เชียงราย, 8 พฤศจิกายน 2568 — จังหวัดเชียงรายขยับเกียร์เดินหน้า “โครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่กำหนดให้หน่วยงานส่วนกลางเร่งสำรวจซ่อมแซมแหล่งน้ำเดิม ก่อนส่งต่อภารกิจให้ อปท. ดูแลอย่างยั่งยืนในระยะยาว

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงรายจัดประชุมกลุ่มอำเภอเพื่อวางแนวทางการดำเนินโครงการปีงบประมาณ 2569 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอเมืองเชียงราย แม่จัน พาน และแม่สรวย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ ร่วมเป็นประธาน พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

จาก “โครงสร้างทรัพย์สินเดิม” สู่ “ทรัพย์สินสาธารณะของท้องถิ่น”

ใจกลางของวาระครั้งนี้คือการปรับสภาพ “แหล่งน้ำเดิม” ของส่วนราชการให้กลับมาใช้งานได้จริงไม่ใช่เพียงซ่อมเพื่อซ่อม แต่ซ่อมเพื่อ “ถ่ายโอน” ตามหลักกระจายอำนาจ และส่งต่อไปยัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อย่างถูกต้องครบถ้วน เมื่อ อปท. รับมอบแล้ว จะสามารถบรรจุภารกิจดูแลบำรุงรักษาไว้ใน แผนพัฒนาท้องถิ่น และตั้งงบประมาณประจำปีได้อย่างมั่นคง

ภาพใหญ่ระดับชาติถูกวางไว้ตั้งแต่ มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 ด้วยกรอบเวลา พ.ศ. 2565–2570 ตั้งเป้า สำรวจ 3,029 แห่ง และ ซ่อมแซม 750 แห่ง ภายใต้หน่วยงานเจ้าของสินทรัพย์เดิม คือ กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมพัฒนาที่ดิน ก่อนเดินเข้าสู่กระบวนการถ่ายโอน โดยมี สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำหน้าที่เชื่อมโยงเข้ากับ แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกันทั้งเชิงพื้นที่และเชิงยุทธศาสตร์

แผนปี 2569 “สำรวจกว้าง ออกแบบแม่น ซ่อมจุดคุ้มค่า”

สำหรับปีงบประมาณ 2569 โครงการในส่วนของ กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) ถูกวางโครงให้เดินอย่างเป็นจังหวะ 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่

  1. การสำรวจชี้เป้า แหล่งน้ำ 1,881 แห่ง เพื่อจัดลำดับความสำคัญอย่างมีหลักฐาน,
  2. การสำรวจออกแบบ ทางวิศวกรรม 200 แห่ง เพื่อเตรียมแบบและงบประมาณอย่างรัดกุม, และ
  3. การซ่อมแซมร่วมกับ อปท. 250 แห่ง เพื่อให้การลงทุนเกิดผลกระทบต่อชุมชนสูงสุด

กลยุทธ์ “สำรวจกว้าง ออกแบบแม่น ซ่อมจุดคุ้มค่า” ช่วยลดความเสี่ยงเชิงวิศวกรรม งบประมาณ และทำให้ ทุกบาทที่ลงไป มีที่มาที่ไปจากข้อมูลจริงของพื้นที่ ขณะเดียวกันยังเพิ่มความพร้อมสำหรับ “ขั้นถ่ายโอน” เพราะแบบ ข้อมูลทะเบียนทรัพย์สิน จะครบถ้วนพร้อมปฏิบัติเมื่อถึงมือ อปท.

ตัวเลขที่บอกความคืบหน้า 60% ของข้อมูลพื้นที่รากฐานสำคัญก่อนลงมือซ่อม

ในช่วง ปี 2567–2568 โครงการสามารถ สำรวจและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่ได้แล้วกว่า 60% ซึ่งเท่ากับ “วางเสาเข็มข้อมูล” ให้พร้อมสำหรับการซ่อมจริงในปี 2569 การมีข้อมูลทันสมัยช่วยให้เลือกแหล่งน้ำที่ คุ้มค่าการซ่อม มากที่สุด (เช่น จำนวนครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์, ศักยภาพการเพิ่มปริมาตรเก็บกัก, ความเชื่อมโยงต่อพื้นที่เกษตร/อุปโภคบริโภค) และช่วยจัดคิวงานให้ “ตรงจุด ตรงเวลา” โดยเฉพาะในกลุ่มอำเภอเมืองเชียงราย แม่จัน พาน แม่สรวย ที่ชุมชนพึ่งพิงแหล่งน้ำขนาดเล็กกระจายอยู่หลายจุด

อุปสรรคที่ต้องฝ่า “แหล่งน้ำในที่ดินเอกชน” และโจทย์กฎหมายที่ซับซ้อน

การประชุมระบุอุปสรรคสำคัญว่า แหล่งน้ำบางส่วนตั้งอยู่ในที่ดินเอกชน ซึ่งทำให้การใช้งบสาธารณะไปซ่อมแซมแล้วถ่ายโอนให้ อปท. ดูแลติดเงื่อนไขทางกฎหมาย จึงจำเป็นต้อง ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ และหา “ทางออกทางกฎหมาย” ที่เหมาะสม อาทิ

  • ภาระจำยอม (Easement) หรือ สิทธิเหนือพื้นดิน เพื่อให้รัฐ/อปท. เข้าถึง บำรุงรักษาได้โดยชอบ,
  • แนวทางคืนสภาพที่สาธารณะ หากมีหลักฐานว่าเป็นสาธารณสมบัติเดิม, หรือ
  • มาตรการอื่นตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
    ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ “น้ำสาธารณะ” อยู่ในกรอบสิทธิที่ชัดเจน ลดข้อพิพาท และที่สำคัญคือ ซ่อมแล้วถ่ายโอนได้จริง

จุดแข็งของเชียงราย ใช้ “ปิดทองหลังพระฯ” เป็นคานงัดเชื่อมรัฐกับฐานราก

หนึ่งในหัวใจสำคัญของโมเดลเชียงรายคือการวางบทบาทให้ มูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ เป็นหน่วยสนับสนุนหลักด้านสำรวจและซ่อมแซมเบื้องต้น และยังทำหน้าที่เป็น หน่วยปฏิบัติหลัก ในการขับเคลื่อนแผนแม่บทน้ำร่วมกับ สทนช. จุดเด่นของโมเดลนี้คือ

  • ยึดโจทย์ชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community-Driven) เริ่มจากความต้องการจริงของประชาชน,
  • ต้นทุนคุ้มค่า จากการ “ร่วมแรงร่วมใจ” ชุมชน และการจัดซื้อวัสดุอย่างประหยัด,
  • เชื่อมเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการบูรณาการพัฒนาอาชีพ ตลาดควบคู่ไปกับการมีน้ำใช้

ผลลัพธ์เชิงประจักษ์จากพื้นที่นำร่องหลายจังหวัดสะท้อนว่า การทำงานรูปแบบนี้สามารถสร้าง ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจต่อการลงทุน (ROI) ที่คุ้มค่า เพิ่ม ปริมาตรเก็บกัก อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ ครัวเรือนหลุดพ้นความยากจน ในระดับที่วัดผลได้ สิ่งเหล่านี้คือ “ทุนความเชื่อมั่น” ที่ทำให้โมเดลเชียงรายมีแรงส่งทางสังคมสูง

เล่าเรื่องผ่านผลลัพธ์ที่ชุมชนสัมผัสได้ “น้ำมากขึ้น เสี่ยงน้ำน้อยลง รายได้ยั่งยืนกว่าเดิม”

หากมองจากมุมบ้าน–นา–ไร่ แหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็กคือ “ประกันภัย” ของครัวเรือนเกษตรรายย่อย การซ่อมฝายหรือสระเก็บน้ำหนึ่งแห่งอาจหมายถึง

  • ฤดูกาลเพาะปลูกที่ไม่สะดุดแม้น้ำฝนแปรปรวน,
  • ต้นทุนสูบน้ำที่ลดลงเพราะอยู่ใกล้แหล่งกักเก็บ,
  • ความมั่นคงด้านการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนและคุณภาพสุขภาวะที่ดีขึ้น

ในบริบทความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ (ฝนทิ้งช่วง–ฝนตกหนักเฉียบพลัน) “แหล่งน้ำเล็กแต่เยอะ” และกระจายทั่วพื้นที่ กลายเป็น โครงข่ายค้ำยัน (Resilience) ของจังหวัด การที่จังหวัดเชียงรายเร่งซ่อมให้ใช้งานได้จริงและเตรียมส่งไม้ต่อให้ อปท. ดูแล จึงเท่ากับสร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชนในเชิงโครงสร้าง

เทียบมิติการเงินสาธารณะ เงินกลาง แผนประจำ ถ่ายโอนทรัพย์สิน เพื่อ “ไม่กลับไปทรุดโทรม”

มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 วางหลักการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นขั้นตอน เฟสต้นปรับแผน ใช้งบปีเดิมของหน่วยงานก่อน หากไม่พอจึงขอ งบกลาง เสริม ต่อเนื่องด้วยการบรรจุเข้ากระบวนการงบประมาณปกติในช่วงปีถัดไป ที่จังหวัดระดับปฏิบัติการ จะเห็นผลเป็น “โครงการซ่อม” ที่มุ่งทำให้ ทรัพย์สินพร้อมถ่ายโอน และเมื่อถ่ายโอนแล้ว อปท. จะบรรจุ ค่าบำรุงรักษา ไว้ในแผนท้องถิ่นนี่คือการปิดจุดอ่อน “ซ่อมแล้วไม่มีใครดูแล” ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ทำงานเชิงกฎหมายคู่ขนานและเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบได้

เพื่อให้เป้าหมาย ซ่อมแซม 250 แห่งในปี 2569 เดินหน้าได้จริง จังหวัดควรตั้งคณะทำงานกฎหมายแบบสหสาขาวิชาชีพ (ที่ดิน–กฎหมายปกครอง–อปท.) ทำ “คู่มือภาระจำยอม” สำหรับแหล่งน้ำชุมชน และเดินหน้าขอความยินยอมเจ้าของที่ดินที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ศักยภาพการเจรจาของภาคประชาสังคม/ปิดทองหลังพระฯ เป็นเครื่องมือหนุน

ขณะเดียวกัน การ เปิดข้อมูลสาธารณะ ตั้งแต่รายชื่อแหล่งน้ำที่จะซ่อม สถานะสิทธิในที่ดิน แบบ งบประมาณ ไปจนถึงกำหนดการส่งมอบ ถ่ายโอน จะช่วยให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้ลดข้อครหา เพิ่มความไว้วางใจ และดึง “แรงร่วมมือ” ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการแก้ปัญหาแหล่งน้ำที่คาบเกี่ยวสิทธิเอกชน

ซ่อมวันนี้เพื่อส่งไม้ต่อและยืนระยะความมั่นคงน้ำของเชียงราย

การประชุม 7 พ.ย. 2568 ของเชียงราย ไม่ได้เป็นเพียงการนัดหมายเชิงพิธีการ แต่คือ “จิ๊กซอว์” สำคัญที่ทำให้ภาพใหญ่ตั้งแต่มติ ครม. การจัดลำดับความสำคัญโดยข้อมูลจริง การใช้โมเดลภาคประชาสังคมที่คุ้มค่า และการเตรียมถ่ายโอนภารกิจประกอบเข้าหากันอย่างเป็นระบบ หากปี 2569 เดินตามแผน “สำรวจ 1,881 / ออกแบบ 200 / ซ่อม 250” ได้ครบถ้วน พร้อมการจัดการปมกฎหมายแหล่งน้ำในที่เอกชน เชียงรายจะมี “เครือข่ายแหล่งน้ำขนาดเล็ก” ที่พร้อมใช้งาน กระจายทั่วพื้นที่ และมีเจ้าของ (อปท.–ชุมชน) ดูแลอย่างแท้จริง

แก่นของเรื่อง จึงไม่ใช่เพียง “จำนวนแห่งที่ซ่อม” แต่คือการสร้าง วัฏจักรดูแล (O&M) ที่ยั่งยืนภายใต้ท้องถิ่นซึ่งหมายถึงน้ำที่มั่นคงขึ้น ความเสี่ยงภัยแล้งที่ลดลง และรายได้ที่ยืนระยะของครัวเรือนเชียงรายในวันหน้า

กล่องข้อมูล (Key Numbers)

  • มติ ครม. 1 พ.ย. 2565 เป้าหมายระดับชาติ สำรวจ 3,029 แห่ง / ซ่อม 750 แห่ง (พ.ศ. 2565–2570)
  • เชียงราย (ประชุม 7 พ.ย. 2568) ขับเคลื่อนปีงบประมาณ 2569 ครอบคลุม อ.เมืองเชียงราย แม่จัน พาน แม่สรวย
  • เป้าหมาย กรมพัฒนาที่ดิน (ปี 2569) สำรวจชี้เป้า 1,881 / ออกแบบ 200 / ซ่อมร่วม อปท. 250 แห่ง
  • ความคืบหน้า ข้อมูลพื้นที่ (ปี 2567–2568) สำรวจ–ปรับปรุงแล้วกว่า 60%
  • อุปสรรคหลัก แหล่งน้ำในที่ดินเอกชน ต้องจัดการสิทธิให้ชัดเพื่อซ่อม–ถ่ายโอน

หมายเหตุเชิงนโยบาย (สำหรับผู้กำหนดนโยบายในพื้นที่)

  1. เร่งตั้งคณะทำงานกฎหมายเฉพาะกิจ จัดทำ “แม่แบบภาระจำยอม” สำหรับแหล่งน้ำชุมชน และลิสต์แหล่งน้ำที่ต้องดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน
  2. ผูกข้อมูล “ทะเบียนทรัพย์สิน–สถานะสิทธิที่ดิน แบบ งบ กำหนดส่งมอบ” ไว้ในแดชบอร์ดกลางของจังหวัด เพื่อการติดตามโปร่งใส
  3. ใช้โมเดล “ร่วมแรง–ร่วมงบ” ระหว่างรัฐ ปิดทองหลังพระฯ ชุมชน เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความรู้สึกเป็นเจ้าของ และทำให้ O&M หลังซ่อมมีเจ้าภาพชัดเจน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) / กรมพัฒนาที่ดิน (พด.)
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวทางพระราชดำริ
  • จังหวัดเชียงราย / ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) / กระทรวงมหาดไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายเปิดงบกระตุ้น อปท.ไร้บทบาท งบกระจุกหน่วยงานกลาง ชายแดนโดดเด่น

เปิดแกะไส้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้าน จ.เชียงราย “กรมทางหลวง” คว้าแชมป์ อปท.ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – ในขณะที่รัฐบาลเร่งปั่นเศรษฐกิจด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาล 157,000 ล้านบาท ภาพที่ปรากฏในจังหวัดเชียงรายกลับสะท้อนความเหลื่อมล้ำที่น่าตั้งคำถาม เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดกลับไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว ขณะที่หน่วยงานราชการส่วนกลางแบ่งปันงบประมาณกันหมด

เปิดตัวเลขสะเทือน งบ 1.87 พันล้าน แบ่งไป 10 หน่วยงาน

จากการวิเคราะห์เชิงลึกของทางเชียงรายนิวส์ พบว่าจังหวัดเชียงรายได้รับจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกทั้งสิ้น 1,876,111,500 บาท จาก 191 โครงการ โดยมี “กรมทางหลวง” เป็นตัวจริงคว้าสิงโตงวดไปถึง 713,901,000 บาท จาก 82 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนถึง 38% ของงบประมาณทั้งหมด

รองลงมาคือ “กรมทรัพยากรน้ำ” ที่ได้ 327,525,800 บาท จากเพียง 2 โครงการ แต่ละโครงการมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละกว่า 163 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในรายการ ตามด้วย “กรมชลประทาน” 255 ล้านบาท, “กรมทางหลวงชนบท” 175 ล้านบาท และ “กองทัพบก” 154 ล้านบาท ตามลำดับ

อำเภอเมืองเชียงรายยืนหนึ่ง ชายแดนตามติด

เมื่อมองในมิติของพื้นที่ อำเภอเมืองเชียงรายครองตำแหน่งผู้นำด้วยงบประมาณ 243,601,300 บาท จาก 34 โครงการ สะท้อนความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัด ขณะที่อำเภอเวียงชัยติดอันดับสองด้วย 219 ล้านบาท แม้จะมีเพียง 4 โครงการ

น่าสนใจคือ อำเภอชายแดนสำคัญอย่างเชียงแสน เชียงของ และเทิง ได้รับงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยมูลค่า 214, 185 และ 182 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

เจาะลึกโครงการ “มีดีมีเสีย” แบบเดียวกับระดับชาติ

ข้อมูลสำคัญเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ทำให้เห็นภาพรวมของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยระบุว่า “โครงการที่อนุมัติเหมือนใช้งบกลางปกติ ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นโครงการที่ทำอยู่แล้ว หรือถูกหั่นงบจากงบประมาณ 68”

ตัวอย่างเช่น การซ่อมถนนตามวงรอบปกติของทางหลวง การช่วยผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือการเพิ่มเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ตั้งงบไม่พอ ซึ่งล้วนเป็นภารกิจปกติที่ควรจะดำเนินการอยู่แล้ว

โครงการใหม่น่าจับตา แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการใหม่ที่น่าสนใจ เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งที่ได้รับจัดสรร 1,760 ล้านบาท (แม้จะขออนุมัติ 3,100 ล้านบาท) สินเชื่อผู้ประกอบการผ่านประกันสังคมหมื่นล้านบาท และโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD) รวมถึง OTOD AI ช่วยชาติ แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน

สำหรับในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โครงการที่โดดเด่นและน่าจับตา ได้แก่ การปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะตามแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสำคัญหลายแห่ง เช่น เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง เขื่อนประตูน้ำ ระบบสูบน้ำไฟฟ้าในหลายพื้นที่ เช่น แม่สาย เชียงแสน เทิง ซึ่งสอดคล้องกับการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่

ข้อกังวลที่ต้องจับตา

แม้จะมีโครงการที่น่าสนใจ แต่ก็มีข้อกังวลที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มจากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้รับงบประมาณเลย ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและเข้าใจปัญหาพื้นที่ได้ดี

การกระจุกตัวของงบประมาณในบางพื้นที่ เช่น อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับงบมากที่สุด ขณะที่อำเภอห่างไกล เช่น แม่สรวย เวียงแก่น แม่ลาว ได้รับงบน้อย อาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา

ความซ้ำซ้อนของโครงการบางประเภทในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ห้องน้ำสาธารณะหรือระบบส่งน้ำ ซึ่งหากขาดการบูรณาการ อาจใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

ผลกระทบระยะสั้น-ยาว ต่อจังหวัดเชียงราย

ในระยะสั้น โครงการเหล่านี้จะสร้างการจ้างงานโดยตรง โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในพื้นที่ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แรงงานในท้องถิ่น ร้านค้า และซัพพลายเออร์จะได้รับประโยชน์โดยตรง

ในระยะยาว การลงทุนในระบบน้ำและถนนในพื้นที่ชนบทจะเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร การเดินทาง และการเข้าถึงตลาด พื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติบ่อยจะมีระบบรองรับที่ดีขึ้น

การยกระดับแหล่งท่องเที่ยวด้วยการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพสูง

สำหรับบทบาทของพื้นที่ชายแดน การที่อำเภอเชียงของ-เชียงแสนได้รับงบจำนวนมาก สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมสู่ศูนย์เศรษฐกิจ CLMVT Corridor ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจังหวัดในอนาคต

ข้อเสนอแนะต่อการติดตามและพัฒนา

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเสนอแนะว่า ควรมีการเปิดเผยข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของแต่ละโครงการเป็นระยะ เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้ประชาชนสามารถติดตามได้

การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบหรือติดตามผลโครงการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการลงทุนสูง จะช่วยให้โครงการตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้มากขึ้น

การใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายที่เชื่อมโยงกับลาว-จีน ผ่านเชียงแสนและเชียงของ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนในครั้งนี้

นอกจากนี้ ควรพิจารณาการพัฒนา “Smart Chiang Rai” ที่เชื่อมโยงระบบพื้นฐานเข้ากับการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ ถนนอัจฉริยะ หรือระบบติดตามผลแบบออนไลน์

โอกาสทองสู่ความยั่งยืน

การใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้านบาทในจังหวัดเชียงรายครั้งนี้ หากดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส จะเป็น “โอกาสทอง” ในการเร่งพัฒนาจังหวัดให้ยกระดับจาก “เมืองปลายทางท่องเที่ยว” ไปสู่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ” ได้ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดี การมีส่วนร่วมของประชาชน และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง หากขาดองค์ประกอบเหล่านี้ โครงการเหล่านี้อาจกลายเป็นเพียงตัวเลขในกระดาษ โดยไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับประชาชนในพื้นที่ได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนและวิเคราะห์ข้อมูลโดย กันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • เรียบเรียงโดย มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลงบประมาณจาก ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568
  • ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชาติ วงเงิน 157,000 ล้านบาท รอบแรก
  • การวิเคราะห์จากกรมพัฒนาชุมชน กรมทางหลวง กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News