Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัดฝึกโดดร่ม นศท. พัฒนาศักยภาพกำลังพล

หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มทบ.37 ฝึกกระโดดร่มพาราเซล รุ่นที่ 46

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 37 (นฝ.นศท.มทบ.37) ได้จัดการฝึกกระโดดร่มแบบพาราเซล รุ่นที่ 46 สำหรับนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ชั้นปีที่ 4 ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกเชียงราย จำนวน 3 นายเข้าร่วม เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ และขีดความสามารถทางทหาร ณ ค่ายฝึก นศท. เขาชนไก่ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

รายละเอียดการฝึก

 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:00 – 17:00 น.

พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) ได้มอบหมายให้หน่วยฝึกดำเนินการฝึกในหลักสูตรดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ นศท. ได้รับการพัฒนาทักษะทางการทหาร โดยเฉพาะการกระโดดร่มแบบพาราเซล ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจของนักศึกษาก่อนการฝึกภาคสนามจริง

ลำดับการฝึก

1. พิธีทางศาสนาและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เวลา 06:29 น. – จัดพิธีทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้ารับการฝึก โดยมี พล.ต.นิธิ รัตนะวรรธนะ รอง ผอ.กอ.ฝึกฯ (4) เป็นประธานในพิธี

2. การฝึกเบื้องต้น 4 สถานี

  • สถานีที่ 1: ขึ้นร่มและบังคับร่ม

  • สถานีที่ 2: ฝึกลงพื้นระดับ 2 ฟุต

  • สถานีที่ 3: ฝึกลงพื้นระดับ 4 ฟุต

  • สถานีที่ 4: ฝึกลงพื้นจากรอกวิ่ง

3. สถานีโดดหอสูง 34 ฟุต
การฝึกกระโดดจากหอสูง 34 ฟุต เพื่อทดสอบกำลังใจของนักศึกษาวิชาทหาร และช่วยให้ปรับตัวให้คุ้นชินกับความสูงก่อนการฝึกกระโดดร่มจริง

วัตถุประสงค์ของการฝึก

การฝึกกระโดดร่มพาราเซลเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นพัฒนาขีดความสามารถทางร่างกายและจิตใจของ นศท. ให้มีความกล้าหาญ มั่นใจ และสามารถควบคุมร่มชูชีพขณะทำการลงสู่พื้นได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างวินัยและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ นศท. สามารถนำทักษะที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในภารกิจทางทหารต่อไปในอนาคต

บทสรุป

การฝึกกระโดดร่มพาราเซล รุ่นที่ 46 ของ นศท. ชั้นปีที่ 4 ประจำปีการศึกษา 2567 ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนทักษะและขีดความสามารถของนักศึกษาวิชาทหารแล้ว ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและความกล้าหาญของกำลังพลรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการฝึกทหารให้พร้อมปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกหนุนพัฒนาการศึกษา สัมมนาผู้บริหารโรงเรียนในเครือข่าย

เสริมสร้างศักยภาพผู้บริหารโรงเรียนกองทัพบก: มุ่งเน้นการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน

กรุงเทพมหานคร,เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 – พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 และผู้จัดการโรงเรียนในเครือข่ายกองทัพบกอุปถัมภ์ พร้อมด้วย ดร.ธาราทิพย์ วงษ์บรรณะ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชูทิศพายัพ และนางพิกุล ไชยยศ ผู้อำนวยการโรงเรียนในเครือข่ายกองทัพบกอุปถัมภ์ ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาโครงการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพผู้บริหารโรงเรียนสายสามัญที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของกองทัพบก

การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมเลอบัว โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารโรงเรียนให้มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ

พิธีเปิดและการบรรยายพิเศษ

พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาว่า “การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ การเสริมสร้างศักยภาพของผู้บริหารโรงเรียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของสังคม”

นอกจากนี้ ดร.ธาราทิพย์ วงษ์บรรณะ ยังได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในยุคดิจิทัล” โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและการเรียนการสอน

การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ

ในช่วงบ่ายของวันแรก ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้แบ่งกลุ่มเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโรงเรียน เช่น การวางแผนกลยุทธ์ การบริหารงานบุคคล การบริหารงบประมาณ และการพัฒนาหลักสูตร

วันที่สองของการสัมมนา

ในวันที่สองของการสัมมนา ผู้เข้าร่วมได้นำเสนอผลการปฏิบัติงานของกลุ่มและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

ความคาดหวังและผลลัพธ์

ผู้จัดงานคาดหวังว่า ผู้บริหารโรงเรียนที่เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ จะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพัฒนาโรงเรียนของตนเองให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

นางพิกุล ไชยยศ กล่าวว่า “การสัมมนาครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้บริหารโรงเรียนที่จะได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และนำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงการบริหารจัดการโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

การสนับสนุนจากกองทัพบก

กองทัพบกให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษามาโดยตลอด และได้ให้การสนับสนุนโรงเรียนในเครือข่ายกองทัพบกอุปถัมภ์อย่างต่อเนื่อง การจัดสัมมนาในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกในการพัฒนาการศึกษาของชาติ

อนาคตของการศึกษาไทย

การสัมมนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาการศึกษาของไทยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน การเสริมสร้างศักยภาพของผู้บริหารโรงเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้โรงเรียนสามารถผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารช่วยชาวนาตากข้าว สร้างรอยยิ้ม ช่วยเกษตรกรเชียงแสน

ทหารมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเกษตรกรตากข้าว สร้างรอยยิ้มให้ชุมชน

เมื่อวัน 19 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 ได้จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “ช่วยด้วยใจ ลดรายจ่าย สร้างรายได้” โดยร่วมกับประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในการช่วยกันตากข้าว เพื่อบรรเทาภาระของเกษตรกรและส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน

กิจกรรมช่วยเหลือเกษตรกร

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านไร่ โดยมีกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 นำโดย ร้อยตรี ณัฐพล บุญทับ หัวหน้าชุดประสานงานสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ บ้านธารทอง พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสา ร่วมกันช่วยเหลือเกษตรกรในการตากข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน

วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

  • บรรเทาภาระของเกษตรกร: การตากข้าวเป็นกระบวนการที่ต้องใช้แรงงานและเวลามาก การมีกำลังพลจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ จึงเป็นการแบ่งเบาภาระของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี
  • ส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน: การช่วยกันตากข้าวเป็นการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ข้าวพื้นเมือง และส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาหารบริโภคเพียงพอตลอดทั้งปี
  • สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารและประชาชน: กิจกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในพื้นที่
  • ปลูกฝังจิตสำนึกในการช่วยเหลือผู้อื่น: การทำกิจกรรมจิตอาสา ทำให้กำลังพลได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่น และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน

สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกร

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้าน โดยต่างกล่าวขอบคุณกำลังพลทหารที่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระในการตากข้าวแล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกรในการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานทหารและชุมชน ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพ

เสียงสะท้อนจากชุมชน

ชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้สึกขอบคุณกำลังพลทหารที่เข้ามาช่วยเหลือเป็นอย่างมาก โดยกล่าวว่า การมีกำลังพลมาช่วยตากข้าว ทำให้พวกเขาสามารถนำเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ได้มากขึ้น และยังรู้สึกปลอดภัยที่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่รัฐ

ข้อสรุป

กิจกรรม “ช่วยด้วยใจ ลดรายจ่าย สร้างรายได้” ของมณฑลทหารบกที่ 37 เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

มทบ.37 ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 นำโดย พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนชาวเชียงราย ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชดำริในการคิดค้นโครงการฝนหลวงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและช่วยเหลือพสกนิกร

พระราชดำริอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี แห่งการกำเนิดโครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้นวิจัยหาวิธีการทำฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

โครงการฝนหลวง พระราชทาน

โครงการฝนหลวงเป็นโครงการอันเกิดจากพระราชดำริ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนตกตามต้องการ โครงการนี้ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย

ความสำคัญของโครงการฝนหลวง

โครงการฝนหลวงมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตทางการเกษตรและคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ โครงการฝนหลวงยังเป็นตัวอย่างของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวง

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวงนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบสภาพอากาศและการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

บทบาทของมณฑลทหารบกที่ 37

มณฑลทหารบกที่ 37 ได้ให้การสนับสนุนโครงการฝนหลวงมาโดยตลอด โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฝนหลวง เช่น การร่วมปฏิบัติการทำฝนหลวง การให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฝนหลวงแก่ประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การสืบสานพระราชปณิธาน

การจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวงในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฝนหลวง และร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

กองทัพบก จับมือ กรุงไทย เปิดตัวแอปฯ “OOMSUB”

 
“กองทัพบก” ร่วมกับ “ธนาคารกรุงไทย” เปิดตัวแอปพลิเคชัน OOMSUB (ออมทรัพย์) ให้บริการกับกำลังพล สมาชิกกิจการออมทรัพย์ข้าราชการกองทัพบก (อทบ.) กรมสวัสดิการทหารบก ที่จะช่วยบริหารจัดการด้านการเงิน ครบ จบ ง่าย ในแอปฯเดียว ทั้งจัดการข้อมูลสมาชิก ตรวจสอบยอดเงินฝาก เงินกู้ และถอนดอกเบี้ย รวมถึงยื่นขอกู้ ได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา พร้อมฟีเจอร์พิเศษ “คู่คิด” ที่จะช่วยให้สมาชิก คิดคำนวณ ต่อยอดวางแผนด้านการเงิน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับข้าราชการกองทัพบก เตรียมพร้อมชีวิตหลังวัยเกษียณราชการได้อย่างมีความสุข

พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กองทัพบก ได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทยในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินมาช่วยสนับสนุนภารกิจของกองทัพบก และการให้บริการกับกำลังพลมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทย ได้เปิดสาขากองบัญชาการกองทัพบก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกำลังพล และในครั้งนี้ จากนโยบายการปฏิบัติงานการพัฒนาด้านกำลังพล ในการส่งเสริมสวัสดิการและยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการกองทัพบก จึงได้ประสานความร่วมมือกับทางธนาคารกรุงไทย ในการร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน OOMSUB (ออมทรัพย์) แอปฯที่จะช่วยให้กำลังพลซึ่งเป็นสมาชิกกิจการออมทรัพย์ข้าราชการกองทัพบก (อทบ.) สามารถบริหารจัดการเงิน อทบ. ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  ผ่านสมาร์ทโฟนด้วยตัวเอง ได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลของภาครัฐ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่ม รวมถึงข้าราชการกองทัพบก โดยที่ผ่านมาธนาคารได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินมาสนับสนุนบริการแก่กองทัพบกในหลายด้าน ทั้งด้านการบริหารจัดการทางการเงิน บนระบบ Krungthai Corporate Online ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านงบประมาณและการเงินของหน่วยงานในกองทัพบก การพัฒนาบริการในระบบนิเวศที่สำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้ง Smart Hospital กับโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก  และ Smart Academy กับหน่วยงานด้านการศึกษา

ในครั้งนี้ ธนาคารได้ร่วมมือกับกองทัพบก พัฒนาแอปฯ OOMSUB (ออมทรัพย์)  ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการกองทัพบกที่เป็นสมาชิก อทบ. ให้จัดการเงิน อทบ. ได้อย่างมั่นใจ โดยแอปฯ OOMSUB (ออมทรัพย์) ให้บริการอยู่บนระบบคลาวด์ ที่มีความปลอดภัยสูง ด้วยการเข้ารหัสข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงระดับมาตรฐานสากล ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินรวดเร็ว และปลอดภัย บนช่องทางดิจิทัลครบวงจร  

แอปฯ OOMSUB (ออมทรัพย์)  ครอบคลุมการให้บริการ ทั้งการตรวจสอบสถานภาพสมาชิก ตรวจสอบยอดเงิน อทบ. ทั้งเงินฝาก เงินกู้ และดอกเบี้ยสะสม สามารถยื่นเรื่องกู้เงิน และตรวจสอบสถานะการยื่นกู้ ที่ทำได้ง่าย ด้วยตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา แบบออนไลน์ เรียลไทม์ รวมถึงสามารถส่งเงินฝากสะสมเพิ่ม หรือชำระหนี้ก่อนกำหนด ผ่านระบบรับชำระเงินจากทุกธนาคาร นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “คู่คิด”  ที่ช่วยให้สมาชิกวางแผนด้านการเงิน ทั้งด้านการเก็บออมเงินและด้านการกู้เงิน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับข้าราชการกองทัพบก เตรียมพร้อมชีวิต หลังวัยเกษียณราชการได้อย่างมีความสุข สามารถทำธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ

โดยบริการทั้งหมดนี้เป็นการสนับสนุน วิสัยทัศน์และภารกิจด้านดิจิทัลของกองทัพบก เพื่อมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตทางด้านการเงินให้กับข้าราชการกองทัพบกให้ดีขึ้นในทุกวัน เตรียมพร้อมชีวิตหลังวัยเกษียณราชการได้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับภารกิจของธนาคาร ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทยเคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 คัดวงดนตรีบรรเลงไทยเพื่อแผ่นดิน ปีที่ 2 โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์

 

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 เวลา 10.30 น. พ.อ. เกียรติอุดม นาดี รอง เสธ.มทบ.37/รองประธานกรรมการกลุ่มที่ 4 จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย ชป.กร.มทบ.37 และ คณะกรรมการจาก ผู้บังคับหมวดดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 37, ผู้บังคับหมวดดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 34, ผศ.อดิวัชร์ พนาพงศ์ไพศาล ผู้ช่วยคณบดีงานบริการวิชาการแก่สังคม ม.ราชภัฏเชียงราย, นาย พงศธร โพธิแก้ว ครูชำนาญการโรงเรียนพะเยาพิทยาคม, อาจารย์ อัษฎาวุธ พลอยเขียว คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาดนตรีและนาฏศิลป์ ม.พะเยา และ นายโชติวิทย์ ปัญโญ ผอ.โรงเรียนวัดจอเจริญสุขุมวาท อ.เวียงชัย จว.ช.ร. ลงพื้นที่คัดเลือกการประกวดวงดนตรีสากลร่วมสมัย คีตวัฒนศิลป์ บรรเลงไทยเพื่อแผ่นดิน ปีที่ 2 ประจำปี 2566 ครั้งที่ 2 ณ โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ อ.เมืองเชียงราย จว.ช.ร. โดยใช้กรอบแนวทางการให้คะแนนที่กำหนด จาก กรมดุริยางค์ทหารบก ด้วยความเป็นกลาง บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อคัดเลือกตัวแทนในรอบแบ่งกลุ่มจังหวัดเข้าไปแข่งขันในระดับภาคต่อไป

กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การประกวดวงดนตรี, มอบทุนการศึกษา, อุปกรณ์การศึกษา, การเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักชาติ โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา, คณะครู และนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนประมาณ 50 คน ซึ่งโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ ฯ ได้ส่งทีมเข้าประกวด 1 ทีม ประเภทดนตรีสากลร่วมสมัย โดยได้รับความสนใจจาก ผู้บริหารสถานศึกษา,คณะครู และนักเรียนที่เข้าร่วมอย่างมาก

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News