Categories
AROUND CHIANG RAI

เทศมนตรีแม่ยาวนำทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ ที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 15.30 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง เทศมนตรีตำบลแม่ยาว นำทีมบริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เพื่อมอบน้ำดื่มและอาหารให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ตำบลแม่ยาว บ้านแคววัวดำ บ้านลอบือ บ้านจะสอป่า บ้านผาสุข และบ้านห้วยหลุหลวง โดยจัดตั้งจุดรับแจกสิ่งของที่โรงเรียนแม่ยาววิทยา

เหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวเกิดขึ้นจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวจึงต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และการดูแลสุขภาพ เนื่องจากพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ห่างไกลและเข้าถึงได้ยาก

เทศมนตรีตำบลแม่ยาว นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศบาลตำบลแม่ยาวได้ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ในการนำความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุด โดยไม่เพียงแต่มอบน้ำดื่มและอาหารเท่านั้น แต่ยังเน้นให้ความสำคัญกับการให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนได้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ นายอภิรักษ์ยังได้กล่าวว่า การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นภารกิจที่สำคัญหลังน้ำลด โดยเทศบาลตำบลแม่ยาวและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจะร่วมมือกันในการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายให้กลับคืนมาอย่างเร็วที่สุด รวมถึงการจัดเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

ประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่างแสดงความขอบคุณต่อความช่วยเหลือที่ได้รับจากทั้งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดส่งน้ำดื่มและอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตเช่นนี้ หลายคนได้กล่าวว่าความช่วยเหลือนี้ทำให้พวกเขามีกำลังใจที่จะผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไปได้

นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้จัดเตรียมทีมงานช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ อาทิ การตรวจสอบและซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น ถนน ระบบประปา และไฟฟ้า รวมถึงการดูแลด้านสุขอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคที่อาจเกิดขึ้นหลังจากน้ำลดลง

ในอนาคต เทศบาลตำบลแม่ยาวและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมีแผนที่จะพัฒนาโครงการป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความพร้อมให้กับชุมชนในการเผชิญกับเหตุการณ์ธรรมชาติที่ไม่คาดคิด โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน เพื่อให้ได้มาตรการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันในภาวะวิกฤต ซึ่งทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในชุมชนต่างช่วยกันอย่างเต็มที่ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม และการฟื้นฟูหลังน้ำลด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและมีความพร้อมในการเผชิญกับวิกฤตในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS UPDATE

“พัชรวาท” สั่ง ปิดป่า – ยกระดับคุมจุดความร้อน 17 จังหวัดภาคเหนือ

 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบ VDO Conference ติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับ 17 จังหวัดภาคเหนือ สั่งการยกระดับมาตรการที่เข้มงวด ปรับรูปแบบ การจัดกำลังดับไฟป่า “ปิดป่า” ห้ามบุคคลเข้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่สถานการณ์รุนแรง บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการด้วยความ “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ” ประกอบด้วย 6 มาตรการสำคัญ ได้แก่

 

1) ปรับรูปแบบการจัดกำลังดับไฟป่า ด้วยยุทธวิธีผสมผสานทั้งการตรึงพื้นที่ด้วยจุดเฝ้าระวัง โดยให้วอร์รูมบัญชาการชุดปฏิบัติการดับไฟป่าตลอดเวลาที่มีการเข้าพื้นที่
 
2) ติดตามสถานการณ์จุดความร้อน เมื่อพบต้องเร่งเข้าปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์โดยทันที แต่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และงดการใช้อาสาสมัครที่ไม่ได้รับการฝึกปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
 
3) สนับสนุนและบูรณาการทำงานอย่างเต็มที่เป็นหนึ่งเดียว กับศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลาง
 
4) “ปิดป่า” ห้ามมิให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่สถานการณ์รุนแรง บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด ยกระดับการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า
 
5) พื้นที่เกษตร ต้องติดตามเฝ้าระวังประสานงานกับฝ่ายปกครองอย่างใกล้ชิด เพื่อลดและควบคุมไม่ให้เกิดการเผาและหากเกิดต้องควบคุมให้ได้โดยเร็ว
 
6) สื่อสาร แจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างทั่วถึง ทันท่วงทีเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง สร้างความรู้ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม
กระทรวงเกษตรฯ สั่งลุยสยบ PM 2.5 เชียงใหม่ ใช้เทคนิคเด็ด “โปรยน้ำและน้ำแข็งแห้ง”
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอื่นในภาคเหนือ การปฏิบัติการในครั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ได้ใช้ “เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำและโปรยน้ำแข็งแห้งเพื่อเป็นการเจาะช่องบรรยากาศให้สามารถระบายฝุ่นละอองขึ้นต่อไปได้ ” สำหรับผลการปฏิบัติในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 4 – 10 มีนาคม 2567 พบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก บริเวณ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน มีแนวโน้มลดลง
กรมควบคุมโรคแนะ 3 แนวทางคนไทย “รู้-ลด-เลี่ยง” ฝุ่น PM 2.5
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ 3 แนวทางรับมือและป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อให้คนไทยนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับ “ฝุ่น” ที่นับวันก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ได้แก่
 
• รู้ : ตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้งก่อนเดินทางออกจากบ้าน ผ่านการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในแอปพลิเคชัน Air4thai และเพจคนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5 หรือติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข
• ลด : การสร้างมลพิษ ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เช่น จุดธูป เผากระดาษ
ปิ้งย่างที่ทําให้เกิดควัน การเผาใบไม้ เผาขยะ เผาพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น รวมถึงการติดเครื่องยนต์ในบ้านเป็นเวลานาน
• เลี่ยง : หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองสูง การอยู่กลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมนอกอาคารเป็นเวลานานในช่วงที่ฝุ่นละออง PM 2.5 มีปริมาณมากกว่า 26 – 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป โดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองในอากาศ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปลัดฯ จตุพร ลงพื้นที่แม่แจ่ม ติดตามการแก้ไขปัญหาที่อยู่ที่ทำกิน

 

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) มอบหมายให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ติดตามผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกิน และการป้องกันไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แจ่ม พร้อมเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวให้แก่ราษฎรที่ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แจ่ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ท้องที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 11,294 ราย เนื้อที่ 18,529 แปลง จาก นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้กับผู้แทน 6 ตำบล ใน อ.แม่แจ่ม โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อบต. กองแขก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

 

ปลัด ทส. กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ทำกินให้กับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงฯ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหาใน อ.แม่แจ่ม ให้สำเร็จลุล่วง การมอบสมุดประจำตัวผู้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนสามารถพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นต่อไปจากนี้ คือ ปฏิญญาว่าด้วยการบริหารจัดการแม่แจ่มโมเดล ที่จะนำแม่แจ่มไปสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เตือนไทย! เตรียมรับมือเข้าสู่ ‘ฤดูฝุ่น’ กรมควบคุมมลพิษ หนักสุดในช่วง ก.พ. 67

 

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกันประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝุ่น ขอให้ทุกหน่วยงานคุมเข้ม ควบคุมต้นตอแหล่งกำเนิดฝุ่น

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นในวันนี้จะเริ่มรุนแรง ช่วงวันที่ 5 – 12 มกราคมนี้ ซึ่งมีผลมาจากความกดอากาศสูง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ ลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นในปริมาณมาก ขณะที่แหล่งกำเนิดฝุ่นหลักในกทม.นอกจากการจราจรแล้ว การเผาพื้นที่การเกษตรในพื้นที่โล่ง นาข้าว จากภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ลอยตามทิศทางลมมายังกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงต้องเฝ้าระวัง ขอให้ทุกหน่วยงาน ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นในพื้นที่ตนเอง เพราะก่อนปีใหม่พบจุดความร้อนประมาณ 200 จุด แต่หลังปีใหม่พบจุดความร้อนมากกว่า 1,200 จุด

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ บอกด้วยว่า โดยปกติฤดูฝุ่น PM2.5 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่พฤศจิกายน – มีนาคม แต่คาดว่า ฝุ่นจะหนักสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์  

ส่วน น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าในปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางการเกษตรและนาข้าว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศงดการเผา และควบคุมการเผา รวมทั้งมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ควบคุมการเผาผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กระทบพื้นที่ท้ายลม อีกทั้งได้ซักซ้อมกับ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานควบคุมฝุ่นพิษ

คำแนะนำการดูแลและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจาก PM 2.5

1. ให้อยู่ภายในอาคารบ้านเรือน หากไม่จำเป็นอย่าออกนอกบ้าน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง

2. ปิดประตูหน้าต่างป้องกันฝุ่นเข้า หากปิดไม่ได้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำทำเป็นม่านปิดแทน

3. หากต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดจมูกและปาก หรือใส่หน้ากากกรองฝุ่น

4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและทำงานหนัก เมื่ออยู่นอกบ้าน

5. ดื่มน้ำมากๆ และไม่สูบบุหรี่ ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก

6. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศที่มีฝุ่นละออง

7. ไม่เผาขยะ โดยเฉพาะขยะที่เป็นสารพิษ เช่น พลาสติก, ยางรถยนต์ รวมทั้งขยะทั่วไป

8. ลดการใช้รถยนต์ หรือใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้มลพิษจากท่อไอเสีย ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง.

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กรมอุทยานฯ จัดชุดกู้ภัยช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวช่วงฤดูน้ำป่าไหลหลาก

 

วันที่ 18 กันยายน 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับข้อสั่งการจากพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ให้หน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำตก และแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เมื่อเกิดสถานการณ์อุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ให้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

หากเห็นว่ามีความรุนแรงสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ให้ดำเนินการออกประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวในทันที แล้วรายงานสถานการณ์เหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น เบื้องต้นให้มีการประกาศแจ้งเตือน จัดเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัย เพื่อสามารถเข้าระงับยับยั้งเหตุการณ์วิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

นายอรรถพลฯยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ล่าสุดได้รับรายงานจากอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ จ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรง เข้าท่วมอาคารสำนักงาน บ้านพัก กระแสน้ำป่าได้พัดเอารถยนต์ และทรัพย์สินต่างๆของเจ้าหน้าที่ จนได้รับความเสียหายหลายรายการ อุทยานแห่งชาติถ้ำปลาฯ

จึงได้มีการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งยังได้รับรายงานจากหน่วยงานภาคสนามอีกหลายแห่ง เกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนอาคารบ้านเรือนของราษฎรจนได้รับความเสียหาย ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯจะได้นำข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเข้าช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย เพื่อเป็นการเยียวยาในเบื้องต้นร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ต่อไป

อนึ่ง สำหรับอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำตกอันสวยงาม และอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น น้ำตกเหวนรก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก น้ำตกตาดโตน อุทยานแห่งชาติตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ น้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก น้ำตกไพรวัลย์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด จังหวัดพัทลุง น้ำตกโตนงาช้าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา เป็นต้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

“วราวุธ” เชิดชูเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า วัน World Ranger Day 2023


วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก ประจำปี พ.ศ. 2566” World Ranger Day 2023 ซึ่งตรงกับวันที่ 31 กรกฎาคม ของทุกปี ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและการทำงานอันเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในการปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า รวมถึงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ตลอดจนเผยแพร่ผลงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่อยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมี ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คณะผู้บริหารกระทรวงฯ นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ผู้แทน IUCN  มูลนิธิฟรีแลนด์ ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ทั้งจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กว่า 700 คน เข้าร่วมในพิธี


นายวราวุธ กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้พิทักษ์ป่ารวมทั้งสิ้น 26,400 คน แบ่งเป็นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 20,275 คน กรมป่าไม้ จำนวน 5,737 คน และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 388 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความเสียสละ ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทและอุตสาหะ ทำให้ประเทศไทยยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งแลกมาด้วยการอุทิศตนปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ยากลำบากและเสี่ยงภัย อันจะหาผู้ปฏิบัติได้น้อย ถือเป็นการกระทำอันมีเกียรติ ควรค่าแก่การยกย่องเชิดชู ภารกิจของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เป็นงานหนักที่ได้รับค่าตอบแทนไม่สูง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และได้ให้การดูแลช่วยเหลือด้านสวัสดิการและการสนับสนุนยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการปฏิบัติงานให้เป็นระบบ มีมาตรฐาน และลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในการเข้าปะทะกับผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับการป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันจนมีการปรับฐานเงินเดือนค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จาก 9,000 บาท เป็น 11,000 บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้เป็นต้นไป จึงขอเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกนาย ในการพิทักษ์ป่าและรักษาทะเลของประเทศไทยให้คงอยู่เป็นสมบัติของลูกหลานไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป


สำหรับการจัดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก ประจำปี 2566 นอกจากเพื่อประกาศเกียรติคุณและระลึกถึงเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่สละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ยังมีการมอบเกียรติบัตร มอบสิ่งของและเครื่องดำรงชีพจำเป็นในการออกปฏิบัติงานลาดตระเวนรักษาป่า และพิธีกล่าวคำปฏิญาณตนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากทั้ง 3 หน่วยงาน พร้อมกันทั้ง 18 แห่ง ทั่วประเทศ การจัดแสดงนิทรรศการผลงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ด้านการป้องกันรักษาป่า การส่งเสริมการมีส่วนร่วม การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน การจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และยังมีเครือข่ายชุมชนในพื้นที่มรดกโลก “แก่งกระจาน” กว่า 20 ชุมชน มาร่วมออกร้านค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนในงานอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News