Categories
NEWS UPDATE

เตือนภัย มือถือติดแอปเงินกู้เถื่อน ‘จิราพร’ สั่งเร่งแก้ไข

รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ถกด่วน! แนวทางป้องกันแอปเงินกู้เถื่อน ย้ำหน่วยงานต้องช่วยเหลือผู้บริโภคเต็มที่

กรุงเทพฯ, 26 กุมภาพันธ์ 2568 (Reuters) – นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามแนวทางการกำกับดูแลกรณี โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว

หน่วยงานภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาหลังพบผู้บริโภคได้รับผลกระทบ

การประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่

  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
  • กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
  • สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
  • กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)

แอปพลิเคชันเงินกู้ผิดกฎหมายกระทบผู้บริโภคหลายราย

นางสาวจิราพร สินธุไพร เปิดเผยหลังการประชุมว่า มีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน เช่น สินเชื่อความสุข” และ “Fineasy” ซึ่งมีการคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังพบว่ามีการ ติดตั้งแอปพลิเคชันเหล่านี้โดยไม่ได้รับอนุญาตบนโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้บริการ

การประชุมวันนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก โดย สคบ. ได้รับมอบหมายให้เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับผิดชอบดูแลด้านการปล่อยสินเชื่อผิดกฎหมาย” รัฐมนตรีกล่าว

มาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคและแนวทางป้องกันในอนาคต

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ที่ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดกำกับดูแลโดยตรง พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติมดังนี้

  1. การตรวจสอบและบล็อกแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน – กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมมือกับ กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อตรวจสอบและลบแอปพลิเคชันที่ผิดกฎหมาย
  2. การดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการที่ละเมิดกฎหมาย – ปคบ. และ สคบ. จะดำเนินคดีต่อผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อนและผู้เกี่ยวข้อง
  3. การให้ความรู้แก่ประชาชน – หน่วยงานภาครัฐจะเพิ่มมาตรการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยจากแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน

ช่องทางร้องเรียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหาย

ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อนสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่อไปนี้:

  1. ระบบออนไลน์
    • เว็บไซต์ https://complaint.ocpb.go.th
    • แอปพลิเคชัน OCPB Connect
    • Chat Bot พี่ปกป้อง”
  2. สายด่วน สคบ. โทร 1166
  3. เดินทางไปแจ้งเรื่องร้องเรียนด้วยตนเองที่
    • ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ผู้บริโภค (ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารบี ชั้น 1 กรุงเทพฯ)
    • ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดทุกจังหวัด
    • เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนผู้ร้องเรียนกรณีแอปเงินกู้เถื่อนในปี 2567: 7,846 ราย (ที่มา: สคบ.)
  • แอปเงินกู้เถื่อนที่ถูกตรวจสอบและปิดไปในปี 2567: 58 แอปพลิเคชัน (ที่มา: กสทช.)
  • อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของแอปเงินกู้เถื่อนที่พบ: 120 – 300% ต่อปี (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
  • ยอดความเสียหายจากแอปเงินกู้เถื่อนในปี 2567: ประมาณ 650 ล้านบาท (ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
  • จำนวนผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบทางข้อมูลส่วนบุคคลจากแอปเงินกู้เถื่อน: มากกว่า 20,000 ราย (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)

หน่วยงานเร่งดำเนินการปกป้องผู้บริโภค

การประชุมครั้งนี้เป็น อีกก้าวสำคัญในการเร่งหามาตรการป้องกันและช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากแอปเงินกู้เถื่อน โดยรัฐบาลเน้นย้ำว่า จะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน และลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงทางการเงินในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TOP STORIES

สว. แถลงโต้! คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. 67 เกมการเมืองหวังล้มรัฐธรรมนูญ

ประธานวุฒิสภา’ นำทีม ‘สว.’ แถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว. 67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ

กรุงเทพฯ, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวด่วนกรณีที่มีกลุ่ม ส.ว.สำรอง ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้รับคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษ โดยแถลงการณ์เกิดขึ้นระหว่างการสัมมนา ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยนายมงคล ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวของ DSI อาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้งเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย

การที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ดูจะเป็นการก้าวก่ายอำนาจของ กกต. ซึ่งดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า การเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 มีความผิดปกติที่ถึงขั้นเป็นคดีพิเศษ” นายมงคลกล่าว พร้อมย้ำว่าสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรม และเป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง

ส.ว.’ ป้องเกียรติคุณ – จวกข้อกล่าวหาว่า “อั้งยี่ ซ่องโจร” เกินเลยข้อเท็จจริง

พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว. และประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ วุฒิสภา กล่าวเสริมว่า การกล่าวหาวุฒิสภาในลักษณะที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่น เช่น การเปรียบเทียบกับอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ “อั้งยี่ ซ่องโจร” เป็นการกล่าวเกินเลยจากข้อเท็จจริงและสร้างความเสียหายแก่สถาบันนิติบัญญัติของประเทศ การกล่าวหาเช่นนี้ มีผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของวุฒิสภา และอาจเข้าข่ายการให้ร้ายโดยไม่มีมูลความจริง” เขากล่าว

พันตำรวจเอกกอบ อัจนากิตติ ส.ว. ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม วุฒิสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า การกล่าวหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. โดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด อาจเข้าข่ายการหมิ่นประมาทและทำให้เกิดความสับสนในสังคม หากมีหลักฐานแน่ชัดขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้วิธีการกล่าวหาโดยไม่มีมูล”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโต้ ยัน DSI มีอำนาจรับเรื่อง – เผยหลักฐาน “โพยฮั้ว” มีจริง

ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังการแถลงข่าวของวุฒิสภาว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน เราไม่มีเจตนาจะกลั่นแกล้ง หรือมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง แต่ในเมื่อมีผู้ร้องเรียน และมีหลักฐานบางอย่างที่ต้องตรวจสอบ เราจึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”

พันตำรวจเอกทวี กล่าวอีกว่า DSI ไม่จำเป็นต้องรอ กกต. เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาว่ากรณีใดเข้าข่ายคดีพิเศษ ขณะนี้มีการรวบรวมหลักฐานหลายส่วน รวมถึงโพยตัวเลขที่ปรากฏชื่อ ส.ว. จำนวน 138 คน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด” เขากล่าว พร้อมเปิดเผยว่า อาจต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และการเลือกตั้งมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อคลายข้อสงสัยว่าทำไมตัวเลขผลการเลือกตั้งจึงเป็นไปตามโพยดังกล่าว

เปิดเอกสารลับ “คดีฮั้วเลือก ส.ว.” – พบขบวนการจัดตั้งผู้สมัครล่วงหน้า

จากเอกสารที่ได้รับการเปิดเผยโดย DSI รายงานว่า มีการวางแผนจัดตั้งขบวนการเลือกตั้ง ส.ว. โดยแบ่งเป็นเครือข่ายที่มีการสมัครเป็นกลุ่มในระดับอำเภอและจังหวัด เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งระดับประเทศ มีการกำหนดค่าตอบแทนให้ผู้สมัครที่เข้าร่วมเครือข่าย ตั้งแต่ 5,000 บาท ในระดับอำเภอ จนถึง 100,000 บาท ในระดับประเทศ” เอกสารระบุ

หลักฐานจากการสืบสวนพบว่า ขบวนการนี้มีการจัดทำ “โพยเลือกตั้ง” ที่กำหนดล่วงหน้าว่าผู้ใดจะต้องเลือกใคร เพื่อให้ผลการลงคะแนนออกมาตามที่ต้องการ ผลการเลือกตั้งในรอบเช้าและรอบไขว้ พบว่าผลคะแนนออกมาตรงกับโพยทุกประการ” DSI รายงาน

เกมการเมือง” หรือ “การตรวจสอบที่จำเป็น”? – อนาคตของวุฒิสภาอยู่บนเส้นทางขั้วตรงข้าม

สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างวุฒิสภาและกระทรวงยุติธรรม โดยฝ่าย ส.ว. มองว่าเป็นเกมการเมืองที่มุ่งเป้าหมายไปสู่การสร้างวิกฤติรัฐธรรมนูญ เพื่อรื้อโครงสร้างใหม่ของวุฒิสภา ในขณะที่ฝ่ายกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าการสอบสวนครั้งนี้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ DSI ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวในช่วงท้ายของการแถลงข่าวว่า หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง พวกเราไม่ขัดขวางการดำเนินการตามกฎหมาย แต่เราขอความเป็นธรรม และขอให้การตรวจสอบนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”

ทั้งนี้ คดีฮั้วเลือก ส.ว. ปี 2567 กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหาก DSI รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่การเลือกตั้งวุฒิสภาถูกตรวจสอบในระดับสูงสุด และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างการเมืองของไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาใบไม้ สร้างควันกระทบจราจรและฝุ่น PM2.5

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาเศษใบไม้และหญ้าแห้ง ฝ่าฝืนกฎหมายกระทบปัญหาฝุ่น PM2.5

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผู้กำกับการ สภ.แม่จัน ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการเผาในที่โล่งซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและการจราจร

จับกุมรายแรก: พบเผาเศษใบไม้ริมทาง

เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจราจร สภ.แม่จัน ออกตรวจตราพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ เขตเทศบาลตำบลสันทราย และพบว่ามีชาวบ้านกำลังก่อไฟเผาเศษใบไม้ข้างทาง ส่งผลให้เกิดควันฟุ้งกระจายและอาจส่งผลต่อการสัญจรของรถยนต์บนถนน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวบุคคลที่กระทำผิด ทราบชื่อภายหลังคือ นายอุดร อายุ 65 ปี ชาวตำบลสันทราย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

หลังจากเจ้าหน้าที่ช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้และทำให้ควันสงบลง จึงได้นำตัว นายอุดร ไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับกุมรายที่สอง: เผาหญ้าแห้งริมถนนสาธารณะ

ในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.นิติการณ์ แก้วรากมุก สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.แม่จัน พร้อมด้วย ร.ต.ท.สมศักดิ์ ทรายหมอ และเจ้าหน้าที่สายตรวจ ได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อไปถึงบริเวณ ริมถนนสายแม่จัน-แม่อาย หมู่ 8 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มควันจากการเผาหญ้าแห้งลอยขึ้นจากข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและพบ นายวิชัย อายุ 63 ปี อยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ

เมื่อตรวจสอบและสอบถาม นายวิชัย ได้ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือเผาหญ้าแห้งเอง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข้อกล่าวหาและมาตรการทางกฎหมาย

ผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกตั้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฐาน เผาหรือกระทำการใดๆ ภายในระยะ 500 เมตรจากทางเดินรถ ซึ่งก่อให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใดในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการจราจร” โดยเป็นไปตามมาตรการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของ ตำรวจภูธรภาค 5

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.พินัย พ.ศ.2565 โดยมีบทลงโทษเป็นการชำระค่าปรับ

ตำรวจเชียงรายเน้นย้ำเข้มงวด ห้ามเผาเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้ตำรวจในสังกัดเข้มงวดตรวจตราและป้องกันการเผาในที่โล่งทุกพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละสถานีตำรวจ เนื่องจากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ประชาชนในพื้นที่เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงจึงควร หลีกเลี่ยงการเผาในที่โล่ง และหันมาใช้วิธีการกำจัดขยะหรือเศษพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน เช่น การหมักปุ๋ยหรือการกำจัดผ่านกระบวนการอื่นที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออากาศ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการห้ามเผาในที่โล่ง

  1. การเผาเศษพืชในที่โล่งมีความผิดหรือไม่?
    ใช่ การเผาในที่โล่งโดยไม่มีมาตรการควบคุมอาจผิดกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
  2. โทษของการเผาขยะหรือใบไม้ข้างทางคืออะไร?
    ผู้กระทำผิดอาจถูกปรับตามกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และข้อบังคับของแต่ละจังหวัด
  3. มีวิธีใดที่สามารถกำจัดเศษพืชโดยไม่ต้องเผา?
    สามารถใช้วิธีหมักเป็นปุ๋ย ทำปุ๋ยอินทรีย์ หรือใช้เครื่องกำจัดขยะชีวภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  4. การเผาหญ้าแห้งหรือขยะกระทบต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
    การเผาทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง
  5. หากพบเห็นการเผาในที่โล่ง ควรแจ้งหน่วยงานใด?
    สามารถแจ้งตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วนสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เวทีถกแนวทางรัฐธรรมนูญใหม่ เชียงรายเปิดรับเสียงประชาชน

ที่ประชุมวุฒิสภาจัดเวทีฟังเสียงประชาชน ทบทวนรัฐธรรมนูญใหม่

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ที่สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดย นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด รองประธานคณะกรรมาธิการ และ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง เลขานุการคณะกรรมาธิการ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนและนักวิชาการในพื้นที่เกี่ยวกับการออกแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และการทบทวนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

ประเด็นสำคัญในเวที

การประชุมเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสะท้อนปัญหาในพื้นที่ อาทิ

  1. สิทธิที่ดินทำกิน – ปัญหาการพิสูจน์สิทธิที่ล่าช้าและไม่มีส่วนร่วมจากประชาชน
  2. การศึกษา – การขาดการสนับสนุนเด็กไร้สถานะ (เด็ก G) และการศึกษาเรื่องภัยพิบัติ
  3. สิ่งแวดล้อม – ปัญหาฝุ่นควัน อุทกภัย และการประสานงานที่ล่าช้า

ข้อเสนอการออกแบบ สสร.

รศ. ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม กรรมการสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเสนอว่า คุณสมบัติของ สสร. ควรครอบคลุมทั้งเพศ ชาติพันธุ์ และเยาวชน โดยกระบวนการคัดเลือกควรผสมผสานระหว่างการเลือกตั้งและแต่งตั้งเพื่อความหลากหลายและความเชี่ยวชาญ

การระดมความเห็น

ในช่วงบ่าย มีการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกและคุณสมบัติของ สสร. ผู้ร่วมประชุมเสนอให้ สสร. มาจากการเลือกตั้ง 70% และแต่งตั้ง 30% พร้อมให้มีตัวแทนจากกลุ่มเปราะบางและชาติพันธุ์ รวมถึงการกำหนดลักษณะต้องห้าม เช่น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตหรือการรัฐประหาร

ข้อสรุป

การออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ควรมุ่งเน้นความโปร่งใส มีกรอบบทบัญญัติที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความยั่งยืนและตอบสนองต่อปัญหาสังคมในทุกมิติ

บทบาทของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

รศ. ดร.ชูเกียรติ ชี้ว่า มหาวิทยาลัยพร้อมสนับสนุนการให้ความรู้และถ่ายทอดบทเรียนรัฐธรรมนูญผ่านสถานศึกษา องค์กรท้องถิ่น และกลไกการเมือง เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่

การประชุมในครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ และความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญที่ตอบโจทย์ประชาธิปไตยและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง School of Law,MFU

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

AOT เตือนปล่อยโคมเสี่ยงคุก เตือนอันตรายถึงเครื่องบิน

AOT เตือนอันตรายจากการปล่อยโคมลอยช่วงลอยกระทง อาจกระทบเที่ยวบินและความปลอดภัย

[กรุงเทพฯ 11 พฤศจิกายน 2567] บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ออกมาเตือนประชาชนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบินอย่างรุนแรง ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน พลุ ตะไล บั้งไฟ หรือแม้แต่โดรน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานได้หลายประการ เช่น เครื่องบินสูญเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุ หรือหากโคมเข้าไปในเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังบดบังทัศนวิสัยของนักบินและรบกวนสมาธิในการบิน

อันตรายจากการปล่อยโคมลอย

ดร.กีรติเน้นย้ำว่า การปล่อยโคมลอยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกและปรับสูงสุด หากก่อให้เกิดความเสียหายต่ออากาศยาน อาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต

มาตรการควบคุมการปล่อยโคมลอย

  • เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ: ห้ามปล่อยโคมลอยในเขตพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด
  • พื้นที่อื่นๆ: ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นล่วงหน้า
  • โดรน: ต้องขออนุญาตจากสนามบินหากบินในรัศมี 9 กิโลเมตรจากสนามบิน
  • จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย: กำหนดเวลาและพื้นที่ในการปล่อยโคมลอยอย่างชัดเจน

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ที่นิยมปล่อยโคมลอย โดยในเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศบริเวณใกล้เคียง ทชม.และ ทชร.และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมลอยไม่ว่าช่วงเวลาใด ซึ่งพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน

โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดระยะเวลาในการจุดหรือปล่อย คือ สามารถปล่อยโคมลอย โคมไฟได้ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. และปล่อยโคมควัน (ว่าวฮม) ได้ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. สำหรับจังหวัดเชียงรายสามารถปล่อยโคมลอยได้ในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 21.00-01.00 น. และปล่อยโคมควันได้ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น.

ผลกระทบต่อเที่ยวบิน

เนื่องจากความเสี่ยงจากการปล่อยโคมลอย สายการบินหลายแห่งจึงตัดสินใจยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปล่อยโคมลอยเป็นจำนวนมาก

AOT สนับสนุนประเพณีลอยกระทง

แม้ว่า AOT จะต้องออกมาเตือนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอย แต่ก็ยังคงสนับสนุนการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทย โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในอาคารผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับบรรยากาศของเทศกาลลอยกระทง

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497
  • พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558
  • ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตรจากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ. 2561

สรุป

AOT ขอให้ประชาชนร่วมมือกันงดการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง เพื่อความปลอดภัยในการบินและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากต้องการร่วมสืบสานประเพณีไทย สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในท่าอากาศยานได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News