Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เวทีถกแนวทางรัฐธรรมนูญใหม่ เชียงรายเปิดรับเสียงประชาชน

ที่ประชุมวุฒิสภาจัดเวทีฟังเสียงประชาชน ทบทวนรัฐธรรมนูญใหม่

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ที่สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดย นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด รองประธานคณะกรรมาธิการ และ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง เลขานุการคณะกรรมาธิการ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนและนักวิชาการในพื้นที่เกี่ยวกับการออกแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และการทบทวนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

ประเด็นสำคัญในเวที

การประชุมเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสะท้อนปัญหาในพื้นที่ อาทิ

  1. สิทธิที่ดินทำกิน – ปัญหาการพิสูจน์สิทธิที่ล่าช้าและไม่มีส่วนร่วมจากประชาชน
  2. การศึกษา – การขาดการสนับสนุนเด็กไร้สถานะ (เด็ก G) และการศึกษาเรื่องภัยพิบัติ
  3. สิ่งแวดล้อม – ปัญหาฝุ่นควัน อุทกภัย และการประสานงานที่ล่าช้า

ข้อเสนอการออกแบบ สสร.

รศ. ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม กรรมการสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเสนอว่า คุณสมบัติของ สสร. ควรครอบคลุมทั้งเพศ ชาติพันธุ์ และเยาวชน โดยกระบวนการคัดเลือกควรผสมผสานระหว่างการเลือกตั้งและแต่งตั้งเพื่อความหลากหลายและความเชี่ยวชาญ

การระดมความเห็น

ในช่วงบ่าย มีการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกและคุณสมบัติของ สสร. ผู้ร่วมประชุมเสนอให้ สสร. มาจากการเลือกตั้ง 70% และแต่งตั้ง 30% พร้อมให้มีตัวแทนจากกลุ่มเปราะบางและชาติพันธุ์ รวมถึงการกำหนดลักษณะต้องห้าม เช่น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตหรือการรัฐประหาร

ข้อสรุป

การออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ควรมุ่งเน้นความโปร่งใส มีกรอบบทบัญญัติที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความยั่งยืนและตอบสนองต่อปัญหาสังคมในทุกมิติ

บทบาทของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

รศ. ดร.ชูเกียรติ ชี้ว่า มหาวิทยาลัยพร้อมสนับสนุนการให้ความรู้และถ่ายทอดบทเรียนรัฐธรรมนูญผ่านสถานศึกษา องค์กรท้องถิ่น และกลไกการเมือง เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่

การประชุมในครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ และความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญที่ตอบโจทย์ประชาธิปไตยและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง School of Law,MFU

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายต้อนรับกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ร่วมมือแก้ปัญหายาเสพติด PM 2.5

จังหวัดเชียงรายต้อนรับกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ หารือความร่วมมือหลากมิติ

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นางลิสา เอ.บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ และคณะ เพื่อเยี่ยมคารวะและพบปะหารือข้อราชการที่เกี่ยวข้องในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสังคม

หารือการฟื้นฟูหลังอุทกภัยและส่งเสริมผู้ประกอบการ

หนึ่งในหัวข้อสำคัญคือ การหารือเรื่องสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้รายงานถึงมาตรการฟื้นฟูพื้นที่และการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือจากสหรัฐอเมริกาในด้านการจัดการภัยพิบัติและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นผ่านการจัดเวิร์กช็อปเพื่อเรียนรู้การใช้เครื่องมือ AI เช่น Chat GPT และการใช้ช่องทางออนไลน์อย่าง Amazon เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในเชียงราย

การพัฒนาความร่วมมือทางการศึกษา

กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ได้หารือเรื่องความร่วมมือทางการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะที่สอดคล้องกับตลาดงานยุคใหม่ รวมถึงการสนับสนุนโครงการวิจัยและการเรียนรู้ระหว่างประเทศ

แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 และยาเสพติดตามแนวชายแดน

ประเด็นสำคัญอีกข้อที่ได้หารือกันคือ การจัดการปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 และปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน นายชรินทร์ได้รายงานว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงรายมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยการเสริมศักยภาพบุคลากรและเครื่องมือบริเวณแนวชายแดน พร้อมเน้นย้ำว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่เป็นทางผ่านที่สำคัญไปยังประเทศอื่นๆ ทางด้านสหรัฐอเมริกาได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือผ่านหน่วยงาน DEA ในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าว

พัฒนาเชียงรายสู่เมืองแห่งการท่องเที่ยวและ MICE City

เชียงรายได้รับการเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น ด้วยความเป็นเมืองที่มีพี่น้องชาติพันธุ์กว่า 30 ชาติพันธุ์ และการเป็นจังหวัดชายแดนที่เชื่อมต่อกับเมียนมาและ สปป.ลาว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากลาวสู่จีนและยุโรป นอกจากนี้ เชียงรายยังได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมือง MICE City และศูนย์กลาง Wellness Center เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ความสัมพันธ์กับชาวอเมริกันในเชียงราย

นายชรินทร์ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดเชียงรายกับชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1,100 คน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานต่างประเทศ

การส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน

นางลิสา เอ.บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ได้แสดงความชื่นชมจังหวัดเชียงรายที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาสังคมอย่างเป็นระบบ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและระดับระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ

การเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา และเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายสร้างโมเดลบวร ป้องกันไฟป่าอย่างยั่งยืน

พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช นำเชียงรายสู่ต้นแบบจัดการไฟป่าด้วยพลัง “บวร”

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อพบปะและรับฟังแนวทางการจัดการไฟป่าจาก พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช” พระภิกษุสงฆ์ผู้มุ่งมั่นในการปกป้องป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ โดยใช้แนวทาง “บวร” (บ้าน วัด ราชการ) และศาสตร์พระราชาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน

บวร: บ้าน วัด ราชการ แนวทางแห่งสามัคคี

พระอาจารย์วิบูลย์อธิบายว่า ไฟป่าและหมอกควัน มักเกิดจากการเผาป่าที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายทางธรรมชาติและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แนวทาง “บวร” ได้กลายเป็นต้นแบบในการจัดการปัญหาไฟป่าด้วยความร่วมมือของชุมชน บ้าน วัด และหน่วยงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคีและความเข้าใจร่วมกันในชุมชน

กิจกรรมเพื่อป้องกันไฟป่า

ในแต่ละปี พระอาจารย์วิบูลย์ได้ริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

  1. การปลูกป่า: ส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  2. การทำแนวกันไฟ: ใช้วิธี “ก้างปลา” เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ
  3. การสร้างหอดูไฟ: ช่วยในการตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว
  4. การเกษตรผสมผสาน: สนับสนุนการเกษตรที่ลดการพึ่งพาการเผา

พระอาจารย์ยังเน้นว่าการแก้ไขปัญหาที่สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือที่จริงจังจากทุกภาคส่วน โดยใช้ความสามัคคีเป็นเครื่องมือสำคัญ

หลักศาสตร์พระราชาและสามัคคีในชุมชน

พระอาจารย์วิบูลย์ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่า ทุกปัญหาของสังคมและโลกใบนี้จะแก้ด้วยสามัคคี” มาเป็นแนวทางในการสร้างพลังสามัคคีในชุมชน ทั้งนี้ การบูรณาการระหว่างภาครัฐ ชุมชน และศาสนสถาน ได้ทำให้พื้นที่ดอยอินทรีย์กลายเป็นต้นแบบของการจัดการไฟป่าที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ในปัจจุบัน พื้นที่ดอยอินทรีย์ไม่มีปัญหาไฟป่าหรือหมอกควันรุนแรง เนื่องจากการจัดการที่เป็นระบบและความร่วมมือของทุกฝ่าย พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวว่า แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและคนรุ่นหลัง

“เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยสามัคคี ไม่ใช่เพียงเพื่อเราในวันนี้ แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน” พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวทิ้งท้าย

การยอมรับจากทุกภาคส่วน

แนวทาง “บวร” ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากคณะสงฆ์ ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ โดยจังหวัดเชียงรายวางแผนที่จะขยายผลโครงการนี้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสร้างต้นแบบการจัดการปัญหาไฟป่าที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงพลังของความสามัคคีและการบูรณาการร่วมกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องในระดับชุมชนและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ศิลปะบนนาข้าวเชียงราย สะท้อนความหวังหลังน้ำท่วมใหญ่

งานศิลปะบนนาข้าว เชียงราย สื่อแรงบันดาลใจผ่านมังกร-แมว-หมาจร

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเรื่องราวงานศิลปะบนนาข้าวขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ผลงานสร้างสรรค์โดย ธัญพงศ์ ใจขำ ชาวนาและศิลปินท้องถิ่น ที่เปลี่ยนนาพื้นที่กว่า 12 ไร่ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะสื่อความหมาย โดยใช้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน

มังกร แมว และหมาจรในนาข้าว

ผลงานศิลปะในนาข้าวประกอบด้วยภาพ มังกรสีแดง ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน และภาพ แมวสี่หูห้าตา ซึ่งเป็นตัวแทนของโชคลาภในท้องถิ่น รวมถึงภาพ หมาจรและแมวจร สื่อถึงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน โดยธัญพงศ์ตั้งใจสื่อสารผ่านงานศิลปะว่า “มังกร” เป็นตัวแทนของการนำพาความโชคร้ายให้ผ่านพ้นไป

แรงบันดาลใจจากศิลปะญี่ปุ่นสู่ศิลปะไทย

ธัญพงศ์ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะบนนาข้าวของญี่ปุ่น (Tanbo Art) ซึ่งใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและจีพีเอสวางแผนการปลูกข้าว โดยธัญพงศ์ใช้พันธุ์ข้าวพิเศษ เช่น ข้าวสรรพสี ที่มีถึง 5 เฉดสีมาสร้างสรรค์ภาพต่างๆ ทีมงานเริ่มต้นด้วยการออกแบบและปักหมุดตามจุดที่กำหนด ก่อนปลูกข้าวให้ตรงตามแผน ผลงานดังกล่าวกลายเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักศึกษาที่มาชมความงดงามและความละเอียดอ่อนของศิลปะในพื้นที่นี้

ฟื้นฟูชุมชนผ่านศิลปะ

ธัญพงศ์ตั้งเป้าหมายให้ผลงานนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรในพื้นที่ฟื้นฟูนาที่เสียหายจากน้ำท่วม และกระตุ้นให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของการใช้ศิลปะร่วมกับการเกษตร ผลงานนี้ยังแสดงถึงความหวังและการฟื้นตัวหลังวิกฤต

ศิลปะที่สะท้อนถึงชีวิตและชุมชน

ธัญพงศ์กล่าวว่า “ผลงานนี้ไม่ใช่เพียงศิลปะเพื่อความสวยงาม แต่ยังสะท้อนความผูกพันกับผืนนาและชีวิตในชนบท” เขาเสริมว่าการสร้างงานศิลปะในนาข้าวต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการเกษตรในประเทศไทย

เปิดให้ชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

งานศิลปะในนาข้าวของธัญพงศ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นข้าวพร้อมเก็บเกี่ยว ผลงานนี้ไม่เพียงสะท้อนความงดงามของศิลปะไทย แต่ยังเป็นการส่งต่อเรื่องราวและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในวงกว้าง

งานศิลปะบนนาข้าวของธัญพงศ์ ใจขำ เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการผสมผสานศิลปะกับการเกษตร ที่ไม่เพียงแต่สร้างความงดงาม แต่ยังช่วยฟื้นฟูชุมชนและสร้างความหวังในอนาคต.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายกฯ ตรวจชายแดนเชียงราย คุมเข้มยาเสพติด-ค้ามนุษย์

รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือโขง ย้ำแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์เชิงรุก

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ที่สถานีเรือเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี

ตรวจเยี่ยมและวางแผนแก้ปัญหาชายแดน

ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป รองนายกฯ และคณะได้ขึ้นเรือตรวจการณ์เพื่อสำรวจภูมิประเทศและเยี่ยมชมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กิโลเมตร และสถานีเรือเชียงของที่รับผิดชอบตั้งแต่บ้านหาดบ้ายถึงแก่งผาได รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 34 หมู่บ้านใน 8 ตำบลของ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น รวมระยะทางตามลำน้ำโขงทั้งหมด 96 กิโลเมตร

ผลการปฏิบัติการในรอบ 3 เดือน

ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 หน่วยงาน นรข. สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 56 กิโลกรัม และไอซ์ 135 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงการตรวจยึดของกลางอื่น ๆ เช่น รถยนต์ บุหรี่ต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ 30 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวลาวและจีน

แนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมชายแดน

รองนายกฯ ระบุว่าการปฏิบัติการเชิงรุกจะเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดน โดยมีแผนดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

  1. แนวชายแดน: สนธิกำลังระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารในพื้นที่
  2. พื้นที่ตอนใน: ประสานงานระหว่างตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง โดยตั้งจุดตรวจและชุดปฏิบัติการลงพื้นที่

โครงการดังกล่าวจะเริ่ม Kick Off ในวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และจะประเมินผลทุก 6 เดือน เพื่อสร้างความมั่นคงและลดปัญหายาเสพติดในระยะยาว

เป้าหมายปี 2568

รองนายกฯ ย้ำว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาจะมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก พร้อมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการลดบทบาทของผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากปัญหานี้ในปี 2568

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและยกระดับความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัดพิธีทำบุญและกิจกรรมวันเด็ก 2568 ที่ค่ายเม็งรายฯ

สมาคมแม่บ้านทหารบก ร่วมพิธีทำบุญและจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568 ณ ค่ายเม็งรายมหาราช เชียงราย

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เวลา 08.00 น. ดร. ธาราทิพย์ วงษ์บรรณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 37 ได้นำคณะสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 45 รูป เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568 ณ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์ ภายในค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย

ในงานดังกล่าว นักเรียนและผู้ปกครองต่างนำขนมและน้ำดื่มมาใส่บาตรพระสงฆ์ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข เด็กๆ ต่างยิ้มแย้มแจ่มใสจากการได้ร่วมทำบุญ สร้างบุญกุศล และเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568

เวลา 09.30 น. พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 พร้อมด้วย ดร. ธาราทิพย์ วงษ์บรรณะ และคณะสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ณ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์

กิจกรรมส่งเสริมเด็กและเยาวชน

กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนตระหนักถึงความสำคัญของตนเองในฐานะอนาคตของชาติ รวมถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ภายในงานมีกิจกรรมนันทนาการหลากหลายให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก พร้อมทั้งมีการมอบไอศกรีมเป็นของรางวัล สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

เสริมสร้างความสัมพันธ์และความสุขในชุมชน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งฝ่ายทหาร ครู และผู้ปกครอง ซึ่งร่วมมือกันเพื่อสร้างโอกาสและความสุขให้กับเด็กๆ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมความสุขให้กับเด็กๆ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชนและโรงเรียน โดยย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชนในสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า ประจำปี 2568 ที่บ้านปางขอน จ.เชียงราย

โครงการสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า ประจำปี 2568 ที่บ้านปางขอน จ.เชียงราย

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ณ สนามโรงเรียนจีนบ้านปางขอน ม.7 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า” ประจำปี 2568 ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายวิรัตน์ วงศ์มา แรงงานจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นายยุทธชัย ไอ่ดอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (อบต.ห้วยชมภู) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ร่วมจัดกิจกรรมในครั้งนี้

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและสีสันสดใสจากการแต่งกายในชุดชนเผ่าของผู้ร่วมงาน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนจากหน่วยงานราชการ เอกชน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก

ส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์วัฒนธรรมชนเผ่า

นายยุทธชัย ไอ่ดอ กล่าวว่า กิจกรรมสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่านี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เลือกจัดที่โรงเรียนจีนบ้านปางขอน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนและเยาวชนได้เรียนรู้ถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ ในท้องถิ่น

การจัดงานนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมชนเผ่า รวมถึงนำเสนอวัฒนธรรมเหล่านี้ให้กับนักท่องเที่ยวและสาธารณชนได้รับรู้อย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่หลากหลายเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม

กิจกรรมในงานประกอบด้วยนิทรรศการวิถีชีวิตของชนเผ่า 4 ชนเผ่าหลัก ได้แก่

  • ชนเผ่าอาข่า
  • ชนเผ่าลาหู่
  • ชนเผ่าอิ้วเมี่ยน
  • ชนเผ่าลีซู

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงวัฒนธรรมประจำชนเผ่า เช่น การละเล่นพื้นบ้าน การเต้นรำตามเทศกาลดั้งเดิม และการแสดงที่ปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายยุทธชัย กล่าวเสริมว่า งานนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.ห้วยชมภู รวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งในด้านบุคลากร แรงกาย และแรงใจ

การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วง โดยทุกคนได้ร่วมมือกันเพื่อสืบทอดประเพณีอันทรงคุณค่าให้คงอยู่ต่อไป

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรม

นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมแล้ว งานนี้ยังเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมชนเผ่า ยังช่วยให้จังหวัดเชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ข้อสรุป

กิจกรรม “สืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสืบทอดวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้ยังคงอยู่ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการพัฒนาท้องถิ่นในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กฟก.เชียงราย มอบ 3.4 ล้าน ช่วยเกษตรกรแม่สายพ้นหนี้สิน

  • กฟก.เชียงราย มอบเงิน 3.4 ล้าน ช่วยเกษตรกรแม่สายชำระหนี้ แก้ปัญหาที่ดินค้ำประกัน

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) สาขาจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรในอำเภอแม่สายที่ประสบปัญหาหนี้สิน โดยนายนิยม สุวรรณประภา หัวหน้าสำนักงานกองทุนฯ เป็นผู้มอบเงินจำนวน 3,471,751.89 บาท เพื่อชำระหนี้แทนเกษตรกรจำนวน 2 ราย โดยมีผู้แทนจากสหกรณ์การเกษตรแม่สาย จำกัด และสหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตแม่สาย จำกัด เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย สาขาแม่สาย

รายละเอียดการช่วยเหลือ

1.สหกรณ์การเกษตรแม่สาย จำกัด

  • มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับสหกรณ์ฯ โดยมีผู้แทนรับมอบ
  • ส่งมอบโฉนดที่ดินจำนวน 2 แปลง พื้นที่รวม 9 ไร่ 3 งาน 99 ตารางวา
  • ที่ดินดังกล่าวจะถูกโอนเป็นของกองทุนฯ ตามกฎหมาย

2.สหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตแม่สาย จำกัด

  • มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับสหกรณ์ฯ โดยมีกรรมการและเจ้าหน้าที่สินเชื่อรับมอบ
  • ส่งมอบโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลง พื้นที่รวม 1 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวา
  • ที่ดินดังกล่าวจะถูกโอนเป็นของกองทุนฯ ตามกฎหมา

กระบวนการช่วยเหลือเกษตรกร

เกษตรกรทั้งสองรายได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระคืน 20 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทั้งนี้ เกษตรกรต้องเข้าร่วมกระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพและการแก้ไขปัญหาหนี้สินในระยะยาว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ 053-150156 ในวันและเวลาราชการ

การช่วยเหลือในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกฟก. ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) สาขาจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเดินหน้ารับมือไฟป่า หมอกควัน เตรียมแผนปี 2568 อย่างเข้มข้น

การประชุมแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เชียงรายเตรียมความพร้อมปี 2568

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี 2568 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมจากศูนย์ปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

แผนการรับมือและแนวทางการปฏิบัติ

การประชุมได้แบ่งแผนดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

  1. ช่วงเตรียมความพร้อม (15 พ.ย. 67 – 28 ก.พ. 68): เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ และระบบประสานงาน
  2. ช่วงเผชิญเหตุ (1 มี.ค. 68 – 30 เม.ย. 68): ดำเนินการดับไฟป่าในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร และพื้นที่เมือง
  3. ช่วงฟื้นฟู (1 พ.ค. 68 – 30 ต.ค. 68): ฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและเตรียมป้องกันเหตุซ้ำซาก

พื้นที่เป้าหมายรวมถึงเขตป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกษตรกรรม และเขตเมือง โดยเฉพาะ 7 อำเภอชายแดนที่มีหมอกควันข้ามแดน ซึ่งต้องประสานงานผ่านกลไก TBC และศูนย์สั่งการชายแดนเพื่อป้องกันจุดความร้อน (Hot Spot) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)

รายละเอียดแนวทางการดำเนินงาน

  • การจัดการไฟป่า: มอบหมายให้กรมชลประทานดูแลแหล่งน้ำสำหรับดับไฟ และใช้โดรนเกษตรเพื่อลำเลียงน้ำในพื้นที่เข้าถึงยาก
  • การลดการเผา: ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่สูงและเกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ใช้วิธีการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรอื่นแทนการเผา พร้อมส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ
  • การควบคุมฝุ่นในเมือง: ควบคุมฝุ่นจากชุมชน การก่อสร้าง และยานพาหนะ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง
  • การปฏิบัติการด้านอากาศ: กองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่ เป็นจุดระดมพลอากาศยานและสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง
  • การทำงานแบบ Single Command: ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ควบคุมหลัก โดยทหารและตำรวจเป็นหน่วยสนับสนุน

การจัดตั้งศูนย์อำนวยการภาค 3

กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ณ สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 โดยมอบหมายให้ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ เป็นผู้บัญชาการศูนย์ เพื่อประสานงานและปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือ

ความสำคัญของการประชุม

การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานรับฟังความคิดเห็น ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดไฟป่าซ้ำซาก การปฏิบัติงานในเวลากลางคืนต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด พร้อมสร้างความร่วมมือกับชุมชนเพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน

การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายในการเตรียมรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในปี 2568 เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ที่เกาหลี

ผู้ว่าฯ เชียงรายเยี่ยมครอบครัวน้องเหมย เหยื่อเหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ในเกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะทำงานจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.) ได้เดินทางไปยังบ้านห้วยน้ำขุ่น หมู่ที่ 16 ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจครอบครัวของนางสาวสิริธร จะอื่อ หรือ “น้องเหมย” อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567

เยี่ยมครอบครัวด้วยความห่วงใย

เมื่อเดินทางถึงบ้านของน้องเหมย นายชรินทร์ และคณะได้รับการต้อนรับจากนายดีมา ดำรงชัยวิชิต ผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำขุ่น พร้อมผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันตาและยายของน้องเหมย ได้แก่ นายจะหวัด จะอื่อ อายุ 75 ปี และนางนาโม จะอื่อ อายุ 70 ปี ยังคงอยู่ในอาการเศร้าโศกอย่างหนัก

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัว พร้อมสอบถามความคืบหน้าในการค้นหาและพิสูจน์อัตลักษณ์ศพของน้องเหมยผ่านวิดีโอคอลกับญาติที่อยู่ในเกาหลีใต้ โดยแจ้งว่าศพของน้องเหมยถูกพบแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิสูจน์ตัวตนร่วมกับศพอื่น ๆ อีก 5 ราย

แผนการจัดพิธีศพ

จากการพูดคุยกับครอบครัว ทราบว่ามารดาของน้องเหมยต้องการจัดพิธีศพที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากอาศัยอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม หลังพิธีที่เกาหลีใต้ ครอบครัวมีแผนจะกลับมาทำบุญให้น้องเหมยที่บ้านห้วยน้ำขุ่นอีกครั้ง เพื่อให้ญาติและชุมชนได้ร่วมไว้อาลัย

การช่วยเหลือครอบครัวเบื้องต้น

นอกจากแสดงความเสียใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและคณะยังมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย จำนวน 9,000 บาท รวมถึงเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทจาก พมจ.เชียงราย ที่ได้มอบไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ครอบครัวของน้องเหมยยังมีน้องชายสองคน ซึ่งกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและมัธยมศึกษา ทางจังหวัดเชียงรายวางแผนประสานงานเพื่อขอทุนการศึกษาสำหรับน้องชายของน้องเหมย เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษา

ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต

นายชรินทร์กล่าวว่า หากครอบครัวมีปัญหาหรือความต้องการใด ๆ ที่เกินกว่าความสามารถของหน่วยงานในจังหวัด ทางจังหวัดพร้อมประสานไปยังหน่วยงานระดับสูงหรือรัฐบาล เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

จบด้วยความห่วงใย

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแสดงถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องเหมย แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนครอบครัวผู้ประสบเหตุ เพื่อให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสูญเสียและดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News