Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

พันธุ์ไทย ผนึก สิงห์ปาร์ค เชียงราย ในแคมเปญ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน”

 

พันธุ์ไทย ผนึก สิงห์ปาร์ค เชียงราย บุกตลาดชาหมื่นล้านผ่านแคมเปญ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน” ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ดันยอดขายทะลุเป้า 20%

สององค์กรหัวใจไทย บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด และ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด ร่วมกันเผยความสำเร็จของการรุกตลาดชามูลค่าหมื่นล้านบาท ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากเชียงรายสู่เมืองน่านกับแคมเปญ ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน’ กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังจากเปิดตัวเพียง 1 เดือน สามารถปั้นยอดขายเติบโตกว่า 20% ด้วยงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และสื่อสารไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นขยายฐานตลาดชาพรีเมียม แมส เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่ดื่มกาแฟ พร้อมร่วมกันส่งเสริมชาอัสสัมจาก จ.น่านให้เป็นที่รู้จัก สานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชน สร้างอาชีพให้เกษตรกร ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อมและรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

“ชา” เป็นตลาดที่เติบโตและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากรายงานของ Spherical Insights บริษัทวิจัยด้านการตลาดชื่อดัง เปิดเผยว่า “ตลาดชา” ทั่วโลกในปี 2566 มีมูลค่า 49.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2566 – 2576 ตลาดชาทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.09% ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 98.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2576 ซึ่งในด้านการบริโภคนั้น สถาบันชาและกาแฟ แห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีการประเมินว่าภายในปี 2568 วัฒนธรรมการดื่มชานอกบ้านจะสูงขึ้น 5% และจะมีปริมาณชาเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 พันล้านกิโลกรัมในปีเดียวกัน ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคและมีมูลค่าตลาดสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยในปี 2565 มีมูลค่าตลาดสูงถึง 13,299 ล้านบาท

คุณอนันต์ รัตนมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดชามีการขยายตัวขึ้นทุกปี ทั้งจากเทรนด์รักสุขภาพและกระแสความนิยมของผู้บริโภค พันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสหลังจากประสบความสำเร็จกับแคมเปญ ‘อร่อย เวรี มัทฉะ’ ที่พันธุ์ไทยพัฒนาสูตรชาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตชาตัวจริงอย่าง สิงห์ปาร์ค นำสุดยอดชา มารุเซ็น มัทฉะ พรีเมียม จ.เชียงราย มาพัฒนาเมนูมัทฉะตามแบบฉบับของพันธุ์ไทย ซึ่งได้รับความนิยมจนมีกระแสเรียกร้องให้นำมาบรรจุเป็นเมนูถาวร เราจึงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สู่การเปิดตัว ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน’ ชาดำสายพันธุ์อัสสัมที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นจาก จ.น่าน มีกลิ่นหอมชาคั่วและมีรสชาติเข้มข้นที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การดื่มด่ำชาพรีเมียมในราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟแล้ว ยังสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้บริการร้านพันธุ์ไทยให้เปิดใจทดลองอีกด้วย”

 

คุณพรประภา ชัยโตษะ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า “ชาน่าน หรือ ชาแห่งสายหมอก ชาคุณภาพที่ปลูกในภูมิประเทศที่มีเทือกเขาวางตัวในแนวเหนือใต้ มีสภาพภูมิอากาศเย็นชื้น และมีฝนตกสม่ำเสมอ ดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชาอัสสัมมีคุณลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร คงความเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นและรสชาติของอารยธรรมแห่งชาป่าสืบเนื่องมานานกว่า 100 ปี ชาน่านได้รับการปลูกและดูแลโดยเกษตรกรไทย พิถีพิถันเก็บเพียง 5 ใบแรกของยอดชา เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ส่งตรงถึงโรงงานแปรรูปชาอัสสัมแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดใน จ.น่าน เพื่อรักษาคุณภาพคงความสดใหม่ของใบชาให้มากที่สุด พร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตและแปรรูปที่ทันสมัย ก่อนจะนำมาเบลนด์เป็นสูตรเฉพาะของพันธุ์ไทย และครีเอทเมนูใหม่พร้อมเสิร์ฟความหอมอร่อยถึงมือลูกค้า”

“ความร่วมมือกับพันธุ์ไทยนี้เป็นการดึงจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์ที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจน มาต่อยอด เพิ่มคุณค่าและส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในหลากหลายมิติ นับเป็นการดำเนินงานที่ผสานกันอย่างลงตัว ด้วยอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนด้วยการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย ไปพร้อมๆ กับการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดโครงการส่งเสริมการปลูกชาของชุมชนในพื้นที่ จ.น่าน โดยการให้องค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกชาให้ได้คุณภาพ ส่งผลให้การบุกรุก ตัดไม้ทำลายป่า และการทำไร่เลื่อนลอยมีปริมาณลดลง เนื่องจากการปลูกชาอัสสัมต้องอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ผืนป่า รักษาธรรมชาติ ทำให้ระบบนิเวศกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน” คุณพรประภา กล่าวเสริม

นอกจากนี้ พันธุ์ไทยยังประกาศการรุกตลาดชาอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ “คนพันธุ์TEA ที่พันธุ์ไทย” ผ่านเทคโนโลยี CGI ในรูปแบบ Hyper Realistic VDO ด้วยภาพผู้หญิงไซส์ยักษ์ใหญ่ นั่งจิบชาโชว์ความสดชื่นอยู่บนร้านกาแฟพันธุ์ไทย มีการสื่อสารทั้ง Online ผ่าน Social Media ต่างๆ และ Offline ผ่าน Digital Billboard ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และสร้างการรับรู้ว่าพันธุ์ไทยจริงจังกับการรุกตลาดชาครั้งนี้ อีกทั้งแบรนด์ยังสร้างการรับรู้ผ่าน Influencer และ KOL ทั้ง Mega, Micro และ Nano ทั้งสายกิน สายเที่ยว สายไลฟ์สไตล์ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากสิงห์ ปาร์ค เชียงรายในการร่วมงานกับ คุณเชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดง เซเลบริตี้ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้มีความผูกพันกับเมืองน่าน มาบอกเล่าเรื่องราวของชาน่านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

พันธุ์ไทย ชวนสัมผัสความหอมละมุน ดื่มด่ำรสชาติสุดพรีเมียมกับ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน” ที่พันธุ์ไทยชงสดทุกแก้ว เพื่อดึง Taste Note ที่โดดเด่น แบบ Nutty Tone ซึ่งเป็นกลิ่นหอมเอกลักษณ์ของชาอัสสัมออกมาได้ชัดที่สุด ดื่มแล้วได้ After Taste ที่สะอาด สดชื่น พันธุ์ไทยจึงนำมาสร้างสรรค์หลากหลายความอร่อย สดชื่นถึง 6 เมนู 6 คาแรคเตอร์ พร้อมเสิร์ฟในราคาเริ่มต้นเพียง 45.-

• ชาอัสสัมออริจินอลร้อน (Authentic Assam Tea) 45.- ดื่มด่ำรสชาติสุดคลาสสิค หอมกลิ่นชาคั่ว

• ชาอัสสัมน้ำผึ้งมะนาวร้อน (Harmony Honey Lime Assam Tea) 55.- ชาดำเข้มข้น หวานอมเปรี้ยวด้วย น้ำผึ้ง มะนาว ชุ่มคอ

• ชาอัสสัมเบอร์รี (Berry Bliss Assam Tea) 70.- หวานนิดเปรี้ยวหน่อย อร่อยฉ่ำไปกับเนื้อสตรอว์เบอร์รีและมัลเบอร์รี

• ชาอัสสัมยูซุ (Yuzu Youthful Assam Tea) 70.- รีเฟรชความสดใสด้วยส้มยูซุ หวานซ่อนเปรี้ยว

• ชาอัสสัมพีช (Peach Passion Assam Tea) 70.- สดชื่นไปกับพีช เปรี้ยวอมหวาน หอมละมุน

• ชาอัสสัมบ๊วยมะนาว (Plum-Lime Lush Assam Tea) 70.- ความลงตัวของบ๊วยและมะนาว ครบรส อร่อยลงตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สิงห์ปาร์ค เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘สนามบินแม่ฟ้าหลวง’ รับแผน ‘สุริยะ’ สั่งให้บริการผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ให้สะดวก

 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการประชุมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 รวม 7 วัน ได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มุ่งเป้าหมายให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายได้อย่างสะดวกและปลอดภัยตามนโยบาย “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมการรองรับและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตลอดจนกำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารประชาชนล่วงหน้าเพื่อวางแผนการเดินทาง

 

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบริการทั้งบก ราง น้ำ และอากาศเตรียมการบริการผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยในส่วนของการเดินทางทางอากาศ ได้กำชับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลักของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ให้บริการในท่าอากาศยานในการร่วมกันบริหารจัดการการอำนวยความสะดวกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความรวดเร็วในทุกกระบวนการทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารในทุกขั้นตอน รวมถึงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย และเชื่อมโยงกับการคมนาคมด้านอื่น
อย่างไร้รอยต่อ 
 
 
โดยคาดว่าในช่วงสงกรานต์ 2567 คือ ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานของ AOT ทั้ง 6 แห่ง กว่า 2.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 1.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46.00% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 962,362 คน เพิ่มขึ้น 6.59% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 15,113 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.71% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 8,682 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 32.53% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 6,431 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 0.52% 
 
 
  • โดยที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 1.34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 36.73% และมีเที่ยวบินประมาณ 7,022 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 21.13% 
  • ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 625,530 คน เพิ่มขึ้น 14.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 4,117 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.58% 
  • สำหรับ ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีผู้โดยสารประมาณ 199,563 คน เพิ่มขึ้น 34.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 1,152 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.96% 
  • ด้านท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารประมาณ 41,318 คน เพิ่มขึ้น 16.71% และมีเที่ยวบินประมาณ 281 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 18.07% 
  • และ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตมีผู้โดยสารประมาณ 355,501 คน เพิ่มขึ้น 31.97% และมีเที่ยวบินประมาณ 2,161 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 24.77% 
  • ขณะที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารประมาณ 53,894 คน ลดลง 6.92% และมีเที่ยวบินประมาณ 380 เที่ยวบิน ลดลง 0.52%
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมและ AOT ขอร่วมกันส่งมอบความสุขให้พี่น้องประชาชนในการเดินทางกลับบ้านและการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 โดยได้จัดที่จอดรถยนต์ฟรี ณ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน D ทสภ.ตั้งแต่วันที่ 12 – 16 เมษายน 2567 และที่ ทดม.สามารถจอดรถยนต์ฟรีได้ที่บริเวณระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 สามารถจอดรถยนต์ได้ 250 คัน พร้อมจัดเตรียมรถรับส่งให้บริการระหว่างจุดจอดรถไปยังอาคารผู้โดยสาร นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ AOT เตรียมความพร้อมดำเนินการในทุกมิติ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ 
 
 
โดยให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้บริการผู้โดยสารในท่าอากาศยาน เช่น สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผู้ประกอบการที่ให้บริการภาคพื้น เป็นต้น จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ให้เพียงพอ ประสานบริษัทผู้รับจ้างให้บริการรถเข็นกระเป๋าเตรียมความพร้อมพนักงาน และรถเข็นกระเป๋าให้พร้อมบริการผู้โดยสารตลอดเวลา และให้เพิ่มความถี่ในการจัดเก็บรถเข็นกระเป๋าให้เร็วขึ้น รวมทั้งขอความร่วมมือสายการบินให้เปิดใช้งานเคาน์เตอร์ให้ครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรร นอกจากนี้ ให้จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผู้โดยสารในด้านต่างๆ เช่น แนะนำการใช้เครื่อง CUSS (Common Use Self Service) 
 
 
สำหรับเช็กอินด้วยตนเอง หรือเครื่อง CUBD (Common Use Bag Drop) สำหรับโหลดสัมภาระด้วยตนเอง รวมไปถึงช่วยดูแลเรื่องการจัดแถวของผู้โดยสารทั้งในพื้นที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนด้านระบบคมนาคมขนส่งซึ่งขณะนี้ที่ ทสภ. ทดม. ทชม.และ ทภก.ได้มีการเปิดให้บริการรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grab Application เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และการบริหารจัดการการจราจรเพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในท่าอากาศยาน
 
 
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า AOT พร้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยท่าอากาศยานของ AOT จะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวก และศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและประสานงานด้านการข่าวร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจะจัดพิธีปล่อยแถวการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยและเตรียมความพร้อมต้อนรับผู้โดยสาร ในด้านการรณรงค์ด้านความปลอดภัย AOT ได้จัดให้มีโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย และโครงการท่าอากาศยานสีขาว 
 
 
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาจมีผู้ใช้บริการสนามบินจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ ทดม.ที่อาจมีรถหนาแน่นบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออก AOT จึงได้กำหนดให้รถแท็กซี่สาธารณะทุกคันใช้ช่องทาง PASSENGER DROP LANE พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารบริเวณช่องทาง PASSENGER DROP LANE ประตู 16 และ 17 ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นรถแท็กซี่สาธารณะที่มีผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ หรือต้องการใช้รถวีลแชร์ หรือนำรถวีลแชร์มาด้วยให้ส่งผู้โดยสารที่บริเวณประตูหมายเลข 5 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาออก) อาคาร 1 ทดม.
 
 
ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ขอแนะนำผู้โดยสารที่ต้องการความรวดเร็วในขั้นตอนการเช็กอินและโหลดกระเป๋าสัมภาระใช้บริการเครื่อง CUSS และ CUBD ซึ่งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ต้องรอต่อแถวเช็กอินที่เคาน์เตอร์ และสำหรับในขั้นตอนตรวจค้น ขอแนะนำผู้โดยสารปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การนำของเหลว เจล สเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่อง
ขอความร่วมมือผู้โดยสารตรวจสอบให้บรรจุภัณฑ์มีข้อความระบุปริมาตรที่ชัดเจน และไม่เกิน 100 มิลลิลิตร จำนวนรวมไม่เกิน 10 ชิ้น หากมีบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณของเหลวเกินกำหนดจะต้องนำไปโหลดใต้ท้องเครื่อง และสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ 
 
 
แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือ 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAhไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้าวัตต์ – ชั่วโมง (Wh) หรือระบุขนาดบรรจุของลิเธียม หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยทำให้ขั้นตอนการตรวจค้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 
 
นอกจากนี้ AOT ได้ร่วมส่งเสริมและสืบสานประเพณีสงกรานต์ โดยท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งได้ร่วมกัน
จัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร ได้แก่ ทสภ.จัดซุ้มถ่ายภาพและกิจกรรมสรงน้ำพระในอาคารผู้โดยสารหลัก และ
จัดซุ้มนิทรรศการประวัติความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์ ณ บริเวณชั้น 3 อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite-1: SAT-1) ส่วน ทดม.จัดตั้งซุ้มเทศกาล “Gateway to Wonderful Songkran อัศจรรย์สงกรานต์ ประเพณีไทยมรดกโลก” พร้อมการแสดงขบวนกลองยาว และการฟ้อนรำชุดเริงระบำสงกรานต์ รวมถึงจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ การสาธิตการทำน้ำอบน้ำปรุง และกิจกรรมมอบของที่ระลึกให้กับผู้โดยสาร สำหรับ ทชม.นอกจากจะจัดจุดสรงน้ำพระ และจุด Check-in ถ่ายภาพในบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่เมือง) แล้ว ยังจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกรานต์ให้ผู้โดยสารได้มีส่วนร่วม อาทิ การสาธิตตัดตุงไส้หมู และการสาธิตทำกรวยดอกไม้ เป็นต้น 
 
 
รวมทั้งมีการแจกของที่ระลึก และจัดการแสดงคีตะมวยไทย ด้าน ทชร.จัดซุ้มสรงน้ำพระ กิจกรรมมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสาร พร้อมการแสดงรำไทยจากนักเรียนโรงเรียนป่าสักไก่ ตลอดจนจัดการแสดงดนตรีพื้นเมืองล้านนา เพื่อสร้างความสนุกสนาน ขณะที่ ทภก.จัดกิจกรรมมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสารเช่นกัน และที่ ทหญ.จัดซุ้มสรงน้ำพระ และจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ โดยมีการแสดงเพื่อสร้างบรรยากาศในอาคารผู้โดยสาร
 
 
ดร.กีรติ กล่าวในตอนท้ายว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาจมีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก AOT จึงขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาล่วงหน้า 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน โดยสามารถสอบถามเกี่ยวกับเที่ยวบินและการบริการได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมงท่าอากาศยานเชียงใหม่

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พร้อมเยาวชน นำเครื่องฟอกอากาศ มอบวัดห้วยปลากั้ง

 

เมื่อวันอังคารที่ 2 เมษายน 2567 เวลา 18.30 น.  ณ วัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมศาสนา และวัฒนธรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม นำแกนนำเยาวชน จากศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย  นำเครื่องฟอกอากาศ DIY (กล่องอากาศดี)  มอบให้วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย โดยได้รับเมตตาจาก พระไพศาลประชาทร วิ.  เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง รับมอบ เครื่องฟอกอากาศ DIY ในครั้งนี้

จากวิกฤตสถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5 การเผาป่า ฝุ่นควันข้ามแดนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงรายพบว่าเกิดการเผาป่าในพื้นที่น้อยมาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กำหนดยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนนวัตกรรม “กล่องอากาศดี” (เครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศ) ผลงานนวัตกรรมของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

 

โดยปีงบประมาณ 2567 การดำเนินการผ่าน แกนนำสภาเยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย+สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ดังนี้

 

 

  1. การขับเคลื่อนระดับนโยบายระดับจังหวัดเชียงราย

– การประสานการจัดมอบนโยบายระดับจังหวัดเชียงราย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้นโยบายแก่ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย 144 แห่ง ในการขับเคลื่อนดำเนินการในเรื่องของฝุ่น PM 2.5 และการสาธิตนวัตกรรม “กล่องอากาศดี” เมื่อวันทีี 11 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุมคชสาร ศูนย์บูรณาการการเรียนรู้และนันทนาการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการประสานงานและสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย

 

  1. การจัดอบรมนักประดิษฐ์ จิตอาสา การทำ “กล่องอากาศดี” (เครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศ) จำนวน 140 ชุด โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าอบรม 300 คน เพื่อจัดทำห้องลดฝุ่นรองรับวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ให้กับ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, รพ.สต. วัดและกลุ่มเปราะบาง วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ณ หอประชุมกาละลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สนับสุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มช.

 

  1. ประสานงาน สนับสนุน การจัดโครงการ “คืนลมหายใจที่ไร้ฝุ่น คลีนรูมเพื่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ของ สถาบันวิจัยวิทยาศาตร์สุขภาพ มช. ร่วมกับ มูลนิธิเวชดุสิตฯ, โรงพยาบาลกรุงเทพ-เชียงราย และบริษัท ลลิตา พีพีโอ แพ็คเกจจิ้ง จำกัด กิจกรรมครั้งนี้ หลังจากเสร็จการอบรมถ่ายทอดความรู้ ได้มอบ “กล่องอากาศดี” ให้กับ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน 36 แห่ง (72 กล่อง) วันที่ 18 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมอาคาร 2 ชั้น 3 เทศบาลตำบลแม่สาย

 

  1. จัดต้งศูนย์ประสานงาน โดยจัดทำเฟสบู๊ค “ศูนย์ลมหายในที่ไร้ฝุ่น อบจ.เชียงราย” เพื่อเแผยแพร่องค์ความรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และประสานงานต่างๆ

 

  1. เผยแพร่ นวัตกรรม “กล่องอากาศ” (เครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศ)

– มอบกล่องอากาศดี ต้นแบบ ให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. เทศบาล อำเภอเชียงแสน 7 แห่ง

– มอบกล่องอากาศดี ต้นแบบ ให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. เทศบาล อำเภอเชียงของ  8 แห่ง

– มอบกล่องอากาศดี ต้นแบบ ให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. เทศบาล อำเภอเวียงแก่น  4 แห่ง

– มอบกล่องอากาศดี ต้นแบบ ให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. เทศบาล อำเภอแม่จัน  1 แห่ง

– จัดทำห้องลดฝุ่น 2 แห่ง ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย, ห้อง Service & Sharing Center สำนักงาน อบจ.เชียงราย ให้บริการแก่ เด็ก เยาวชนและประชาชน

– ติดตั้ง “กล่องอากาศดี” จำนวน 12 ตัว เพื่อทำ ห้องคลีนรูม อาคารพบโชคคอมเพล็กซ์ เพื่อให้บริการแก่เด็ก เยาวชน ประชาชนกลุ่มเปราะบาง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

เชียงราย 22 พ.ค. และ 21 ก.ค. 67 รอชมเลย “ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก“ ไร้เงา

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีรายงานจาก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของปี เริ่มจากทางใต้สุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา ในวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 12.19 น. จากนั้นดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ไล่ลำดับขึ้นไปทางเหนือเรื่อย ๆ จนสิ้นสุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 12.17 น.

 

หากเราสังเกตวัตถุกลางแดดในช่วงที่ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากตามเวลาของแต่ละพื้นที่ จะเห็นวัตถุเสมือนไร้เงา เนื่องจากเงาของวัตถุจะตกอยู่ด้านใต้พอดี ทั้งนี้ แม้ว่าดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลกทำให้ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์อย่างเต็มที่ แต่อุณหภูมิจะสูงที่สุดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

 

เช่น ปริมาณฝน เมฆ อิทธิพลจากมรสุม ความร้อนสะสม ฯลฯ ที่อาจส่งผลต่ออุณหภูมิ ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่วันที่ร้อนที่สุดของปี เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนระหว่างแนวละติจูด 5-20 องศาเหนือ ส่งผลให้ในหนึ่งปี ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่ดังกล่าวถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และครั้งที่ 2 ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน

 

ทั้งนี้ วันและเวลาของการเกิดปรากฏการณ์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้สังเกตบนโลก ส่งผลให้แต่ละจังหวัดของประเทศไทยจะมีวันและเวลาการเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ตั้งฉากที่แตกต่างกัน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีรายงานข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่าเชียงราย นายพิทยา สะศรีสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก (เตรียมการ) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่จุดสกัดฯขุนสรวย ร่วมกับเครือข่ายป้องกันไฟป่าบ้านขุนสรวย ดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยการลักลอบเผาป่า จำนวน 1 ราย

 

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากจุดเฝ้าระวังไฟป่าว่าพบกลุ่มควันลักษณะเป็นไฟที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย เป็นพื้นที่เตรียมการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อดับไฟ โดยพบผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไฟป่า จึงได้แสดงตัวและควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ไฟแซ๊ก จำนวน 2 อัน มีดพร้า จำนวน 1 เล่ม จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเข้ามาหาของป่าในพื้นที่
 
 
คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบท้องที่บ้านขุนสรวย หมู่ที่ 14 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พบเสียหายจากเหตุไฟไหม้ จำนวน 19-2-90 ไร่ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางและอุปกรณ์กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก Lam nam kok National Park

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เที่ยวสงกรานต์ เชียงรายเบียนนาเล่สาดศิลป์ สาดสุข ลุ้นรับรางวัล

 

สายอาร์ตห้ามพลาด !! เที่ยวสงกรานต์เชียงราย สนุกสนานสราญศิลป์ ในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ และร่วมสนุกกับกิจกรรม “สาดศิลป์ สาดสุข สนุกกับเบียนนาเล่”  ลุ้นรับรางวัล สุดชีค Limited Edition มากมาย

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว วธ) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความประทับใจ ในสีสันบรรยกาศ ความรื่นเริง สนุกสนาน การละเล่นและวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ประกอบกับขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรม 

 

โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดเชียงรายได้จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย และมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเกือบ 3,000,000 คนแล้ว จึงเชิญชวนผู้สนใจไปเที่ยวชมต่อจนกว่าจะจบงาน ซึ่งในช่วงวันที่ 6-7 เมษายน จะมีงาน “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย” เป็นกิจกรรมการแสดงดนตรีชาติพันธุ์ ส่วนหนึ่งของการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้ความร่วมมือกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.องอาจ อินทนิเวศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย   ควบคู่ไปกับนิทรรศการศิลปะจากศิลปินระดับโลก

 

รมว วธ กล่าวต่อว่า เพื่อให้คนเดินทางไปเที่ยวเชียงรายได้มีโอกาสชมงานศิลปะระดับโลกไปพร้อมๆ กับการเที่ยวงานสงกรานต์ที่เชียงราย กระทรวงวัฒนธรรมและจังหวัดเชียงราย จึงจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัล โดยขอเชิญผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเชียงราย ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2567 นี้ ไปเชียงราย แล้วอย่าลืมแวะชมงานศิลปะ ในจุดแสดงงานไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย แล้วถ่ายภาพ/ถ่ายคลิปที่มีภาพตัวท่านเองคู่กับงานศิลป์ และโพสต์/แชร์บนเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ตั้งค่าสาธารณะ ติดแฮชแทค ตามนี้ 

#thailandbiennalechiangrai2023
#thailandbiennale
#สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อุตสาหกรรมเชียงราย จัดใหญ่ ส่งสิ่งทอสู่ตลาดเชิงพาณิชย์

 
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏบัติการ เรื่อง “การส่งเสริมด้านการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอตามแฟชั่นไลฟ์สไตล์สู่ตลาดเชิงพาณิชย์” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถภาคอุสาหกรรมและการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ ประจำปี 2567 ที่บริเวณภายในโรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติ จำนวนกว่า 50 ราย เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาด โดยมีวิทยากรมาให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเทรนด์แฟชั่น การวิเคราะห์ตลาดและจัดทำกลยุทธ์การตลาดผลิตภัณฑ์สิ่งทอตามแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ สู่ตลาดเชิงพาณิชย์ การสร้างแบรนด์พัฒนาผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ตามแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อีกด้วย

 

 นางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติ มีการจำหน่ายสินค้าประจำพื้นถิ่นของดีของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของตนเองให้มีความเข้มแข็ง นอกจากการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สิ่งทอในท้องถิ่นให้เพิ่มขึ้นแล้ว การเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดในปัจจุบัน จังหวัดเชียงราย เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการที่ผลิตผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติ

 

จึงจัดสรรงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ โดยภายในงานยังได้จัดให้มีการแสดงสินค้า “๑ จังหวัด ๑ เส้นใย วิถีชาวเชียงราย” และงานแสดงสินค้า “Industrial Agriculture Fair” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาตลาดเชิงสร้างสรรค์ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2567 – 3 เมษายน 2567 ณ โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ที่ผลิตผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติจำนวนมาก และมีการจำหน่ายสินค้าประจำถิ่นของดีจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป

 

จึงเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้มีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ จังหวัดเชียงราย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการส่งเสริมการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการที่ผลิต ผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติ และผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป เพื่อนำสินค้าของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย จึงได้จัดงานแสดงสินค้า “๑ จังหวัด ๑ เส้นใย วิถีชาวเชียงราย”และ งานแสดงสินค้า “Industrial Agriculture Fair” กิจกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาด ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาตลาดเชิงสร้างสรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่ายและการตลาด

 

โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการเกษตร กลุ่มเกษตร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป และ กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตผ้าทอและเครื่องแต่งกายจากเส้นใยธรรมชาติ จำนวน 60 ราย พร้อมกันนี้ยังมีผู้ประกอบการโรงงานเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน จำนวน 6 ราย และมีหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน ได้แก่ ส่วนจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม สถาบันวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการจัดแสดงผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปด้วยนวัตกรรม และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จังหวัดเชียงราย นำสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงานอีกด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลุกพลังเยาวชน “เชียงแสน” สร้างเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2567 เวลา 09.30 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พบปะเยาวชน อ.เชียงแสน ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 3 อบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ณ ห้องประชุมโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีนายธวัชชัย ยะถา รอง ผอ.โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม กล่าวต้อนรับ นางวีร์สุดา กันทะชัย นักวิชาการศึกษา ผู้แทน อบต.ศรีดอนมูล นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายฐิติวัชร ไลศิริพันธ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย บุคลากรสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย สมาชิกสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย และเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

 

การอบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เป็นไปตามนโยบายที่ 5 สภาเยาวชนร่วมกำหนดอนาคตเชียงราย โดย อบจ.เชียงราย ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับให้บริการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย และจะจัดให้มีการสร้างเครือข่ายเยาวชนตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอและระดับจังหวัด ภายใต้ชื่อ “เยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย (CRPAO Youth)” หมู่บ้านละ 2 คน (คัดเลือกตัวแทนระดับหมู่บ้าน และคัดเลือกตัวแทนระดับอำเภอ) 
 
 
ตามแนวคิด “เด็กและเยาวชน คือ อนาคตของชาติ” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีบทบาทแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ สะท้อนปัญหา ความต้องการในมุมมองของเยาวชน ก่อเกิดการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตผ่านการจัดตั้งสภาเยาวชน เครือข่ายเยาวชนและกลุ่มเยาวชน ซึ่งเยาวชนเหล่านั้น ได้มีบทบาทในการเชื่อมประสานการทำงานด้านการพัฒนาอันเป็นประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม โดยชักชวนเยาวชนในหมู่บ้านได้เข้ามามีส่วนร่วม ก่อให้เกิดพลังจิตอาสานำพาสู่การเติบโตเป็นพลเมืองสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ชุมชนเข้มแข็งต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย ร่วมวัฒนธรรมจังหวัด “เปิดศักราชใหม่ ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง” ชาวล้านนา

 

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้จัดการทั่วไป  พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงาน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมเป็นหนึ่งในการเปิดงาน “เปิดศักราชใหม่ ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง” ต้อนรับปีใหม่ของชาวล้านนา ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามในช่วงเปลี่ยนศักราชใหม่ ประจำปี 2567 โดยมีคุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยคุณจักรภัทร แสนภูธร อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย

 

ในกิจกรรม “เปิดศักราชใหม่ประเพณี  ปี๋ใหม่เมือง”จัดขึ้นเพื่อให้ความสำคัญของประเพณีปี๋ใหม่เมือง โดยถือเป็นการเริ่ต้นศักราชใหม่ การร่วมมือกันอย่างศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายและ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย  ถือเป็นประเพณีที่ปรากฏในเดือนเมษายน หรือเดือน 7 เหนือ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนศักราชใหม่ การเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนั้น เพื่อทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ ดำหัว เล่นน้ำ และขอพรจากผู้ใหญ่ เป็นสิริมงคลในชีวิต ตามควมเชื่อของชาวเมืองล้านนาเรา

 

โดยภายในงานพบการแสดงเปิดศักราชใหม่เอาฤกษ์เอาชัยกับการแสดงตีกลองสะบัดชัย จำนวน 9 ชุด เปิดรับความเป็นศิริมงคล, การแสดงฟ้อนเล็บ และการแสดงมหาราชันล้านนา  ที่รวมเอาเยาวชนในจังหวัดเชียงราย ที่มีความรักในศิลปะการแสดงพื้นบ้าน มาแสดงภายในงานมากกว่า 50 ชีวิต อย่างสุดอลังการ

 

ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วไทย ยังมีการฉลองยิ่งใหญ่ Thailand’s Songkran Festival 2024ยืนหนึ่ง!! World’s Best Culturetainment  #เทศกาลมหาบันเทิงระดับโลกที่ทุกคนรอคอย ปีนี้ จัดยิ่งใหญ่ ครบทุกความมหาบันเทิง ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วประเทศ  

 

เทศกาลดนตรี & สาดน้ำมหาบันเทิง  #มันส์ที่สุดของที่สุด กับ 30 แลนด์มาร์ก World’s Best Water Fight Entertainment เทศกาลดนตรีและสาดน้ำมหาบันเทิง ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วไทยสถานที่ดังนี้

 

กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลาง

 เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล เวสต์เกต,  เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล วิลเลจ,  เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, เซ็นทรัล มหาชัย, เซ็นทรัล อยุธยา และเซ็นทรัล นครสวรรค์ 

ภาคตะวันออก

เซ็นทรัล ชลบุรี, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล มารีนา, เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล ระยอง, เซ็นทรัล จันทบุรี

ภาคเหนือ

เซ็นทรัล พิษณุโลก, เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล เชียงราย และเซ็นทรัล ลำปาง

ภาคใต้

เซ็นทรัล นครศรี, เซ็นทรัล หาดใหญ่, เซ็นทรัล สมุย, เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี, เซ็นทรัล ภูเก็ต

ภาคอีสาน

 เซ็นทรัล โคราช, เซ็นทรัล ขอนแก่น, เซ็นทรัล อุบล, เซ็นทรัล อุดร

 

เทศกาล #ไทยมหาบันเทิง  ชมการแสดงโชว์เคสสุดพิเศษ “มรดกไทย” ได้รับการยกย่องจาก UNESCO อาทิ   โขน หุ่นละครเล็ก โจหลุยส์ มโนราห์ และนวดไทย ต้นตำรับนวดวัดโพธิ์  และการแสดงวัฒนธรรมไทยที่หาดูได้ยากจากกระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจน ขบวนสงกรานต์มหาบันเทิง กิจกรรมสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีในท้องถิ่น และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยมากมาย

เทศกาล #สุขมหาบันเทิง กิจกรรมเสริมสิริมงคลรับปีใหม่ สรงน้ำสักการะขอพรพระพุทธรูปวัดดัง และพระประจำวันเกิด ครอบคลุมทั่วภูมิภาคไทย

เทศกาล #อร่อยมหาบันเทิง เที่ยวตลาดไทยในบรรยากาศเย็นสบาย ลิ้มลองอาหารไทยซิกเนเจอร์ อาหารไทยพื้นถิ่น และผลไม้ไทย

เทศกาล #แต่งชุดไทยมหาบันเทิง พบกับกิจกรรมรณรงค์การแต่งชุดไทย อนุรักษ์ผ้าไทย ผ้าถิ่น พร้อมชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นสนับสนุนสินค้าไทย และกิจกรรมเวิร์กช้อปงานคราฟต์มากมาย

 

และเทศกาล #ช้อปมหาบันเทิง พบกับโปรโมชันสำหรับสมาชิก The 1, Central Life X  และ Tourist มากมาย พบกัน 2 เม.ย. 67 -21 เม.ย. 67 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั่วประเทศ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS WORLD PULSE

มฟล. ร่วมการประชุม 2024 ASEAN-Australia CEO Forum ออสเตรเลีย

 
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐพรพรรณ อุตตมา รองอธิการบดี เข้าร่วมงาน 2024 ASEAN-Australia CEO Forum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม 2024 ASEAN-Australia Special Summit ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 มีนาคม 2567 ณ Melbourne Convention and Exhibition Centre (MCEC) ประเทศออสเตรเลีย


การประชุม 2024 ASEAN-Australia CEO Forum จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้ผู้นำของภาครัฐและเอกชนจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนและออสเตรเลียร่วมกันแบ่งปันวิสัยทัศน์ และหารือถึงแนวทางในการกระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติการระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษาและด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้การประชุมนี้ยังเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอาเซียนและออสเตรเลียที่มีต่อกันมายาวนานถึง 50 ปี 


ในการประชุม 2024 ASEAN-Australia CEO Forum นี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมจากภาครัฐและเอกชนจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนและออสเตรเลีย จำนวนกว่า 100 คน การประชุมได้จัดในรูปแบบ CEO Roundtables แบ่งออกเป็น  6 ด้าน ประกอบด้วย 1. Agriculture and food supply chains 2. Digital economy 3. Education and skills 4. Green energy transition 5. Financial services และ 6. Infrastructure, connectivity, and resources โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดี ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็น Co-chair ในการหารือด้าน Education and skills ร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัย The Royal Melbourne Institute of Technology (RMIT) 


ทั้งนี้จากเวทีการหารือ พบว่า ภาคเอกชนยังมีความต้องการให้ภาคการศึกษาผลิตกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ พยาบาลศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนทางธุรกิจและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะกำลังคนที่พร้อมทำงาน โดยให้ความสำคัญกับทักษะการปรับตัวและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมได้กล่าวถึงการดำเนินงานด้านการให้ทุนวิจัยของออสเตรเลียกับประเทศในอาเซียนเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและประเทศในอาเซียนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันออสเตรเลียให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม


มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ส่งเสริมกิจกรรมและความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษาของออสเตรเลียมาโดยตลอด ตลอดจนการได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากรัฐบาลออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสากล และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของภูมิภาค
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News