Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผลตรวจยืนยันน้ำประปาเชียงราย 4 จุด “ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน”

เชียงรายยืนยันคุณภาพน้ำประปา หลังแม่น้ำกกพบโลหะหนักเกินมาตรฐาน

ต้นเหตุปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – จากรายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำผิวดินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติ ผลการตรวจสอบล่าสุดแสดงให้เห็นว่าปริมาณโลหะหนักและสารอินทรีย์ในน้ำบริเวณหลายจุดสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณบ้านโป่งนาคำ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย มีค่าสารหนูอยู่ที่ 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภค

กปภ.เชียงราย ย้ำมาตรฐานน้ำประปาปลอดภัย

นายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาเชียงราย พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาแถลงยืนยันคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำประปาที่ผลิตจากแม่น้ำกก โดยระบุว่าทาง กปภ.สาขาเชียงราย มีมาตรการควบคุมคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ตั้งแต่ขั้นตอนการสูบน้ำดิบจากแม่น้ำ การพักน้ำในบ่อพัก และผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อตามมาตรฐานของ กปภ. ก่อนที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค

เพื่อสร้างความมั่นใจเพิ่มเติม นายทวีศักดิ์ยังได้สาธิตการล้างหน้าด้วยน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำประปา

ผลตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกยืนยันผ่านเกณฑ์

จากความกังวลของประชาชนต่อคุณภาพน้ำ ทาง กปภ.สาขาเชียงราย ได้ดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำจำนวน 4 จุด ได้แก่ บริเวณถังน้ำใส และบ้านลูกค้าอีก 3 จุด ในวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อส่งตรวจสอบโดย บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ล่าสุดผลการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าตัวอย่างน้ำทั้ง 4 จุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคทุกประการ

การวิเคราะห์สถานการณ์และแนวทางการแก้ไข

แม้ว่าผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว แต่นักสิ่งแวดล้อมมองว่า ปัญหาคุณภาพน้ำดิบจากแม่น้ำกกยังคงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่แหล่งน้ำโดยไม่ผ่านการบำบัด ซึ่งส่งผลให้ปริมาณสารอินทรีย์และโลหะหนักสะสมจนเกินมาตรฐาน

ด้านนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบคุณภาพ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจการใช้น้ำตลอดลำน้ำกกอย่างละเอียด เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และแจ้งให้ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง เพื่อลดความกังวลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในพื้นที่

นายชรินทร์ ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้งดลงเล่นน้ำ หรือใช้น้ำจากลำน้ำกกโดยตรงในช่วงนี้ โดยแนะนำให้ใช้น้ำที่ผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อแล้วจากการประปาส่วนภูมิภาคเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำแม่น้ำกก

จากข้อมูลรายงานคุณภาพน้ำผิวดินจากกรมควบคุมมลพิษ (ข้อมูลปี 2568) พบว่าคุณภาพน้ำแม่น้ำกกอยู่ในระดับ “พอใช้ถึงเสื่อมโทรม” โดยพบปริมาณแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) เกินค่ามาตรฐานในหลายจุด มีค่าตั้งแต่ 5,000-10,000 MPN/100 mL สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 4,000 MPN/100 mL และสารหนูมีค่าเกินมาตรฐานเล็กน้อยที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 0.011-0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร (ข้อมูลจากรายงานกรมควบคุมมลพิษ, 2568)

หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานวิจัยต่างเห็นพ้องกันว่าควรมีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนทื่อง รวมถึงเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างจริงจัง โดยเฉพาะจากกิจกรรมชุมชนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดมลพิษและฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ, รายงานคุณภาพน้ำผิวดิน ปี 2568
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สงกรานต์ 6 วันดับ 200 เชียงรายเสียชีวิต 8 คุมเข้มต่อ

เชียงรายเข้มงวดลดอุบัติเหตุสงกรานต์ 2568 วิเคราะห์สาเหตุเพื่อป้องกันอนาคต

เชียงราย, 17 เมษายน 2568 – เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยเฉลิมฉลองด้วยความสนุกสนาน แต่ก็มาพร้อมความท้าทายด้านความปลอดภัยบนท้องถนน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ ได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 นี้ จังหวัดได้จัดการประชุมเพื่อสรุปผลการดำเนินงานและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อนำไปสู่แนวทางการป้องกันที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การประชุมสรุปผลและขอบคุณทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.สิริมล วิสุทธิกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน 2568 พ.ต.อ.สิริมลกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้จำนวนอุบัติเหตุและการเสียชีวิตลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมมอบหมายให้เลขานุการศูนย์ฯ วิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยของอุบัติเหตุ เพื่อพัฒนาแนวทางป้องกันในอนาคต

สถิติอุบัติเหตุและผลการดำเนินงาน

จากข้อมูลสะสมช่วงวันที่ 11-16 เมษายน 2568 จังหวัดเชียงรายเกิดอุบัติเหตุรวม 39 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 38 ราย และเสียชีวิต 8 ราย โดยวันที่ 16 เมษายน 2568 เกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย สาเหตุหลัก ได้แก่ การไม่สวมหมวกนิรภัย การดื่มแล้วขับ การขับรถเร็วเกินกำหนด และการตัดหน้ากระชั้นชิด โดยยานพาหนะที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดจับกุมผู้กระทำผิด 1,944 ราย ตักเตือน 76 ราย และศาลสั่งคุมประพฤติ 59 คดี

หน่วยงานต่างๆ รายงานผลการปฏิบัติงาน โดยมีการตั้งจุดตรวจหลัก 33 จุด ด่านชุมชน 218 ด่าน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 1,069 คน สำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจรถโดยสารสาธารณะ 425 คัน และพนักงานขับรถ 459 คน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร จุดตรวจและด่านชุมชนมีบทบาทสำคัญในการสกัดพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ

วิเคราะห์ปัจจัยและแนวทางแก้ไข

การวิเคราะห์สาเหตุพบว่า การขับรถเร็วและการดื่มแล้วขับเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 83.76 ของยานพาหนะที่เกิดเหตุ อายุของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 20-29 ปี แสดงถึงความจำเป็นในการรณรงค์ให้กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตระหนักถึงความปลอดภัยมากขึ้น พ.ต.อ.สิริมลเน้นย้ำให้หน่วยงานควบคุมการจำหน่ายและบริโภคแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด และให้ด่านชุมชนปฏิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้าสกัดผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงก่อนออกสู่ถนนสายหลัก

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประชาสัมพันธ์ความสำคัญของประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงให้ควบคุมพื้นที่จุดเสี่ยง เช่น ถนนสายตรงและบริเวณจัดงานเทศกาล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับในและการขับขี่โดยประมาท

การดำเนินงานต่อเนื่องและการเยียวยา

แม้เทศกาลสงกรานต์จะสิ้นสุดลง แต่จังหวัดเชียงรายยังคงคุมเข้มการเฝ้าระวังและตรวจตรา โดยเฉพาะในช่วงที่ประชาชนบางส่วนยังเดินทางกลับหรือหยุดต่อเนื่อง มีการอำนวยความสะดวกที่จุดบริการประชาชนและจุดพักรถ รวมถึงตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าและการขับขี่เป็นเวลานาน

ด้านการเยียวยา มีการประสานงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างทันท่วงที โดยศูนย์ฯ ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และประสานกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขเพื่อดูแลผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด การดำเนินงานเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดในการลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด

สถิติระดับประเทศและบทเรียน

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 สถิติสะสมทั่วประเทศระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน 2568 เกิดอุบัติเหตุ 1,377 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 1,362 คน และเสียชีวิต 200 ราย สาเหตุหลักคือการขับรถเร็ว (ร้อยละ 39.35) การตัดหน้ากระชั้นชิด (ร้อยละ 19.35) และทัศนวิสัยไม่ดี (ร้อยละ 18.06) โดยรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด (ร้อยละ 83.32) ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือ 15.01-18.00 น. และถนนสายตรงเป็นจุดเสี่ยงหลัก (ร้อยละ 82.58)

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือกรุงเทพมหานคร (16 ราย) ขณะที่ 15 จังหวัดไม่มีผู้เสียชีวิต ตัวเลขเหล่านี้แสดงถึงความสำเร็จในบางพื้นที่ แต่ยังคงต้องพัฒนาการป้องกันในจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง นายขจร ศรีชวโนทัย ประธานแถลงผล ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายและการประชาสัมพันธ์เรื่องหมวกนิรภัยและพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดอุบัติเหตุในอนาคต

สถิติและแหล่งอ้างอิง

  • อุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ 2568 (11-16 เมษายน 2568) ทั่วประเทศ: 1,377 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 1,362 คน เสียชีวิต 200 ราย
  • จังหวัดเชียงราย: อุบัติเหตุ 39 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 38 คน เสียชีวิต 8 ราย
  • สาเหตุหลัก: ขับรถเร็ว (39.35%) รถจักรยานยนต์เกิดเหตุสูงสุด (83.32%)
  • แหล่งอ้างอิง: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (DDPM), รายงานสรุปอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568, เผยแพร่เมื่อ 17 เมษายน 2568, เข้าถึงได้ที่เว็บไซต์ www.disaster.go.th

มุมมอง

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการเข้มงวด การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เช่น การตั้งด่านชุมชนและควบคุมแอลกอฮอล์ ได้พิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตได้จริง โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ สถิติที่ลดลงในเชียงรายเมื่อเทียบกับปีก่อนแสดงถึงความสำเร็จของแนวทางนี้ การรณรงค์เรื่องหมวกนิรภัยและประกันภัยยังช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบจากอุบัติเหตุ

มุมมองว่ามาตรการอาจจำกัดความสนุก บางส่วนมองว่าการตั้งด่านตรวจและควบคุมแอลกอฮอล์ที่เข้มงวดอาจทำให้ประชาชนรู้สึกถูกจำกัดในช่วงเทศกาลที่ควรเป็นเวลาแห่งความสนุกสนาน โดยเฉพาะในชุมชนที่การเฉลิมฉลองเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม การบังคับใช้กฎหมายที่มากเกินไปอาจสร้างความไม่สะดวก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่มีการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์เป็นหลัก

มุมมองการลดอุบัติเหตุ การลดอุบัติเหตุเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นพ้อง แต่การบังคับใช้กฎหมายต้องสมดุลกับการรักษาบรรยากาศเทศกาล การประชาสัมพันธ์ที่เน้นการสร้างจิตสำนึกมากกว่าการลงโทษ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างถนนและจุดเสี่ยง จะช่วยให้มาตรการมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อความสุขของประชาชน การถอดบทเรียนจากสงกรานต์ 2568 จะเป็นก้าวสำคัญสู่ความปลอดภัยที่ยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ศปภ.) www.disaster.go.th

  • ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน www.roadsafetythai.org

  • กรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th

  • กรมควบคุมโรค www.ddc.moph.go.th

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ www.royalthaipolice.go.th

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารบกตรวจแม่สาย คืบหน้าป้องกันน้ำหลาก ดินโคลน

เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบกลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดนแม่สาย ปี 2568

เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำ-เสริมแนวป้องกันตลิ่งแม่น้ำสาย เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา

เชียงราย, 17 เมษายน 2568 – ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เวลา 08.00 น. พลโท จินตมัย ชีกว้าง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเขตชายแดน โดยมีพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับและร่วมติดตามภารกิจอย่างใกล้ชิด

ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรแม่น้ำสายแห่งที่ 1 แม่สาย–ท่าขี้เหล็ก จุดยุทธศาสตร์สำคัญของชาติ

หลังเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย คณะได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานข้ามจุดผ่านแดนถาวรแห่งที่ 1 ข้ามแม่น้ำสาย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมโยงชายแดนไทย–เมียนมา ที่มีการสัญจรของประชาชนและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำนวนมาก

คณะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ได้แก่ ปลัดอำเภอแม่สาย, หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, กองกำลังผาเมือง และเจ้าหน้าที่จากกรมการทหารช่าง โดยได้จัดเวทีสรุปสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าโครงการให้แก่ผู้แทนส่วนกลาง

กรมการทหารช่างเผยแนวทางฟื้นฟูแบบบูรณาการ เสริมความแข็งแรงแนวป้องกันชายแดน

พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า เป็นการดำเนินงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยจากน้ำหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงของอำเภอแม่สาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ระดับน้ำในแม่น้ำสายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

การดำเนินการในเฟสปัจจุบันประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่

  1. การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีเสริมโครงสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติและโครงเหล็ก
  2. การเสริมแนวป้องกันเดิมให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเน้นจุดที่เคยเกิดการพังทลายหรือทรุดตัวในปีที่ผ่านมา
  3. การออกแบบร่วมกับชุมชน โดยปรับให้แนวป้องกันสอดรับกับอาคาร บ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิม เพื่อไม่รบกวนวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ การดำเนินงานได้รับการประสานจากหลายหน่วยงานภาครัฐและชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การฟื้นฟูแหล่งน้ำ = เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงชายแดน

พลโท จินตมัย ชีกว้าง กล่าวในระหว่างการเยี่ยมพื้นที่ว่า การฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายเป็นภารกิจสำคัญที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศโดยตรง เนื่องจากอำเภอแม่สายเป็นพื้นที่การค้าชายแดนที่มีมูลค่าการค้ากับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากว่าหลายพันล้านบาทต่อปี หากปล่อยให้แหล่งน้ำเสื่อมโทรม หรือเกิดภัยธรรมชาติกะทันหัน อาจส่งผลต่อระบบโลจิสติกส์และความปลอดภัยของประชาชนได้โดยตรง

“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในพื้นที่ชายแดน ไม่ใช่เพียงเรื่องของการป้องกันน้ำหลาก แต่ยังเป็นการวางรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม” พลโทจินตมัยกล่าว

ฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดน ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์

เมื่อพิจารณาจากสภาพพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณแม่สาย–ท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงจีน–ลาว–เมียนมา ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น น้ำหลากหรือดินโคลนถล่ม จึงไม่ใช่เพียงปัญหาท้องถิ่น แต่คือความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายจึงถือเป็นหนึ่งในกลไกเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพไทย ที่ใช้ทรัพยากรทางวิศวกรรมทหารควบคู่กับความร่วมมือของประชาชน เพื่อเปลี่ยนจาก “จุดอ่อนทางธรรมชาติ” ให้กลายเป็น “ปราการความมั่นคง” ที่ยั่งยืน

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากข้อมูลของ กรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงฤดูฝนปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีฝนตกเฉลี่ยมากกว่า 1,800 มม./ปี เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดิม 12%
  • รายงานของ กรมโยธาธิการและผังเมือง ปี 2566 ระบุว่า พื้นที่อำเภอแม่สาย มีแนวตลิ่งพังจากน้ำกัดเซาะกว่า 2.1 กม. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • สำนักงาน ด่านศุลกากรแม่สาย รายงานว่าปี 2567 มูลค่าการค้าชายแดนไทย–เมียนมาผ่านแม่สายสูงถึง 17,500 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
  • กรมโยธาธิการและผังเมือง (www.dpt.go.th)
  • กรมศุลกากร (www.customs.go.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สงกรานต์อุ่นใจ เชียงรายคุมเข้มรถโดยสาร พนักงานพร้อม

เชียงรายตรวจเข้มรถโดยสารเทศกาลสงกรานต์ ย้ำมาตรการเข้มความปลอดภัยผู้โดยสาร

รองผู้ว่าฯ นำคณะตรวจเยี่ยมสถานีขนส่ง สร้างความมั่นใจประชาชนช่วงเดินทางกลับบ้าน

เชียงราย, 16 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าเพิ่มความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเมื่อเวลา 18.00 น. นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจเยี่ยมสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงรายแห่งที่ 2 เพื่อติดตามมาตรการควบคุมความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ พร้อมให้คำแนะนำแก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา

ลงพื้นที่ตรวจเข้มทุกขั้นตอน สร้างความมั่นใจแก่ผู้โดยสาร

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีหน่วยงานสำคัญร่วมปฏิบัติงานอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่

  • สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย โดย นางสุภมาศ ลีลารักษ์กุล ขนส่งจังหวัด
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย โดย นายเสริฐ ไชยานันตา
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย โดย นายครรชิต ชมภูแดง
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย โดย นางสาวนันทวรรณ กันคำ

ทุกหน่วยงานร่วมกันตรวจสอบและดูแลมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดในทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสภาพรถ พนักงานขับรถ หรือความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

GPS – วัดแอลกอฮอล์ – ตรวจสารเสพติด ดำเนินการครบวงจร

ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบความเร็วของรถโดยสารผ่านระบบ GPS ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์กับศูนย์ควบคุมของกรมการขนส่งทางบก เพื่อป้องกันการใช้ความเร็วเกินกำหนด พร้อมตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ สมุดประจำรถ และตรวจวัดแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถทุกคน

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสารเสพติดจากปัสสาวะโดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 5 เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ขับขี่ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของยาเสพติดออกเดินทาง

ตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะ ครอบคลุมทุกระบบเพื่อความปลอดภัย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะ ได้ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของรถโดยสารโดยละเอียด ทั้งในด้าน

  • ระบบไฟส่องสว่าง
  • สภาพยางรถ
  • ถังดับเพลิง
  • ค้อนทุบกระจก
  • ประตูทางออกฉุกเฉิน
  • เข็มขัดนิรภัย
  • กล้องวงจรปิดภายในรถ

นอกจากนี้ ยังได้ให้คำแนะนำกับผู้โดยสารโดยตรง เพื่อเน้นย้ำให้สวมเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสาร และสังเกตความผิดปกติของพนักงานขับรถ หากพบสามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที

แจกของที่ระลึก – ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้า

เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความปลอดภัย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ยังได้มอบของที่ระลึกให้กับประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสาร พร้อมกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำสถานีขนส่ง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาล ที่ต้องทำงานต่อเนื่องอย่างเหน็ดเหนื่อย โดยขอบคุณในความเสียสละ และย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

แนวทางยกระดับมาตรการความปลอดภัยหลังเทศกาล

จากการประเมินสถานการณ์เดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดเชียงรายมีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออกสถานีขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 4,000 คน ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการวางแผนรองรับในระยะยาว โดยที่ประชุมระดับจังหวัดเตรียมยกระดับการบริหารจัดการจราจรและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ และวันหยุดสำคัญอื่น ๆ

มาตรการที่กำลังผลักดัน ได้แก่

  • การติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมในสถานีและบนรถโดยสาร
  • การอบรมพนักงานขับรถเป็นประจำทุกไตรมาส
  • การประเมินคุณภาพรถทุกคันก่อนเทศกาลใหญ่
  • การขยายความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่

การตรวจเข้มคือกลไกเชิงรุก ลดอุบัติเหตุได้จริง

ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า การตรวจเข้มและการใช้ระบบติดตามรถผ่าน GPS สามารถช่วยลดอุบัติเหตุจากความประมาทของพนักงานขับรถลงได้ถึง 25% โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีปริมาณการเดินทางสูง การดำเนินมาตรการของจังหวัดเชียงรายจึงถือเป็นต้นแบบของการทำงานเชิงป้องกันที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีผู้โดยสารใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศมากกว่า 7.2 ล้านคน
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถโดยสารลดลง 19.4% เมื่อมีการบังคับใช้มาตรการตรวจ GPS และวัดแอลกอฮอล์
  • กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ผู้โดยสารรถสาธารณะที่ไม่สวมเข็มขัดนิรภัยมีความเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าปกติถึง 2.3 เท่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมการขนส่งทางบก (www.dlt.go.th)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารเชียงราย เคาะประตูบ้าน ต้านไฟป่า PM2.5

มทบ.37 เดินหน้ากิจกรรม “เคาะประตู สู่ความห่วงใย” รณรงค์ลดหมอกควัน PM2.5 เชียงแสน

กองทัพภาคที่ 3 ผสานพลังจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ลงพื้นที่หมู่บ้านแนวชายแดนจังหวัดเชียงราย ย้ำความร่วมมือทุกภาคส่วนในการหยุดเผา ลดปัญหาฝุ่นพิษ

ประเทศไทย, 16 เมษายน 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 โดยกำลังพลจิตอาสาพระราชทานภายใต้โครงการ “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ลงพื้นที่จัดกิจกรรม “เคาะประตู สู่ความห่วงใย ใส่ใจสุขภาพประชาชน” ณ บ้านปงของ หมู่ 5 บ้านปงของเหนือ หมู่ 10 และบ้านธารทอง หมู่ 11 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตามนโยบายของจังหวัดเชียงราย ที่ได้ประกาศมาตรการ “92 วันปลอดการเผา” ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 อย่างเข้มข้น

ร้อยตรี ณัฐพลพล บุญทับ นำจิตอาสาลงพื้นที่

การปฏิบัติงานครั้งนี้ นำโดย ร้อยตรี ณัฐพลพล บุญทับ หัวหน้าชุดประสานการคุ้มครองป้องกันชุมชน สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านธารทอง พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ของมณฑลทหารบกที่ 37 ซึ่งได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำ สร้างความเข้าใจ และแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันสุขภาพในห้วงสถานการณ์ฝุ่นควัน

สร้างการรับรู้ หยุดไฟ หยุดควัน อย่างยั่งยืน

กิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ปัญหาเชิงรุก โดยเฉพาะเรื่องการหลีกเลี่ยงการเผาในที่โล่งทุกชนิด และการลดการก่อให้เกิดเชื้อเพลิงที่อาจลุกลามเป็นไฟป่าในฤดูแล้ง โดยจุดเน้นที่ถ่ายทอดแก่ประชาชนในพื้นที่ ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการเผาขยะ หญ้าแห้ง ตอซังข้าว กิ่งไม้ หรือวัสดุใด ๆ ที่ติดไฟง่าย
  • สอนแนวทางการทำปุ๋ยหมักจากเศษพืชแทนการเผา
  • ส่งเสริมการแยกขยะอย่างถูกวิธี และการนำวัสดุอินทรีย์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
  • สนับสนุนการทำแนวกันไฟในพื้นที่ล่อแหลมใกล้แนวป่า
  • แนะนำการจัดการเชื้อไฟในพื้นที่การเกษตรอย่างปลอดภัย

แจกหน้ากากอนามัย รับมือ PM2.5 เกินมาตรฐาน

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่พบว่ามีค่า PM2.5 เกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ส่งผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง มณฑลทหารบกที่ 37 จึงได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้ป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้การแจกจ่ายหน้ากากอนามัยได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชนและอสม.ในพื้นที่อย่างดียิ่ง

ประกาศ 92 วันปลอดการเผา – กลไกขับเคลื่อนสู่การลดฝุ่นควัน

จังหวัดเชียงรายได้ประกาศ “92 วัน ปลอดการเผาในที่โล่ง” ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 เป็นนโยบายสำคัญในช่วงฤดูแล้ง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าหมายการลดจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ให้ลดลงอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ชุมชนคือหัวใจสำคัญของการป้องกันไฟป่า

แม้จะมีมาตรการจากภาครัฐอย่างเข้มข้น การลดปัญหาไฟป่าและหมอกควันจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากประชาชนในระดับรากหญ้า การลงพื้นที่พบประชาชนของจิตอาสาทหารในกิจกรรม “เคาะประตู สู่ความห่วงใย” ครั้งนี้ จึงถือเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมจาก “การเผาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ให้กลายเป็น “ความเข้าใจและการมีส่วนร่วม” ได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • ข้อมูลจาก กรมควบคุมมลพิษ (PCD) ระบุว่า จังหวัดเชียงรายพบจุดความร้อน (Hotspot) เฉลี่ย 1,800 จุดต่อปีในช่วงฤดูแล้ง โดยมากเกิดจากการเผาในพื้นที่เกษตร
  • จากข้อมูล กรมอนามัย ปี 2566 พบว่า ค่าเฉลี่ย PM2.5 ในภาคเหนือตอนบนในช่วงมีนาคม-เมษายน สูงถึง 55-70 µg/m³ ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50 µg/m³
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสัมผัส PM2.5 ต่อเนื่องสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคระบบทางเดินหายใจได้ถึง 20–30%
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สงกรานต์เชียงราย 5 วัน ดับ 7 เจ็บ 38 เมา-ขับเร็วไม่สวมหมวก

เชียงรายสรุปผลลดอุบัติเหตุสงกรานต์ 5 วัน พบผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 38 ราย ย้ำทุกภาคส่วนเร่งมาตรการเชิงรุกต่อเนื่อง

ประชุมวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย หวังป้องกันซ้ำซาก พร้อมเดินหน้าสร้างวินัยจราจรอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 16 เมษายน 2568 – ณ ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 15 เมษายน 2568 โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ มณฑลทหารบกที่ 37, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, สำนักงานประชาสัมพันธ์, ขนส่งจังหวัด, แขวงทางหลวง, แขวงทางหลวงชนบท, โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง

รายงานผลการดำเนินงาน 5 วัน พบอุบัติเหตุรวม 38 ครั้ง เสียชีวิต 7 ราย

จากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดเชียงราย พบว่า ระหว่างวันที่ 11–15 เมษายน 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 38 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 38 คน และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยในวันที่ 15 เมษายน เพียงวันเดียว เกิดอุบัติเหตุ 4 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

ทั้งนี้ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่พบมากที่สุดได้แก่

  • ขับรถเร็วเกินกำหนด
  • ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ
  • ทัศนวิสัยไม่ดี
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย
  • การนั่งท้ายรถกระบะ

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสถิติจากปีก่อนที่ระบุว่า อุบัติเหตุทางถนนในช่วงสงกรานต์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมักเกิดขึ้นในเขตชุมชน เส้นทางระหว่างอำเภอ และบริเวณจัดงานเฉลิมฉลอง โดยผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

ที่ประชุมเสนอแนวทางยกระดับมาตรการป้องกัน เน้นตรวจรถ–ตรวจคน–ตรวจจุดเสี่ยง

นายครรชิต ชมภูแดง กล่าวว่า แม้จะมีการดำเนินการเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเทศกาล แต่จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังคงอยู่ในระดับที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ พร้อมเสนอแนวทางเพิ่มเติมจากที่ประชุม ดังนี้

  1. การตรวจสอบสภาพรถและร่างกายผู้ขับขี่ โดยเน้นหนักในช่วงก่อนการเดินทางกลับบ้านของประชาชนหลังสงกรานต์
  2. การเพิ่มจำนวนด่านตรวจจุดเสี่ยง ทั้งในเขตเมืองและตามเส้นทางรองที่เป็นเส้นทางลัด
  3. การตั้งจุดบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณสถานีขนส่งและจุดพักรถ
  4. รณรงค์สร้างจิตสำนึกในสถานศึกษาและชุมชน ทั้งก่อนและหลังเทศกาล เพื่อปลูกฝังวินัยจราจรในระยะยาว

การบูรณาการภาคีเครือข่าย และบทบาทของชุมชนสำคัญต่อการลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน

ที่ประชุมยังเน้นย้ำว่า ความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น หากแต่ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคประชาชน และชุมชน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนงานผ่านกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครที่สามารถเฝ้าระวังและให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง

ผลการประชุมจะถูกรายงานต่อศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนส่วนกลาง เพื่อพัฒนานโยบายระดับชาติ

นายครรชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงรายจะได้นำข้อมูลที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ สรุปเป็นรายงานเสนอไปยังศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนส่วนกลาง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศ พร้อมยืนยันว่า จังหวัดเชียงรายจะยังคงเดินหน้าปรับปรุงแผนงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้มีความทันสมัย ครอบคลุม และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยจะไม่รอให้เกิดเหตุแล้วจึงแก้ไข

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานจาก ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ปี 2567 ระบุว่า สถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 37 ราย โดยสาเหตุอันดับ 1 คือ ดื่มแล้วขับ
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนในปี 2567 มีถึง 64% ที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า การตั้งด่านตรวจจราจรเชิงรุกช่วยลดอุบัติเหตุได้เฉลี่ย 19% ในช่วงเทศกาลที่มีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศักดิ์สิทธิ์ เชียงรายอัญเชิญ “พระสิงห์” สรงน้ำสงกรานต์

เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ สืบสานประเพณี “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” เสริมสิริมงคลรับสงกรานต์ 2568

ประชาชน-นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมพิธีตักบาตร พร้อมสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ บนราชรถบุษบกล้านนา สืบสานวัฒนธรรมอันงดงามของล้านนา

เชียงราย, 13 เมษายน 2568 – ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช เทศบาลนครเชียงราย ได้จัดพิธีอัญเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” หรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า “พระสิงห์” ขึ้นบนราชรถบุษบกล้านนา ศิลปะแบบแพร่ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมสรงน้ำตามประเพณี “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีในจังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมาของพระพุทธสิหิงค์

“พระพุทธสิหิงค์” เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่มีประวัติยาวนาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช 700 เดิมประดิษฐานอยู่ในแถบลังกา ก่อนจะถูกอัญเชิญมาสู่แผ่นดินสยาม และประดิษฐานในดินแดนล้านนา อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ และนครลำปาง โดยพระพุทธสิหิงค์องค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ เป็นองค์ที่ได้รับการอัญเชิญจากเชียงราย โดยประดิษฐานในเชียงใหม่นานถึง 255 ปี

สำหรับในจังหวัดเชียงราย ปัจจุบันได้มีการสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลองขึ้นและประดิษฐานภายในพระวิหารแก้ว หรือหอพระสิงห์ วัดพระสิงห์ เทศบาลนครเชียงราย เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา เป็นสิริมงคลและเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเชียงราย

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ บนราชรถบุษบก สืบสานศิลปะล้านนา

ในช่วงเช้าของวันที่ 13 เมษายน 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดย พันจ่าอากาศเอก อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้ร่วมกันอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนราชรถบุษบกศิลปะล้านนา เพื่อเคลื่อนขบวนผ่านถนนสายหลักในตัวเมืองเชียงราย โดยมีประชาชนชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวร่วมสรงน้ำตลอดสองข้างทางอย่างเนืองแน่น

ราชรถบุษบกที่ใช้ในพิธีมีลวดลายละเอียด ประณีต อ่อนช้อย สะท้อนเอกลักษณ์งานศิลป์ของช่างฝีมือท้องถิ่น และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพศรัทธาอันลึกซึ้งที่ประชาชนมีต่อองค์พระพุทธสิหิงค์

พิธีทำบุญตักบาตร รับปีใหม่เมืองอย่างสงบและงดงาม

ภายหลังจากการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ได้มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ซึ่งได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย วัดพระแก้ว พระอารามหลวง นำคณะพระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาต โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมกันทำบุญตักบาตร เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่

บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบ เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความผูกพันที่ชาวเชียงรายมีต่อพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น

การมีส่วนร่วมของประชาชนและบทบาทของเทศบาลในการอนุรักษ์วัฒนธรรม

งานประเพณีปี๋ใหม่เมืองครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย หน่วยงานวัฒนธรรม ภาคประชาชน และภาคเอกชน ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนาอย่างครบถ้วน ทั้งการประดับตุงแบบโบราณ การจัดขบวนแห่ การแสดงฟ้อนรำ และการสรงน้ำพระในวัดต่าง ๆ

เทศบาลนครเชียงรายยังได้ร่วมกับโรงเรียนในสังกัดจัดกิจกรรมเรียนรู้ประเพณีปี๋ใหม่เมืองให้แก่เยาวชน ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความเข้าใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรม และเกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น

วัฒนธรรมล้านนาคือหัวใจของสงกรานต์เชียงราย

แม้ในปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะถูกมองว่าเป็นเพียงเทศกาลเล่นน้ำและการท่องเที่ยว แต่จังหวัดเชียงรายยังคงรักษา “หัวใจ” ของเทศกาลนี้ไว้ได้อย่างมั่นคง ผ่านพิธีกรรม พุทธศาสนา และประเพณีท้องถิ่นที่ลึกซึ้ง

“ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่แบบล้านนาเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการทบทวนตนเอง การอธิษฐาน การแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ และการขอขมาลาโทษซึ่งกันและกัน ตลอดจนการสืบสานมรดกภูมิปัญญาที่ส่งต่อมาหลายร้อยปี

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2567 ระบุว่า ในเทศกาลสงกรานต์มีประชาชนร่วมกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ณ เทศบาลนครเชียงรายกว่า 12,000 คน
  • ข้อมูลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ปี 2566 พบว่า จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมอนุรักษ์ประเพณีสงกรานต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภาคเหนือ
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่า ช่วงสงกรานต์ปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 97,000 คน สร้างรายได้รวมกว่า 238 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เขื่อนแม่สรวยเข้ม เจ้าหน้าที่ตั้งด่าน รวบนักดื่ม 6 ราย เมาไม่ขับจับจริง

แม่สรวยตรวจเข้ม! เมาแล้วขับไม่รอด วันที่ 2 สงกรานต์ 2568 พบผู้กระทำผิด 6 ราย

อำเภอแม่สรวยเดินหน้าเชิงรุก บูรณาการทุกภาคส่วนตั้งด่านตรวจรอบเขื่อน คุมเข้มความปลอดภัยทางถนนในช่วงสงกรานต์

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – เวลา 16.00 น. นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง นำโดยปลัดอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจภูธรแม่สรวย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สรวย และกำนันตำบลแม่สรวย จัดตั้งจุดตรวจบริเวณเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เพื่อควบคุมการใช้รถใช้ถนนของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา

ผลการดำเนินการเข้ม พบผู้กระทำผิดเมาแล้วขับจำนวน 6 ราย

จากการดำเนินการตรวจเข้มในวันที่สองของช่วงควบคุมเข้มสงกรานต์ 2568 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลักบริเวณทางเข้าออกเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นในช่วงวันหยุด โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเล่นน้ำที่ “แพเปียก” และกิจกรรมสงกรานต์ริมน้ำ ส่งผลให้การตั้งจุดตรวจต้องมีความเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่ พบผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 6 ราย มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที โดยนำตัวผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ต่อไป

ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง

การดำเนินการตรวจจับเมาแล้วขับครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของอำเภอแม่สรวย ที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนเดินทางเข้าออกจำนวนมาก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ เปิดเผยว่า การตรวจเข้มในพื้นที่รอบเขื่อนแม่สรวยไม่เพียงแต่เพื่อบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังของภาครัฐในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ศูนย์ปฏิบัติการฯ เผยแนวโน้มผู้ฝ่าฝืนยังคงพบต่อเนื่อง จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมเข้ม

จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของเทศกาลสงกรานต์ มีผู้กระทำผิดในข้อหาเมาแล้วขับเฉพาะในพื้นที่เขื่อนแม่สรวยรวม 9 ราย เฉลี่ยวันละ 4.5 ราย ซึ่งยังถือเป็นตัวเลขที่สูง และบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลัง 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนมักเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25–40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวสูงในช่วงเทศกาล โดยมากใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

ผสานความร่วมมือภาครัฐ-ท้องถิ่น-ชุมชน สร้างวินัยจราจรอย่างยั่งยืน

มาตรการที่อำเภอแม่สรวยดำเนินการในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงการตรวจจับผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครในพื้นที่ ซึ่งร่วมมือกันในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และแจ้งเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

โดยเฉพาะการให้ความรู้ในระดับชุมชนเกี่ยวกับอันตรายของการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา การแจกใบปลิวให้ความรู้แก่ผู้มาเที่ยว รวมถึงการใช้เสียงตามสายประกาศเตือนในเขตหมู่บ้านล้อมรอบเขื่อน เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในระดับรากหญ้า

เมาแล้วขับยังเป็นปัญหาเรื้อรัง ต้องบูรณาการหลายมิติ

จากการติดตามข้อมูลและรายงานจากหลายหน่วยงาน พบว่าปัญหาเมาแล้วขับยังคงเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางและเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้น แม้ว่าจะมีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พฤติกรรมเสี่ยงของบางกลุ่มยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

การดำเนินการของอำเภอแม่สรวยจึงนับเป็นต้นแบบของการดำเนินงานเชิงรุกในระดับอำเภอ ที่สามารถใช้ศักยภาพของภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างวินัยจราจร และลดสถิติอุบัติเหตุในระยะยาว

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • รายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศ 264 ราย โดยกว่า 38% ของอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับ
  • จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า อัตราการจับกุมผู้ขับขี่ที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่ากฎหมายกำหนดในช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12
  • สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รายงานว่า กลุ่มวัยทำงานอายุ 25–45 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการดื่มแล้วขับสูงที่สุดในช่วงเทศกาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (www.alcoholwatch.in.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สงกรานต์วันแรก! เชียงรายดับ 1 เจ็บ 8 เมาแล้วขับ

เชียงรายเผยสถิติอุบัติเหตุวันแรกสงกรานต์ 2568 เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 8 ราย

จังหวัดเชียงรายสรุปผลปฏิบัติการเข้ม ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน สั่งเข้มทุกหน่วยงานเดินหน้าควบคุมแอลกอฮอล์

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่าย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของวันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการควบคุมเข้มข้นด้านความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์

สถิติอุบัติเหตุวันแรก 8 เหตุการณ์ บาดเจ็บ 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย

จากรายงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่รวม 8 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 6 ราย เพศหญิง 2 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่คือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 7 คัน และรถเพื่อการเกษตร หรือที่เรียกว่า “รถอีแต๊ก” อีก 1 คัน

ช่วงเวลาที่พบการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือระหว่างเวลา 12.00 – 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับจากการทำบุญ หรือเริ่มออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ

สาเหตุหลักยังคงเดิม “ดื่มแล้วขับ” และ “ขับเร็วเกินกำหนด”

สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในวันดังกล่าว ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกับทุกปีที่ผ่านมา ได้แก่

  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ
  • การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
  • การตัดหน้ากระชั้นชิด และ
  • ทัศนวิสัยไม่ดีขณะขับขี่

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินมาตรการในการประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมักเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง

ตั้งจุดตรวจ 33 จุดหลัก และ 177 ด่านชุมชน ระดมกำลังดูแลทั่วพื้นที่

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน จังหวัดเชียงรายได้จัดตั้งจุดตรวจหลักรวม 33 จุด และตั้งด่านชุมชนกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 177 จุด โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดรวม 1,065 นาย ครอบคลุมถนนสายสำคัญ เส้นทางเข้า-ออกชุมชน และพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายกว่า 1,800 รายในวันเดียว

จากการรายงานของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในวันที่ 11 เมษายน 2568 มีการดำเนินคดีตามมาตรการ “10 รสขม” (10 ข้อหาหลักที่มักนำไปสู่อุบัติเหตุ) โดยมีการออกใบสั่งจำนวน 1,896 ราย และมีการว่ากล่าวตักเตือนผ่านแอปพลิเคชัน “ขับดี” อีกจำนวน 51 ราย ซึ่งสะท้อนถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน

ขนส่งจังหวัดเชียงรายตรวจเข้มรถโดยสารสาธารณะ สร้างความมั่นใจผู้โดยสาร

สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะรวม 390 คัน และตรวจความพร้อมพนักงานขับรถ 406 ราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารว่าการเดินทางในช่วงเทศกาลจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

เร่งควบคุมแอลกอฮอล์ในชุมชน เน้นป้องกันเชิงรุก

ในที่ประชุม นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมทุกวัน พร้อมกำชับให้ประสานงานกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อตรวจและประเมินผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชนตามแนวทางที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติกำหนด

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน เพื่อส่งเสริมบทบาทของด่านชุมชน และเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง เช่น ถนนใกล้สถานที่จัดงาน หรือตลาดที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเปิดเผย

เยาวชนคือจุดอ่อนใหม่ของการเกิดอุบัติเหตุ คำสั่งเข้มให้ผู้ปกครองร่วมควบคุม

ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นสำคัญอีกประการคือ พฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนและหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองในการกำชับบุตรหลานให้ใช้งานรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • รายงานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ระบุว่าในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเกิดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์รวม 69 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 72 ราย
  • รายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า พฤติกรรม “ดื่มแล้วขับ” เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุกว่า 42% ของทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567
  • ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15 – 24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์สูงที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (www.roadsafetythai.org)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เจ็ดเป็งเชียงราย สรงน้ำพระธาตุ ผู้ว่าฯ ร่วมวางศิลาฤกษ์กุฏิ

เชียงรายจัดงาน “เจ็ดเป็ง สรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด” อย่างยิ่งใหญ่ สืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมือง

คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนร่วมงานพร้อมใจ วางศิลาฤกษ์กุฏิสงฆ์ใหม่ เสริมสิริมงคลรับปีใหม่เมือง

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้จัดงานประเพณี “เจ็ดเป็ง สรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด” ประจำปี 2568 อย่างสมเกียรติ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมล้านนาเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ หรือที่ชาวเหนือเรียกว่า “ปี๋ใหม่เมือง” โดยพิธีเริ่มต้นขึ้นในเวลา 10.00 น. ท่ามกลางบรรยากาศอิ่มเอิบด้วยศรัทธาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย

พระธรรมวชิโรดม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เสริมความศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีกรรม

ในพิธีครั้งนี้ พระธรรมวชิโรดม รศ.ดร. เจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร ได้เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชวชิรคณี ดร. เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา พระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และคณะสงฆ์-สามเณรจากหลายวัดทั่วจังหวัดเชียงราย ร่วมประกอบพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พิธีสรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของงานเจ็ดเป็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณีเก่าแก่ที่สะท้อนความผูกพันระหว่างศาสนาและชุมชน งานนี้ได้รับการประสานงานอย่างใกล้ชิดโดยพระครูกิตติพัฒนานุยุต ดร. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานจัดงาน และเป็นผู้ดูแลกระบวนการพิธีกรรมทั้งหมดให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย สมพระเกียรติ

ผู้ว่าฯ เชียงรายร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ขับเคลื่อนงานร่วมกับพุทธศาสนิกชน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการประกอบพิธี โดยมีนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาด และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ร่วมนำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งถือเป็นการแสดงพลังศรัทธาและความร่วมมือของชุมชนในจังหวัดเชียงรายได้อย่างงดงาม

ในโอกาสนี้ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย นำโดยพระราชวชิรคณี ดร. เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันถวายน้ำสรงแด่พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 ตามประเพณีปี๋ใหม่เมือง อันเป็นการแสดงความเคารพและสืบสานจารีตโบราณที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานของพุทธศาสนิกชนในภาคเหนือ

พิธีวางศิลาฤกษ์กุฏิสงฆ์ใหม่ ยกระดับบทบาทวัดเจ็ดยอดในฐานะศูนย์กลางพุทธศาสนาเชียงราย

ภายหลังพิธีสรงน้ำพระธาตุ คณะสงฆ์ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ยังได้ร่วมกันประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ “กุฏิสงฆ์หลังใหม่” ภายในวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง เพื่อรองรับการขยายบทบาทของวัดในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธในภูมิภาค

พิธีวางศิลาฤกษ์ในครั้งนี้ นอกจากจะมีความหมายทางสถาปัตยกรรมแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยนัยยะเชิงสัญลักษณ์ถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่มั่นคง และการสืบทอดศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับผิดชอบหลัก พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมปฏิบัติงานในพิธีดังกล่าว

งานประเพณี “เจ็ดเป็ง” สะท้อนอัตลักษณ์ล้านนา-รากเหง้าทางศาสนาและวัฒนธรรม

“เจ็ดเป็ง” เป็นประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ถือเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่เมือง โดยมีกิจกรรมหลักคือการสรงน้ำพระธาตุประจำวัด ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในพื้นที่ การจัดงานดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมเชิงศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์ หน่วยงานราชการ และชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

การสืบสานประเพณี = การพัฒนาจิตใจและชุมชน

งานเจ็ดเป็งถือเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นถิ่น ศาสนพิธี และจิตวิญญาณแห่งพุทธศาสนา ผ่านการมีส่วนร่วมในงานอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดขบวนแห่ การบรรเลงดนตรีพื้นเมือง การสวดมนต์ และการฟังธรรมเทศนา ซึ่งนับเป็นกระบวนการพัฒนาทางจิตใจและสังคมควบคู่กันไป

นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ร้านค้าอาหารท้องถิ่น และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานและแสวงบุญในช่วงเทศกาล

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2566 ระบุว่า งานประเพณีเจ็ดเป็งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 8,000 คนในปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจท้องถิ่นกว่า 12 ล้านบาท
  • ข้อมูลจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ปี 2567 พบว่า กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในช่วงสงกรานต์ในภาคเหนือ มีประชาชนเข้าร่วมงานรวมกันมากกว่า 1.2 ล้านคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (www.m-culture.go.th/chiangrai)
  • กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (www.dra.go.th)
  • รายงานประจำปีของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (www.onab.go.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News