Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายสู้ภัย! อบจ.ผนึกกำลังท้องถิ่นซ่อมสะพานขาด 3 วัน หวังคืนเส้นทางประชาชน

เชียงรายเผชิญมรสุมหลายระลอก อบจ.เชียงรายผนึกกำลังท้องถิ่นรับศึกน้ำท่วมซ้ำซาก เร่งขุดลอก–อุดช่องน้ำกัดเซาะ–ซ่อมคอสะพาน ฟื้นเส้นทางหลักอำเภอเทิง

เชียงราย, 16 สิงหาคม 2568—กระแสลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อนที่ปะทะซ้ำภาคเหนือตอนบนตลอดเดือนกรกฎาคมถึงกลางสิงหาคม ดันน้ำฝนลงลุ่มน้ำหงาวอย่างรุนแรง หลายหมู่บ้านในอำเภอเทิงเผชิญน้ำป่ากัดเซาะคอสะพานและตลิ่งพังซ้ำ ทว่าในความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับฉายภาพการทำงานแบบ “ลุก–ลุย–เร็ว” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ที่ระดมเครื่องจักรหนัก เปิดปฏิบัติการเสริมบิ๊กแบ็กกันตลิ่ง ทำทางเบี่ยงฉุกเฉิน และซ่อมคอสะพานเพื่อคืนการสัญจรให้ประชาชนกับรถบรรทุกผลผลิตการเกษตรโดยเร็วที่สุด โดยมีหน่วยงานอำเภอ เทศบาล–อบต. และเครือข่ายด้านทางหลวง–ปภ. ร่วมประสานกำลังตลอดห่วงโซ่การช่วยเหลือ

เสียงเตือนจากฟ้า เมื่อ “วิภา” ดันฝนถล่ม เหนือบนต้องตั้งการ์ดสูง

กลางเดือนกรกฎาคม กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนพายุ “วิภา” ว่าจะทำให้ภาคเหนือตอนบนรวมถึงเชียงรายมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุเคลื่อนปกคลุมแนวร่องมรสุมในช่วงวันที่ 21–26 ก.ค. 2568 ข้อความเตือนชี้ชัดให้จับตาความเสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในหลายจังหวัด รวมทั้งเชียงรายด้วย

สอดรับกับสัญญาณจากส่วนกลาง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานประชาสัมพันธ์รัฐเร่งสื่อสารแบบ “ทั้งจังหวัดต้องพร้อม” ตั้งแต่ 12–24 ก.ค. 2568 โดยเน้นย้ำให้เฝ้าระวังเขตเขาสูง–พื้นที่ชัน สายด่วน 1784 และช่องทางแจ้งเหตุออนไลน์ถูกผลักดันเป็นเครื่องมือหลัก พร้อมย้ำการส่งข้อความเตือนภัยแบบ Cell Broadcast ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงของอำเภอเทิง ทั้งตำบลตับเต่าและตำบลหงาว

ระดับพื้นที่ อำเภอเทิงออกประกาศรายงานน้ำฝน–น้ำท่าอย่างต่อเนื่อง และตั้งศูนย์บัญชาการเฝ้าระวังน้ำลาว–หงาวตามลำดับ เพื่อปรับแผนปฏิบัติการเก็บกู้และชะลอน้ำกัดเซาะแบบเรียลไทม์.

จุดเปราะบางแตกก่อนสะพานบ้านปางค่า–คอสะพานขาด เส้นเลือดคมนาคมถูกตัด

เช้าตรู่ 16 ก.ค. 2568 สายน้ำหงาวพุ่งสูงกะทันหัน กระแทกโครงสร้างสะพานบ้านปางค่าบนสาย 1155 จนเสาค้ำยันเคลื่อน หลายหน่วยสั่งปิดเส้นทางชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โรงเรียนใกล้เคียงต้องหยุดเรียนทันที การขนส่งผลผลิตเกษตรกับการเดินทางฉุกเฉินหยุดชะงักทั้งแนว สะท้อนจุดเปราะบางของโครงข่ายถนนชนบทเมื่อเจอฝนเกินค่าเฉลี่ยในเวลาอันสั้น

คำถามที่ชาวบ้านถามตรง ๆ คือ “จะกลับบ้าน–ไปโรงพยาบาล–ส่งของได้เมื่อไร?” คำตอบในทางปฏิบัติขึ้นกับการ “เปิดทางทดแทน” และ “ตรึงแนวตลิ่ง” อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ฝนรอบใหม่ซ้ำเติมให้หนักกว่าเดิม

ล็อกเป้าซ่อมเฉพาะหน้าเสริมบิ๊กแบ็ก–เปิดทางเบี่ยง–อุดช่องน้ำกัดเซาะ

19 ก.ค. 2568 อบจ.เชียงราย นำโดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ. ลงพื้นที่ “ปางค่า–ตับเต่า–หงาว” เร่งวางบิ๊กแบ็กทรายเรียงแนวตลิ่งลำน้ำหงาวเพื่อหยุดการพังทลาย พร้อมไล่เพอร์ตเครื่องจักรทำทางเบี่ยงให้รถสัญจรชั่วคราว ลดแรงกดดันของชุมชนที่ถูกตัดขาด ขณะที่ทีมช่างประเมินสภาพคอสะพานที่ถูกน้ำเซาะ เพื่อจัดลำดับงานซ่อมด่วน

ปลายเดือนกรกฎาคม เมื่อปริมาณฝนเริ่มแผ่วลงเป็นช่วง ๆ องค์การบริหารส่วนตำบลตับเต่าลงมือซ่อมคอสะพานหมู่ 13 อุดรอยขาดและปรับผิวทางใหม่ เพื่อเปิดเส้นทางท้องถิ่นให้รถเล็กเดินได้ก่อน พร้อมประสาน อบจ.–อำเภอ ทำความสะอาดโคลน–เศษซากที่ไหลทับถมบ้านเรือน

บทเรียนเชิงโครงสร้าง ที่ทีมช่างท้องถิ่นเห็นตรงกัน คือ “คอสะพาน–ไหล่ทาง–ท่อระบายน้ำ” คือจุดให้คะแนนทนทานต่อฝนสุดขีด หากคอสะพานสั้นเกินไปหรือไม่มีปีกกำแพงป้องกัน น้ำเชี่ยวจะชอนไชฐานรากได้เร็ว การเสริมบิ๊กแบ็กและอัดหินใหญ่ตามแนวลุ่มต่ำจึงเป็นมาตรการเฉพาะหน้าที่ต้องทำทันที ขณะที่แผนถาวรจำเป็นต้องรอหน้าฝนผ่อนคลาย

เร่งคืนการสัญจรซ่อมคอสะพาน–เปิดทางหลัก—สัญจรได้อีกครั้ง

ก้าวเข้าสู่ครึ่งเดือนสิงหาคม ทีมสำนักช่างของ อบจ.เชียงรายรวบกำลังเครื่องจักรและแรงงานลงเสริมคอสะพานหมู่ 1 ต.ตับเต่า ที่ถูกน้ำป่ากัดเซาะก่อนหน้า ตรวจเช็กโครงสร้างและอัดวัสดุรองรับใหม่จน “สัญจรได้แล้ว” ในบ่ายวันที่ 15 ส.ค. 2568 ภาพถ่ายหน้างานชี้ชัด รถยนต์และรถบรรทุกเริ่มกลับมาใช้เส้นทางได้ ภารกิจเก็บรายละเอียดจึงขยับไปที่การเสริมไหล่ทาง ปรับผิวถนน และป้ายเตือนความปลอดภัยชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารระดับอำเภอและ อบจ.จัดประชุมหน้างานเพื่อวางแผนซ่อมทางเบี่ยงบ้านปางค่าที่เสียหายหนัก โดยเชิญหน่วยงานเชื่อมโยงทั้ง ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย และเครือข่ายด้านทางหลวง เช่น ศูนย์สร้างทางลำปาง มาร่วมวางกรอบฟื้นฟู–เสริมความแข็งแรงในระยะกลางถึงยาว แม้บางงานอยู่คนละเขตรับผิดชอบ แต่บทบาทสนับสนุนเครื่องจักรและเทคนิคการอัดผิว–ป้องกันตลิ่งยังจำเป็นต่อความต่อเนื่องของระบบทาง

สถิติ–สัญญาณเตือน ทำไม “เทิง–ตับเต่า–หงาว” เสี่ยงซ้ำ

ข้อมูลเตือนภัยตั้งแต่ 11–21 ก.ค. ระบุชัดว่าเชียงรายอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีโอกาสเกิดฝนหนักหลายระลอก สภาพภูมิประเทศของอำเภอเทิงที่รับน้ำจากสันเขาไปสู่ลุ่มน้ำหงาว ทำให้เมื่อฝน “เกินค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง” เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำจะไหลหลากฉับพลันสู่จุดคอขวด เช่น ช่องลำห้วย–ท่อระบายน้ำ–คอสะพาน จึงเกิดเหตุลักษณะ “กัดเซาะเฉียบพลัน” ซ้ำ ๆ หากฐานรากเดิมไม่แข็งแรงพอ

รายงานจากสื่อท้องถิ่นและส่วนกลางในช่วงเวลานั้นชี้ให้เห็นความรุนแรงของเหตุการณ์ ตั้งแต่ระดับน้ำเอ่อท่วม 60–80 เซนติเมตรบางจุด ไปจนถึงการปิดถนนสาย 1155 ชั่วคราวเพื่อรอการประเมินและซ่อมแซม ซึ่งตอกย้ำโจทย์ใหญ่เรื่อง “แผนเสริมความทนทานโครงสร้าง” ในพื้นที่ลาดเชิงเขา

คำอธิบายเชิงระบบ จาก “ดับไฟหน้าเหตุ” สู่ “โครงสร้างทนฝน”

หนึ่ง การจัดทีม “ดับไฟหน้าเหตุ” ต้องไวและครอบคลุม อบจ.–อำเภอ–อบต.ในเทิงใช้โมเดลเครื่องจักรประจำจุดเสี่ยง พร้อมถุงบิ๊กแบ็กสำรองเพื่ออุดช่องน้ำเซาะ และเจ้าหน้าที่สื่อสารชุมชนเพื่อปิด–เปิดเส้นทางทันเวลา โมเดลนี้ลดชั่วโมงวิกฤตได้จริงในเหตุเดือนนี้

สอง โครงสร้างสาธารณูปโภคต้อง “ออกแบบเพื่อฝนสุดขีด” มากกว่าค่าเฉลี่ยเดิม สะพานชนบทที่รับน้ำลำห้วยเชิงเขาควรเพิ่มความยาวคอสะพาน–กำแพงปีก และยกระดับไหล่ทาง–ท่อระบายน้ำให้มีศักยภาพระบายน้ำหลากปีละหนึ่งครั้งอย่างน้อย การยกระดับมาตรฐานนี้ต้องพึ่งพางบถาวรและความร่วมมือระหว่าง อบจ.–กรมทางหลวง–กรมทางหลวงชนบท–ปภ. โดยมีศูนย์สร้างทางในภูมิภาคเป็น “คลังเครื่องจักร–ความรู้” สำคัญ

สาม ระบบเตือนภัยเชิงรุกต้อง “พูดภาษาเดียวกัน” ตั้งแต่เตือนพายุในระดับชาติ สู่ประกาศอำเภอ–ตำบล และการส่งสัญญาณเตือนตรงสู่ประชาชนผ่านเครือข่ายมือถือ–หอกระจายข่าว เพื่อให้ชาวบ้านรู้ว่า “เส้นไหนควรเลี่ยง เส้นไหนยังพอวิ่งได้” ในชั่วโมงวิกฤต โมเดลการส่ง Cell Broadcast ที่ปภ.ร่วมผู้ให้บริการเครือข่ายในพื้นที่เทิงถือเป็นก้าวที่ถูกทาง

เสียงจากพื้นที่ “เปิดทางได้ไว ชีวิตก็ต่อได้”

แม้หน้างานเต็มไปด้วยโคลนและเศษซาก การที่เส้นทางหลัก–ทางเบี่ยงกลับมาเปิดได้ ทำให้รถส่งนมสด ข้าวโพด และลำไยที่กำลังออกสู่ตลาดยังคงเดินต่อ รถพยาบาลฉุกเฉินสามารถรับ–ส่งผู้ป่วยได้ทันเวลา โรงเรียนทยอยกลับมาเปิดเรียนเร็วกว่าที่คาด ชาวบ้านจึงสะท้อนร่วมกันว่า “เปิดทางได้ไว ชีวิตก็ต่อได้” นี่คือผลลัพธ์รูปธรรมจากการตัดสินใจแบบทันทีของท้องถิ่น

ในอีกมุม ข้าราชการฝ่ายโยธาย้ำว่า “วิธีจบเกมน้ำกัดครั้งต่อไป” คือการเร่งสำรวจจุดเสี่ยงคอสะพานทั้งตำบลตับเต่า–หงาว จัดลำดับงบซ่อมเชิงป้องกันก่อนฝนใหญ่รอบใหม่ และกำหนดมาตรการควบคุมบรรทุกหนักผ่านทางเบี่ยงชั่วคราวอย่างเข้ม ทั้งหมดนี้ต้องเดินคู่กับการสื่อสารสาธารณะเพื่อให้คนทั้งอำเภอ “รู้ทันฝน”

เชื่อมภาพใหญ่จังหวัด แผนรับมือฝนทั้งเชียงราย

ตลอดช่วง 11–25 ก.ค. 2568 จังหวัดเชียงรายเผชิญฝนต่อเนื่องแทบครบ 15 อำเภอ สำนักงานปภ.จังหวัดรายงานสถานการณ์และจัดทีมเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง หน่วยกู้ภัย–อปพร.–อส. ถูกจัดวางในจุดเสี่ยงซ้ำซากตามสายน้ำแม่อิง–แม่ลาว–แม่หงาว เพื่อพร้อมอพยพและยกของขึ้นที่สูงเมื่อจำเป็น กลไกนี้ทำให้ภาพรวมความเสียหายในรอบนี้จำกัดวงได้ในระดับหนึ่ง แม้หลายจุดยังต้องซ่อมเชิงโครงสร้างต่อเนื่อง

แผนหลังน้ำลด ฟื้นฟู–ป้องกัน–ลงทุน

ฟื้นฟูเร่งด่วน: เก็บเศษวัสดุ–โคลนออกจากคอสะพาน ปรับผิวถนน แก้ไหล่ทางหาย และติดตั้งป้ายเตือนถาวรชั่วคราวในช่วงฝน

ป้องกันรอบใหม่: เสริมบิ๊กแบ็ก–หินใหญ่ตามแนวที่น้ำกัดซ้ำ ซ่อมท่อระบายน้ำอุดตัน ตรวจสอบฐานรากสะพานที่ถูกน้ำเซาะ และเพิ่มช่องทางระบายน้ำให้พ้นคอสะพาน

ลงทุนระยะกลาง–ยาว: ประสานกรมทางหลวงและศูนย์สร้างทางในภูมิภาคเร่งศึกษามาตรฐานคอสะพาน–กำแพงปีกในพื้นที่ลาดเชิงเขา และจัดสรรงบยกระดับคอสะพานเสี่ยง รวมถึงปรับแบบท่อเหลี่ยม–รางระบายน้ำให้รองรับฝนสุดขีดตามภูมิอากาศใหม่

สูตร “ลุก–ลุย–เร็ว” ผสาน “ออกแบบเพื่อฝนสุดขีด”

เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำ 3 บทเรียนสำคัญสำหรับท้องถิ่นภูเขา

  1. ความเร็วที่วัดเป็นชั่วโมง ช่วยรักษา “ทุนชีวิต–ทุนเศรษฐกิจ” ของชุมชนชนบท การวางเครื่องจักร–บิ๊กแบ็ก–เชือกสื่อสารในตำบลเสี่ยง ทำให้การเปิดเส้นทางชั่วคราวเกิดขึ้นได้ไวหลังน้ำลดไม่กี่ชั่วโมง. Facebook
  2. ระบบเตือนภัยหลายชั้น ต้องเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่พายุ–ร่องมรสุมระดับภูมิภาค สู่ประกาศอำเภอ–ตำบล และ Cell Broadcast ในเครื่องชาวบ้าน เพื่อให้การอพยพ–ปิดถนน–ตั้งแนวป้องกันทำได้ก่อนที่น้ำจะกัดคอสะพาน
  3. โครงสร้างต้องเปลี่ยนเพื่ออากาศที่เปลี่ยน หากฝนสุดขีดกลายเป็น “ความปกติใหม่” การลงทุนเพิ่มความยาวคอสะพาน–ช่องระบายน้ำ และยกระดับผิวทางในจุดต่ำ คือคำตอบระยะยาวที่เลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ข้อมูลภัยจากรอบนี้เป็นฐานคำนวณแบบใหม่

เมื่อน้ำลด เห็นรอยทางของ “ความร่วมมือ”

จากเช้าวิกฤต 16 ก.ค. ที่สะพานปางค่าถูกตัดขาด สู่บ่าย 15 ส.ค. ที่เส้นทางหลักหมู่ 1 ต.ตับเต่ากลับมาสัญจรได้ ภารกิจเชื่อมถนน–เชื่อมชีวิตของอำเภอเทิงคือผลรวมของหลายมือ ตั้งแต่ อบจ.เชียงรายที่ลุยหน้างาน อำเภอ–อบต.ที่เสริมทัพ ปภ.จังหวัดที่เทน้ำหนักด้านเตือนภัย และหน่วยงานด้านทางที่ส่งเครื่องจักรมาสนับสนุนเมื่อร้องขอ เหตุทั้งหมดนี้ไม่เพียงฟื้นถนน แต่ฟื้น “ความมั่นใจ” ว่าหากฝนใหญ่กลับมา เมืองนี้จะยืนด้วยระบบที่พร้อมกว่าเดิม

โจทย์ต่อไป คือการเปลี่ยน “ซ่อมเฉพาะหน้า” เป็น “ลงทุนเชิงป้องกัน” ให้ทันฤดูฝนหน้า ด้วยแบบสะพาน–คอสะพาน–รางระบายน้ำที่รองรับฝนสุดขีด และงบประมาณที่เดินได้จริง พร้อมทั้งยืนระยะของระบบเตือนภัยและการสื่อสารชุมชนให้ไวและแม่นยำมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ที่ทำการปกครองอำเภอเทิง
  • องค์การบริหารส่วนตำบลตับเต่า
  • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย
  • ศูนย์สร้างทางลำปาง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

“วิภา” ถล่ม 8 อำเภอ 114 หมู่บ้าน “ภูมิธรรม-ธีรรัตน์” ย้ำเตือนภัยล่วงหน้าสูงสุดรับมือ

เชียงรายอ่วม! พายุ “วิภา” ถล่ม 8 อำเภอ 114 หมู่บ้าน “ภูมิธรรม-ธีรรัตน์” สั่ง War Room ชาติ เน้น “แจ้งเตือนภัยล่วงหน้า” สำคัญสูงสุด

เชียงราย, 23 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายเผชิญวิกฤตอุทกภัยและดินถล่มครั้งใหญ่ หลังได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน “วิภา” ที่พาดผ่านภาคเหนือ ส่งผลให้ฝนตกหนักต่อเนื่องนับแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 400 ครัวเรือน ครอบคลุม 8 อำเภอ 23 ตำบล 114 หมู่บ้าน โรงเรียน 2 แห่ง ถนน 3 สายได้รับความเสียหาย ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม โดยล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

 

ภัยธรรมชาติถล่มหนัก ฝนไม่หยุด-น้ำท่วมซ้ำซากในหลายอำเภอ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายรายงานสถานการณ์ล่าสุด (23 ก.ค. 68 เวลา 12.00 น.) พบว่าปริมาณฝนสะสมในรอบ 24 ชั่วโมงยังสูงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอเวียงแก่น เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล ป่าแดด เวียงชัย แม่สรวย เมือง เวียงเชียงรุ้ง เชียงของ พาน ดอยหลวง เวียงป่าเป้า แม่สาย แม่จัน เชียงแสน แม่ลาว และแม่ฟ้าหลวง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในบางจุด ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพขึ้นที่สูง ขณะที่ทางหลวงและถนนสายรองบางสายถูกตัดขาดหรือเสียหาย ชาวบ้านขาดแคลนไฟฟ้า น้ำสะอาด และเครื่องยังชีพ

แม้พายุ “วิภา” จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ กรมอุตุนิยมวิทยายังคงแจ้งเตือนว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะโซนตะวันตกของภาคเหนือ (แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ตาก) รวมถึงเชียงราย พะเยา น่าน ปริมาณน้ำฝนสะสมยังสูงมาก เช่น อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน วัดได้ 291.6 มม., อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา 264 มม., อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย 185 มม.

แนวโน้มสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง มีโอกาสเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มซ้ำอีกใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า หน่วยงานในพื้นที่ต้องเตรียมกำลังพล เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และระบบแจ้งเตือนเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินอย่างเต็มที่

 

ศูนย์บัญชาการ War Room ชาติ “แจ้งเตือนล่วงหน้า” คือหัวใจ

เวลา 09.30 น. 23 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เป็นประธานประชุม War Room ชาติ ณ กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยฯ และผู้บริหารส่วนกลาง ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 30 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

นายภูมิธรรม เน้นย้ำว่า “การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเป็นเรื่องจำเป็นสูงสุด” โดยเฉพาะการนำระบบ Cell Broadcast มาใช้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้มีเวลาตั้งรับ อพยพ และเตรียมการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ขอให้ทุกจังหวัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ 24 ชั่วโมง จัดเตรียมกำลังคน เครื่องมือ และเครื่องจักรกลสำหรับพื้นที่เสี่ยง พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการกันเต็มที่ ภารกิจการป้องกันภัยต้องมาก่อนเยียวยา แต่การเยียวยาก็จำเป็นเพื่อฟื้นขวัญประชาชน” นายภูมิธรรมกล่าว

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เสริมว่า การสื่อสารสร้างความเข้าใจและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่จริงอย่างทันท่วงที คือกุญแจสำคัญในการป้องกันความตื่นตระหนก พร้อมมอบ 6 แนวทางสำคัญ เช่น การเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย การจัดตั้งโรงครัวคุณภาพสูง เยียวยาผู้ประสบภัย การดูแลจุดเสี่ยงอันตรายจากไฟฟ้า และการสำรวจรายงานความเสียหายอย่างโปร่งใส

 

กรมป้องกันฯ พร้อมเต็มพิกัด – “เครื่องมือ/ยุทโธปกรณ์-คน” เข้าพื้นที่ทันที

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยว่า กรม ปภ. ได้ตั้ง War Room ประสานการช่วยเหลือกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าทาง Cell Broadcast แล้ว 24 ครั้ง (เตือนอุทกภัย 15 ครั้ง เตือนดินโคลนถล่ม 9 ครั้ง) นอกจากนี้ยังระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าสู่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลกเป็นจุดรวมพล พร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เรือท้องแบน อากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ KA-32 ที่พร้อมขึ้นบินทุกเวลาในจุดที่เข้าถึงยาก

“ภารกิจแรกคือต้องปกป้องชีวิตประชาชน หลังจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู เราเตรียมความพร้อมทั้งคนและเครื่องมืออย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด” อธิบดี ปภ. กล่าว

 

วิภา” อ่อนกำลัง แต่ “ร่องมรสุม” ยังเฝ้าระวัง

นายสมควร ต้นจาน จากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า พายุโซนร้อน “วิภา” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเหนือประเทศลาวและน่าน แต่พื้นที่ภาคเหนือยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะร่องมรสุมและความกดอากาศต่ำจากฟิลิปปินส์ที่อาจพัฒนาเป็นพายุลูกใหม่ แม้พายุจะสลายตัวแต่ฝนตกต่อเนื่องก็ยังคงก่อให้เกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มซ้ำ

 

เชียงราย – บทเรียน “รวมศูนย์-เชิงรุก” จัดการภัยพิบัติ

เหตุการณ์น้ำท่วม-ดินถล่มครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงรายมีความเปราะบางสูงต่อภัยธรรมชาติ ประเด็นที่น่าสนใจและควรขยายผลต่อเนื่อง ได้แก่

  • การรวมศูนย์บัญชาการและตอบสนองรวดเร็ว: War Room ส่วนกลางและท้องถิ่น พร้อมระบบสื่อสารฉุกเฉิน Cell Broadcast เป็นเครื่องมือสำคัญในการสั่งการและแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า
  • การบูรณาการทรัพยากร: ภาครัฐทุกหน่วยระดมเครื่องมือ กำลังคน และเทคโนโลยีทันทีเมื่อเกิดเหตุ แสดงถึงศักยภาพของกลไกการจัดการภัยพิบัติไทยที่พัฒนาไปไกล
  • การสื่อสารอย่างเข้าใจง่าย: เน้นย้ำการแจ้งเตือนที่ชัดเจน ลดความตื่นตระหนก และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเชื่อฟังเจ้าหน้าที่

ประเด็นรอง

  • การสำรวจความเสียหาย-เยียวยา: ต้องทำให้ครอบคลุมและรวดเร็ว เพื่อฟื้นขวัญประชาชน
  • สภาพภูมิประเทศที่ท้าทาย: เชียงรายเป็นภูเขาสูง ชายแดน น้ำไหลแรง ตะกอนสูง ต้องวางแผนระยะยาวในการขุดลอก พร่องน้ำ และสร้างระบบเตือนภัยที่แม่นยำ
  • บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน: การตอบสนองระยะสั้นต้องควบคู่กับแผนบริหารน้ำระยะยาว เพื่อป้องกันวิกฤตซ้ำซากในอนาคต

เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นทั้งบทเรียนและจุดเริ่มต้นของการยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติแบบรวมศูนย์และเชิงรุก เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กระทรวงมหาดไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ENVIRONMENT

เชียงราย 2568 สู้ภัยน้ำ-ฝน บททดสอบรับมือโลกเดือด

สถานการณ์น้ำและการจัดการภัยพิบัติเชียงราย ปี 2568 ภัยฝน-ภัยน้ำ กับบททดสอบความพร้อม

เชียงราย, 7 กรกฎาคม 2568 – หลังฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) รายงานความคืบหน้าในการช่วยเหลือประชาชนและบทเรียนสู่การยกระดับการจัดการทรัพยากรน้ำและภัยพิบัติ ในปีที่ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและคุณภาพน้ำกำลังกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายทั้งภาครัฐและชุมชน

พายุฝนถล่ม – ผลกระทบพื้นที่และการช่วยเหลือ

ในช่วงค่ำวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 พื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย แม่ฟ้าหลวง เวียงชัย พาน เทิง พญาเม็งราย แม่จัน และแม่ลาว เผชิญฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ส่งผลให้ในหลายจุด โดยเฉพาะบ้านด้ายหนองหล่ม ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย เกิดเหตุเสาไฟฟ้าโค่นล้มถึง 3 ต้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องเพื่อคืนระบบไฟฟ้าโดยเร็ว

ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีน้ำท่วมขังหลายจุด อาทิ ห้าแยกพ่อขุน ชุมชนศรีทรายมูล ชุมชนสันป่าก๊อ ชุมชนสันคอกช้าง และชุมชนบ้านใหม่ เทศบาลระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรช่วยระบายน้ำ คาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติภายในวันที่ 6 กรกฎาคม ทั้งนี้ ปภ.จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมเครื่องมือและกำลังพลตลอด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ทุกเวลา

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศฝนปีนี้ไม่เหมือนเดิม

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากอิทธิพลโลกร้อนส่งผลให้รูปแบบและปริมาณฝนในเชียงรายปี 2568 แตกต่างจากอดีต กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าเดือนกรกฎาคมจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางช่วง สร้างความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมฝั่งแม่น้ำสายหลัก เช่น แม่น้ำกกและแม่น้ำโขง

ตารางสรุปปริมาณฝนและแนวโน้มอากาศ (เมษายน-กรกฎาคม 2568)

เดือน

ปริมาณฝน (มม.)

วันฝนตก (วัน)

อุณหภูมิสูงสุด (°C)

หมายเหตุ

พฤษภาคม

180-230

13-15

34-36

ฝนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

มิถุนายน

130-170

16-19

33-35

เริ่มฝนตกชุก ร้อยละ 40-60

กรกฎาคม

(เฉลี่ย 191.4)*

60-80% ของพื้นที่

29-34

ฝนตกหนัก-หนักมากบางแห่ง

*ข้อมูลค่าเฉลี่ยย้อนหลัง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาไม่ได้ระบุตัวเลขแน่ชัดสำหรับปีนี้

โครงสร้างภูมิประเทศ – จุดแข็ง จุดเปราะบาง

จังหวัดเชียงรายมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน ทั้งพื้นที่ราบ (60%) ริมลุ่มแม่น้ำกก อิง สาย จัน ลาว และแม่น้ำโขง และภูเขาสูง (37%) ที่เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ อ่างเก็บน้ำและเขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนแม่สรวย (ความจุ 73 ล้าน ลบ.ม.) มีน้ำต้นทุนเกือบเต็มความจุในต้นปี 2568 ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งสำหรับรองรับภัยแล้งและการเพาะปลูกฤดูฝน แต่โครงสร้างแบบนี้เองที่ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำเปราะบางต่ออุทกภัยเมื่อต้องรับมือกับฝนตกหนักในระยะเวลาสั้นๆ

คุณภาพน้ำปัญหาซ้อนปัญหาบนวิกฤตภัยธรรมชาติ

แม่น้ำกก แม่น้ำโขง และแม่น้ำสาย พบปัญหาปลามีตุ่มผิดปกติจากสารเคมีปนเปื้อนและโลหะหนัก หน่วยงานรัฐบางแห่งยืนยันว่ายังใช้น้ำได้เพื่อเกษตรกรรม แต่ยังมีการแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกในบางพื้นที่ ขณะที่เกษตรกรและชุมชนเรียกร้องให้จัดหาแหล่งน้ำทางเลือกและเน้นการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง

บทเรียนจากอดีตเชียงรายในวังวนอุทกภัย-ภัยแล้ง

ปี 2567 เชียงรายประสบอุทกภัยใหญ่ช่วงเดือนกันยายน ฝนตกหนักเกิน 200 มม. ทำให้น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ส่งผลให้ 56,469 ครัวเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 18,587 ไร่ ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 14 ราย ขณะที่ปี 2566 ก็มีน้ำท่วมซ้ำจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “ยางิ” เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำความเปราะบางของจังหวัดและแนวโน้มความถี่ของสภาพอากาศสุดขั้วที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบโลกร้อน

มาตรการจัดการน้ำและภัยพิบัติความพร้อมและข้อจำกัด

  • กรอบยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการน้ำ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ขับเคลื่อน 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 ร่วมกับกรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เน้นติดตามสถานการณ์น้ำ เตรียมเครื่องมือช่วยเหลือ ปรับแผนการจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ และตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในช่วงฉุกเฉิน

ระดับจังหวัด มีแผนปฏิบัติการภัยพิบัติ 4 ระยะ ได้แก่ การป้องกันและลดผลกระทบ, การเตรียมความพร้อม, การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟู ซึ่งทุกระยะต้องการความร่วมมือและทรัพยากรที่พร้อมรับสถานการณ์เฉพาะหน้า

งบประมาณและการพัฒนาแหล่งน้ำ

ปี 2568 มีการจัดสรรงบประมาณพัฒนาแหล่งน้ำรวมกว่า 10,000 ล้านบาทในระดับชาติ เพื่อปรับปรุงระบบน้ำดิบ เพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำ ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากอุทกภัย โดยเชียงรายได้รับงบฯ เร่งด่วน 111 ล้านบาท สำหรับโครงการฟื้นฟูใน อ.พาน แต่การเบิกจ่าย-เยียวยา ยังมีความล่าช้า และต้องการโมเดลบริหารจัดการที่คล่องตัวกว่านี้

ผลกระทบและความท้าทายปี 2568 วิเคราะห์สถานการณ์และความพร้อม

  • ผลกระทบต่อการเกษตรและชุมชน

น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำสูง แต่เกษตรกรต้องเผชิญโจทย์ใหม่ คือคุณภาพน้ำที่ปนเปื้อน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลผลิต-ประมงน้ำจืด และความปลอดภัยผู้บริโภค ภัยน้ำท่วมยังคงเป็นปัญหาในพื้นที่ลุ่มต่ำ และอาจเกิดซ้ำหากฝนตกหนักติดต่อกันในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

  • ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและสังคมเมือง

ฝนหนักสร้างความเสียหายต่อถนน สะพาน ระบบประปาและสาธารณูปโภค เมืองเชียงรายต้องเน้นเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำและการสื่อสารแจ้งเตือนล่วงหน้า พร้อมวางระบบขนส่งและอพยพที่พร้อมรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

  • คุณภาพน้ำ เงื่อนไขความมั่นคงใหม่

การสื่อสารข้อมูลคุณภาพน้ำต้องมีความชัดเจน โปร่งใส และเข้าถึงได้ โดยเฉพาะในชุมชนริมน้ำและพื้นที่เกษตรกรรม หากขาดการแจ้งเตือนที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ความเสียหายทางสุขภาพและเศรษฐกิจโดยไม่รู้ตัว

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายมุ่งสู่การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

  1. พัฒนาระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยแบบเรียลไทม์ โดยติดตั้งโทรมาตรวัดระดับน้ำทั้งในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง ให้ข้อมูลล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและน้ำหลาก
  2. ยกระดับการสื่อสารและสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลน้ำแบบบูรณาการ ที่รายงานทั้งปริมาณและคุณภาพน้ำ พร้อมคู่มือและคำแนะนำต่อชุมชน
  3. ส่งเสริมธรรมาภิบาลน้ำที่ปรับตัวได้ กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่นและชุมชนมีบทบาทบริหารจัดการน้ำและงบประมาณเฉพาะหน้า
  4. เร่งรัดการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาโครงสร้างน้ำและภัยพิบัติอย่างทันท่วงที
  5. ขยายความร่วมมือข้ามหน่วยงานและประเทศ โดยเฉพาะระบบเตือนภัยข้ามแดนเมียนมา-ไทย สำหรับลุ่มน้ำกกและโขง
เชียงรายบนเส้นทางบริหารจัดการน้ำในยุคใหม่

จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญบททดสอบใหม่ในการบริหารจัดการน้ำในสภาวะอากาศสุดขั้วและคุณภาพน้ำที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น แม้จะมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การขาดงบประมาณและระบบข้อมูลที่ทันสมัยคืออุปสรรคสำคัญ การยกระดับระบบแจ้งเตือน การสื่อสาร และการลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐานแบบอ่อน” ร่วมกับการบูรณาการแผนรับมือภัยพิบัติข้ามภาคส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงน้ำอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อชุมชนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย)
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรมชลประทาน
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • ศูนย์ข่าวภัยพิบัติและงานวิจัยภาคเหนือ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พลังเยาวชนเชียงราย อบจ.ระดมจิตอาสา คืนห้องเรียนให้น้อง หลังน้ำท่วม

ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ระดมจิตอาสา “CR-PAO Youth Power คืนห้องเรียนให้น้อง” ฟื้นฟูโรงเรียนบ้านแม่เปา หลังเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก

เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังท่ามกลางสถานการณ์อุทกภัยจากน้ำป่าไหลหลากที่สร้างความเสียหายให้กับหลายพื้นที่ในอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือโรงเรียนบ้านแม่เปา ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ที่ร่วมกับสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย จิตอาสา และเครือข่ายภาคประชาสังคม ลงพื้นที่ฟื้นฟูโรงเรียนบ้านแม่เปาอย่างเร่งด่วน ผ่านกิจกรรม “CR-PAO Youth Power: คืนห้องเรียนให้น้อง”

คืนชีวิตให้โรงเรียน คืนโอกาสให้น้องนักเรียน

วันที่ 29 มิถุนายน 2568 ทีมศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย พร้อมสภาเยาวชนและกลุ่มจิตอาสา ได้รวมพลังกันทำความสะอาดห้องเรียน ห้องสมุด อาคารเรียน สนามเด็กเล่น และพื้นที่โดยรอบโรงเรียนบ้านแม่เปา ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย ที่ได้รับความเสียหายและมีโคลนทับถมหลังเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อให้น้อง ๆ นักเรียนและคุณครูกลับมาใช้ชีวิตและดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติในเร็ววัน

ภารกิจครั้งนี้นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่น้อง ๆ และครอบครัวในชุมชนที่ต่างเผชิญความยากลำบากหลังประสบภัย โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคีเครือข่าย มูลนิธิภาคประชาสังคมในพื้นที่ รวมถึงการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและผู้ปกครอง ที่มาร่วมมือช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะอาดสำหรับเด็ก ๆ

การบูรณาการเพื่อฟื้นฟูพื้นที่การศึกษา

กิจกรรม “CR-PAO Youth Power: คืนห้องเรียนให้น้อง” เป็นภาพสะท้อนความเข้มแข็งของพลังเยาวชนท้องถิ่นที่ไม่เพียงตระหนักถึงคุณค่าของการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังแสดงถึงการร่วมแรงร่วมใจของคนทุกวัย ที่พร้อมใจลุกขึ้นมาฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยให้ความสำคัญต่อโอกาสในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ที่จะไม่ขาดตอน

ในขณะที่ภาคส่วนราชการ อบจ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และเยียวยาความเสียหาย กำลังของกลุ่มเยาวชนและจิตอาสาได้เข้ามาช่วยเสริมในระดับพื้นที่เล็ก ๆ แต่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางสังคม เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อีกครั้งอย่างมีความสุขและปลอดภัย

บทวิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายสะท้อนถึงความท้าทายของชุมชนต่อการรับมือกับภัยธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ภารกิจของหน่วยงานรัฐ แต่ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

การรวมพลังจิตอาสาเพื่อฟื้นฟูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงคืนโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสาธารณะและสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย
  • โรงเรียนบ้านแม่เปา
  • ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (30 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ อบจ.เชียงรายไม่ทิ้งใคร เร่งช่วยน้ำท่วมแม่เปา มอบน้ำ-ถุงยังชีพ

นายก อบจ.เชียงราย นำทีมลงพื้นที่น้ำป่าแม่เปา ฟื้นฟูพื้นที่-ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด

เชียงราย, 29 มิถุนายน 2568 – ในช่วงหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากรุนแรงในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พร้อมด้วยทีมบริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งนำทีมลงพื้นที่ทันทีเพื่อสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

ลงพื้นที่ช่วยเหลือ-ประชุมวางแผนฟื้นฟู

นางอทิตาธร พร้อมนายวสันต์ วงศ์ดี ผู้อำนวยการสำนักช่าง อบจ.เชียงราย, นางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผอ.กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันฯ และเจ้าหน้าที่ ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้นำท้องถิ่นที่ศูนย์เฉพาะกิจฯ ต.แม่เปา เพื่อติดตามรายงานสถานการณ์ ค้นหาผู้สูญหาย ซ่อมแซมคอสะพาน และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยได้เน้นย้ำให้เร่งซ่อมแซมสะพานและเส้นทางสัญจรที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน

ลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ-สร้างขวัญกำลังใจ

จากนั้น คณะได้เดินทางต่อไปยังบ้านขุนห้วย ตำบลแม่เปา สำรวจจุดที่ได้รับผลกระทบ พร้อมมอบน้ำดื่ม 700 แพ็ค และถุงยังชีพ 65 ชุดให้ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น โดยมีนายฐิติพันธ์ เข็มขาว นายก อบต.แม่เปา ให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่

นางอทิตาธร ได้เน้นย้ำว่าทุกชีวิตคือความสำคัญ อบจ.เชียงรายจะเร่งสนับสนุนทั้งทรัพยากร งบประมาณ และกำลังคน เพื่อดูแลประชาชนอย่างรอบด้าน พร้อมวางแผนฟื้นฟูระยะยาวในประเด็นโครงสร้างพื้นฐานและการป้องกันเหตุซ้ำในอนาคต พร้อมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับเพื่อสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ และความรู้ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติในระยะต่อไป

ความสำเร็จและเป้าหมายการฟื้นฟู

การดำเนินการครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนการทำงานร่วมกันของหน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัด ที่เห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ทั้งในช่วงเกิดเหตุและหลังเหตุการณ์ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับ อบต., กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และภาคประชาชน

สำหรับแผนฟื้นฟูต่อจากนี้ อบจ.เชียงรายจะเร่งสำรวจความเสียหายทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ระบบประปา รวมถึงวางแนวทางในการพัฒนาระบบเตือนภัยและการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและเตรียมพร้อมต่อการรับมือภัยพิบัติในอนาคต

ข้อคิดและวิเคราะห์สถานการณ์

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจทุกภาคส่วนว่าการเฝ้าระวังและรับมือภัยพิบัติยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของจังหวัดเชียงราย การมีผู้นำท้องถิ่นที่กระตือรือร้น ลงพื้นที่จริงจัง พร้อมขับเคลื่อนการแก้ไขและฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์เฉพาะกิจฯ ตำบลแม่เปา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายก อบจ.ลุยเอง สำรวจน้ำท่วม รพ.สต.แม่เปา ดันบริการแพทย์คืนสู่ปกติ

รองนายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ รพ.สต.แม่เปา เร่งสำรวจ-ฟื้นฟู หลังเจอน้ำป่าไหลหลาก กระทบระบบบริการสุขภาพชุมชน

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดเชียงรายยังคงสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปา (รพ.สต.แม่เปา) ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยบริการสาธารณสุขสำคัญของชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุทกภัยครั้งนี้

สำรวจสถานการณ์จริง รับฟังข้อมูลเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ได้รับฟังรายงานสถานการณ์ความเสียหายจากนางอนงค์ ปาคำวัฒนสกุล ผู้อำนวยการ รพ.สต.แม่เปา ซึ่งชี้แจงว่า สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายต่ออาคารสถานที่ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และอุปกรณ์การแพทย์ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะโคลนและเศษวัสดุต่าง ๆ ที่ไหลทับถมภายในพื้นที่ ส่งผลให้บริการแก่ประชาชนต้องหยุดชะงักชั่วคราว

นายจิราวุฒิ ได้ประสานไปยังกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย เพื่อจัดส่งเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงและอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าพื้นที่เป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งเร่งฟื้นฟูความสะอาดและซ่อมแซมจุดที่ได้รับความเสียหายโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริการสาธารณสุขพื้นฐานกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้โดยไม่ล่าช้า

ย้ำเดินหน้าแผนฟื้นฟูและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

อบจ.เชียงราย ได้วางแผนการดำเนินงานในสองระยะ ได้แก่ การฟื้นฟูและบรรเทาทุกข์เร่งด่วนในช่วงสถานการณ์วิกฤต และการวางแผนป้องกันภัยในระยะยาว เพื่อรับมือกับเหตุการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ โดยเฉพาะการพัฒนาและปรับปรุงระบบระบายน้ำ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การจัดเก็บเวชภัณฑ์ให้ปลอดภัย รวมถึงการอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างมืออาชีพ

สำหรับการสนับสนุนเบื้องต้น อบจ.เชียงรายจะเร่งดำเนินการจัดสรรงบประมาณที่จำเป็น รวมถึงการประสานวัสดุอุปกรณ์และกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู ทั้งนี้ ยังคงเปิดรับการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างครอบคลุมและตรงจุดมากที่สุด

เสียงสะท้อนจากชุมชน – สุขภาพต้องมาก่อน

นางอนงค์ ปาคำวัฒนสกุล ผู้อำนวยการ รพ.สต.แม่เปา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่พยายามเร่งฟื้นฟูอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานทางสาธารณสุขได้ตามปกติ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด”

นอกจากนี้ การดูแลสุขอนามัยหลังเหตุอุทกภัยก็เป็นประเด็นสำคัญ เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อจากน้ำและสิ่งแวดล้อม อบจ.เชียงรายและ รพ.สต.แม่เปา ได้เน้นย้ำถึงมาตรการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์แก่ชาวบ้านในการป้องกันโรคที่อาจมากับน้ำท่วม

บทเรียนและทิศทางต่อไป

สถานการณ์ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมทั้งเชิงโครงสร้างพื้นฐานและเชิงนโยบายรับมือภัยธรรมชาติ โดยหน่วยงานในพื้นที่และภาคีเครือข่าย ต้องร่วมมือกันวางมาตรการป้องกันและบรรเทาภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อบจ.เชียงราย ยืนยันว่า จะสนับสนุนการฟื้นฟูโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปาและหน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่งที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพและทั่วถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เปา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ขึ้นเชียงราย เร่งช่วยน้ำท่วม ย้ำฟื้นฟูยั่งยืน พร้อมรับฟังประชาชน

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เร่งช่วยเหลือ-เยียวยา เดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูง เดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจและแสดงความหวังใจต่อผู้นำรัฐบาล ก่อนนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอพญาเม็งรายและพื้นที่ประสบภัยอื่น ๆ ของจังหวัด

รับฟังรายงานและสำรวจพื้นที่จริง

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะทราบ โดยเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ส่งผลกระทบต่อ 5 อำเภอ 10 ตำบล 32 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 4,405 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 3 จุด สถานพยาบาล 2 แห่ง และพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะนาข้าว ได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่

จังหวัดเชียงรายได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดส่งถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็น และให้หน่วยงานด้านการเกษตรสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

ลงพื้นที่พบปะ-มอบถุงยังชีพ สร้างพลังใจ

นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่บ้านสบเปา ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย เพื่อพบปะประชาชนผู้ประสบภัย มอบถุงยังชีพ และกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า

“ดิฉันเดินทางมาในวันนี้เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชน เพราะปีนี้ฝนตกมากกว่าปกติ หลายพื้นที่ไม่เคยประสบเหตุลักษณะนี้มาก่อน ธรรมชาติที่แปรปรวนได้สร้างสถานการณ์ยากลำบาก แต่ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน จะเร่งฟื้นฟูและช่วยเหลือทุกคนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในการฟื้นฟูพื้นที่ และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาและส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

วางแผนระยะสั้น-กลาง-ยาว เพื่อรับมือภัยพิบัติซ้ำซาก

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรับมือทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของระบบเตือนภัยล่วงหน้า การจัดเตรียมศูนย์พักพิงที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการน้ำ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนเกษตรกรในระยะยาว

ทั้งนี้ การบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเร่งสำรวจ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบภัยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ละเลยกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง

ประชาชนสะท้อนปัญหาและข้อเสนอแนะต่อผู้นำรัฐบาล

ในระหว่างภารกิจลงพื้นที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้พูดคุย สอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย น้ำดื่ม อาหาร เครื่องใช้จำเป็น รวมถึงเงินเยียวยาจากเหตุอุทกภัยครั้งก่อนที่บางครอบครัวยังไม่ได้รับ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการฟื้นฟูศูนย์เด็กเล็กที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน

บรรยากาศอบอุ่น สะท้อนพลังใจคนเชียงราย

บรรยากาศการลงพื้นที่ตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยเฉพาะการต้อนรับจากประชาชนที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงและบ้านสบเปา หลายคนสวมเสื้อแดงและนำดอกกุหลาบ พวงมาลัยมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี รวมทั้งร่วมถ่ายภาพเซลฟี่และส่งเสียงเชียร์ “สู้ๆ นะเจ้า” อย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีตอบรับด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำให้กำลังใจกลับไป

ภารกิจในพื้นที่ยังรวมถึงการเดินทางไปยังวัดสันติคีรี อำเภอพญาเม็งราย เพื่อมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจประชาชน พร้อมย้ำว่าวิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปด้วยความร่วมมือและพลังใจจากทุกฝ่าย

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางการเยียวยา

การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เน้นย้ำบทบาทของรัฐบาลและหน่วยงานทุกระดับในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างจริงจัง ทั้งการแจกจ่ายถุงยังชีพ การดูแลกลุ่มเปราะบาง การวางแผนฟื้นฟูและจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาในระยะยาว ขณะเดียวกันยังเป็นเวทีรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะโดยตรงจากประชาชน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการบริหารจัดการภัยพิบัติและเยียวยาให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

“ขอมาให้กำลังใจให้ทุกคนและหวังเป็นอย่างยิ่งวันนี้ได้พบปะกันจะมีกำลังใจกันมากขึ้นและหวังว่าวิกฤตนี้จะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลเห็นความสำคัญของประชาชนเสมอ วันนี้มาให้กำลังใจมาพูดคุย ขอให้ทุกคนทำตัวสบายๆ ถ่ายรูปเจอกันได้ อย่างน้อยๆให้เป็นช่วงเวลาดีๆที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ดิฉันมาที่นี่ก็ได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเช่นกันตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจมากๆขอมาเป็นกำลังใจและขอรับกำลังใจจากประชาชนด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ทำเนียบรัฐบาล
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

อีกหนึ่งบทเรียนน้ำท่วม สร้าง ‘คู่มือรับมือ’ สู่เมืองรับภัยยั่งยืน

ถอดบทเรียนเพื่ออนาคต: “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย 27 มิถุนายน 2568กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนทั้งความท้าทายและความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ ภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข พร้อมด้วยนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ผ้าห่ม และถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย คือภาพแทนของการทำงานที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมย้ำชัดเจนถึงความจำเป็นในการ “ถอดบทเรียน” เพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างเป็นระบบ

ภาพรวมสถานการณ์และมาตรการเร่งด่วน

หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของเชียงราย ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรเป็นวงกว้าง ทางจังหวัดได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที ทั้งการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขนย้ายสิ่งของสู่ที่สูง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ การเตรียมครัวสนามแจกจ่ายอาหาร รวมถึงการลำเลียงกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย

อย่างไรก็ดี แม้การบูรณาการความร่วมมือจะเป็นไปอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง แต่ก็พบ “จุดอ่อน” และ “ข้อจำกัด” ในการรับมือกับวิกฤต เช่น ช่องว่างของระบบเตือนภัย ความสับสนในกระบวนการอพยพบางพื้นที่ รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและเตรียมพร้อมของประชาชนในพื้นที่ต่ำหรือพื้นที่ติดลำห้วย

วิเคราะห์และถอดบทเรียน “น้ำท่วมเชียงราย 2568”

สิ่งสำคัญที่จังหวัดเชียงรายต้อง “ถอดบทเรียน” จากเหตุการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด ได้แก่

  1. การวิเคราะห์สาเหตุและพฤติกรรมของน้ำท่วม
    ควรมีการศึกษาข้อมูลสถิติฝนตกและลักษณะภูมิประเทศเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิเคราะห์จุดเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่รับน้ำ เพื่อประเมินแนวโน้มความรุนแรงในอนาคต
  2. ประสิทธิภาพระบบเตือนภัย
    ต้องประเมินความทันสมัยของเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน จุดตรวจวัดน้ำท่า และระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าทั้งผ่าน Cell Broadcast วิทยุชุมชน และสื่อโซเชียล พร้อมทบทวนขั้นตอนแจ้งเตือนและอพยพให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าใจตรงกัน
  3. การสำรวจจุดอ่อนและการประสานงาน
    สำรวจขั้นตอนการอพยพและการจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว การบริหารเครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉิน ความชัดเจนของบทบาทแต่ละหน่วยงานในภาวะวิกฤต รวมถึงช่องทางการสื่อสารกับประชาชนให้มีประสิทธิภาพ
  4. การวางแผนฟื้นฟูและช่วยเหลือหลังภัย
    เร่งสำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นธรรม ทันเวลา และโปร่งใส พร้อมวางแผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบประปา ระบบไฟฟ้า และพื้นที่เกษตรกรรมโดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน

แนวทางสู่ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เมื่อบทเรียนได้รับการสรุปอย่างรอบด้าน จังหวัดเชียงรายควรเดินหน้าจัดทำ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่มีเนื้อหาเฉพาะสอดรับกับบริบทพื้นที่ ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติสำหรับทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในระดับหมู่บ้าน – ชุมชน ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การแจ้งเตือน การอพยพ การช่วยเหลือฉุกเฉิน ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมถึงข้อมูลเส้นทางอพยพ จุดปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ หมายเลขติดต่อฉุกเฉิน และแบบฟอร์มสำรวจความเสียหาย

การมีคู่มือฯ ที่เป็นรูปธรรมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือ ลดความสูญเสีย และเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต

สรุป

ภัยพิบัติในครั้งนี้คือบททดสอบที่สำคัญของระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตระหนักดีว่าการ “ถอดบทเรียน” และ “พัฒนาแนวทางป้องกัน” ให้รัดกุมและทันสมัยคือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจังในอนาคต การมี “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่เกิดจากประสบการณ์จริง จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความมั่นใจและลดความสูญเสียในทุกมิติ สร้างเมืองที่มีภูมิคุ้มกัน พร้อมเผชิญทุกวิกฤตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ อบจ.เชียงรายไม่นิ่งนอนใจ ระดมสรรพกำลังช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อบจ.เชียงราย เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก มอบน้ำอุปโภคบริโภค-ถุงยังชีพ พร้อมลุยฟื้นฟูพื้นที่แม่เปา หลังวิกฤตน้ำท่วมหนัก

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานได้รับผลกระทบอย่างหนัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย และรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้แสดงจุดยืน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เร่งระดมทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

อบจ.เชียงราย” เดินหน้าเคียงข้างชาวบ้าน ลุยทุกจุดเสี่ยง

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ. นายอาทิตย์ รู้ทำนอง สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 1 นายสุชัด เสนคำ สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 2 นายสุใจ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภา อบจ. อำเภอพญาเม็งราย เขต 1 ตลอดจนบุคลากรจากกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองสาธารณสุข และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการในทุกจุดเสี่ยง

บ้านเรือนพัง-ประปาเสียหาย ชาวบ้านขาดน้ำใช้ อบจ.จัด “รถน้ำ-ถุงยังชีพ” กระจายความช่วยเหลือ

ผลกระทบจากน้ำป่าที่ไหลหลากฉับพลัน ไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน แต่ยังส่งผลต่อระบบประปาหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องขาดแคลนน้ำสะอาด ทั้งในการอุปโภคบริโภคและทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยโคลน อบจ.เชียงรายจึงระดม “รถน้ำขนาดใหญ่” ตระเวนแจกจ่ายน้ำสะอาดในทุกพื้นที่ประสบภัย พร้อมจัดชุดถุงยังชีพที่ประกอบด้วยสิ่งของจำเป็นและน้ำดื่มสะอาด แจกจ่ายถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ลงพื้นที่-เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมประเมินวางแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด

นอกจากการจัดส่งทรัพยากร อบจ.เชียงราย ยังส่งบุคลากรลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ สำรวจความเสียหาย วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน ระบบประปา เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด

มุ่งบรรเทาทุกข์ระยะสั้น-ฟื้นฟูระยะยาว คืนคุณภาพชีวิตแก่ประชาชน

การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้มุ่งเน้นทั้งการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นและการฟื้นฟูในระยะต่อไป โดยอบจ.เชียงรายประกาศยืนยันจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการสนับสนุนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา เพื่อร่วมกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

เสียงแห่งความหวังจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวให้กำลังใจว่า “ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกคน อบจ.เชียงรายขอประกาศเจตนารมณ์อย่างมั่นคงว่า จะเดินหน้าให้การช่วยเหลือ สนับสนุน และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง จนกว่าทุกชีวิตจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้ง”

สรุป

วิกฤตน้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ แม้สร้างบาดแผลให้กับชาวบ้านแม่เปาอย่างหนัก แต่ด้วยความร่วมมือของ อบจ.เชียงราย หน่วยงานท้องถิ่น และจิตอาสา เชื่อมั่นว่าความเข้มแข็งและความช่วยเหลือที่รวดเร็วจะช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและสร้างรอยยิ้มคืนสู่ทุกครัวเรือนอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายหนัก น้ำป่าถล่ม 5 อำเภอ ทหารเร่งช่วย-ตั้งครัวสนาม

เชียงรายวิกฤต! น้ำป่าไหลหลาก 5 อำเภอ 32 หมู่บ้านจมบาดาล บ้านเรือนเสียหายกว่า 4,400 ครัวเรือน ทหาร-หน่วยงานรัฐระดมช่วยเหลือ เตือนเฝ้าระวังต่อเนื่อง

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 5 อำเภอ 10 ตำบล รวม 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรกว่า 4,405 ครัวเรือน ถนนสายหลัก 3 จุด และสถานบริการสาธารณสุข 2 แห่ง ได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่พื้นที่เกษตรโดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 500 ไร่ และยังมีความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

ฝนถล่มต่อเนื่อง – สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุด

ข้อมูลรายงานเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายได้แจ้งเตือนทุกอำเภอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ รวมถึงกำลังพลเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

พื้นที่ประสบภัยหนัก ครอบคลุม 5 อำเภอ

  • อำเภอพญาเม็งราย
    1. ต.ตาดควัน หมู่ 4 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโรงเรียนและบ้านเรือน 200 ครัวเรือน สะพานขาดการสัญจร
    2. ต.แม่เปา หมู่ 1, 2, 3, 6, 11, 12, 14, 16, 20 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมขุนห้วยแม่เปา บ้านเรือน 3,705 ครัวเรือน รพ.สต.แม่เปาได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ถนนขาด
    3. ต.แม่ต๋ำ หมู่ 2, 7, 8, 10 น้ำท่วมบ้านเรือน 500 ครัวเรือน
  • อำเภอเวียงชัย
    1. ต.ผางาม หมู่ 1, 3, 7, 13 น้ำป่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและถนนสายหลัก ทล.1326 รถสัญจรไม่ได้
    2. ต.ดอนศิลา หมู่ 10 น้ำท่วมนาข้าว 500 ไร่
  • อำเภอเชียงแสน
  1. ต.บ้านแซว หมู่ 4, 11, 12 น้ำท่วมถนน เส้นทางถูกตัดขาด
  • อำเภอเวียงเชียงรุ้ง
    1. ต.ทุ่งก่อ หมู่ 6, 7, 15
    2. ต.ป่าซาง หมู่ 5, 6, 7, 10, 14
    3. ต.ดงมหาวัน หมู่ 4 น้ำท่วมโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง พื้นที่เกษตร บ้านเรือนได้รับผลกระทบบางส่วน
  • อำเภอเทิง
    1. ต.เวียง หมู่ 20 น้ำเข้าท่วมถนนหน้าโรงพยาบาลเทิง

ทหาร-หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มกำลัง

พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) นำกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ รถยกสูงและเรือยาง เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ตำบลแม่เปา อ.พญาเม็งราย โดยเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง เด็กและผู้สูงอายุ ลำเลียงออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงปลอดภัย ขณะเดียวกันยังจัดตั้ง “ครัวสนาม” สำหรับปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย เริ่มตั้งแต่มื้อเย็นวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ผลิตได้ 3,000 กล่องต่อมื้อ พร้อมรับการสนับสนุนวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรมการทหารช่างยังจัดส่งกำลังพล เรือยางติดเครื่อง เรือท้องแบน และรถ FTS ยกสูง เพื่ออำนวยความสะดวกในการลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ที่ถูกตัดขาด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในบ้านเรือนริมห้วยหรือในพื้นที่ต่ำ

มาตรการรับมือและแนวโน้มสถานการณ์

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้ประสานและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบอย่างรวดเร็ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์น้ำและฝนฟ้าอากาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

จากแนวโน้มฝนตกหนักต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายใน 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณใกล้ลำห้วยที่มีความเสี่ยงสูง ประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเตรียมการขนย้ายสิ่งของจำเป็นให้พร้อมกรณีต้องอพยพฉุกเฉิน

วิเคราะห์ผลกระทบ – จัดการน้ำและฟื้นฟูระยะยาว

สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานในชนบท ทั้งด้านสะพาน ถนน และการเข้าถึงสถานพยาบาลที่อาจต้องได้รับการปรับปรุงและยกระดับในระยะยาว ทั้งนี้การตั้ง “ครัวสนาม” และการระดมทรัพยากรทั้งทหารและหน่วยงานพลเรือนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ดี ภาคการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวในพื้นที่กว่า 500 ไร่ที่ได้รับความเสียหาย อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในฤดูกาลนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูทั้งภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการจัดการน้ำแบบบูรณาการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำซากในอนาคต

สรุป

เชียงรายกำลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร และจิตอาสาเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกด้าน พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง ขณะนี้การช่วยเหลือกำลังดำเนินอย่างเข้มข้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37)
  • กรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News