Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กสทช. จัดประชุมรับฟังสิทธิการสื่อสาร พัฒนาเชียงราย

กสทช. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เน้นสิทธิและเสรีภาพการสื่อสารของประชาชน

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 กสทช. ร่วมกับ กตป. และมหาวิทยาลัยบูรพา จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในเรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารของประชาชน โดยมี พลเรือเอก ประสาน สุขเกษตร ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. กสทช. เป็นประธานเปิดงาน

วัตถุประสงค์ของการประชุม

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing) และติดตามผลการดำเนินงานของ กสทช. ในการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงการสื่อสาร โดยเน้นให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเสนอแนะและให้ความเห็นได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กตป. ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. และที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพาเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานในปี 2567

กลุ่มเป้าหมายในการประชุม

การประชุมในวันนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ หน่วยงานราชการ, สื่อมวลชน, ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการผลิต, บุคลากรจากสถาบันการศึกษา, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ผู้ด้อยโอกาส, ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, ผู้นำชุมชน, กลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการสื่อสารของประชาชน

ประเด็นปัญหาและข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่

ในที่ประชุม พลเรือเอกประสาน ได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนซึ่งมักประสบปัญหาจากการ ลักลอบส่งสัญญาณจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้เกิดการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากมิจฉาชีพ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรเข้ามาหลอกลวงประชาชน

พลเรือเอกประสานยังกล่าวถึงกรณีที่มีการใช้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งช่วยให้มิจฉาชีพสามารถติดต่อกับเหยื่อในประเทศไทยได้จากต่างประเทศ เช่น การใช้สัญญาณผ่านระบบของ อีลอน มัสก์ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะในเขต คิงโรมัน ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเป็นความท้าทายที่ กสทช. ต้องเผชิญและแก้ไขอย่างเร่งด่วน

แนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหา

เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบใช้คลื่นความถี่ ทาง กสทช. ได้เสนอให้จัดตั้ง ศูนย์บัญชาการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยรวบรวมทีมตำรวจ อัยการ ธนาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิด น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย ทาง กสทช. ยังได้เข้ามาดูแลเรื่องการสื่อสารโดยการส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลให้คลื่นสัญญาณใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤต

บทสรุป

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ กสทช. และ กตป. ในการรับฟังความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงการสื่อสาร โดยเน้นให้การสื่อสารเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนในยุคดิจิทัล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทุ่มงบ 12,000 ล้านบาท ให้เชียงราย ใช้ 5 ปี เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงลุ่มแม่น้ำโขง

ทุ่มงบ 12,000 ล้านบาท ให้เชียงราย ใช้ 5 ปี เป็นศุนย์กลางเชื่อมโยงลุ่มแม่น้ำโขง

การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ: เน้นจังหวัดเชียงรายและงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน

ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ : NEC

ประเทศไทยกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง การลงทุนหดตัว การส่งออกลดลง ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง นักท่องเที่ยวลดลง ธุรกิจต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก เกิดวิกฤตการว่างงาน ปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจถดถอย

จากสถานการณ์ดังกล่าว ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับประเทศ โดยการนำแนวคิด BCG Model มาใช้เป็นกรอบการพัฒนา ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว สอดรับกับกระแสความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

โดยภาคเหนือ (NEC) เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโมเดล BCG ด้วยจุดเด่นด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว ทรัพยากรชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น การพัฒนา NEC ด้วยโมเดล BCG จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมีแนวคิดในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA) ต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย 4 จังหวัด ขับเคลื่อนด้วย 4 อุตสาหกรรมหลัก ดังนี้

  1. จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ของภาคเหนือ
  2. จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพื้นที่ที่ติดกับชายแดน ทำให้มีจุดเด่นด้านการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน
  3. จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมส่งออก และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
  4. จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงของการขนส่งระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ

การพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ: โอกาสใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือการระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ อย่างไรก็ตาม การพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

วิสัยทัศน์ของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ

การพัฒนา NEC มีเป้าหมายหลักในการยกระดับเศรษฐกิจภาคเหนือผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน

การยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

ภาคเหนือมีจุดเด่นด้าน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรมล้านนา การพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะช่วยยกระดับมูลค่าสินค้าและบริการในพื้นที่ รวมถึงเชื่อมโยงความเป็นล้านนากับสื่อดิจิทัล นอกจากนี้ NEC ยังมีการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสร้างสรรค์ผ่านการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล

การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจภาคเหนือ NEC มีแผนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้มีความยั่งยืนมากขึ้นผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนและเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในระดับโลก

การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสุขภาพ

ภาคเหนือมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวและสุขภาพที่สูง ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ NEC ได้วางแผนที่จะยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้มีมาตรฐานระดับโลก โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการการดูแลสุขภาพ

การยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล

NEC มีการส่งเสริม อุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวอัจฉริยะ ภาคเหนือถูกวางให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลที่จะดึงดูด Digital Nomads จากทั่วโลก อีกทั้งยังมีการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรและการท่องเที่ยว

เชียงราย: ประตูสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจภาคเหนือ

จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดหลักที่ถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) ที่มีการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อยกระดับศักยภาพด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่าน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงรายได้รับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการสำคัญในพื้นที่

โครงการสำคัญในจังหวัดเชียงราย

หนึ่งในโครงการหลักที่ได้รับการผลักดันในจังหวัดเชียงรายคือโครงการ “Gateway to LMC (Lancang-Mekong Cooperation)” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่ม LMC โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

การสนับสนุนงบประมาณในจังหวัดเชียงราย

จากข้อมูลที่ได้รับมา จังหวัดเชียงรายได้รับการจัดสรรงบประมาณผ่านกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของ NEC โดยงบประมาณเหล่านี้ถูกใช้ในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ BCG Model

ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

การพัฒนาจังหวัดเชียงรายภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ

การบริหารจัดการในพื้นที่

การขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย ดำเนินการผ่านการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในคณะทำงาน และใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้

สรุป

โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ โดยเน้นจังหวัดเชียงราย เป็นโครงการที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนงบประมาณและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลก เชียงรายจึงเป็นพื้นที่ที่ควรจับตามองในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

 

การพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจผ่านการใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เกษตรและอาหาร ดิจิทัล และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News