Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

อีคอมเมิร์ซไทยยืน 1 อาเซียน คนไทยแชมป์โลกช้อปออนไลน์ ธุรกิจเชียงรายท้าทาย

อีคอมเมิร์ซไทยยืน 1 อาเซียน โตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว คนไทยครองแชมป์ซื้อของออนไลน์มากที่สุดของโลก คาดในปี 2573 ตลาดโต 2 ล้านล้านบาท

เชียงราย, 11 กันยายน 2568 – ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก แต่ภาคอีคอมเมิร์ซกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งสวนกระแส โดยสถิติล่าสุดเผยให้เห็นว่า คนไทยมีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์สูงที่สุดในโลก ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าถึง 1.1 ล้านล้านบาทในปี 2567 และเติบโตถึง 21.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญ

น.ส.วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า “คนไทยมีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยสัดส่วน 68.2% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 56.1% อย่างชัดเจน” ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่หันมายอมรับเทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิตประจำวันมากขึ้น

การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการขยายตัว ทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาด ทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เน้นความคุ้มค่าและแบรนด์เชื่อถือได้

ความสำเร็จของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยไม่ได้มาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนการซื้อเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างชัดเจน น.ส.วาริสฐา ชี้ให้เห็นว่า “นักช้อปออนไลน์ไม่ได้ลดจำนวนการซื้อลง แต่เปลี่ยนพฤติกรรมไปเน้นการซื้อสินค้าที่มีความคุ้มค่าและมาจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น”

แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนจากตัวเลขการใช้คูปองส่วนลด โดยในช่วงแคมเปญต่างๆ พบว่ากว่า 50% ของคำสั่งซื้อมีการใช้คูปองส่วนลดหลายตัวพร้อมกัน ทั้งคูปองส่งฟรีและคูปองส่วนลดประเภทอื่นๆ ซึ่งบ่งบอกถึงความชาญฉลาดในการเลือกซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการได้สินค้าคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

ตัวเลขจากแพลตฟอร์ม LazMall ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันแนวโน้มนี้ เมื่อยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 22% ตั้งแต่ต้นปี 2568 และยอดใช้จ่ายต่อครั้งผ่าน LazMall เพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 1,000 บาท ในขณะที่ยอดใช้จ่ายต่อครั้งบนแพลตฟอร์มทั้งหมดในช่วงแคมเปญเพิ่มขึ้นถึง 15% ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่เพียงแต่ซื้อสินค้ามากขึ้น แต่ยังยินดีจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้นเพื่อได้สินค้าคุณภาพจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้

อีคอมเมิร์ซไทยสู่เป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทในปี 2573

ด้วยอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะสามารถเติบโตแตะ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2573 ซึ่งหมายถึงการขยายตัวเกือบสองเท่าจากปัจจุบัน การเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในปี 2568 คิดเป็น 1 ใน 4 ของตลาดค้าปลีกไทยทั้งหมด

ความสำเร็จของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างของตลาดที่เอื้ออำนวย โดย 67% ของมูลค่าทั้งหมดเป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลส ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น

ผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิน กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและมีธุรกิจร้านค้าหน้าร้านจำนวนมาก

จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2568 จังหวัดเชียงรายมีการจดทะเบียนธุรกิจใหม่จำนวน 241 ราย ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของภาคเหนือ รองจากจังหวัดเชียงใหม่เพียงแห่งเดียว ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตทางเศรษฐกิจที่คึกคักในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของภาคการท่องเที่ยวเชียงราย ซึ่งสร้างรายได้เกือบ 2.6 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2568 และได้รับตำแหน่งเมืองรองด้านการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ ก็มาพร้อมกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร

ข้อมูลระดับประเทศแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจที่มีการจดทะเบียนใหม่สูงสุด โดยมีจำนวนถึง 1,832 รายในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2568 แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจประเภทนี้ก็ติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจที่มีการเลิกกิจการสูงสุดเช่นกัน โดยมีจำนวน 276 ราย

ร้านค้าเชียงรายเผชิญหน้าการปรับตัวครั้งสำคัญ

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซส่งผลให้ร้านค้าหน้าร้านในเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ในการรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับช่องทางออนไลน์ที่มีความสะดวกสบายและราคาแข่งขันได้สูง ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์และหาจุดแข็งที่ไม่สามารถทดแทนด้วยการซื้อขายออนไลน์ได้

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ร้านค้าในเชียงรายพิจารณาปรับตัวในสามด้านหลัก ได้แก่ การสร้างความน่าเชื่อถือบนออนไลน์ผ่านการผสานช่องทางขายแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุน และการสร้างประสบการณ์หน้าร้านที่ไม่เหมือนใครซึ่งหาไม่ได้จากการซื้อขายออนไลน์

การสร้างประสบการณ์หน้าร้านที่มีคุณค่าถือเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับช่องทางออนไลน์ ร้านค้าควรเป็นมากกว่าแค่จุดขาย แต่เป็นสถานที่ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากออนไลน์ เช่น การนำเสนอเรื่องราวของสินค้า การจัดเวิร์กช็อป หรือการให้คำปรึกษาเชิงลึก ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและสร้างความภักดีในระยะยาว

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

แม้ว่าการเติบโตของอีคอมเมิร์ซจะสร้างความท้าทายต่อธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้ทัน ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงให้เห็นว่า อัตราส่วนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ต่อการเลิกกิจการในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2568 อยู่ที่ 7:1 ซึ่งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราส่วน 4:1

ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงสุขภาพโดยรวมของระบบเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตและแข็งแกร่ง แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน สำหรับจังหวัดเชียงราย การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงเป็นจุดแข็งที่สำคัญในการดึงดูดการลงทุนและการท่องเที่ยวต่อไป

ในขณะเดียวกัน แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของทุนจดทะเบียนแม้ว่าจำนวนธุรกิจใหม่จะลดลงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่และใช้เงินทุนสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่มีการแข่งขันสูงและต้องการความมั่นคงในระยะยาว

ร้านค้าเชียงรายเผชิญหน้าความท้าทายใหม่ จากกระแสดิจิทัลที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค

ปรากฏการณ์การเติบโตของอีคอมเมิร์ซไทยท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แสดงให้เห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าภาคการค้าปลีกของประเทศ การที่คนไทยมีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์สูงที่สุดในโลกไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการยอมรับเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างเชียงราย การปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น ผู้ประกอบการที่สามารถผสานจุดแข็งของหน้าร้านกับความสะดวกสบายของช่องทางออนไลน์ จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัล

เป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2573 ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการบริโภคและการค้าขาย ซึ่งจะต้องมีการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • น.ส.วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development – DBD) กระทรวงพาณิชย์
  • รายงานการวิเคราะห์ภาวะการจดทะเบียนธุรกิจในจังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2568
  • ข้อมูลสถิติการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
  • DBD DataWarehouse+ ฐานข้อมูลธุรกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

E-commerce ไทย Gen Z ขับเคลื่อนตลาด

Gen Z พลิกเกมตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2568 คอนเทนต์-ความคุ้มค่า-ไลฟ์สไตล์ คือคำตอบ

ประเทศไทย, 30 พฤษภาคม 2568 – ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่แข่งขันกันดุเดือดในโลกออนไลน์ รายงาน Thailand E-Commerce Trends 2025 คาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท สะท้อนโอกาสทางเศรษฐกิจที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ซึ่งมีสัดส่วนประชากรกว่า 20% ของประเทศ และเป็นกลุ่มผู้ใช้ดิจิทัลที่มีพฤติกรรมและแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจเฉพาะตัว

พฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z คอนเทนต์สั้นกระชับ-อินฟลูเอนเซอร์น่าเชื่อถือ-แพลตฟอร์มต้องหลากหลาย

บริษัท Kantar (คันทาร์) เผยผลวิจัยล่าสุดในหัวข้อ “From Watching to Buying: Why Gen Z Are Embracing Content-Driven Shopping” ซึ่งศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z อายุระหว่าง 18-24 ปี ในประเทศไทย ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญของการเลือกซื้อสินค้าในยุคที่ “คอนเทนต์” คือหัวใจหลัก

ผู้บริโภค Gen Z นิยมคอนเทนต์วิดีโอสั้นแนวตั้ง (Vertical Short Video) ถึง 71% ตามมาด้วยวิดีโอยาว เช่น Vlog หรือคลิปรีวิวสินค้าลึก ๆ ถึง 56% โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเสพคอนเทนต์คือ YouTube (78%) TikTok Instagram และ Facebook ตามลำดับ

นอกจากนี้ 97% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่า “ครีเอเตอร์ที่น่าเชื่อถือ” มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างมาก โดยเน้นการรีวิวจากผู้ที่ใช้สินค้าจริง พร้อมการให้ข้อมูลลึกและตรงไปตรงมา

ไลฟ์สไตล์คืออัตลักษณ์ สินค้าต้อง ‘ใช่ฉัน’ ถึงจะขายได้

พฤติกรรมการซื้อของกลุ่ม Gen Z แสดงออกถึงการเลือกสินค้าที่สะท้อนอัตลักษณ์ของตนเอง สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่นผู้หญิง ความงาม และเครื่องประดับแฟชั่น

กลุ่มผู้บริโภคหญิงแสดงความสนใจในสินค้าได้หลากหลายมากกว่าเพศชาย ขณะที่ผู้ชาย Gen Z ให้ความสนใจกับสินค้าแฟชั่นผู้ชาย และอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์

ช่องทางในการค้นหาข้อมูลและตัดสินใจซื้อสินค้า เรียงลำดับจาก Shopee เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย TikTok Shop และ Lazada ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรม ‘เสิร์ชก่อนซื้อ’ และเชื่อมโยงกับคอนเทนต์ที่พวกเขาเห็นบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ

คุ้มค่ามาก่อนราคาถูก ‘ส่งฟรี’ คือคำตอบสุดท้ายของ Gen Z

แม้เศรษฐกิจจะยังท้าทาย แต่ Gen Z ไม่ได้เลือกซื้อของเพราะ ‘ถูก’ อย่างเดียว 40% ระบุว่า ‘ส่งฟรี’ คือปัจจัยหลักในการตัดสินใจ รองลงมาคือ โปรโมชั่นที่น่าสนใจ (29%) และส่วนลดที่คุ้มค่า (28%)

พฤติกรรมนี้สะท้อนว่า นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับประสบการณ์และคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ ไม่ใช่แค่แข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว

แพลตฟอร์มยอดนิยมของ Gen Z  Shopee ครองอันดับหนึ่ง

ในแง่ของการจับจ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ พบว่า Shopee ได้รับความนิยมสูงสุดจาก Gen Z คิดเป็น 52% ตามด้วย Lazada (22%) TikTok (16%) และ Facebook (8%) โดยปัจจัยที่ทำให้ Shopee ครองใจผู้ใช้คือ UX/UI ที่ใช้งานง่าย ระบบขนส่งที่เชื่อถือได้ และโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

ความคุ้มค่า + คอนเทนต์ + ครีเอเตอร์ = สูตรสำเร็จบนโลกออนไลน์

ผลวิจัยฉบับนี้ชี้ชัดว่า หากแบรนด์และนักการตลาดต้องการเข้าถึง Gen Z ได้อย่างแท้จริง ต้องปรับวิธีคิดจาก ‘ขายของ’ เป็น ‘สร้างประสบการณ์’ โดยคำนึงถึงจุดตัดระหว่างแพลตฟอร์ม คอนเทนต์ อินฟลูเอนเซอร์ และความคุ้มค่าอย่างสมดุล

แบรนด์ไม่ควรมองว่า Gen Z เป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่นที่จ่ายน้อย แต่ต้องเข้าใจว่าพวกเขาคือผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีพลังต่อรองสูง และหากสามารถสร้าง Brand Loyalty ได้ ก็จะเกิดความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว

เชียงรายกับโอกาสในอีคอมเมิร์ซภูมิภาค

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและสื่อออนไลน์เติบโตต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีร้านค้าออนไลน์และกลุ่มครีเอเตอร์ท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15% ตามข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย (2567)

ความสามารถในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเชียงราย โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยและนักค้าขายอิสระ ช่วยผลักดันให้เชียงรายกลายเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซระดับภูมิภาคตอนบนของประเทศ นักการตลาดจึงควรพิจารณาขยายแคมเปญเจาะกลุ่ม Gen Z ในภูมิภาคควบคู่กับเมืองใหญ่

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2568: 1.07 ล้านล้านบาท (ที่มา: Thailand E-Commerce Trends 2025)
  • กลุ่ม Gen Z คิดเป็น 20% ของประชากรไทย (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ)
  • แพลตฟอร์มวิดีโอที่ Gen Z นิยม: YouTube (78%), TikTok, Instagram, Facebook (ที่มา: Kantar)
  • ปัจจัยกระตุ้นการซื้อสูงสุด: ส่งฟรี (40%), โปรโมชั่น (29%), ส่วนลดคุ้มค่า (28%)
  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม: Shopee (52%), Lazada (22%), TikTok (16%), Facebook (8%)
  • การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ในเชียงราย: เฉลี่ย 15% ต่อปี (ที่มา: สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • รายงาน “From Watching to Buying” โดย Kantar (25 กุมภาพันธ์ – 4 มีนาคม 2568)
  • รายงาน Thailand E-Commerce Trends 2025
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE