Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เร่งเคลียร์แม่กก สกัดภัยป้องกันน้ำท่วมซ้ำ

อบจ.เชียงรายเร่งสำรวจ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก ป้องกันน้ำท่วมซ้ำรอย

อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบเร่งด่วน

เชียงราย,วันที่ 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายวสันต์ วงศ์ดี ผู้อำนวยการสำนักช่าง และนางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่สำรวจจุดสนับสนุนการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัยอย่างเร่งด่วน

ต้นเหตุการเร่งสำรวจและดำเนินการ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สำรวจสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก โดยพบสิ่งกีดขวางจำนวน 20 จุด ตั้งแต่สะพานถนนเลี่ยงเมืองตะวันตก ถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติ (โรงเรียนเทศบาล 6)

จังหวัดเชียงรายจึงได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 โดยมอบหมายให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางใน 3 จุดหลัก ได้แก่ โรงแรมเดอะเลเจนด์ ร้านลีลาวดี และเกาะกลางน้ำชุมชนป่าแดง

การดำเนินงานสำรวจและประเมินปัญหาอย่างรอบคอบ

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้นำทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณภัย ลงสำรวจและเก็บข้อมูลรายละเอียดสภาพพื้นที่อย่างรอบคอบ เพื่อวางแผนและออกแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้เครื่องจักรกลหนักขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อการกำจัดสิ่งกีดขวางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวดเร็ว

บูรณาการความร่วมมือท้องถิ่น แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มีการประสานความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และช่วยกันดูแลรักษาสภาพลำน้ำในระยะยาว รวมทั้งให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอุทกภัย

ความเชื่อมั่นและการดำเนินงานตามนโยบายจังหวัด

การที่จังหวัดเชียงรายมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของหน่วยงานจังหวัดที่มีต่อการบริหารงานของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ซึ่งมีนโยบายหลักในการ “กระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน” เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

จุดวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขในระยะยาว

จากข้อมูลการสำรวจพบว่าสิ่งกีดขวางทางน้ำส่วนใหญ่เกิดจากเศษวัสดุธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ลำน้ำ การแก้ไขในระยะยาวจึงต้องเน้นที่การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น และการสร้างจิตสำนึกของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของลำน้ำ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการลำน้ำแม่กก

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2567 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะลุ่มน้ำกกมีประวัติการเกิดอุทกภัยมากกว่า 3 ครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10,000 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 20,000 ไร่ (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, 2567)

ดังนั้น การดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยแล้ว ยังเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวเชียงรายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารบกตรวจแม่สาย คืบหน้าป้องกันน้ำหลาก ดินโคลน

เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบกลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดนแม่สาย ปี 2568

เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำ-เสริมแนวป้องกันตลิ่งแม่น้ำสาย เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา

เชียงราย, 17 เมษายน 2568 – ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เวลา 08.00 น. พลโท จินตมัย ชีกว้าง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเขตชายแดน โดยมีพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับและร่วมติดตามภารกิจอย่างใกล้ชิด

ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรแม่น้ำสายแห่งที่ 1 แม่สาย–ท่าขี้เหล็ก จุดยุทธศาสตร์สำคัญของชาติ

หลังเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย คณะได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานข้ามจุดผ่านแดนถาวรแห่งที่ 1 ข้ามแม่น้ำสาย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมโยงชายแดนไทย–เมียนมา ที่มีการสัญจรของประชาชนและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำนวนมาก

คณะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ได้แก่ ปลัดอำเภอแม่สาย, หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, กองกำลังผาเมือง และเจ้าหน้าที่จากกรมการทหารช่าง โดยได้จัดเวทีสรุปสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าโครงการให้แก่ผู้แทนส่วนกลาง

กรมการทหารช่างเผยแนวทางฟื้นฟูแบบบูรณาการ เสริมความแข็งแรงแนวป้องกันชายแดน

พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า เป็นการดำเนินงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยจากน้ำหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงของอำเภอแม่สาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ระดับน้ำในแม่น้ำสายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

การดำเนินการในเฟสปัจจุบันประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่

  1. การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีเสริมโครงสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติและโครงเหล็ก
  2. การเสริมแนวป้องกันเดิมให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเน้นจุดที่เคยเกิดการพังทลายหรือทรุดตัวในปีที่ผ่านมา
  3. การออกแบบร่วมกับชุมชน โดยปรับให้แนวป้องกันสอดรับกับอาคาร บ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิม เพื่อไม่รบกวนวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ การดำเนินงานได้รับการประสานจากหลายหน่วยงานภาครัฐและชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การฟื้นฟูแหล่งน้ำ = เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงชายแดน

พลโท จินตมัย ชีกว้าง กล่าวในระหว่างการเยี่ยมพื้นที่ว่า การฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายเป็นภารกิจสำคัญที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศโดยตรง เนื่องจากอำเภอแม่สายเป็นพื้นที่การค้าชายแดนที่มีมูลค่าการค้ากับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากว่าหลายพันล้านบาทต่อปี หากปล่อยให้แหล่งน้ำเสื่อมโทรม หรือเกิดภัยธรรมชาติกะทันหัน อาจส่งผลต่อระบบโลจิสติกส์และความปลอดภัยของประชาชนได้โดยตรง

“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในพื้นที่ชายแดน ไม่ใช่เพียงเรื่องของการป้องกันน้ำหลาก แต่ยังเป็นการวางรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม” พลโทจินตมัยกล่าว

ฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดน ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์

เมื่อพิจารณาจากสภาพพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณแม่สาย–ท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงจีน–ลาว–เมียนมา ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น น้ำหลากหรือดินโคลนถล่ม จึงไม่ใช่เพียงปัญหาท้องถิ่น แต่คือความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายจึงถือเป็นหนึ่งในกลไกเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพไทย ที่ใช้ทรัพยากรทางวิศวกรรมทหารควบคู่กับความร่วมมือของประชาชน เพื่อเปลี่ยนจาก “จุดอ่อนทางธรรมชาติ” ให้กลายเป็น “ปราการความมั่นคง” ที่ยั่งยืน

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากข้อมูลของ กรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงฤดูฝนปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีฝนตกเฉลี่ยมากกว่า 1,800 มม./ปี เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดิม 12%
  • รายงานของ กรมโยธาธิการและผังเมือง ปี 2566 ระบุว่า พื้นที่อำเภอแม่สาย มีแนวตลิ่งพังจากน้ำกัดเซาะกว่า 2.1 กม. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • สำนักงาน ด่านศุลกากรแม่สาย รายงานว่าปี 2567 มูลค่าการค้าชายแดนไทย–เมียนมาผ่านแม่สายสูงถึง 17,500 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
  • กรมโยธาธิการและผังเมือง (www.dpt.go.th)
  • กรมศุลกากร (www.customs.go.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สนามบินเชียงราย รวดเร็วบริการ มุ่งหน้าเตรียมพร้อมสำหรับฤดูฝน

พัฒนา “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” สู่สนามบินกะทัดรัดและสะดวกสบาย

มุ่งสู่สนามบินยุคใหม่: Compact and Convenient Airport

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยแผนพัฒนาเชิงรุกของท่าอากาศยานฯ โดยมุ่งเน้นสู่การเป็น “สนามบินกะทัดรัดและสะดวกสบาย” (Compact and Convenient Airport) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารทั้งในด้านความเร็ว ความปลอดภัย และความพึงพอใจสูงสุด

ยกระดับประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

หนึ่งในแผนสำคัญคือการนำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในกระบวนการระบุตัวตน ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบ เพิ่มความคล่องตัว และลดความแออัดภายในสนามบินอย่างเห็นได้ชัด

บริการครบครัน สะดวกสบายทุกการเดินทาง

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น จุดชาร์จแบตเตอรี่, ฟรี Wi-Fi, มุมพักผ่อนและพื้นที่ทำงาน (Work Station) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารในยุคดิจิทัล

การจัดการน้ำท่วม: ความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ

ในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง ท่าอากาศยานฯ ได้วางแผนล่วงหน้าในการขุดลอกคลองรอบพื้นที่เขตการบินอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดความเสี่ยงน้ำท่วมสนามบิน โดยการดำเนินการนี้ได้เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำงานโดยไม่มีฝนตกเป็นอุปสรรค

คลองระบายน้ำ: เส้นเลือดหลักของการป้องกัน

เมื่อการขุดลอกเสร็จสิ้น ระบบระบายน้ำรอบสนามบินจะสามารถรองรับปริมาณน้ำจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม ซึ่งมีโอกาสเกิดน้ำหลากหรืออุทกภัยสูง

จากภาพแสดงให้เห็นว่า ถนนด้านขวาทำหน้าที่เสมือน “เขื่อน” ป้องกันน้ำ ขณะที่คลองด้านซ้ายมีหน้าที่ระบายน้ำออกจากพื้นที่ หากทั้งสองระบบทำงานอย่างสมบูรณ์ จะสามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่เขตการบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทเรียนจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์น้ำหลากครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ ระบบระบายน้ำที่เตรียมล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปีเดียวกัน ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู่เขตการบิน แม้ระดับน้ำแม่น้ำกกจะพุ่งสูงสุดก็ตาม

แม้บ้านพักพนักงานจะได้รับผลกระทบบางส่วน แต่เขตการบินกลับปลอดภัย และยังมีแผนสำรองพร้อมรองรับ เช่น การนำน้ำเข้าสู่ทะเลสาบ 200 ไร่ ด้านทิศใต้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ในครั้งนั้น แสดงถึงความพร้อมและความยืดหยุ่นของระบบอย่างชัดเจน

บริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ

นาวาอากาศตรีสมชนก เน้นย้ำว่า Risk Management เป็นหัวใจสำคัญในการรับมือภัยธรรมชาติ ตั้งแต่การประเมินสถานการณ์ การเตรียมแผนล่วงหน้า การประเมินความเสี่ยง (Worst Case Scenario) ตลอดจนการสื่อสารกับชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันว่า สนามบินตั้งอยู่ในพื้นที่สูง มีระบบระบายน้ำดี จึงไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา

แนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนและใส่ใจชุมชน

การขุดลอกคลองไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันน้ำท่วม แต่ยังเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือกับชุมชน

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างสนามบินกับชุมชนโดยรอบ

บทสรุปและมุมมองอย่างเป็นกลาง

การพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงยกระดับสนามบินให้ทันสมัย แต่ยังสะท้อนถึงการบริหารจัดการเชิงรุกที่มุ่งมั่นเพื่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า การปรับปรุงสนามบินทั้งด้านโครงสร้างและระบบต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ฝ่ายห่วงใยสิ่งแวดล้อม ให้ความเห็นว่า ควรมีการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขุดลอกคลองซึ่งอาจกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปี 2567: กว่า 1.3 ล้านคน (ที่มา: กรมท่าอากาศยาน)
  • ความสามารถในการระบายน้ำสูงสุดของระบบรอบสนามบิน: ประมาณ 5,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
  • ระดับน้ำสูงสุดจากแม่น้ำกกเมื่อ 11 ก.ย. 2567: เพิ่มขึ้นจากค่าปกติกว่า 2.3 เมตร (ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมท่าอากาศยาน, www.airports.go.th
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่จันพ้นน้ำท่วม กรมโยธาฯ เร่งสร้างระบบระบายน้ำ

โครงการป้องกันน้ำท่วมแม่จัน เดินหน้าออกแบบระบบระบายน้ำระยะยาว

ประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมแม่จัน

วันที่ 1 เมษายน 2568 เวลา 9.30 น. กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วม ณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

ในการประชุมครั้งนี้ นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมตัวแทนหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องถิ่น บริษัทที่ปรึกษา และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟัง และแสดงความเห็นอย่างคับคั่ง

แม่จันยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

แม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน การดำรงชีวิต และระบบสาธารณูปโภคของประชาชน รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการวางแผนระยะยาวอย่างเป็นระบบ

รายละเอียดโครงการระยะที่ 5 เฟส 2

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วมลุ่มน้ำภาคเหนือ ระยะที่ 5 โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนแม่จันและพื้นที่ต่อเนื่องในเฟสที่ 2 โดยเน้นการออกแบบที่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบัน

บริษัทโปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลแท็นส์ จำกัด ได้รับมอบหมายให้ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย คันป้องกันน้ำท่วม ท่อระบายน้ำ คลองระบายน้ำ ถนน อาคารชลศาสตร์ รวมถึงสถานีสูบน้ำและประตูน้ำ

เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน

การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ชี้แจงโครงการ แต่ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกในการอภิปราย ได้แก่ ความกังวลเรื่องการเวนคืนพื้นที่ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความเหมาะสมของแบบก่อสร้างในแต่ละจุด

เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ ยืนยันว่า โครงการจะพยายามลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด และเปิดรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อปรับแผนให้เหมาะสมกับชุมชนในทุกขั้นตอน

เป้าหมายหลักของโครงการ

  1. ลดความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ซ้ำซาก
  2. ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนแม่จันและพื้นที่ใกล้เคียง
  3. สนับสนุนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
  4. เสริมสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในระยะยาว

การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ

โครงการนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักการบูรณาการจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ตอบโจทย์ความต้องการในระยะยาว

ความเห็นจากสองมุมมองของภาคประชาชน

ในเวทีประชาคม มีเสียงสะท้อนหลากหลายจากประชาชนในพื้นที่ บางส่วนเห็นว่าโครงการนี้จำเป็นและควรเร่งดำเนินการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นมายาวนาน

ในขณะเดียวกัน ประชาชนอีกกลุ่มแสดงความกังวลเรื่องการเวนคืนที่ดิน และผลกระทบต่อวิถีชีวิตเดิมของชุมชน ซึ่งทางผู้รับผิดชอบโครงการให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการรองรับและเยียวยาอย่างเป็นธรรม

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ปี 2567 ระบุว่า พื้นที่อำเภอแม่จันเกิดน้ำท่วมซ้ำซากเฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีความเสียหายรวมกว่า 420 ล้านบาท และมีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 3,500 ครัวเรือน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังระบุว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งใน 10 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุดในประเทศไทย

สรุปภาพรวมเชิงนโยบาย

โครงการระบบป้องกันน้ำท่วมแม่จัน เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญในยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ เน้นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ และออกแบบอย่างมีส่วนร่วม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนหากสามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและโปร่งใส

ทิศทางต่อไป

หลังการประชุมชี้แจง กรมโยธาธิการและผังเมืองจะสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงแผนโครงการให้เหมาะสม ก่อนเข้าสู่กระบวนการวางงบประมาณและเตรียมการดำเนินการก่อสร้างในระยะถัดไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายพร้อม ตรวจเขื่อน รับมือแล้ง-ฝน-เตือนภัยน้ำท่วม

เชียงรายตรวจเข้มเขื่อน! รับมือแล้ง-ฝน, ติดตั้งระบบเตือนภัยน้ำท่วม

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเขื่อนเชียงราย เพื่อติดตามความพร้อมในการรับมือภัยแล้งและฤดูฝนปี 2568 พร้อมเน้นย้ำมาตรการป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจเยี่ยมเขื่อนเชียงราย

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากโครงการชลประทานเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเขื่อนเชียงราย ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานเชียงราย ซึ่งเป็นเขื่อนสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยมีนายสมชาย บุญอนันต์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย และเจ้าหน้าที่ชลประทานให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและสถานะความมั่นคงของเขื่อน

เขื่อนเชียงรายทำหน้าที่กักเก็บน้ำจากแม่น้ำกก เพื่อใช้ในการเกษตรในพื้นที่ชลประทานกว่า 50,000 ไร่ รวมถึงเป็นแหล่งน้ำดิบหลักในการผลิตน้ำประปาสำหรับประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน และเสริมความมั่นคงทางน้ำให้กับพื้นที่โดยรอบ

การตรวจสอบความมั่นคงของเขื่อน

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดเชียงราย อย่างไรก็ตาม นายสมชาย บุญอนันต์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ได้รายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ พบว่าเขื่อนเชียงรายยังคงมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่มีรอยร้าวหรือความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลัก

การบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้ง

นอกจากการตรวจสอบความมั่นคงของเขื่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในเขื่อนเชียงราย โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ระบุว่า ปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 65% ของความจุอ่าง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติและเพียงพอสำหรับการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง

นายชรินทร์ ทองสุข ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการใช้น้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ พร้อมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง รวมถึงส่งเสริมการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ

การเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน

สำหรับการรับมือกับฤดูฝนปี 2568 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งการให้โครงการชลประทานเชียงรายดำเนินการขุดลอกและซ่อมแซมแนวกั้นน้ำในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม นอกจากนี้ยังได้กำชับให้มีการติดตั้งเครื่องวัดระดับน้ำและระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย-รวก เพื่อให้ประชาชนสามารถรับทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำได้อย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที

การมีส่วนร่วมของชุมชน

นอกจากการดำเนินมาตรการด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือจากผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • ความจุของเขื่อนเชียงราย: 120 ล้านลูกบาศก์เมตร
  • พื้นที่ชลประทานที่ได้รับประโยชน์: กว่า 50,000 ไร่
  • จำนวนประชาชนที่ได้รับน้ำประปา: มากกว่า 80,000 คนในเขตเทศบาลนครเชียงราย
  • สถิติการเกิดแผ่นดินไหว: แผ่นดินไหวขนาด 8.2 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคเหนือ
  • ระบบเตือนภัยน้ำท่วม: มีการติดตั้งเครื่องวัดระดับน้ำอัตโนมัติใน 10 จุดเสี่ยงภัยตามลำน้ำกก และแม่น้ำสาย-รวก

ความเห็น

จากการตรวจสอบและการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าเขื่อนเชียงรายยังคงมีความมั่นคงแข็งแรง และมีการวางแผนจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในด้านการซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐาน การติดตั้งระบบเตือนภัย และการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการจัดการน้ำที่ยั่งยืน

การติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมถึงการใช้ข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้ประชาชนสามารถรับมือกับภัยแล้งและน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมชลประทาน, โครงการชลประทานเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา, รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, รายงานสถานการณ์น้ำ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจ่ายแล้วเงินล้างโคลนท่วม ครัวเรือนละหมื่น

จังหวัดเชียงรายจ่ายเงินค่าล้างโคลนให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลังคาเรือนละ 10,000 บาท

เชียงราย – 26 มีนาคม 2568 ที่อาคารเจียงแสน ศูนย์ประชุมนครเชียงราย (GMS) นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยและร่วมแจกจ่ายเงินค่าล้างโคลนจำนวนครอบครัวละ 10,000 บาท ให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีผู้ได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น 7,483 ครัวเรือน

การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการฟื้นฟู

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2567 จังหวัดเชียงรายได้ยื่นขอการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งได้รับการอนุมัติเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงินรวม 300 ล้านบาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ และค่าล้างทำความสะอาดดินโคลน รวมถึงซากวัสดุในที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณแบ่งเป็น 134,776,273 บาท สำหรับอำเภอแม่สาย และ 157,370,976 บาท สำหรับอำเภอเมืองเชียงราย รวมทั้งสิ้น 292,143,249 บาท โดยจะดำเนินการแจกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 เมษายน 2568

เสียงจากฝ่ายปกครองและการดำเนินการต่อเนื่อง

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แม้ว่าจังหวัดเชียงรายจะได้รับงบประมาณช่วยเหลือก่อนหน้านี้แล้วกว่า 100 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอเนื่องจากมีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบมาก

ด้าน นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงรายได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายด้าน ทั้งการฟื้นฟูและการเยียวยาเบื้องต้น แต่เนื่องจากงบประมาณท้องถิ่นมีจำกัด การได้รับการสนับสนุนเงินจากจังหวัดครั้งนี้จะช่วยให้การฟื้นฟูดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ เทศบาลยังมีแผนการป้องกันระยะยาว โดยเตรียมโครงการก่อสร้างแนวตลิ่งตลอดแม่น้ำกก ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

ขั้นตอนการขอรับเงินค่าล้างโคลน

ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์สามารถยื่นขอรับเงินได้โดยใช้เอกสารดังนี้:

  • บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนาบัตรประชาชนที่รับรองสำเนาถูกต้อง
  • กรณีมอบอำนาจ ต้องมีสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์และผู้รับมอบอำนาจ พร้อมหนังสือมอบอำนาจที่ลงลายมือชื่อครบถ้วน
  • เอกสารทั้งหมดต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการที่กำหนด

ความเห็นที่เป็นกลางจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ : ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากภาครัฐที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม หลายครัวเรือนยังคงกังวลเกี่ยวกับการฟื้นฟูในระยะยาว เนื่องจากการทำความสะอาดบ้านเรือนและการซ่อมแซมโครงสร้างยังคงต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม
  • ฝ่ายหน่วยงานรัฐ : ฝ่ายราชการยืนยันว่าพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งด้านการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยและการเตรียมโครงการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้ ยังเตรียมการขอรับงบประมาณเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดหาเครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์จำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัยต่อไป

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูล

  • จำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือในเขตเทศบาลนครเชียงราย: 7,483 ครัวเรือน (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)
  • งบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือ: 292,143,249 บาท (สำนักงบประมาณจังหวัดเชียงราย)
  • ความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอแม่สาย: มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายพ่นละอองน้ำ ดักฝุ่นหลังน้ำท่วม สู้ PM2.5

เทศบาลนครเชียงรายเร่งสร้างละอองน้ำลดฝุ่น PM2.5 และฟื้นฟูหลังอุทกภัย

มาตรการเร่งด่วนเพื่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาล

เชียงราย, 7 มีนาคม 2568 – เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภาคีเครือข่าย และโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค นำโดย นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการ พ่นละอองน้ำในเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังอุทกภัยที่เพิ่งผ่านพ้นไป

แนวทางปฏิบัติและพื้นที่ดำเนินการ

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายครอบคลุมพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นละอองและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยในช่วงเช้าได้มีการ ล้างถนนและดูดโคลนเลน ตามถนนสายหลักในเขตเมืองเชียงราย จากนั้นได้ดำเนินการพ่นละอองน้ำในจุดสำคัญ ได้แก่:

  • ถนนสิงหไคล (หน้ารพ.โอเวอร์บรุ๊ค)
  • บริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
  • สวนตุงและโคมนครเชียงราย

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่การพ่นละอองน้ำไปยังจุดที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และจุดที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูง เพื่อให้มาตรการนี้สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์ของโครงการพ่นละอองน้ำ

นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนโดยตรง เพราะฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว มาตรการพ่นละอองน้ำยังช่วย บรรเทาความร้อนในช่วงฤดูร้อน ทำให้ประชาชนรู้สึกสบายขึ้น และช่วยลดอุณหภูมิในเขตเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน

การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า: ถังน้ำจากภารกิจช่วยเหลืออุทกภัย

หนึ่งในแนวทางที่เทศบาลนครเชียงรายนำมาใช้คือการ ปรับใช้ถังน้ำขนาดใหญ่ที่เคยนำไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงประสบอุทกภัย โดยนำกลับมาบรรจุน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการพ่นละอองน้ำ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

สถิติและข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพ

จากรายงานของ กรมควบคุมมลพิษ พบว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดในภาคเหนือ โดยในช่วงเดือนมีนาคม ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

จากสถิติของ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นกว่า 35% ในช่วงเดือนที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

เสียงสะท้อนจากประชาชนต่อมาตรการพ่นละอองน้ำ

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการ: ชาวเชียงรายหลายคนเห็นด้วยกับมาตรการพ่นละอองน้ำ โดยให้ความเห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถช่วยลดฝุ่นได้ในระยะสั้น และช่วยให้สภาพอากาศดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้สัญจรและชุมชนหนาแน่น

นายสมพงษ์ ชาวเชียงราย ให้ความเห็นว่า พ่นละอองน้ำช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ลดฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ รู้สึกดีขึ้นเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านจุดที่มีการพ่นน้ำ”

ฝ่ายที่มีข้อกังวล: บางกลุ่มมองว่ามาตรการพ่นละอองน้ำเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวและไม่สามารถแก้ไขต้นเหตุของปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างถาวร โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศหลักของภาคเหนือ

นางสาวปรียานุช นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การพ่นละอองน้ำช่วยลดฝุ่นได้ชั่วคราว แต่ต้นเหตุของปัญหามาจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุการเกษตร หากไม่แก้ไขที่ต้นตอ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ก็จะกลับมาเหมือนเดิม”

แนวทางเพิ่มเติมในการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5

นักวิชาการและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ควรมี มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง และ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีลดควันในการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในพื้นที่สาธารณะ และ การใช้รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นถนนในพื้นที่ที่มีฝุ่นสะสมสูง ก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรได้รับการพิจารณา

สรุป

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายถือเป็นแนวทางเร่งด่วนที่สามารถช่วย ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ ได้ในระยะสั้น และช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของมาตรการดังกล่าว และความจำเป็นในการจัดการต้นตอของปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง

ในระยะยาว การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างแนวทางที่สามารถลดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ต.ริมกก 2,429 ราย

อบจ.เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังอุทกภัย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุสาธารณภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก

อบจ.เชียงรายลงพื้นที่เยียวยาผู้ประสบภัย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะได้ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในตำบลริมกก จำนวน 2,429 ราย เข้าร่วมรับการช่วยเหลือ

การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

การดำเนินการช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนของ อบจ.เชียงราย ที่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ อาทิ ค่าเครื่องนุ่งห่ม ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ ค่าเครื่องครัว และค่าเครื่องนอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

เป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตผู้ประสบภัย

นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “เราเข้าใจดีว่าเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก อบจ.เชียงรายจึงเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด”

แผนการช่วยเหลือในระยะยาว

นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว อบจ.เชียงรายยังได้วางแผนที่จะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในระยะยาว โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ เพื่อบูรณาการการทำงานและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัยทั่วทั้งจังหวัด

สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อบจ.เชียงรายก็ได้เตรียมการที่จะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาจากความรุนแรงของความเสียหายและความต้องการความช่วยเหลือของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูชุมชน

การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยและความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการดูแลพี่น้องประชาชน และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูชีวิตกลับมาให้ดีขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบเงินสร้างบ้านใหม่ “เวียงแก่น”

เชียงรายเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินสไลด์ ล่าสุดจังหวัดเชียงรายได้เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือเพื่อสมทบค่าก่อสร้างบ้านให้กับผู้ที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า “การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย เราหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูบ้านเรือนกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ”

สำหรับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นอกจากอำเภอเวียงแก่นแล้ว

ยังมีอีก 2 อำเภอที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งรวมแล้วมีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 43 ครัวเรือน ด้วยวงเงินรวม 1,940,000 บาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที”

สำหรับยอดเงินบริจาคของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และล่าสุดได้รับเงินบริจาคจากบริษัท ไทยยามาฮ่า ร่วมกับสินธานีกรุ๊ป เพิ่มเติมอีก 200,000 บาท

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘เชียงราย’ เตรียมรับมือน้ำท่วม! วางแผนป้องกันภัยรอบด้าน

เชียงรายเร่งวางแผนรับมืออุทกภัย หลังฝนตกหนัก

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมด่วนเพื่อวางแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย, ชลประทานจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

ประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาหารือในที่ประชุม ได้แก่:

  • สถานการณ์น้ำท่วมในอดีต: ที่ประชุมได้ทบทวนสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2567 โดยวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสม ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำลาว แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง
  • การเตรียมความพร้อม: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การสร้างอ่างเก็บน้ำ การสร้างเขื่อน และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน: ที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมของครัวเรือนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ

  • มาตรการเชิงโครงสร้าง: การปรับปรุงสภาพลำน้ำ การใช้อ่างเก็บน้ำ เขื่อน และพนังกั้นน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม
  • มาตรการไม่ใช้โครงสร้าง: การจัดการใช้สอยที่ดิน การวางผังเมือง การควบคุมสิ่งปลูกสร้าง และการให้ความรู้แก่ประชาชน
  • การเฝ้าระวังและเตือนภัย: การติดตั้งระบบเฝ้าระวังน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงที

เป้าหมายสูงสุดของการประชุมครั้งนี้คือ

การวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างครอบคลุม เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อให้จังหวัดเชียงรายสามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News