Categories
CULTURE

ชาติพันธุ์ล้านนา Soft Power ดันเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา” จุดประกาย Soft Power เชื่อมชุมชนสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

ประเทศไทย, 16 พฤษภาคม 2568 – กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรม “ชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา” ซึ่งเปิดเวทีให้ชุมชนชาติพันธุ์ในภาคเหนือได้นำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สร้างรายได้และความยั่งยืนแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมใช้พลัง Soft Power เป็นเครื่องมือดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และโฆษกกระทรวงฯ ได้รับมอบหมายจากนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา” ซึ่งจัดโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน

ภายในงานมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ นักพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พร้อมการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา นิทรรศการวิถีชีวิตชนเผ่าต่างๆ การสาธิตงานหัตถกรรม และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในระดับพื้นที่

Soft Power พื้นถิ่น สู่นโยบายระดับชาติ

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม กล่าวในพิธีเปิดว่า รัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวโดยชุมชนและชาติพันธุ์ ซึ่งถือเป็นรูปแบบ Soft Power ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์ของไทยที่หาไม่ได้ในประเทศอื่นๆ นอกจากสร้างรายได้ให้ชุมชน ยังช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก

กิจกรรม “ชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา” จึงเป็นมากกว่างานแสดงวัฒนธรรม เพราะเป็นการต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มที่สนใจวัฒนธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิม และประสบการณ์เฉพาะถิ่น

ล้านนาแหล่งวัฒนธรรมที่ยังไม่สิ้นแสง

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และแม่ฮ่องสอน ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยววัฒนธรรม ทั้งจากมรดกทางประวัติศาสตร์ ประเพณี ภูมิปัญญา สถาปัตยกรรม และอาหารท้องถิ่นที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา” (Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year)

กิจกรรมในครั้งนี้ จึงเน้นการยกย่องคุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ในรูปแบบร่วมสมัย สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม โดยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าถึงวิถีชีวิตจริงของชุมชน ผ่านกิจกรรมที่จับต้องได้

สร้างเวทีให้ชุมชนมีบทบาทในเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

นายจักรพล ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในรูปแบบนี้ จะช่วยเปิดโอกาสให้ชุมชนที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ได้เข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวระดับประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกลที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเป็นจุดหมายใหม่ของการท่องเที่ยวในอนาคต

ในโอกาสนี้ ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเชื่อมโยงชุมชน เครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจัดกิจกรรมได้อย่างงดงามและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริง

วิเคราะห์ผลกระทบทางบวกและลบ

ด้านบวก

  • ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนสามารถนำสินค้าหัตถกรรมมาจำหน่าย เพิ่มรายได้
  • สร้างการรับรู้ใหม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมชาติพันธุ์ล้านนา สู่กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่
  • ยกระดับ Soft Power ด้านวัฒนธรรมของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
  • เพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยว

ด้านลบ (ข้อควรระวัง)

  • หากขาดการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน
  • ความเสี่ยงในการทำลายอัตลักษณ์แท้ของชาติพันธุ์จากการดัดแปลงเพื่อตอบโจทย์ตลาด
  • ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนจริง ไม่เน้นเพียงภาพลักษณ์เชิงวัฒนธรรมเพื่อการตลาดเพียงอย่างเดียว

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ควรได้รับการขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ที่มีชุมชนชาติพันธุ์ พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชนด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยว การตีความวัฒนธรรม และการสื่อสารภาพลักษณ์ให้น่าสนใจภายใต้บริบทความเป็นไทยอย่างแท้จริง

การสนับสนุนควรมุ่งสู่การสร้างโมเดลธุรกิจที่ชุมชนสามารถจัดการตนเองได้ในระยะยาว ลดการพึ่งพางบประมาณจากรัฐ และส่งเสริมการเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทยกว่า 12.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 27 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในปีเดียวกัน
  • จากรายงานของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้ว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนสร้างรายได้รวมกว่า 27,000 ล้านบาท ในปี 2567
  • พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน มีจุดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากกว่า 320 ชุมชน ที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว (ข้อมูลปี 2566 จากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
  • สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • งานวิจัยเรื่อง “Soft Power ไทยกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์” โดยสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ปี 2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News