เชียงราย 2569 ยุทธศาสตร์ลุ่มน้ำโขงบนเส้นพรมแดนแห่งโอกาส และความยั่งยืนที่ต้องแลกด้วยนวัตกรรม
เชียงราย, 22 ธันวาคม 2568 – ท่ามกลางกระแสลมหนาวที่พัดผ่านเทือกเขาถนนธงชัยในเช้าวันที่ 22 ธันวาคม 2568 จังหวัดเชียงรายไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ถวิลหาความงามของธรรมชาติอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “สนามทดลอง” ของยุทธศาสตร์การปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง. หลังจากผ่านพ้นปี 2567 ที่ทิ้งรอยแผลลึกจากอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ วันนี้เชียงรายกำลังยืนอยู่บนรอยต่อของความท้าทายและการคลี่คลายปมปัญหาที่สะสมมานาน ท่ามกลางตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ทั้งน่ากังวลและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน.
จากวิกฤตสายน้ำสู่ความยั่งยืนถาวร
จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นที่อำเภอแม่สาย เมืองหน้าด่านที่เคยบอบช้ำจากมวลน้ำป่า ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ต้องเปลี่ยนจาก “การเยียวยา” เป็น “การสร้างโครงสร้างพื้นฐานถาวร”. ปมปัญหาเรื่องน้ำท่วมซ้ำซากที่ทำลายย่านเศรษฐกิจแม่สายได้รับแนวทางคลี่คลายผ่านการประสานงานกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อออกแบบพนังกันน้ำถาวรริมแม่น้ำสาย.
“การแก้ไขปัญหาแม่สายต้องแก้เรื่องอุทกภัยก่อน… การแก้ปัญหาแบบยั่งยืนต้องทำพนังถาวรริมน้ำสาย” คือคำยืนยันจากรองนายกรัฐมนตรีที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ความมั่นคง. ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ต้นน้ำยังถูกหยิบยกขึ้นมาจัดการ โดยมีการประสานให้หยุดการทำเหมืองต้นน้ำเพื่อลดสารปนเปื้อนในน้ำอุปโภคบริโภคของชาวเชียงรายและเชียงแสน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของประชากรกว่า 1.29 ล้านคนในพื้นที่.
เข็มทิศเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงและความผันผวนของตัวเลข
ในมิติของตัวเลขเศรษฐกิจ ข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงรายในปี 2568 เผยให้เห็นภาพของ “ความย้อนแย้งที่น่าสนใจ”. แม้ในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2568) มูลค่าการค้าผ่านแดนจะสูงถึง 38,438.22 ล้านบาท แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 สถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาได้กลายเป็นปัจจัยลบที่ทำให้การค้าหดตัวอย่างรุนแรงถึง 66.9% ในเดือนสิงหาคม.
อย่างไรก็ตาม ปมเศรษฐกิจนี้เริ่มคลี่คลายด้วย “เส้นทาง R3A” หรือทางด่วนผลไม้ ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าการค้าสูงถึง 73.5% ของการค้าทั้งหมดในจังหวัด. ความหวังใหม่ยังฝากไว้กับความร่วมมือไทย-สปป.ลาว โดยนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งเป้าหมายเชิงรุกเพื่อดันมูลค่าการค้าชายแดนให้แตะ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570.
การเชื่อมโยงนี้จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ในเชียงราย เพื่อเปลี่ยน สปป.ลาว จากประเทศที่ไร้ทางออกสู่ทะเล (Land-locked) ให้กลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง (Land-linked) ที่มีไทยเป็นพันธมิตรหลัก.
พลังของเอกชนและการปรับตัวด้วย AI
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดูมีความเสี่ยง แต่ภาคเอกชนรายใหญ่อย่าง บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM กลับพบ “ขุมทรัพย์” ในเชียงราย. ในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 3 ปี 2568 ผู้บริหาร ILM ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า สาขาเชียงรายสามารถทำยอดขายได้ “ดีกว่าเป้ามาก” โดยเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 30%.
คุณเอกลักษณ์ ปฐมาศยนันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ ILM ระบุว่าเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงเกินคาด. สิ่งที่น่าสนใจคือการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในกระบวนการ Predictive Management เพื่อจัดการ Inventory ให้แม่นยำขึ้น ลดปัญหาการขาดแคลนสินค้า (Shortage) และสินค้าล้นสต็อก (Overstock). นี่คือตัวอย่างของการใช้ “นวัตกรรม” เพื่อรับมือกับความผันผวนของกำลังซื้อและสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดา.
นอกจากนี้ ILM ยังมองเห็นโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยสินค้ากลุ่ม Customiz Product อย่าง “Unique” และสินค้ากลุ่ม Solid Wood ที่เน้นความยั่งยืน (ESG) กลายเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ (New S-Curve) ที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GP) จากการขายให้เติบโตขึ้น 3.9% แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ.
การแพทย์นำการเมือง และความยั่งยืนของมนุษย์
ปมสุดท้ายที่ได้รับการคลี่คลายคือเรื่อง “ความเหลื่อมล้ำและสิทธิมนุษยชน” ผ่านบทบาทของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.). โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. ได้ยกระดับสู่การเป็น Medical Hub ที่ไม่ได้รักษาแค่โรค แต่รักษา “มิตรภาพชายแดน”. ผศ.ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดี มฟล. เน้นย้ำว่าการหยิบยื่นโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพให้กับเพื่อนบ้านโดยไม่แบ่งแยกฐานะ คือการสร้างความไว้วางใจที่เป็นรากฐานของสันติภาพ.
ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมคือการนำเทคโนโลยีระดับโลก เช่น เครื่องเวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูง (HBOT) มาใช้รักษาแผลเบาหวาน ซึ่งในอดีตผู้ป่วยต้องเดินทางไกลถึงเชียงใหม่. ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือภารกิจทางสังคมในการ “ตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์สถานะบุคคล” ให้แก่กลุ่มคนไร้สัญชาติ เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน. สิ่งนี้คือการคลี่คลายปมปัญหาทางสังคมที่ฝังรากลึกในพื้นที่ชายแดนเชียงรายมาอย่างยาวนาน.
เชียงรายในฐานะ “เข็มทิศ” ของภูมิภาค
เชียงรายในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ไม่ใช่เพียงเมืองที่มีตัวเลขการส่งออกผักผลไม้เพิ่มขึ้น 62.72% ผ่านท่าเรือเชียงแสนเท่านั้น แต่คือเมืองที่กำลังสร้างระบบระเบียบการรายงานผลคุณภาพน้ำและอากาศร่วมกับ 4 ประเทศ เพื่อสู้กับปัญหา PM 2.5 และสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน.
การตัดสินใจของนักลงทุนและประชาชนในวันนี้ ต้องมองให้ลึกกว่ายอดขายที่ลดลงในบางเดือน แต่ต้องมองถึง “โครงสร้าง” ที่กำลังถูกปฏิรูป. ตั้งแต่พนังกันน้ำถาวรที่แม่สาย, เส้นทางรถไฟลาว-จีนที่เชื่อมต่อกับถนน R3A, ไปจนถึงการใช้ AI ในการดำเนินธุรกิจ และการแพทย์ที่ไร้พรมแดน.
สถิติชวนคิด
- 30%: คือยอดขายที่เกินเป้าของ ILM ในเชียงราย สะท้อนกำลังซื้อท้องถิ่นที่ยังคงซ่อนอยู่.
- 73.5%: คือความสำคัญของเส้นทาง R3A ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ทางการค้า.
- 11,000 ล้านดอลลาร์: คือเป้าหมายการค้าไทย-ลาว ปี 2570 ที่เชียงรายเป็นกุญแจสำคัญ.
เชียงรายกำลังพิสูจน์ว่า แม้จะมีความผันผวนเพียงใด แต่หากมีการวางรากฐานด้วยความเข้าใจในยุทธศาสตร์พื้นที่และการใช้นวัตกรรมอย่างถูกจุด ปมปัญหาที่ดูเหมือนจะแก้ไม่ได้ ก็สามารถกลายเป็นโอกาสที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแห่งนี้.
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
- เรียงเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
- สถิติเศรษฐกิจและผลประกอบการ: รายงาน Opportunity Day Q3/2025 บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (SET Thailand).
- นโยบายรัฐบาลและการจัดการอุทกภัย: สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และถ้อยแถลงรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า).
- การค้าชายแดนและความร่วมมือระหว่างประเทศ: กระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย.
- ยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงลุ่มน้ำโขง: กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ (สะพานมิตรภาพไทย-ลาว).
- นวัตกรรมการแพทย์และสังคม: โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง.









