Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สมาคม อบจ. ส่งถุงยังชีพ 3 แสนบาท ช่วยชาวแม่ต๋ำใต้ พญาเม็งราย หลังน้ำท่วม

สมาคม อบจ. แห่งประเทศไทย ส่งมอบน้ำใจสู่เชียงราย 300,000 บาท – ถุงยังชีพ บรรเทาวิกฤตอุทกภัย สะท้อนพลังท้องถิ่นเพื่อประชาชน

เชียงราย, 6 สิงหาคม 2568 – จากอุทกภัยสู่โอกาสในการรวมพลัง สร้างความเข้มแข็งระดับฐานราก จากเหตุการณ์อุทกภัยที่ถาโถมหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ทำให้ชุมชนหลายแห่งต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอพญาเม็งราย ที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านสาธารณูปโภคและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ภายใต้สถานการณ์วิกฤตดังกล่าว สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย หรือ สมาคม อบจ. แห่งประเทศไทย ได้แสดงบทบาทขององค์กรท้องถิ่นระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและเข้าถึง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยมีการมอบถุงยังชีพและเงินสนับสนุนจำนวน 300,000 บาท ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย โดยมี นายชาตรี ศรีสันต์ ผู้อำนวยการสำนักงานสมาคมฯ พร้อมผู้บริหารสมาคมฯ ลงพื้นที่ด้วยตนเอง ณ หมู่ 9 ตำบลแม่ต๋ำ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความซาบซึ้งใจและความหวังที่กลับคืนสู่ชุมชน

ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” คำมั่นของเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อคนไทยทุกคน

การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า “น้ำใจของคนไทยไม่เคยเหือดแห้ง” และเมื่อภัยมา ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นจากทั่วประเทศก็จะเคลื่อนไหวในทันที

นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย และนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ได้ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารจากสมาคมฯ ด้วยความอบอุ่น พร้อมพาชมสภาพความเสียหายและจุดแจกจ่ายสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนในพื้นที่

ประชาชนที่เข้ารับถุงยังชีพบางรายกล่าวทั้งน้ำตาว่า “แค่มีคนมาเห็นว่าพวกเราลำบาก ก็รู้สึกมีกำลังใจแล้ว” ขณะที่คำกล่าวจากผู้แทนสมาคมฯ ก็สะท้อนชัดเจนถึงเจตนารมณ์ “เราจะอยู่เคียงข้างประชาชน ไม่ว่าอยู่ห่างไกลเพียงใด”

เจาะโครงสร้างการช่วยเหลือ ตรงจุด ยืดหยุ่น และยั่งยืน

  1. ถุงยังชีพถึงมือในเวลาอันรวดเร็ว

ถุงยังชีพประกอบด้วยของจำเป็น อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ชุดสุขอนามัย และอุปกรณ์เบื้องต้นที่สามารถช่วยประคับประคองชีวิตในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความหิวโหย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความห่วงใยจากพี่น้องท้องถิ่นทั่วประเทศ

  1. เงินสนับสนุน 300,000 บาท ใช้ได้จริงในพื้นที่

เงินบริจาคจำนวน 300,000 บาท ไม่ได้ถูกโอนเข้ากลางหรือผ่านขั้นตอนราชการหลายชั้น แต่ส่งตรงถึง อบจ.เชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนและเข้าใจสภาพปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง ทำให้สามารถจัดสรรไปยังจุดที่เดือดร้อนที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้านเรือน เสริมกำลังอาสาสมัคร หรือจัดหาอุปกรณ์ฟื้นฟูในพื้นที่ที่ถุงยังชีพไม่ครอบคลุม

พลังของการรวมตัวในระดับท้องถิ่น

กรณีนี้ถือเป็นแบบอย่างของความเข้มแข็งของเครือข่ายท้องถิ่นในการจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะใน 3 มิติสำคัญ:

  1. ความคล่องตัวในการบริหารจัดการ

หน่วยงานท้องถิ่นสามารถเข้าถึงประชาชนได้รวดเร็ว รู้จักภูมิประเทศ และเข้าใจปัญหาเชิงลึก ซึ่งต่างจากการช่วยเหลือจากส่วนกลางที่อาจต้องใช้เวลานาน

  1. การบูรณาการความร่วมมือข้ามจังหวัด

การที่สมาคม อบจ. แห่งประเทศไทย ส่งความช่วยเหลือถึงพื้นที่โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากภาครัฐกลาง เป็นภาพสะท้อนของความพร้อมในการจัดการภายใต้ระบบท้องถิ่นแบบมีประสิทธิภาพ

  1. เสริมความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ในยามที่ผู้คนต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง คือพลังใจที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ประชาชนลุกขึ้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศก็มั่นคง

โครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศที่ผ่านมา มักถูกวิจารณ์ว่าเน้นส่วนกลางมากเกินไป ขาดความยืดหยุ่นและไม่เข้าใจสภาพท้องถิ่นอย่างแท้จริง แต่เหตุการณ์ที่ตำบลแม่ต๋ำครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า ถ้าให้พลังกับท้องถิ่น พวกเขาสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แพ้หน่วยงานระดับชาติ

 “น้ำใจ” คือพลังฟื้นฟูที่ดีที่สุด

ในสถานการณ์ที่การฟื้นตัวจากภัยพิบัติต้องใช้เวลานาน การเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการได้รับการเยียวยาจากใจคนไทยด้วยกันเอง และครั้งนี้ สมาคม อบจ. แห่งประเทศไทย ได้แสดงให้เห็นว่า “องค์กรท้องถิ่น” คือกลไกที่ทรงพลังในการสนับสนุนชีวิตของประชาชน

การลงพื้นที่ของคณะผู้บริหาร อบจ.จากทั่วประเทศ ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูชีวิตชาวแม่ต๋ำ แต่ยังช่วยฟื้นศรัทธาในระบบท้องถิ่น สร้างภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า “พวกเขาไม่ใช่แค่หน่วยงาน…แต่คือเพื่อนร่วมชะตากรรมของประชาชนในทุกเหตุการณ์”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • รายงานการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตำบลแม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย
  • บันทึกคำกล่าวผู้แทนประชาชนและผู้นำท้องถิ่น
  • ข้อมูลสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งช่วยน้ำท่วม เปิดศูนย์ PREDOS

เชียงรายเร่งส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าหลาก แม่เปา อ.พญาเม็งราย
อบจ.เชียงราย ผนึกกำลังท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายวางแผนรับมือภัยพิบัติอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 4 กรกฎาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นำโดยนางอทิตธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ. ลงพื้นที่มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากฝนตกต่อเนื่องเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

พิธีส่งมอบสิ่งของจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอพญาเม็งราย โดยมีนายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย ให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอภาพรวมของสถานการณ์และแนวทางการรับมือภัยพิบัติในพื้นที่

ชื่นชมการประสานงานฉับไว หนุนระบบเตือนภัยทันท่วงที

นายอำเภอพญาเม็งราย กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราได้เตรียมวางแผนล่วงหน้าในทุกมิติ ทั้งการเตรียมกำลังพลและเครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ ที่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ โดยเฉพาะ อบจ.เชียงรายและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เข้าพื้นที่รวดเร็วมากทันทีหลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการตอบสนองเหตุฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ”

เขายังกล่าวถึงแผนฟื้นฟูหลังเกิดภัย อาทิ การสำรวจและเยียวยาความเสียหายในด้านชีวิตและความเป็นอยู่ เช่น เครื่องครัว เครื่องนอน รวมถึงบ้านเรือนและทรัพย์สินต่าง ๆ ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง โดยมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและส่งเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

เปิดนโยบายศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ “PREDOS” รับมือภัยธรรมชาติระยะยาว

นางอทิตธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีว่า “เชียงรายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและมีภูมิประเทศซับซ้อน การเกิดน้ำป่าไหลหลากจึงเป็นสิ่งที่ต้องรับมืออย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อบจ. ได้จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ ‘PREDOS’ ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งระบบ ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่กักเก็บน้ำ แก้มลิง การสร้างระบบเตือนภัยร่วมกับ สสน. และการใช้ดาวเทียมของ GISTDA ในการเฝ้าระวังลุ่มน้ำต่าง ๆ”

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อร่วมสำรวจและวางแผนพัฒนาระบบระบายน้ำ รวมถึงการจัดทำข้อมูลร่วมกันผ่านระบบศูนย์กลาง ซึ่งจะถูกส่งต่อถึงระดับอำเภอและท้องถิ่นเพื่อดำเนินการอย่างทันที

เร่งฟื้นฟูพื้นที่และเยียวยาสุขภาพประชาชน

อบจ.เชียงรายยังได้ส่งเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เพื่อเร่งขุดลอก ล้างดินโคลน และฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการต่อเนื่องถึง 6 วัน โดยหลังจากเสร็จสิ้นจะทยอยย้ายเครื่องมือไปช่วยเหลือพื้นที่อื่นที่ประสบภัยเช่นกัน

ในส่วนของสุขภาพ อบจ. ยังจัดทีมจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด ลงพื้นที่ให้บริการด้านจิตวิทยา การดูแลสุขภาพ และการแจกจ่ายยาให้กับผู้ประสบภัยโดยตรง

ย้ำการทำงานแบบบูรณาการ-เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติอย่างครอบคลุม

นางอทิตธร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะไม่หยุดแค่การบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้า แต่ยังวางแผนระบบฟื้นฟู เยียวยา และป้องกันภัยพิบัติในอนาคตให้ครอบคลุมทั้งน้ำท่วมและปัญหาอื่น ๆ เช่น PM2.5 โดยยกระดับศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติให้เป็นแบบ One Stop Service พร้อมดำเนินการร่วมกับกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เช่น ปภ., ชลประทาน, เกษตร ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที”

สถานการณ์ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด – มีผู้สูญหายจากน้ำป่าหลาก

แม้การช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและครอบคลุม แต่จากรายงานของผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ยังพบว่ามีผู้สูญหายจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมค้นหายังคงปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องในการค้นหาร่างผู้สูญหาย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วนในช่วงเวลานี้

สรุปสถานการณ์ (ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2568)

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบ: ตำบลแม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย
  • สาเหตุ: น้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนักต่อเนื่อง
  • การดำเนินการ: อบจ.เชียงรายส่งทีม เครื่องจักร สิ่งของช่วยเหลือ ลงพื้นที่ทันที
  • มาตรการระยะยาว: จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติแบบบูรณาการ (PREDOS)
  • ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง: การค้นหาผู้สูญหาย และการฟื้นฟูระบบน้ำ-สุขภาพในชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ที่ว่าการอำเภอพญาเม็งราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานพัฒนาภาคพลเรือน อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รมช.มหาดไทยติดตามซ่อมสะพานเชียงราย ฟื้นฟูชุมชน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มส่วนหน้า (ศปช.ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 ที่ชำรุดจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และการติดตั้งสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) ชั่วคราวที่สะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีผู้ร่วมติดตามการดำเนินการหลายท่าน อาทิ นายอารุณ ปินตา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย และนายธีรพงษ์ มีศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทเชียงราย ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันตรวจสอบความคืบหน้าและประสานงานในการฟื้นฟูเส้นทางการคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย

การซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 และสะพานเบลีย์

นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า ทางแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายได้เร่งนำเครื่องจักรและเครื่องมือเข้ามาซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะนี้การซ่อมแซมคอสะพานสามารถเปิดให้รถยนต์ขนาดเล็กผ่านไปมาได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความคืบหน้าที่ดีในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น

สำหรับสะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง ทางแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายได้เริ่มดำเนินการติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางนี้ได้ในระหว่างที่ซ่อมแซมสะพานหลัก นางสาวธีรรัตน์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

ติดตามการฟื้นฟูชุมชนทวีรัตน์และมอบถุงยังชีพ

นอกจากการติดตามการซ่อมแซมสะพานแล้ว นางสาวธีรรัตน์ ยังได้ลงพื้นที่ชุมชนทวีรัตน์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูชุมชนหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยในครั้งนี้ได้มีการมอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย (กอ.รมน. จ.เชียงราย) และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ร่วมมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย

นางสาวธีรรัตน์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางอำเภอเมืองเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการฟื้นฟูชุมชนทวีรัตน์ และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ประสบภัยทุกครัวเรือนได้รับเงินเยียวยาอย่างทั่วถึง รวมถึงการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในครั้งนี้ และพร้อมที่จะสนับสนุนการฟื้นฟูในทุกด้าน

ความสำคัญของการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและการช่วยเหลือประชาชน

การซ่อมแซมสะพานและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาการจราจรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราวจะเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้ชาวบ้านสามารถเดินทางไปมาได้สะดวก ในขณะที่การซ่อมแซมสะพานหลักยังคงดำเนินต่อไป

การลงพื้นที่และติดตามงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระดับชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

การฟื้นฟูชุมชนบ้านไม้ลุงขน อ.แม่สาย หลังน้ำท่วมใหญ่คืบหน้าถึง 90%

การฟื้นฟูชุมชนบ้านไม้ลุงขนหลังอุทกภัยเชียงราย: ความร่วมมือที่เป็นกำลังใจให้ชุมชน

การทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ชุมชน

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 บรรยากาศในชุมชนบ้านไม้ลุงขน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูหลังเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้น ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทหารรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเดินหน้าทำความสะอาดบ้านเรือนและบริเวณถนนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณถนนที่เริ่มมีการสัญจรของรถเล็กอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน

การล้างท่อระบายน้ำและการจัดการขยะตกค้าง

ในวันนี้ เจ้าหน้าที่จากสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการล้างท่อระบายน้ำที่มีโคลนอุดตัน เพื่อให้การระบายน้ำทำได้อย่างสะดวกและลดความเสี่ยงของการเกิดอุทกภัยซ้ำอีก การดำเนินการนี้ครอบคลุมการเคลียร์ขยะตกค้างภายในท่อ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้างท่อระบายน้ำในชุมชนบ้านไม้ลุงขนแล้ว 2 จุด เพื่อให้คลองชลประทานสามารถระบายน้ำออกได้อย่างราบรื่น

การสนับสนุนจากมูลนิธิดอยเวียงแก้ว

เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ มูลนิธิดอยเวียงแก้ว ได้ส่งทีมจิตอาสามาให้บริการข้าวกล่องและน้ำดื่มแก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนักในการทำความสะอาดและฟื้นฟูชุมชน นายจินตนา จงตรอง ประธานสภา อบต. เกาะช้าง เปิดเผยว่า มูลนิธิได้ส่งข้าวกล่องมาให้บริการเจ้าหน้าที่จำนวน 600 ชุด เพื่อเป็นการขอบคุณและให้กำลังใจแก่พวกเขาที่มาทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

 
การฟื้นฟูบ้านเรือนและความคืบหน้าของการซ่อมแซม

นางจินตนา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่บ้านไม้ลุงขนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยมีบ้านเรือนเสียหายกว่า 189 หลังคาเรือน และขณะนี้ได้มีการฟื้นฟูบ้านเรือนไปแล้ว 170 หลังคา ซึ่งคิดเป็น 90% ของบ้านที่ได้รับผลกระทบ การฟื้นฟูนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูที่ถูกกำหนดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่เพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือและการประสานงานจากหน่วยงานต่างๆ

การฟื้นฟูชุมชนบ้านไม้ลุงขนไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรอาสาสมัครที่มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือชุมชนให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษา ศปช.ส่วนหน้า จังหวัดเชียงราย จะลงพื้นที่บ้านไม้ลุงขน เพื่อทำการติดตามการช่วยเหลือและฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนต่อไป

ศูนย์ศปช.ส่วนหน้า: การรับรู้และแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

นางจินตนา ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดตั้งศูนย์ศปช.ส่วนหน้าในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถรับทราบถึงปัญหาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด การมีศูนย์ศปช.ส่วนหน้าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการประสานงานและดำเนินการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบที่ดีและอนาคตของชุมชนบ้านไม้ลุงขน

การฟื้นฟูชุมชนบ้านไม้ลุงขนหลังอุทกภัยไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว ชาวบ้านได้รับการสนับสนุนทั้งด้านอาหาร น้ำสะอาด และการฟื้นฟูบ้านเรือน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการกลับมามีชีวิตที่ปกติ การร่วมมือกันของทุกฝ่ายจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฟื้นฟูครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

บทสรุป: ความสำเร็จจากความร่วมมือและความพยายาม

การฟื้นฟูชุมชนบ้านไม้ลุงขนเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรอาสาสมัคร เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ความพยายามและการประสานงานที่ดีทำให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเผชิญกับวิกฤตในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ศปช. เร่งฟื้นฟูเส้นทาง-สาธารณูปโภค เชียงใหม่และเชียงราย หลังน้ำท่วมใหญ่

 

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 18.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยส่วนหน้า (ศปช.) ได้แถลงความคืบหน้าการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมและสาธารณูปโภคในพื้นที่ภาคเหนือ หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยทางศปช. ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งฟื้นฟูระบบขนส่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและสามารถลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ

สถานีขนส่งและรถไฟสายเหนือกลับมาเปิดใช้งานได้ตามปกติ

นายจิรายุ เปิดเผยว่า สถานีขนส่งเชียงใหม่ แห่งที่ 2 และ แห่งที่ 3 ได้กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว เช่นเดียวกับ รถไฟสายเหนือเส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ที่สามารถเดินรถได้ตามกำหนด โดยเส้นทางคมนาคมหลักในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่และอำเภอสารภีได้รับการซ่อมแซมและสามารถเปิดใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้การเดินทางและการลำเลียงสินค้ากลับมาสู่สภาพเดิม

การจ่ายน้ำประปาและไฟฟ้าให้ประชาชน

ด้านการจ่ายน้ำประปา นายจิรายุกล่าวว่า การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาเชียงใหม่ ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมสถานีผลิตน้ำป่าตันจนสามารถจ่ายน้ำได้กว่าร้อยละ 97.97 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รวม 136,616 ครัวเรือน ขณะที่ในพื้นที่เชียงรายได้ซ่อมแซมระบบประปาไปแล้ว 337 จุด จากทั้งหมด 423 จุด คิดเป็นร้อยละ 79.7 คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในวันจันทร์นี้

สำหรับการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เขต 1 ภาคเหนือ ได้ดำเนินการแก้ไขระบบไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จนสามารถจ่ายไฟได้เกือบทั้งหมด โดยในจังหวัดเชียงใหม่มีบ้านเรือนที่ได้รับไฟฟ้าแล้วร้อยละ 95 เหลือเพียงบางส่วนในอำเภอสารภี ที่ยังคงต้องรอการซ่อมแซมเนื่องจากน้ำยังท่วมขัง ส่วนที่เชียงรายสามารถจ่ายไฟได้ร้อยละ 99.5 เหลือเพียง 300 ครัวเรือนในอำเภอแม่สายที่อยู่ติดลำน้ำสาย ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วม

 
รัฐมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมหนุนเครือข่าย OTOP

ในวันเดียวกันนี้ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธาน ศปช. ส่วนหน้า และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์และมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตาม “โครงการพัฒนาชุมชน รวมใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ใน 7 อำเภอ รวมถึงมอบ เงินกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ฯ ให้กับครอบครัวเด็กที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 247 ทุน ทุนละ 1,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 370,500 บาท

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เยี่ยมเครือข่าย OTOP และผู้ประกอบการท้องถิ่นในชุมชนเหมืองแดง อำเภอแม่สาย ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพและอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน โดยรัฐมนตรีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาและสนับสนุนเครือข่าย OTOP จะเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ใหม่หลังสถานการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไป”

เร่งฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค เพื่อคืนความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน

ศปช. ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูเส้นทางและสาธารณูปโภคในทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว โดยเน้นการซ่อมแซมระบบประปา ระบบไฟฟ้า และเส้นทางคมนาคมในจุดที่ได้รับผลกระทบหนัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและเพื่อให้การดำเนินชีวิตประจำวันกลับสู่ภาวะปกติ

“เราต้องการให้ประชาชนมั่นใจว่า ศปช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน” นายจิรายุกล่าวทิ้งท้าย

บทสรุป: ศปช. เร่งฟื้นฟูทุกด้าน คืนความปกติให้ประชาชน

ศปช. ยังคงเดินหน้าฟื้นฟูเส้นทางและระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อคืนความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายอย่างครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายกฯ สั่งเร่งฟื้นฟูน้ำท่วมเชียงใหม่-เชียงรายด่วน

 

วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) แถลงข่าวหลังประชุมคณะกรรมการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มว่า ในที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์และวางแผนการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยการประชุมร่วมกันทั้งจากส่วนกลางและศูนย์บัญชาการส่วนหน้าในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีการแจ้งประเด็นสำคัญ 5 ข้อเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต

สาเหตุน้ำท่วมหนักเชียงใหม่และแม่สาย

นายภูมิธรรม เปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่ริมในวันที่ 3 และ 4 ตุลาคม โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกครั้งนี้สูงเป็นประวัติการณ์ และมีความรุนแรงมากกว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทั้งยังเกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้สถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่งผลกระทบในวงกว้าง นอกจากนี้น้ำจากอำเภอเชียงดาวที่ไหลมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลานานถึง 30 ชั่วโมง อำเภอแม่แตง 16 ชั่วโมง และอำเภอแม่ริม 6 ชั่วโมง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงสะสมและเกิดน้ำล้นตลิ่ง

จำเป็นต้องสร้างเขื่อนป้องกันเมืองและแก้ปัญหาลำน้ำปิง

การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าจำเป็นต้องสร้าง เขื่อนขนาดเล็ก เพื่อป้องกันพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังพบว่าแม่น้ำปิงมีความตื้นเขินและคดเคี้ยว ส่งผลต่อการระบายน้ำ ทำให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงกรมเจ้าท่าและกรมปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องร่วมมือกันในการศึกษาเส้นทางน้ำและปรับปรุงพื้นที่ลุ่มน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำปิง

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นายภูมิธรรมกล่าวถึงคือ ปริมาณฝนที่ตกติดต่อกันถึง 5 วันในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A และ 1B ส่งผลให้ป่าต้นน้ำไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ดีเหมือนในอดีต เนื่องจากมีการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ผิดกฎหมายมากถึง 5% ทำให้การกักเก็บน้ำลดลง จึงมีคำสั่งให้กรมอุทยานแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่อย่างจริงจัง

สร้างแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวและระยะสั้น

จากสถานการณ์ดังกล่าว นายภูมิธรรมได้มอบหมายให้ที่ประชุมพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวและเฉพาะหน้า โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นที่ปรึกษา เพื่อจัดทำแผนและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ภายใน 3 เดือน เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในอำเภอแม่สายที่ได้รับความเสียหายจำนวน 753 หลังคาเรือน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งขณะนี้สามารถฟื้นฟูได้แล้ว 418 หลัง หรือคิดเป็น 56%

ยืนยัน “น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ” เหตุการณ์แบบปี 54 จะไม่เกิดขึ้น

นายภูมิธรรมยืนยันว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนปี 2554 โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนภูมิพลยังคงสามารถรองรับได้ และมีการบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และไม่แชร์ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือสร้างความตื่นตระหนกในสังคม

เร่งฟื้นฟูอาชีพและเกษตรกรรมในพื้นที่ประสบภัย

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการเสนอแผนการฟื้นฟูอาชีพและเกษตรกรรมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยประสานงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพิจารณางบประมาณในการซ่อมแซมฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร รวมถึงการจัดการผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการแบ่งแผนเป็นระยะยาวและเฉพาะหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม

บทสรุป: วางแผนระยะยาว รับมือภัยพิบัติอย่างยั่งยืน

จากการประชุมในครั้งนี้ นายภูมิธรรมได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างมีระบบและยั่งยืน โดยต้องประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดการลำน้ำปิง การสร้างเขื่อนป้องกันเมือง และการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ภาคเหนือ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะถูกแก้ไขและฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News