Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อ.เฉลิมชัย รีเทิร์นช่วยงาน เบียนนาเล่ จ.เชียงราย

 
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ศาลาธรรม วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดที่ จ.เชียงราย ระหว่างเดือน ธ.ค.2566-เม.ย.2567 ได้เข้าพบกับอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิติพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ จ.เชีงราย เพื่อขอให้อาจารย์เฉลิมชัยได้กลับมาร่วมเตรียมความพร้อมและจัดงานดังกล่าวให้สำเร็จ
 
 
นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย แจ้งว่าทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนขอให้อาจารย์เฉลิมชัยกลับมาด้วย ซึ่งทางอาจารย์เฉลิมชัยได้ตอบรับด้วยดีและรับพวงมาลัยดอกไม้พร้อมระบุว่าเป็นความตั้งใจของตนที่จะกลับมาช่วยหลังจากที่มีเรื่องการเมืองจนทำให้มีการเปลี่ยนแปลง และเห็นว่าถึงเวลาที่จะกลับมา
 
 
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ผู้คนอาจจะคิดว่าศิลปะก็เหมือนๆ กันทั่วไป แต่ตนอยากบอกว่าศิลปะก็เหมือนกับแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้วแต่ยุคสมัยและมีระดับ เช่น แฟชั่นชั้นนำ ฯลฯ ซึ่งการจัดงานเบียนนาเล่คือการนำศิลปะแฟชั่นชั้นนำ และล่าสุด รวมทั้งคัดสรรที่สุดยอดที่สุดของโลกมาจัดแสดง โดยมีศิลปะชั้นยอดจากประเทศไทยจากศิลปินในประเทศมาจัดแสดง 20 คน และศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกอีก 40 คน ซึ่งตนยืนยันแต่ละคนล้วนมีความสุดยอด ล้ำยุค และล้ำหน้า จึงขอเชิญชวนไปงานกันได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2566-เม.ย.2567
 
 
“มาเชียงรายแล้วได้ความรู้สึกดีๆ บรรยากาศดีๆ ได้เสพงานศิลปะชั้นสูงสุดยอดระดับโลกที่นี่ โดยที่วัดร่องขุ่นจะมี 2 ชิ้น และที่หอศิลป์ที่ผมสร้างอย่างใหญ่โตจะมีงานศิลปะเยอะมากรวมทั้งยังมีตามอำเภอต่างๆ อีก ดังนั้นงานนี้หายห่วงแน่นอน ผมมาช่วยอย่างเต็มตัวแล้วอุตส่าห์มาเชิญกัน หลังจากผมเครียดจนผมไม่เอาด้วยแต่แท้ที่จริงอยู่เบื้องหลังตลอด พอผมดูแล้วว่าอยู่เบื้องหลังมันไปไม่รอดแน่ก็ขอมาอยู่เบื้องหน้าก็แล้วกัน 
 
ผมเป็นคนรักเชียงรายอยู่แล้ว ผมคิดว่ายังไม่สายเกินไป” อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวและว่าผู้ที่มีความรู้ของศิลปินในโลกจะคัดสรรศิลปินที่สุดยอดจากหลากหลายที่ในโลก เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อาร์เจนติน่า บังกาเลีย คาซัคสถาน สหรัฐอเมริกา บราซิล ฯลฯ แต่ละคนจะจัดแสดงผลงานศิลปะที่แปลกใหม่ทุกแนว เกิดจากความคิด งดงาม หลากหลาย ปรัชญา เนื้อหา แปลกใหม่ ฯลฯ อย่างที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
 
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดงานครั้งนี้มากถึง 100 กว่าล้านบาท และจะมีผู้ชื่นชอบงานศิลปะทั่วโลกไปเยือนเพื่อดูผลงานศิลปินที่ตนชื่นชอบซึ่งจะทำให้เกิดเงินสะพัดอย่างมหาศาล แม่แต่ศิลปิน 40 คน ก็ล้วนมีผู้ติดตามที่ร่ำรวย การจัดงานจึงกลายเป็นซอร์ฟพาวเวอร์อย่างแท้จริง ส่วนคนไทยสามารถดูเพื่อภูมิรู้ การศึกษา ความสุนทรยภาพ ยกระดับความรู้สึก นำพาไปสู่การตื่นตัวทางศิลปะ ฯลฯ เพื่อให้ทัดเทียมกับอารยประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” นำทีมเชียงรายรับโล่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น 2566

 

       เมื่อวันที่ 2 – 3 ตุลาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการถอดบทเรียนการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม “21 ปี กระทรวงวัฒนธรรม นำคุณค่า พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ” โดยกิจกรรมวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ประกอบด้วย

       การประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อถอดบทเรียนการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมฯ ในหัวข้อ 1) การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมขององค์กรเครือข่าย 2) การนำทุนทางวัฒนธรรมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการจัดงาน “วิถีถิ่น วิถีไทยและการยกระดับเทศกาลประเพณีสู่ระดับชาติและนานาชาติ 3) การขับเคลื่อนนโยบาล 1 ครอบครัว 1 Soft Power 4)เหลียวหลังแลหน้าในภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน และ 5) ทุนทางวัฒนธรรมพลังขับเคลื่อนชุมชน สังคมและประเทศ

        การประชุมมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สู่ก้าวที่มั่นคงด้วยพลังสร้างสรรค์ และพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ โดยมี นายเสริมศักดิ์  พงษ์พานิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมและมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติรางวัลวัฒนธรรมคุณานุสรณ์, รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น, รางวัลสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น, รางวัลกลุ่มอำนวยการศพที่ได้รับพระราชทานดีเด่น, รางวัลการประกวดสื่อ Infographic ภายใต้หัวข้อ “วธ. โปร่งใส รวมใจต้านโกง” นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม บรรยายหัวข้อแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรม “10 เปิดวัฒนธรรมสร้างพลังแห่งอนาคต” และการบรรยายของส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม

     โดยมีผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร วัฒนธรรมจังหวัด ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ได้รับรางวัลวัฒนธรรมคุณานุสรณ์เข้าร่วมกิจกรรม

       ทั้งนี้  สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้รับโล่รางวัลสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566 โดย นายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับมอบโล่รางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

       วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลา 07.00 น. จัดพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพิธีทำบุญบำเพ็ญกุศลทางศาสนา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม ครบรอบ 21 ปี โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี หร้อมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูง วธ. ผู้มีเกียรติ วัฒนธรรมจังหวัด/ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัด/ประธานสภาวัฒนธรรมเขต กทม. ข้าราชการ/บุคลากร วธ. ณ อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร วัฒนธรรมจังหวัด และเครือข่ายทางวัฒนธรรมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมแสดงความยินดี

       วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลา 13.30 น. จัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม “วัฒนคุณาธร” ประจำปี พ.ศ. 2566 รางวัลวัฒนธรรมวินิต และรางวัลเด็กและเยาวชน Young Smart : Young ทำดี ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี นายพลภูมิ  วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติฯ ดังกล่าว โดยจังหวัดเชียงรายมีผู้ได้รับโล่รางวัลวัฒนคุณาธร ประจำปี พ.ศ. 2566 จำนวน 3 ราย ได้แก่

          ประเภทเด็กหรือเยาวช

  • นายสงกรานต์ บุญทวี  นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ชุมชนคุณธรรมวัดดอนจั่น ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

          ประเภทบุคคล

  • นางสาวจำเนียร พรหมบุตร  ครูโรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

           ประเภทนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ได้แก่

  • ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง ชุมชนคุณธรรมต้นแบบ 10 สุดยอด เที่ยวชุมชนยลวิถี ประจำปี 2565 ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

       ในการนี้ นายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพัชรนันท์  แก้วจินดา ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นางพรทิวา  ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นางสาวกฤษยา  จันแดง ผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ นายภัทรพงษ์  มะโนวัน หัวหน้ากลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน และข้าราชการผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการฯ ดังกล่าว และร่วมแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลวัฒนคุณาธร ประจำปี 2566

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เชียงราย 3 ปีซ้อน หลังวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน ถูกเลือกเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ ปี 66

 

วันที่ 20 ก.ย. 2566 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มุ่งขับเคลื่อนการดำเนินโครงการชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร เน้นใช้ “พลังบวร” เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนชุมชน และได้ดำเนินการส่งเสริมพัฒนาชุมชนคุณธรรมฯ ในระดับต่าง ๆ รวมจำนวนกว่า 27,000 ชุมชน ทั่วประเทศ ในปี 2566 นี้ วธ. จึงดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2566 มุ่งเน้นยกระดับชุมชนคุณธรรมฯ สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อคัดเลือกชุมชนคุณธรรมฯ ที่มีศักยภาพ และความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ จำนวน 10 ชุมชน จากชุมชนคุณธรรมฯ ทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่อง เชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจแก่ชุมชนและผู้ในการสนับสนุนการขับเคลื่อน พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปยังชุมชนที่ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยู่ดีมีสุข ดำรงชีวิตตามวิถีวัฒนธรรมที่ดีงาม ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ต่อไป

นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกดังกล่าว อาทิ การมีผู้นำชุมชนเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการชุมชนที่ดี สมาชิกมีส่วนร่วมจัดกิจกรรม หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) มีส่วนร่วมขับเคลื่อน มีอัตลักษณ์ของชุมชนมีความโดดเด่น อาทิ เป็นชุมชนที่มีความเชื่อหรือประวัติศาสตร์ชุมชนเป็นที่น่าสนใจ มีสถานที่ สถาปัตยกรรม หรืออื่นๆ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว มีวัฒนธรรมและประเพณีที่สร้างประสบการณ์ร่วมให้กับนักท่องเที่ยวสนุกสนาน น่าสนใจ สร้างความประทับใจ มีศิลปะการแสดง ผลิตภัณฑ์ชุมชน สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน มีภูมิปัญญา ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้รู้ที่สามารถถ่ายทอดให้กับคนในชุมชน รวมถึงอาหาร การบริการการท่องเที่ยว มีนักเล่าเรื่อง/ผู้นำทางแนะนำอัตลักษณ์ของชุมชนได้ เส้นทางคมนาคมที่สะดวก ง่ายต่อการเข้าถึง มีรถรับจ้าง รถสาธารณะบริการในชุมชน ตลอดจนที่พัก/โฮมสเตย์มีมาตรฐาน สะอาด สวยงาม เป็นต้น

 

สำหรับผลการคัดเลือกดังกล่าว ปรากฏว่าผลการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2566 จำนวน 10 ชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ และมีผลการดำเนินงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ มีดังนี้

1.ชุมชนคุณธรรมฯ วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

2.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร

3.ชุมชนคุณธรรมฯวัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

4.ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

5.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านฟ้าหยาด ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชัยชนะ จังหวัดยโสธร

6.ชุมชนคุณธรรมฯ วัดบ้านหงาว ตำบลหงาว อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

7.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านท่ามะขาม ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

8.ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

9.ชุมชนคุณธรรม ฯ บ้านท่าฉลอม ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 10.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านโนนกอก ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

“ขอแสดงความยินดีแก่ 10 ชุมชนทีได้รับรางวัล ถือเป็นชุมชนต้นแบบที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมสนับสนุน และจะประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ชุมชนได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ดึงดูดนักท่องเที่ยว ตลอดจนประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวชุมชนในรูปแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จะสามารถสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” รมว.วธ. กล่าว

ทั้งนี้ จะมีพิธีมอบโล่ ให้แก่ผู้แทน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2566 และลงพื้นที่เปิดชุมชนที่ได้รับคัดเลือกแต่ละแห่ง ในช่วงปลายปี 2566 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ และเป็นโมเดลต้นแบบขยายไปสู่ชุมชนอื่น ๆ ต่อไป

 

ซึ่งทางเพจ สวท. เชียงราย ได้โพสต์แจ้งข้อมูลว่า จังหวัดเชียงราย คว้า 3 ปีซ้อน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 66 ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

ทั้งนี้ ตลอดสามปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงราย ได้รับการพิจารณาให้เป็น สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องทั้งสามปี โดย

ปี 2564 ได้แก่ ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย 

ปี 2565 ได้แก่ ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง จังหวัดเชียงราย 

และปี 2566 ล่าสุด ได้แก่ ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

ทุกท่านสามารถเที่ยววัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

โดยมีรายละเอียดค่าบริการ
1.มีค่าบริการรถรับส่งท่านละ 30 บาท ขึ้น/ลง
2. แล้วก็บัตรเข้าชมสกายวอล์คท่านละ 40 บาท
เข้าขึ้นชมฟรี! สำหรับ
– ผู้สูงอายุ 80 ปี
– เด็กส่วนสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร
– พระภิกษุสงฆ์ สามเณร
หมายเหตุ : คุณครูโรงเรียนถ้าจะพานักเรียนมา ทัศนศึกษาให้ทำใบขอมาก่อนล่วงหน้า แล้วก็แต่งกายใสชุด ประจำโรงเรียน
 
ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่โทร 0612081998
เปิดให้เข้าชมสกายวอล์ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 07.30 น.
เวลาปิดทำการ : 17.30 น.
 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / คนเก็บภาพ แม่สาย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เปิด “กาดไตลื้อ” คึกคัก ด้วยมนต์เสน่ชาวไตลื้อ

 
วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ วัดท่าข้ามศรีดอนชัย ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับชุมชนศรีดอนชัยไทลื้อ อำเภอเชียงของ เทศบาลตำบลศรีดอนชัย สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โรงเรียนเชียงของวิทยาคม และเครือข่ายวัฒนธรรม ได้ผนึกความร่วมมือเปิดตลาดวัฒนธรรมชุมชน “กาดไตลื้อ ศรีดอนชัย” ภายใต้โครงการชุมชนวัฒนธรรมไทยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการเริ่มต้น จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการชุมชนวัฒนธรรมไทยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
 
ชุมชนศรีดอนชัยไทลื้อ เป็นพื้นที่ชุมชนและท้องถิ่นที่มีศักยภาพ มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม “ไทลื้อ” ที่เด่นชัด จึงได้มีแนวคิดเปิดพื้นที่ตลาดใหม่เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม กิจกรรมการแสดง บริการ ที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และเกิดความประทับใจ ซึ่งจะนำมาสู่ความภาคภูมิใจ รวมถึงเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน โดยมุ่งหวังที่จะให้ตลาดวัฒนธรรมชุมชน “กาดไตลื้อ” เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่าจดจำทั้งชาวเชียงราย ชาวไทยและต่างประเทศ โดยคณะกรรมการฯ ร่วมพัฒนาตลาดวัฒนธรรมชุมชนของเราในนามชื่อ “กาดไตลื้อ ศรีดอนชัย” กำหนดจัดตลาดทุกวันเสาร์แรกของเดือนนับแต่เดือนกันยายน 2566 นี้เป็นต้นไป
 
กาดไตลื้อ ศรีดอนชัย ของเรามีแนวคิดในการพัฒนาเป็นตลาดวัฒนธรรม “เสน่ห์ศรีดอนชัยไตลื้อ มนต์ขลัง ที่ยังมีชีวิต” ให้เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือน ดังคำกล่าวของชาวศรีดอนชัยที่ได้กล่าวไว้ว่า “มาศรีดอนชัย เหมือนได้ไปสิบสองปันนา” สำหรับในวันนี้ ถือเป็นปฐมฤกษ์อันดี จึงได้เปิดตัว “กาดไตลื้อ ศรีดอนชัย” อย่างเป็นทางการ เพื่อให้รับรู้และเป็นที่รู้จักแพร่หลายต่อไปในวงกว้าง กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย
 
เวทีเสวนา “เสน่ห์ศรีดอนชัยไตลื้อ มนต์ขลัง ที่ยังมีชีวิต” ผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย พระครูสุจิณวรคุณ เจ้าคณะตำบลศรีดอนชัย นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอเชียงของ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นางสลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และนายสมชาย วงค์ชัย ประธานคณะกรรมการดำเนินงานชุมชนโครงการชุมชนวัฒนธรรมไทยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ชุมชนศรีดอนชัยไทลื้อ ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุตนันท์ จำปาทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ https://fb.watch/mPClJt5l6g/
 
พิธีเปิดตัวตลาดวัฒนธรรมชุมชน “กาดไตลื้อ ศรีดอนชัย” อย่างเป็นทางการ โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวเปิด นายสมชาย วงค์ชัย ประธานคณะกรรมการดำเนินงานชุมชนฯ กล่าวรายงาน ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมนายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอเชียงของ ได้ทำสัญลักษณ์เปิดกาดไตลื้อพร้อมกัน ภายในกาดไตลื้อ มีแสดงศิลปวัฒนธรรม อาทิ การฟ้อนลื้อลายเจิง การตีกลองสะบัดชัย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสาธิตผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม CPOT อาหารพื้นถิ่น พืชผัก ผลไม้ ของชาวศรีดอนชัย พร้อมนี้พ่อค้าแม่ขาย ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมงาน และนักท่องเที่ยว ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดไทลื้อ ชุดพื้นถิ่น พร้อมหิ้วตะกร้ามาร่วมกิจกรรมเป็นการสร้างบรรยากาศเสน่ห์ที่ยังมีมนต์ขลังของชาวไทลื้อศรีดอนชัยได้อย่างน่าประทับใจยิ่ง https://fb.watch/mPCljEVJYA/
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรับชมบรรยากาศย้อนหลัง สามารถติดตามผ่านเพจเฟซบุ๊ค “กาดไตลื้อ”
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

กฤษยา จันแดง, สุพรรณี เตชะตน : รายงาน
ก้อนหินในน้ำ, เชียงของทีวี, หนึ่ง เจ้าขุน : ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

วธ. มอบโล่เชิดชูละครน้ำดี “ละครมาตาลดา”

 
วธ. มอบโล่เชิดชู “ละครมาตาลดา” เป็นละครน้ำดี พร้อมถอดบทเรียนเป็นละครส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ดึงเด็กพร้อมครอบครัวร่วมกิจกรรม MEET & GREET With IDOL : บอกรักให้โลกรู้ ร่วมกับศิลปินชื่อดัง-อินฟูเอนเซอร์ เชื่อมสัมพันธ์-สานพลังเครือข่ายพัฒนาครอบครัว
 
วันที่ 26 สิงหาคม 2566 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกิจกรรมถ่ายทอดถอดบทเรียนและมอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ผู้จัดละครและนักแสดงจากเรื่อง มาตาลดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม MEET & GREET With IDOL : บอกรักให้โลกรู้ โดยมีนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้จัดละครและนักแสดง จากเรื่องมาตาลดา อาทิ ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละคร  กกกร เบญจาธิกุล นักแสดง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เข้าร่วม ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ภายในงานมีกิจกรรมพูดคุยกับศิลปินไอดอลในรูปแบบ Talk Show เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ส่งเสริมสถาบันครอบครัวและวัฒนธรรมไทย และ Live ผ่านเพจ Facebook กระทรวงวัฒนธรรม 
 
ปลัดวธ. กล่าวว่า ละครเรื่อง มาตาลดา เป็นละครที่ส่งเสริมการมีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดี ตลอดจนสร้างสัมพันธภาพอันดีในครอบครัว วธ. จึงขอมอบโล่เชิดชูเกียรติเพื่อขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้กับคณะผู้จัดละครและนักแสดง ที่ได้ผลิตสื่อที่ดีและมีคุณภาพส่งเสริมการมีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดี เพื่อสร้างสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนสร้างสัมพันธภาพอันดีในครอบครัว รวมทั้งได้มีการถอดบทเรียนจากละครดังกล่าว ถือเป็นการสนับสนุน Soft Power ละครไทยให้มีคุณภาพและเป็นตัวอย่างที่ดีของวงการละครไทย
 
ปลัดวธ.กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อ
เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวผ่านมิติทางวัฒนธรรม ทำกิจกรรมแบบ Exclusive กับศิลปินที่วัยรุ่นชื่นชอบ อาทิ การสัมภาษณ์พูดคุยเรื่องราวครอบครัวของศิลปิน workshop ร่วมกับศิลปินในโซน Happy กินดี วิถีไทย โดยจะร่วมทำข้าวมัน – ส้มตำ ขนมผกากรองและม้าฮ่อ (ของกินที่อร่อยและหายาก) และโซน Happy ทำดี วิถีไทย สาธิตงานประดิษฐ์กุหลาบใบเตยสื่อรัก และเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ร่วมกันผลิตสื่อสร้างสรรค์เพื่อเผยแพร่ลงในช่องทางออนไลน์ โดยผู้ที่มียอดไลค์สูงสุดจะได้รับของรางวัลและของที่ระลึก 
 
“กิจกรรมนี้ถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดค่านิยมและวัฒนธรรมอันดีงามให้เป็นที่แพร่หลายในสังคม ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับคนในชาติ ได้เห็นความสำคัญของการสานสัมพันธ์ในครอบครัว รวมทั้งการขับเคลื่อนเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาครอบครัวคุณธรรม เนื่องจากครอบครัวเป็นสถาบันหลักในการเสริมสร้างและปลูกฝังค่านิยม วัฒนธรรม คุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ให้แก่เด็ก เยาวชน และครอบครัว ผ่านกระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมตามแนวคิดครอบครัวเข้มแข็งและจะดำเนินการขับเคลื่อนการกิจกรรมสานสัมพันธ์ครอบครัวอย่างต่อเนื่องต่อไป”ปลัดวธ. กล่าว 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

วธ. ชวนเที่ยวตามรอยเช็คอินซีรีส์ King The Land

 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรทั้งทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย สวยงามและทรงคุณค่าเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมมือกับทุกหน่วยงาน องค์กรเครือข่ายต่างๆ ขับเคลื่อนและส่งเสริมงาน Soft Power ความเป็นไทยสู่ระดับชาติมาตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5F ได้แก่ F-Food อาหาร, F-Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์, F-Fashion การออกแบบแฟชั่นไทย, F-Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ F-Festival เทศกาลประเพณีไทย สู่ระดับโลกเพื่อช่วยสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ ตลอดจนนโยบายขับเคลื่อนงานการใช้สื่อบันเทิงนำเสนอวัฒนธรรมของประเทศ ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย อีกทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศในประเทศไทย ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้แก่นักแสดงชาวต่างชาติที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 5 ปี และมาตรการคืนเงินในการลงทุนที่มีเนื้อหาส่งเสริมภาพลักษณ์ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย ผลปรากฏว่ามีผู้ประกอบการต่างประเทศสนใจและพร้อมเดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

นายอิทธิพล กล่าวว่า ซึ่งขณะนี้ เป็นที่น่ายินดีและน่าภูมิใจสำหรับคนไทย ที่ซีรีย์เกาหลีชื่อดังอย่าง King The Land ที่นำแสดงโดย อี จุนโฮ และอิม ยุนอา ในตอนที่ 10 เผยแพร่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ได้เผยแพร่ความสวยงามของประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรมของไทยจนได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ครบจบใน 1 ตอน เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ โดยตลอดทั้งตอนนี้ตัวละครหลักและเพื่อนๆได้พาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โชว์ภาพวิวสวยๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ รวมถึงกิจกรรมสนุกๆ สำหรับนักท่องเที่ยว การนั่งรถตุ๊กๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศไทยในการทัวร์รอบเมืองกรุงเทพ เผยแพร่ภาพสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน วัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของไทย สถานที่พัก ร้านอาหาร ตลอดจนสถานท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเหล่านักท่องเที่ยว อาทิ วัดอรุณราชวราราม, โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร, วัดปากน้ำภาษีเจริญ, ลานแสดงน้ำพุ ไอคอนสยาม, สยามสแควร์, ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง, แม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน, ถนนข้าวสาร, เสาชิงช้า และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรวิหาร, เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ, ตลาดร่มหุบ, ร้านอาหารคุณแดงก๋วยจั๊บญวณ, โรงแรมสิริ ศาลา ไพรเวท วิลล่า, โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ, เอเชียทีค เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำเสนออาหารไทย ทั้งแบบสตรีทฟู้ด ไปจนถึงอาหารสุดหรู ได้อย่างสวยงามและน่ารับประทาน

นายอิทธิพล กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมขอชื่นชมซีรีย์เกาหลี เรื่อง King The Land ที่สามารถนำเอาวัฒนธรรม วิถีชีวิตของไทย เก็บรายละเอียดความเป็นไทยถ่ายทอดออกมาผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีย์ได้อย่างดี รวมถึงยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น จึงขอเชิญชวนเหล่าแฟนคลับที่ชมซีรีย์เรื่องนี้ ตลอดจนแฟนคลับของนักแสดงในเรื่องดังกล่าว มาท่องเที่ยวตามรอย ณ โบราณสถาน วัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของไทย ทำให้เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพิ่มรายได้ให้ประเทศ เกิดภาพลักษณ์ที่ดี พร้อมดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวด้วยทุนทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศไทย

ทั้งนี้ นอกจากประเทศสาธารณเกาหลี (เกาหลีใต้) แล้ว ยังมีอีกหลายๆประเทศที่จะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์หรือซีรีย์ต่างๆในประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival 2023) ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยจำนวนมากกว่า 600 ราย รวมถึงมีผู้ผลิตภาพยนตร์ที่สนใจและมีแผนจะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรไทย จำนวน 21 ราย จาก 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส กรีซ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อินเดียและออสเตรเลีย โดยมีแผนใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3,800 ล้านบาท

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ซีรีย์ เรื่อง King the Land Ep.10 จาก Netflix 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

​เยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น เข้าพบนายกฯ-ครม. โชว์วัฒนธรรมไทย

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมชมกิจกรรมเผยแพร่ส่งเสริมภาพลักษณ์ ความเป็นไทย ในโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ประจำปี 2566 โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่  วิทยากร และเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ให้การต้อนรับ ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงความสามารถของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ด้วยการสาธิตศิลปวัฒนธรรม Nora Thai Fit (โนรา ไทยฟิต) โดยเป็นการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยโนราเข้ากับการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ระหว่างศิลปะและวัฒนธรรมเข้ากับการปฏิบัติ เพื่อให้ศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าใกล้กับวิถีคนในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งท่าไทยฟิตที่ออกแบบจาก “โนรา” เป็นศิลปะการแสดงทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก และได้พบปะพูดคุยกับเยาวชน รับฟังความประทับใจต่อโครงการฯ และความภาคภูมิใจที่เป็นเยาวชนเชื้อสายไทย จากตัวแทนเยาวชน พร้อมทั้งมอบหมายให้ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นำเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่นเข้าชมตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.มีนโยบายพัฒนาความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมกับต่างประเทศ ส่งเสริมบทบาททางวัฒนธรรมของไทยในเวทีโลก ตามแนวทางการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) โดยการแลกเปลี่ยน เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านศิลปวัฒนธรรม และเชื่อมโยงเครือข่ายทางวัฒนธรรมทั่วโลก ช่วยสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ ก่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วธ. จึงได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกับเครือข่ายวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ในการจัดกิจกรรมเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่นร่วมกับเครือข่ายวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้จัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้เยาวชนไทยในต่างประเทศได้มีโอกาสกลับมาเยือนแผ่นดินของบรรพบุรุษ ตระหนักถึงความเป็นไทย เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทยจากประสบการณ์ตรง สามารถเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้กับเครือข่าย และขยายความร่วมมือด้านเครือข่ายในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ เกิดภาพลักษณ์ ความเป็นไทย ที่ดีในหมู่ชาวต่างประเทศ ผ่านเยาวชนไทยที่เกิดหรือเติบโตและมีถิ่นพำนักในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนทูตวัฒนธรรมของประเทศไทย นำไปสู่การสื่อสารความรู้ความเข้าใจเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทย ในระดับนานาชาติ

รมว.วธ. กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ประจำปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 กรกฎาคม 2566 มีเยาวชนเชื้อสายไทยที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ จำนวน 40 คน จาก 11 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ 
จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เมียนมาร์ เยอรมนี สวีเดน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เข้าร่วมกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ  ประกอบด้วย กิจกรรมรับฟังคำบรรยาย ในหัวข้อ “เรียนรู้อย่างไทยในต่างแดน” 
กิจกรรมบรรยายพร้อมสาธิตและฝึกปฏิบัติการด้าน “ศิลปวัฒนธรรมไทย ภาพรวม-ดั้งเดิม-ร่วมสมัย-ไทยฟิต” 
การบรรยายและฝึกปฏิบัติการหัวข้อ “My Channel” รวมถึง วธ. ได้คัดสรรแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ให้เยาวชนเชื้อสายไทยได้ลงพื้นที่สาธิตและฝึกปฏิบัติด้านศิลปวัฒนธรรมไทย รวมถึงเรียนรู้วิถีชีวิตภูมิปัญญาของชุมชน อาทิ วิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี, ศูนย์การเรียนรู้เรื่องโอ่ง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรีและวัดมหาธาตุวรวิหาร ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำบ้านหัวเขาจีน รวมถึงมีกิจกรรมนันทนาการ และการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในลักษณะกิจกรรมกลุ่ม  

นายอิทธิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูจิตสำนึก
ความเป็นไทยและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนไทยในต่างแดนแล้ว ยังส่งผลให้ชุมชนไทยในต่างแดนเหล่านี้ 
เป็นภาคส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีสันติสุข และเป็นตัวแทนที่ดี
ของชาวไทยในต่างแดน ที่สามารถสื่อสารความรู้ด้านวัฒนธรรมไทยไปสู่ประชากรในดินแดนที่ตนตั้งถิ่นฐาน 
อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานในภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรม ให้บรรลุผลสำเร็จ
ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนไทยและเครือข่ายวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศอีกด้วย

 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

วธ.เตรียมเผยหนังสือหายาก“ปกีรณำพจนาดถ์และอนันตวิภาค””

 

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริม สืบสาน และธำรงรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทยด้วยภาษาไทย เพื่อหารือเตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2566 ว่า เนื่องในวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ดำเนินการจัดงานเนื่องใน วันภาษาไทยแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อน้อมนำพระบรมราโชบายและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงงาน เพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริ ด้านภาษาไทยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชนชาวไทย ตลอดจนสถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตระหนักในความสำคัญของภาษาไทยและใช้ให้ถูกต้อง ร่วมทั้งอนุรักษ์ภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาประจำชาติให้งดงามอย่างยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สำหรับงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2566 กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนบูรณาการองค์ความรู้ และแนวคิดร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้คนไทย ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง เกิดความรักและหวงแหนความเป็นไทย ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจะมีพิธีมอบโล่เกียรติยศและโล่รางวัลแก่หน่วยงานและผู้ได้รับรางวัลด้านภาษาไทย อาทิ รางวัลปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นชาวไทย ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น และผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย พุทธศักราช 2566 ด้านการประกวดหรือแข่งขันทักษะทางภาษาไทย อาทิ รางวัลสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2566 หัวข้อ “มนต์รักษ์ภาษาไทย” รูปแบบคลิปวิดีโอเพลงแรป รางวัลเพชรในเพลง  รวมถึงรางวัลอ่านทำนองเสนาะ “สดับถ้อยร้อยกรองไทย ครั้งที่ 2” ที่จัดประกวดด้วยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ตลอดจนการเผยแพร่วีดิทัศน์ส่งเสริมการใช้ภาษาไทยของสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย โดยจะมีการมอบเกียรติบัตรให้แก่สถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยที่ส่งเสริมการใช้ภาษาไทยด้วย

นายอิทธิพล กล่าวว่า นอกจากนี้ กรมศิลปากร ได้จัดพิมพ์หนังสือเก่าหายาก เรื่อง “ปกีรณำพจนาดถ์และอนันตวิภาค” (ปะ- กี- ระ -นำ- พด -จะ -นาด และ อะ- นัน.-ตะ -วิ พาก) จัดพิมพ์สูจิบัตร และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดพิมพ์หนังสือประวัติผลงานปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นชาวไทย ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น และผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย พุทธศักราช 2566 และได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” Heart of Stone The Musical รำลึกกวีเอก สุนทรภู่ สืบสานการใช้ภาษาไทย ในวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นับได้ว่าผู้ที่ได้รับรางวัล ผู้ที่ร่วมงานทุกคน ตลอดจนหน่วยงานที่ในความร่วมมือร่วมจัดกิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2566 มีส่วนสำคัญที่ได้ร่วมกันถ่ายทอดวัฒนธรรมภาษาไทยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และเป็นแบบอย่างที่ดีของการสร้างความตระหนักในคุณค่าของภาษาไทย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

วธ. ปลื้มกระแสตอบรับบ้านศรีดอนชัย “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จ.เชียงราย

 

วธ. ปลื้มกระแสตอบรับ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 64-65 ดีเกินคาด สร้างรายได้ท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น ร้อยละ 134.27 รายได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.19 เกิดนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.64 ด้านบ้านเชียง จ.อุดรธานี , บ้านศรีดอนชัย จ.เชียงราย , บ้านถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ได้รับความนิยมสูงสุด ผู้คนติดใจเสน่ห์บรรยากาศของชุมชน อาหาร และสินค้าชุมชน 

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะทำงานโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ได้ทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อโครงการสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด เครือข่ายทางวัฒนธรรม นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่ชุมชนได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ ฯ จำนวน 19 จังหวัด และในพื้นที่จังหวัดที่ชุมชนไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ ฯ จำนวน 57 จังหวัด รวมจำนวน 3,089 คน ซึ่งเป็นการสอบถามเกี่ยวกับการรับรู้ ประสบการณ์ ความประทับใจ การมีส่วนร่วม ตลอดจนมุมมองความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชน

ปลัด วธ. กล่าวว่า ผลปรากฏว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เคยได้ยินหรือรับรู้รับทราบเกี่ยวกับโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ดังกล่าวมาบ้างแล้ว โดยผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จะมีการรับรู้รับทราบมากกว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่นอกพื้นที่ ในส่วนของชุมชนที่ได้รับความนิยมและมีผู้เคยไปท่องเที่ยวมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี 2.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย จ.เชียงราย และ3.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ด้านชุมชนที่ส่วนใหญ่คิดว่าจะไปเพิ่มเติมมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย จังหวัดเชียงราย 2.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านผาบ่อง จ.แม่ฮ่องสอน 3.ชุมชนคุณธรรมฯ แหลมสัก จ.กระบี่ นอกจากนี้ ด้านเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบจากการที่ได้ไปท่องเที่ยว ณ สุดยอดชุมชนต้นแบบฯ ได้แก่ “บรรยากาศของชุมชน” รองลงมา คือ “อาหาร” และ “สินค้าชุมชน” ตามลำดับ

นางยุพา กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ในปี 2564 และ 2565 รวม 20 ชุมชน นั้น ทำให้ระดับการพัฒนาของสุดยอดชุมชนต้นแบบฯ ทั้ง 20 ชุมชน มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชน จากเดิมการก่อนได้รับคัดเลือก 133,033,148 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 311,659,739 บาท คิดเป็นร้อยละ 134.27 รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เดิม 8,929,479 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 14,214,750 บาท คิดเป็นร้อยละ 59.19 จำนวนนักท่องเที่ยว เดิม 678,008 คน เพิ่มขึ้นเป็น 1,360,376 คน คิดเป็นร้อยละ 100.64 โดยเป็นการเปรียบเทียบจากข้อมูลรายได้ภายหลัง 1 ปี ของชุมชนที่ได้รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2564 และครึ่งปีของชุมชนที่ได้รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2565 นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังได้ให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีบรรยากาศของชุมชนมากขึ้น การเดินทางสะดวก ชุมชนแสดงออกถึงอัตลักษณ์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

“ขณะนี้ วธ. กำลังคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้ วธ. จะมุ่งส่งเสริมพัฒนาสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่มีบรรยากาศของชุมชน มีภูมิทัศน์น่าสนใจและรื่นรมย์ รวมถึงส่งเสริมให้ชุมชนนำอัตลักษณ์และทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน มาพัฒนาเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น เน้นให้ความสำคัญในเรื่องการเดินทางสะดวกเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พร้อมด้วยการจัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติจากนายกรัฐมนตรี เป็นการการันตีชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และทำให้มีผู้มาเยือนเพิ่มมากขึ้น” ปลัด วธ.กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

ผลิตภัณฑ์ CPOT มาแรง วธ.เผย 30 ชุมชน เตรียมบุกขายตลาดลาซาด้า

 

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ส่งเสริม Soft Power ความเป็นไทยหลากหลายสาขาให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และ วธ. มีนโยบายสู่ “กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ” ภายใต้แนวคิด วัฒนธรรมทำดี ทำงาน ทำเงิน ส่งเสริมสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงได้มีการปรับโครงการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากทุนทางวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand หรือ CPOT โดยส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ในช่วงแรกเราเน้นการพัฒนาต้นน้ำและกลางน้ำ โดยให้ความรู้ในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอด อบรมการออกแบบ วัสดุ ให้มีความน่าสนใจ ร่วมสมัย ตอบโจทย์การใช้งาน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือสามารถจับต้องได้ มีการนำผลิตภัณฑ์ไปออกงานแสดงสินค้าเป็นบ้างครั้ง จนกระทั่งในช่วงปี 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา เราต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด ชุมชน ผู้ประกอบการ  ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ กระทรวงวัฒนธรรมจึงต้องปรับการดำเนินการโดยเน้นสนับสนุนปลายน้ำหรือ ภาคการตลาด เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายโดยเฉพาะในรูปแบบ e Commerce ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ชุมชน ผู้ประกอบการ สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ “ทุกที่ ทุกเวลา อยู่รอดได้ แม้ภัยมา”



ปลัด วธ. กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมจะขับเคลื่อนเพียงหน่วยเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรที่เป็นมืออาชีพ เข้าร่วมสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจวัฒนธรรมยกระดับผลิตภัณฑ์ CPOT ของไทยไปพร้อมๆกัน ทั้งนี้ วธ. ได้แพลตฟอร์มในตลาดค้าปลีกออนไลน์อย่างลาซาด้า (Lazada) มาร่วมเป็นพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ เบื้องต้น วธ. ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีผลต่อการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ปรากฏว่า 3 อันดับแรกที่ผู้บริโภคสนใจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารแปรรูป  ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้/ของตกแต่งบ้าน และผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องหอม/เวชสำอาง ทั้งนี้ วธ. ได้ดำเนินการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและมีคุณภาพได้รับมาตรฐานรับรองต่างๆแล้ว 30 ชุมชน พร้อมเตรียมทำรายการสินค้านำเสนอผลิตภัณฑ์ขึ้นจำหน่าย และกำหนดจัดอบรมทำความเข้าใจกับการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้แก่ชุมชน ผู้ประกอบการ กว่า 200 คน จากทั่วประเทศ ในเดือนกรกฎาคมนี้  เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชน ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะสามารถช้อปสินค้า CPOT บนช่องทางการจำหน่ายของลาซาด้า เร็วๆนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News