Categories
FEATURED NEWS TRAVEL

อนันตรา เชียงราย เปิดตัวต้นคริสต์มาสน้องโต ผสานศิลปะรักษ์โลก

อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ร่วมกับดอยตุง สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาส “น้องโต” รักษ์โลก ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้จับมือกับโครงการพัฒนาดอยตุง เปิดตัวต้นคริสต์มาสสุดสร้างสรรค์ในชื่อ “น้องโต” ประติมากรรมรักษ์โลกที่ผสานความเชื่อท้องถิ่นและวัฒนธรรมคริสต์มาส ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี โดยต้นคริสต์มาสดังกล่าวได้แรงบันดาลใจจาก “น้องโต” สัตว์มงคลในตำนานของชาวไทใหญ่ ที่มีศีรษะคล้ายกวางและลำตัวเหมือนสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเป็นสิริมงคล

ต้นคริสต์มาส “น้องโต” มีความสูงกว่า 6 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณโถงล็อบบี้ของโรงแรม ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกที่เน้นการใช้วัสดุเหลือใช้จากโครงการพัฒนาดอยตุง เช่น เศษผ้าที่เหลือจากการทอผ้า และวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยทีมออกแบบได้นำเศษผ้ามาผูกติดกับโครงสร้างทีละชิ้นด้วยมือทั้งหมด รวมถึงเย็บเป็นเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ลูกบอลกลมและกล่องของขวัญ เพิ่มสีสันและความสวยงาม

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล พื้นโดยรอบต้นคริสต์มาสได้ตกแต่งด้วยเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่เก็บรวบรวมจากป่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโรงแรมในช่วงเทศกาล

นายสมชาย วัฒนธรรม ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม กล่าวว่า “น้องโต” ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของโรงแรมในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนที่เรายึดมั่นเสมอมา”

นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในสไตล์รักษ์โลก พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมและแพ็คเกจพิเศษที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่โทร. 053-784-084

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นและนานาชาติได้อย่างลงตัว พร้อมส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนในเทศกาลแห่งความสุขนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี

เทศบาลตำบลแม่สายจัดงานมหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10 เฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. เทศบาลตำบลแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงาน “มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10” ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น ในมูลนิธิชัยพัฒนา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์จากประเทศอาเซียน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ก้าวไกลสู่ตลาดระดับอาเซียน

เฉลิมฉลองหนึ่งทศวรรษของมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย


งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สายในปีนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของการจัดงาน ภายใต้แนวคิด “1 ทศวรรษ มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 11 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยปีนี้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน


งานในครั้งนี้มีการจัดแสดงที่หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในอำเภอแม่สาย โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. ขบวนพาเหรด Carnival ที่สะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์
  2. การจำลองวิถีชีวิต ของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงการแสดงศิลปะพื้นบ้านและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
  3. โซนอาหารและสินค้าพื้นบ้าน ที่นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่นและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP จากทั่วประเทศ
  4. การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการแสดงของเยาวชนในชุมชน
  5. นิทรรศการส่งเสริมวัฒนธรรม และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ

มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์ กับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น


การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่มุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิต แต่ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย และจังหวัดเชียงรายโดยรวม ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงาน สร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับชุมชน รวมถึงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในท้องถิ่นกับตลาดอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เทศบาลตำบลแม่สาย ขอเชิญชวนชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวทุกท่าน มาร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในงาน “มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10” ระหว่างวันที่ 6 – 11 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษ พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และเสริมสร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่หลากหลายของเมืองแม่สาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

งานดอกบัวตองบานที่ไม้ยา เชียงราย ชมวิวธรรมชาติสุดงดงาม

เชียงรายเปิดงาน “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” ประจำปี 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย และ นายนิคม ยะป๊อก ส.อบจ.เชียงราย ร่วมงาน ในการนี้ นายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย ได้กล่าวต้อนรับ และ นายบรรจง จอมศิลา นายกเทศมนตรีตำบลไม้ยา ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

จุดประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง เทศบาลตำบลไม้ยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานราชการ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงสุขภาพ และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและนอกจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังมุ่งเน้นการ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและสินค้า OTOP ของตำบลไม้ยา

ความงดงามของดอกบัวตองและจุดชมวิวที่ไม้ยา

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี ดอกบัวตอง จะบานสะพรั่งสองข้างทางขึ้นไปยังจุดชมวิว ทำให้พื้นที่ตำบลไม้ยาเต็มไปด้วยสีเหลืองสดใสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ระหว่าง หลักกิโลเมตรที่ 7 ถึง 8 บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4017 ซึ่งเป็นถนนสายบ้านห้วยก้างถึงบ้านสันม่วงคำ โดยจุดชมวิวดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณ บ้านห้วยก้างตลาด หมู่ 12 ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางทิวทัศน์ของดอกบัวตองที่บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ งานดอกบัวตองในปีนี้ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมยาวนานถึง 2 เดือน ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสมาเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการ ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงนิเวศ ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น อาหารพื้นบ้าน ของฝากจากชุมชน และงานหัตถกรรมต่างๆ

นายก อบจ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีความสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและยั่งยืน

เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่ไม้ยา

งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมวิว การถ่ายภาพ การจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน รวมถึงการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเดินทางมายังตำบลไม้ยาได้ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม เพื่อสัมผัสความงดงามของดอกบัวตองที่บานสะพรั่ง และเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE TRAVEL

ทริปไหว้พระ 9 วัดดัง เชียงราย เสริมสิริมงคลครบในวันเดียว

แจกพิกัดไหว้พระ 9 วัดในเชียงราย สายมูห้ามพลาด! ทริปวันเดียวครบในตัวเมือง

เชียงรายในฤดูหนาวกำลังคึกคัก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวสายบุญและสายมูที่ต้องการเสริมสิริมงคลให้ชีวิต วันนี้เราขอแนะนำทริปไหว้พระ 9 วัดในตัวเมืองเชียงราย วันเดียวไหว้ครบ แถมไม่ต้องเดินทางไกล พิกัดแน่น ๆ แบบ One Day Trip! เริ่มจากจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้

เริ่มต้นทริปที่ อนุสาวรีย์พญามังราย

อนุสาวรีย์พญามังราย ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งเมืองเชียงราย สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติแก่พระปรีชาสามารถของพญามังราย กษัตริย์ล้านนาผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย พระบรมรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ประดับด้วยเครื่องทรงล้านนาโบราณ ประทับยืนบนฐานสูงประมาณ 3 เมตร พระหัตถ์ซ้ายถือดาบยืนอย่างสง่างาม

หลังจากนั้นเราขอแนะนำเส้นทางไหว้พระ 9 วัด ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ในตัวเมืองเชียงราย ไหว้ครบจบในวันเดียว รับรองทั้งอิ่มใจและอิ่มบุญตามแบบฉบับสายมู ใครมาถึงเชียงรายแล้วห้ามพลาดทริปนี้!

1.วัดศรีบุญเรือง เชียงราย

วัดศรีบุญเรือง เชียงราย

แนะนำวัดศรีบุญเรือง เชียงราย สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนา เริ่มต้นทริปไหว้พระเสริมบุญที่ “วัดศรีบุญเรือง” วัดเก่าแก่ใจกลางเมืองเชียงราย ตั้งอยู่ในตำบลเวียง อำเภอเมือง ซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 1982 แม้จะเคยกลายเป็นวัดร้างและเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา แต่ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยคุ้มเจ้าหลวงและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2489 ภายในวัดมีทั้งพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอฉัน หอระฆัง และศาลาพักร้อน โดยทั้งหมดสร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาอันงดงามสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของล้านนา

ด้านหลังวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เปิดให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา เรียกได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่ต้องการซึมซับความเป็นล้านนาแท้ ๆ อีกทั้งใกล้ ๆ วัดยังมีร้านอาหารพื้นเมืองรสชาติเยี่ยมให้ได้ลองชิม บอกได้คำเดียวว่ามาเยือนเชียงรายทั้งที ต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยววัดศรีบุญเรือง!

  • Location: หมู่ที่ 3 ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/kA1zrHRt4sN145x5A
2.วัดเชตวัน(พระนอน) เชียงราย

วัดเชตวัน (พระนอน) เชียงราย วัดเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

อีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจในเชียงราย คือ “วัดเชตวัน (พระนอน)” วัดราษฎร์ฝ่ายมหานิกาย ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “วัดพระนอน” วัดนี้ถูกเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนเม็งรายมหาราช พร้อมกับการก่อตั้งเมืองเชียงราย โดยชื่อ “เชตวัน” นั้นอาจมีรากศัพท์มาจากคำว่า “ตะวัน” ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง

ความสำคัญของวัดเชตวันเพิ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2423 เมื่อครูบาหงษ์หรือกาวิโลภิกขุ เดินทางธุดงค์มาจากเชียงใหม่และได้พบบริเวณที่มีเจดีย์ลูกนิมิตและต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่มีความรกและมีน้ำท่วม เขาจึงตัดสินใจบูรณะพื้นที่นี้ให้เป็นวัด โดยตั้งชื่อว่า “วัดเชตวัน (ป่าแดด)” สื่อถึงฤดูแล้งที่ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอก เห็นแสงแดดเจิดจ้า

ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์ หรือ “พระนอน” ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2491 นับเป็นจุดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมักมาเคารพสักการะ นอกจากนี้ วัดเชตวันยังได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ชุมชนแห่งแรกของเชียงราย และมีการตั้งชมรมตีกลองปู่จาเพื่ออนุรักษ์ประเพณีการตีกลองอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมกลองปู่จาและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดได้อย่างใกล้ชิด

  • Location: บ้านหนองบัว ตำบลเวียง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/xDQsQDWCqjdxfe978
3.วัดกลางเวียงเชียงราย

วัดกลางเวียง เชียงราย จุดศูนย์กลางแห่งความศรัทธาในเวียงเชียงราย

หากคุณเป็นสายมูที่เดินทางมาถึงเชียงรายแล้ว วัดกลางเวียง ถือเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาด วัดนี้เคยถูกเรียกว่า “วัดจันทน์โลก” หรือ “จั๋นต๊ะโลก” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดกลางเวียง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นศูนย์กลางของเมืองเชียงรายและมี “สะดือเวียง” หรือเสาหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ภายในวัดด้วย

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1975 วัดนี้ได้รับการเคารพบูชาเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในยุคแรกๆ ชื่อเดิมมาจากต้นจันทน์แดงใหญ่ที่เคยขึ้นอยู่ในบริเวณวัด ก่อนจะโค่นลงตามกาลเวลา เมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงรายครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2417 ชาวเมืองได้รังวัดจากทั้ง 4 มุมเมือง และพบว่าวัดนี้อยู่กลางใจเมืองพอดี จึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “วัดกลางเวียง”

จุดเด่นของวัดนี้คือเสาหลักเมืองเชียงรายที่ตั้งอยู่ภายในมณฑปทรงฟักทองยอดแหลม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 รอบพระชนมายุในปี พ.ศ. 2535 บริเวณรอบมณฑปมีรูปปั้นท้าวจตุโลกบาลทำหน้าที่ปกป้องสะดือเวียง สร้างความศักดิ์สิทธิ์และงดงามให้กับพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์และพระอุโบสถในศิลปะล้านนาประยุกต์ที่งดงามสะดุดตา ควรค่าแก่การเยี่ยมชม

4.วัดพระสิงห์ เชียงราย พระอารามหลวง

วัดพระสิงห์ เชียงราย พระอารามหลวง

วัดพระสิงห์ เชียงราย จุดศูนย์กลางแห่งความศรัทธาและศิลปะล้านนา

วัดพระสิงห์ เชียงราย หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองล้านนาและจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ วัดพระสิงห์เป็นพระอารามหลวงที่มีประวัติยาวนานและความสำคัญทางศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมา วัดพระสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่ โดยสันนิษฐานว่าก่อสร้างในราวปี พุทธศักราช 1928 ระหว่างปี พุทธศักราช 1888 ถึง 1943 คำว่า “พระสิงห์” หมายถึงวัดที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์ หรือ พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ชาวไทยให้ความเคารพ

พระพุทธรูปสำคัญ ภายในพระอุโบสถของวัดพระสิงห์ มีพระพุทธสิหิงค์สององค์ ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์หรือพระสิงห์เชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปชนิดสำริดปิดทอง ขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 204 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 284 เซนติเมตร ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงราย

สถาปัตยกรรมและการบูรณะ วัดพระสิงห์มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยสมัยเชียงแสน โครงสร้างเดิมเป็นไม้เนื้อแข็ง และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในปี พุทธศักราช 2504 และปี พุทธศักราช 2533 บานประตูหลวงที่ประดับด้วยไม้แกะสลักจิตกรรมอย่างประณีต วิหารและพระเจดีย์ที่ตกแต่งด้วยทองแผ่นทองแดงเพิ่มความงดงามให้กับวัด

เรื่องเล่าและตำนาน ตามตำนาน เจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองกำแพงเพชรเพื่อหล่อจำลองและประดิษฐานไว้ที่วัดพระสิงห์ เชื่อกันว่าพระพุทธสิหิงค์องค์จริงถูกยืมไปประดิษฐานที่เชียงรายเพื่อเป็นแบบหล่อขึ้นใหม่

กิจกรรมและประเพณี วัดพระสิงห์เป็นที่จัดงานประเพณีและกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ตลอดทั้งปี รวมถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแข่งขันตีกลองปู่จา ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีโบราณของล้านนา

จุดน่าสนใจภายในวัด

  • พระพุทธสิหิงค์คู่เมือง: พระพุทธรูปปฏิมากรรมที่งดงามและมีขนาดใหญ่
  • บานประตูหลวง: ประดับด้วยไม้แกะสลักจิตกรรมอย่างละเอียดและวิจิตรบรรจง
  • พระเจดีย์เก่าแก่: สถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย มีพระพุทธรูปทองคำและเงินประดิษฐานอยู่ภายใน
  • รอยพระพุทธบาทจำลอง: สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช

การเยี่ยมชมวัดพระสิงห์ วัดพระสิงห์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสิริมงคลหรือสนใจศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนา นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมพระพุทธรูป ศาลาการเปรียญ และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ภายในวัดได้อย่างใกล้ชิด

แวะมาทำบุญและเสริมสิริมงคลที่วัดพระสิงห์ ไม่ว่าคุณจะมาเพื่อทำบุญหรือเพื่อศึกษาความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนา วัดพระสิงห์เชียงรายเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของเชียงราย

 

  • Location: ถนนท่าหลวง เมืองเชียงราย, เชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/HVuKmg3
5.วัดมิ่งเมืองเชียงราย

วัดมิ่งเมือง เชียงราย วัดเก่าแก่และศูนย์รวมความศรัทธาของชาวไทยใหญ่

เชียงราย – เข้าสู่ช่วงครึ่งทางของทริปไหว้พระ 9 วัด เชียงราย คราวนี้มาถึง “วัดมิ่งเมือง” หนึ่งในวัดสำคัญของเมืองเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวไทยใหญ่เรียกว่า “วัดเงี้ยว” หรือ “วัดช้างมูบ” และยังถือว่าเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมไทยใหญ่และล้านนาอย่างโดดเด่น

ประวัติความเป็นมา วัดมิ่งเมืองก่อตั้งขึ้นโดยเจ้านางตะละแม่ศรี พระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ธิดาของกษัตริย์จากหงสาวดี จึงทำให้วัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาของชุมชนชาวไทยใหญ่ ภายในวัดมีพระธาตุมิ่งเมือง เจดีย์ศิลปะล้านนาประดับฉัตรทองที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างงดงามและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มอบเป็นพระราชทานให้กับวัด

สถาปัตยกรรมและสถานที่สำคัญภายในวัด วัดมิ่งเมืองเป็นที่ตั้งของพระวิหารไม้ลายคำ ซึ่งสะท้อนศิลปะผสมผสานระหว่างไทยใหญ่และล้านนา ภายในพระวิหารประดิษฐานพระศรีมิ่งเมือง พระประธานปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะแบบเชียงแสนสิงห์ 1 อายุกว่า 400 ปี ด้านหน้าพระวิหารยังมีบ่อน้ำโบราณชื่อ “บ่อน้ำช้างมูบ” พร้อมซุ้มโขงช้างตกแต่งด้วยประติมากรรมที่หายาก

เสน่ห์ของวัดมิ่งเมือง วัดมิ่งเมืองยังคงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ รวมถึง “ประตูขัวดำ” หรือประตูเมืองเก่า ซึ่งผู้คนเชื่อว่าบ่อน้ำที่นี่เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ผู้ที่ดื่มและล้างหน้ามีสิริมงคลก่อนไปท่องเที่ยวหรือเดินทางต่อ นอกจากนี้ หากต้องการเติมพลังแนะนำให้ลองชิม “ก๋วยจั๊บน้ำข้น” ร้านเด็ดหลังวัดที่ขึ้นชื่อในรสชาติ 

วัดมิ่งเมือง จุดแวะที่คุณไม่ควรพลาดในทริปเชียงราย ด้วยบรรยากาศของวัดที่เต็มไปด้วยศิลปะล้านนาและความศรัทธาโบราณ วัดมิ่งเมืองเชียงรายจะทำให้คุณรู้สึกสงบและเสริมสิริมงคลให้กับการเดินทาง

6. วัดพระแก้ว เชียงราย

วัดพระแก้ว เชียงราย จุดหมายสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์

หลังเติมพลังเสร็จ เราขอพาเข้าสู่ครึ่งหลังของทริปไหว้พระ 9 วัดในเชียงราย โดยมีจุดหมายที่ “วัดพระแก้ว” วัดอารามหลวงชั้นตรีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมล้านนา วัดนี้เป็นสถานที่ค้นพบพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ

ประวัติความเป็นมาและการค้นพบพระแก้วมรกต วัดพระแก้วแต่เดิมชื่อว่า “วัดป่าเยียะ” ภายในบริเวณวัดมีไม้เยียะขึ้นอยู่มากมาย แต่ในปี พ.ศ. 1977 ได้เกิดเหตุการณ์เจดีย์ของวัดถล่มลงมา เผยให้เห็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่กะเทาะออกจนเห็นเนื้อมรกตภายใน ทำให้ผู้คนขนานนามวัดนี้ใหม่ว่า “วัดพระแก้ว” นับเป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ก่อนจะย้ายไปกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน

สถานที่สำคัญภายในวัด

  • หอพระหยก: อาคารทรงล้านนาที่ประดิษฐาน “พระหยกเชียงราย” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบ 90 พรรษา
  • พระอุโบสถทรงเชียงแสน: พระวิหารที่มีลักษณะหลังคาเตี้ยและลาดต่ำ เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องในความงดงามตามศิลปะแบบล้านนา
  • โฮงหลวงแสงแก้ว: พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญของวัด รวมถึงจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

วัดพระแก้วเชียงรายแห่งนี้เป็นมากกว่าสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะเป็นทั้งจุดท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์พุทธศิลป์ล้านนา ใครที่มาเชียงรายไม่ควรพลาดแวะมาสักการะที่นี่สักครั้ง

มาทำบุญและเยี่ยมชมความงามแห่งล้านนาได้ที่วัดพระแก้ว เชียงราย

7.วัดดอยงำเมือง

วัดดอยงำเมือง เชียงราย จุดหมายสายมู สร้างมิตรภาพและโชคลาภ

วัดดอยงำเมือง หรือวัดงำเมือง เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ผู้คนสายมูไม่ควรพลาด เพราะเชื่อกันว่าใครที่มาไหว้พระที่นี่จะได้เสริมมิตรภาพและโชคลาภอย่างไม่ขาดสาย วัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเชียงราย ตั้งอยู่บนดอยงามเมืองและเป็นสถานที่ประดิษฐานของกู่พญามังรายที่สร้างโดยพญาไชยสงคราม โอรสของพญามังรายมหาราช

วัดดอยงำเมืองมีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ที่งดงาม โดยเฉพาะพระวิหารที่มีราวบันไดเป็นรูปมกรคายนาคและประดับตกแต่งด้วยลายคำทองอย่างละเอียด อีกทั้งภายในยังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา ซึ่งแสดงถึงความสง่างามและศรัทธาในพุทธศาสนา

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังวัดพระแก้วเชียงราย โดยสามารถเดินทางผ่านถนนงำเมืองและเข้าไปได้ง่าย ผู้ที่เดินทางมาสามารถขับรถขึ้นเนินเล็กๆ ไปยังวัดได้สะดวก

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เสริมสิริมงคลและบรรยากาศสงบเงียบในเชียงราย วัดดอยงำเมืองเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรแวะเยือน

  • Location: ถนนอาจอำนวย บ้านฮ่อมดอย (ชุมชนราชเดชดำรง) หมู่ที่1 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/fErJ2Lh

8.วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง (หรือวัดพระธาตุดอยตอง ตามสำเนียงคนเชียงราย)

วัดพระธาตุดอยจอมทอง วัดเก่าแก่เชียงราย คู่ประวัติศาสตร์เมืองล้านนา

วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง เป็นวัดสำคัญในเชียงรายที่สายมูและนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ควรพลาด วัดนี้มีความเก่าแก่และเป็นที่นับถือในฐานะวัดที่คู่กับการสร้างเมืองเชียงราย ตามตำนานเล่าว่า วัดพระธาตุดอยจอมทองถูกสร้างขึ้นก่อนที่พ่อขุนเม็งรายจะทรงสร้างเมืองเชียงราย โดยภายในวัดมีพระธาตุจอมทองที่เป็นเจดีย์ตามศิลปะแบบล้านนา-พุกาม หุ้มด้วยทองคำอันงดงามและมีชื่อมงคล

ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อพระพุทธศาสนามีอายุได้ประมาณ 936 ปี พระเถระเจ้ารูปหนึ่งนามว่าพระพุทะโฆษา ได้นำพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 16 องค์มาถวายแก่พระเจ้าพังคราช เจ้าเมืองโยนกนาคพันธุ์ในขณะนั้น พระองค์ได้นำส่วนหนึ่งบรรจุลงในมหาสถูปบนดอยทองและตั้งชื่อว่าพระธาตุดอยจอมทอง ส่วนอีกส่วนนำไปประดิษฐานที่ดอยน้อยหรือวัดพระธาตุจอมกิตติในปัจจุบัน

นอกจากนี้ วัดพระธาตุดอยจอมทองยังมีเสาสะดือเมืองเชียงราย ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการรำลึกถึงพ่อขุนเม็งรายและในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเสานี้ถือเป็นศูนย์กลางจักรวาลตามคติความเชื่อของชาวล้านนา มีการแกะสลักจากหินโดยนายสิงห์คำ สมเครือ ช่างฝีมือชาวพะเยา ปัจจุบันเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของเชียงรายที่นักท่องเที่ยวแวะมาเคารพสักการะ

หากมีโอกาสเยือนเชียงราย อย่าลืมแวะสักการะวัดพระธาตุดอยจอมทองและเสาสะดือเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อสัมผัสบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ของเมืองล้านนา

  • Location: ถนนอาจอำนวย ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://goo.gl/maps/1XaMew7HwEfRtd3H6

9.วัดเจ็ดยอด เชียงราย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี

วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวงเชียงราย ความงดงามแห่งเมืองล้านนา

ปิดท้ายทริปไหว้พระในเชียงรายด้วยวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวงชั้นตรี ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดเจ็ดยอดเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ล้านนา ถึงแม้จะไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีการบูรณะวัดครั้งสำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2386 โดยพระครูบาคันธะคนฺธวํโส ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสคนแรกของวัด ท่านได้เชิญชวนชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธามาร่วมกันพัฒนาวัด จนพบซากวัดเก่าที่มีพระธาตุเจ็ดองค์ตั้งเรียงกันทั้งใหญ่และเล็ก จึงได้บูรณะใหม่ตามแบบวัดเจ็ดยอดในเมืองเชียงใหม่

พระพุทธรูปประธานในอุโบสถของวัดเจ็ดยอดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบล้านนา ก่ออิฐถือปูนและปิดทองทั้งองค์ ภายในอุโบสถเงียบสงบ เหมาะแก่การเจริญสติและสมาธิ ฝ้าเพดานด้านหน้าพระอุโบสถประดับด้วยภาพเขียนสีที่งดงามมาก

วัดเจ็ดยอดมีชื่อเสียงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่องค์พระธาตุเจ็ดยอดในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้ผิวคอนกรีตด้านนอกแตกกะเทาะออกจนเห็นอิฐด้านใน แต่โครงสร้างหลักไม่ได้รับความเสียหาย และยังคงเป็นจุดสำคัญที่ผู้ศรัทธาแวะเวียนมาทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลอยู่เสมอ

การเดินทางมาวัดเจ็ดยอด
จากแยกหอนาฬิกาเชียงราย ขับรถตามถนนเจ็ดยอดประมาณ 500 เมตร วัดเจ็ดยอดจะอยู่ทางขวามือ

วัดเจ็ดยอดเป็นหนึ่งในพระอารามหลวงที่แฝงด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนาโบราณ ใครมาเชียงรายแล้วไม่ควรพลาดที่จะเยี่ยมชม

 

  • Location: ตำบลเวียง อำเภอเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/PDdpdYA

ทริปไหว้พระ 9 วัดดังในเชียงราย ไหว้ครบได้ในวันเดียว!

และนี่คือทริปไหว้พระ 9 วัดดังในตัวเมืองเชียงรายที่เรานำมาฝากกันค่ะ รับรองว่าเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นสายมูหรือสายบุญก็สามารถไหว้ครบทุกวัดได้ภายในวันเดียว ใครที่อยู่ต่างจังหวัดและอยากตามรอยทริปดี ๆ แบบนี้ ก็จัดกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเชียงรายกันได้เลย บอกเลยว่าทั้งอิ่มบุญและยังได้สัมผัสความงดงามของวัดเก่าแก่ที่มีตำนานยาวนานอีกด้วย!

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

เครดิตภาพ : กีรติ ชุติชัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ฟื้นฟูถนนคนเดินเชียงของ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. นายเสริฐ ไชยยานันตา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีเปิดกิจกรรม “ฟื้นฟูและส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น ถนนคนเดินเมืองเชียงของ” ณ ลานเสาพญานาคริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และเชิงสุขภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่

พิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100 คน

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มาเป็นประธานในพิธี โดยนายเสริฐ ไชยยานันตา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับโครงการ ขณะที่ นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานกว่า 100 คน

ถนนคนเดินเมืองเชียงของ: แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่ควรพลาด

กิจกรรม “ถนนคนเดินเมืองเชียงของ ChiangKhong Street Market” จัดขึ้นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ถึง 8 ธันวาคม 2567 ระหว่างเวลา 17.00 – 21.00 น. ณ บริเวณเสาพญานาคริมน้ำโขง ซึ่งถือเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของอำเภอเชียงของ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับบรรยากาศวิถีชุมชน พร้อมซึมซับธรรมชาติอันงดงามของแม่น้ำโขง โดยมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นเมือง กว่า 60 บูธ การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และนิทรรศการเล่าเรื่องราวของเมืองเชียงของ

สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้ชุมชน

กิจกรรมถนนคนเดินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าร่วมมากมาย รวมถึงกลุ่ม วิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตสินค้า OTOP ศิลปินนักแสดง และผู้ประกอบการด้านการสร้างสรรค์ ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังช่วยส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับรากฐาน ทำให้ผู้ประกอบการและพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่มีโอกาสเพิ่มรายได้

การตอบรับดีเยี่ยมจากนักท่องเที่ยว

จากการสำรวจข้อมูลการจัดงานในช่วงที่ผ่านมา 2 สัปดาห์ พบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมมากกว่า 500 คนต่อวัน ส่งผลให้มียอดรายได้จากการจำหน่ายสินค้ารวมกว่า 40,000 บาทต่อวัน สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กิจกรรมนี้ยังช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ หลังจากที่ชุมชนได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา

อัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์

กิจกรรม “ถนนคนเดินเมืองเชียงของ” ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังช่วย อนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น โดยมีกิจกรรมเวิร์กช็อปที่สร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม สร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดีในการเดินทางมายังเมืองเชียงของ

สร้างความร่วมมือเข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ การบูรณาการการทำงานระหว่างกันช่วยให้กิจกรรมมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน นายเสริฐ ไชยยานันตา กล่าวว่า “หวังว่ากิจกรรมนี้จะกลายเป็นต้นแบบให้กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ”

ความหวังในการพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แม่สรวยเปิดแหล่งน้ำพุร้อน ทองทิพย์ หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เปิดตัวโครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” แม่สรวย สร้างเมืองสุขภาพสู่ Chiangrai Wellness City

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร โดย ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร ได้เปิดตัว โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์หมู่บ้านทองทิพย์ ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขานรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาเป็น Chiangrai Wellness City

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างความร่วมมือหลายภาคส่วน

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้มีการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ โดยมี นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์ กับศักยภาพในการพัฒนาสุขภาพ

โครงการนี้มุ่งหวังให้ น้ำพุร้อนทองทิพย์ ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 54 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่สำหรับการบำบัดสุขภาพ โดยสามารถใช้แช่ตัว แช่เท้า และมีผลบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจากการตรวจวิเคราะห์โดยกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกพบว่าน้ำแร่ที่นี่มี ค่า pH 8.2 และสามารถดื่มได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน

กิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวและสุขภาพ

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าเยี่ยมชม พร้อมทั้งมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพหลากหลาย เช่น การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร และบริการจากกลุ่มแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ เช่น เมือง คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) ในสาธารณรัฐเช็ก และเมือง เบปปุ (Beppu) ในประเทศญี่ปุ่น

ขยายโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ เปิดเผยว่าในอนาคตโครงการนี้จะขยายเพื่อสร้าง Golden Immortal Wellness and Healthy Living บนพื้นที่กว่า 425 ไร่ โดยเชิญชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Chiangrai Wellness City ของจังหวัด และผลักดันให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับสากล

ประวัติศาสตร์และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำพุร้อนทองทิพย์

หมู่บ้านทองทิพย์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี โดยเล่ากันว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเคยพักแรมที่บริเวณนี้ก่อนจะครองเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งได้อัญเชิญ พระเจ้าทองทิพย์ มาประดิษฐานไว้ ณ บริเวณนี้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่อดีตถูกใช้โดยหมอแผนโบราณสำหรับการรักษาโรคและการบำบัดสุขภาพ โดยปัจจุบันได้พัฒนาให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง

บทสรุปและเป้าหมายในอนาคต

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเชียงรายและประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของ องค์การบริหารการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (อพท.) โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์ แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ชมจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เชิญชมผลงานนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ได้มีพิธีเปิดนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี ร่วมกับผู้ชมและผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการที่มาร่วมเยี่ยมชมผลงานจิตรกรรมที่ได้รับการคัดเลือกจากการประกวดถึง 81 ผลงาน

ภายในงานนี้ยังได้มีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กว่า 4 ทศวรรษ จิตรกรรมบัวหลวง” โดยศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่มอบความรู้และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะไทย นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่นเชียงราย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจงานศิลปะ

การประกวดจิตรกรรมบัวหลวง: เวทีสำหรับศิลปินรุ่นใหม่

มูลนิธิบัวหลวงได้จัดการประกวดจิตรกรรมบัวหลวงมาตั้งแต่ปี 2517 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานจิตรกรรมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีและมีคุณค่า การประกวดครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 45 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2567 โดยมีการประกวดในสามประเภท ได้แก่ จิตรกรรมไทยแบบประเพณี จิตรกรรมไทยแนวประเพณี และจิตรกรรมร่วมสมัย ซึ่งมีศิลปินเข้าร่วมส่งผลงานทั้งสิ้น 117 ราย จำนวนรวม 148 ภาพ

ผลงานที่ชนะเลิศในแต่ละประเภทของการประกวด

สำหรับประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ผลงานที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงได้แก่ “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” ของนายสิปปภาส แก้สรากมุข ซึ่งเป็นผลงานที่สะท้อนเรื่องราวทางวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ “มโนราห์บูชายัญ” ของนายณัฐดนัย ทองเติม และ “พุทธเจ้าโปรดเท้าพญามหาชมพูบดี” ของนายสุริวัฒน์ แดงประดับ

ในประเภทจิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ประตูเปิดแล้ว” ของนายเจษฎา กีรติเสวี ที่แสดงถึงความสำคัญของประเพณีและศิลปะไทย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงานชื่อ “ยมกปาฏิหาริย์” ของรองศาสตราจารย์นิโรจน์ จรุงจิตวิทวัส และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง ได้แก่ผลงาน “ชุมชนมัสยิดมหานาค” ของนายอัซมาวีย์ การี

สำหรับประเภทจิตรกรรมร่วมสมัย รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ตนิจิต 1/2567” ของนายระพีพัฒน์ ผลรัตนไพบูลย์ ซึ่งเป็นผลงานที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และความร่วมสมัย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงาน “มายาแห่งความคิด” ของนายจรัญ พานอ่อนตา และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงได้แก่ผลงาน “พื้นที่จินตนาการแห่งความสุข” ของนายจตุพล สีทา

เงินรางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับศิลปินผู้ชนะการประกวด

ผู้ชนะที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงในแต่ละประเภท จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษในการรับทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 150,000 บาท และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 100,000 บาท

เชิญชมนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45

นิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 จัดแสดงผลงานของศิลปินที่ผ่านการคัดเลือกจากการประกวด โดยนิทรรศการจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน – 16 ธันวาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.

การจัดแสดงผลงานครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่จะได้สัมผัสกับผลงานจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าและสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของศิลปินรุ่นใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เชียงรายเชิญเที่ยวภูชี้ฟ้า สัมผัสหนาว ชมหมอกสวย

รองปลัดมหาดไทยชวนเที่ยวภูชี้ฟ้า สัมผัสอากาศหนาว ชมทะเลหมอก จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวจังหวัดเชียงราย เพื่อสัมผัสกับอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะที่ “ภูชี้ฟ้า” แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาชมทะเลหมอกในยามเช้า และความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้น

ภูชี้ฟ้า: จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามที่สุดในเชียงราย

ภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 1,628 เมตร ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหน้าผาทอดยาวชี้ขึ้นฟ้าทางฝั่งประเทศลาว จึงได้ชื่อว่า “ภูชี้ฟ้า” จากภูชี้ฟ้า นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นหมู่บ้านเชียงตองของประเทศลาว ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์สวยงามยิ่งนัก

จุดชมวิวที่นิยม


นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดภู หรือเลือกหยุดที่ลานกว้างซึ่งอยู่ก่อนถึงยอดเขา ทั้งสองจุดนี้จะให้มุมมองที่งดงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะยามเช้าตรู่ที่ทะเลหมอกก่อตัวขึ้นพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า

ฤดูหนาวนี้พิเศษกว่าที่ผ่านมา

ปีนี้ธรรมชาติที่ภูชี้ฟ้าได้ฟื้นตัวจากเหตุการณ์ไฟป่าที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ตอนนี้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความเขียวขจีของทุ่งหญ้าและวิวทิวทัศน์ที่กลับมาสวยงาม พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

การเดินทางไปยังภูชี้ฟ้า

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปภูชี้ฟ้าได้ทั้งการใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ โดยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวสามารถใช้แอปพลิเคชันนำทาง GPS เพื่อนำทางไปถึงจุดจอดรถ จากนั้นสามารถต่อรถสองแถวขึ้นภูได้

แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/NFgN2Ah8p3myZkk46 

การเดินทางด้วยรถสาธารณะมี 2 วิธี

  1. รถโดยสารสายเชียงราย-เทิง-เชียงของ ลงที่อำเภอเทิง และต่อรถสองแถวที่มีให้บริการรอบเดียวในเวลา 14.00 น. ค่ารถโดยสารอยู่ที่ประมาณ 33 บาทและค่าโดยสารรถสองแถวเพิ่มอีก 70 บาท
  2. รถตู้จากเชียงรายไปภูชี้ฟ้า ค่าโดยสารอยู่ที่ 150 บาท มีบริการ 2 รอบ คือเวลา 07.15 น. และ 13.00 น. สำหรับขากลับมีรอบเวลา 09.00 น. และ 15.00 น. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นในจังหวัดเชียงราย

นอกจากภูชี้ฟ้าแล้ว จังหวัดเชียงรายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น ดอยแม่สลอง ดอยผาตั้ง และวัดร่องขุ่น ซึ่งแต่ละที่ล้วนมีความงดงามเฉพาะตัว และเส้นทางการคมนาคมสะดวกสบาย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศเมืองเหนือในฤดูหนาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ร่วมลอยกระทงแบบล้านนาที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ

โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชิญร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงสไตล์ล้านนา “Loy Krathong Wonder” ท่ามกลางบรรยากาศงดงามใจกลางสามเหลี่ยมทองคำ

โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ขอเชิญนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของประเพณีลอยกระทงแบบล้านนา ในงานเทศกาล “Loy Krathong Wonder” ที่จัดขึ้นเพื่อสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีไทยอันทรงคุณค่า ซึ่งในปีนี้จะมีการแสดงและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ให้คุณดื่มด่ำกับบรรยากาศล้านนาและธรรมชาติอันงดงามริมแม่น้ำรวก

บรรยากาศแบบล้านนาและการแสดงพื้นเมืองที่น่าประทับใจ

ในค่ำคืนของงาน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หลากหลาย เช่น ดนตรีพื้นบ้าน การฟ้อนรำ ฟ้อนดาบ และการตีกลองสะบัดชัย ที่จะเพิ่มความสนุกสนานและประทับใจในทุกช่วงเวลา การแสดงเหล่านี้เป็นการสะท้อนเอกลักษณ์และความงดงามของประเพณีล้านนา ซึ่งได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่อดีต

กิจกรรมสืบสานประเพณีลอยกระทงและการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง พร้อมนำกระทงไปลอยที่ริมแม่น้ำรวก ถือเป็นโอกาสในการสืบสานประเพณีลอยกระทงแบบดั้งเดิม รวมถึงการปล่อยโคมไฟยี่เป็งที่ทำให้ค่ำคืนนี้สว่างไสวด้วยแสงไฟ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยความหมายของการขอบคุณและการขอพรจากธรรมชาติ

เพลิดเพลินกับกาดล้านนาและสินค้าในชุมชน

นอกจากกิจกรรมลอยกระทงแล้ว ยังมีการจำลองบรรยากาศของกาดล้านนา ซึ่งเป็นตลาดท้องถิ่นที่นำเสนอสินค้าพื้นเมือง งานศิลปะ งานคราฟต์จากชุมชน และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ สามารถสัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าของงานหัตถกรรมที่ทำขึ้นด้วยใจจากชุมชน

อิ่มอร่อยกับมื้อค่ำแบบบุฟเฟ่ต์อาหารไทยและนานาชาติ ริมแม่น้ำ

ในส่วนของอาหาร ทางโรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เตรียมสถานีอาหารไทย อาหารเหนือ และอาหารนานาชาติในรูปแบบบุฟเฟ่ต์สุดพิเศษ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกอิ่มอร่อยกันอย่างเต็มที่ในบรรยากาศมื้อค่ำที่แสนอบอุ่นริมแม่น้ำ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 21.30 น. ในราคา 2,400++ บาทต่อท่าน สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี ราคา 1,200++ บาทต่อท่าน

รายละเอียดการเข้าร่วมงาน Loy Krathong Wonder ที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ

กิจกรรม “Loy Krathong Wonder” จะจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึง 21.30 น. ที่โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 053-784-084

ร่วมดื่มด่ำกับความงดงามของประเพณีลอยกระทงแบบล้านนา สัมผัสบรรยากาศมื้อค่ำริมแม่น้ำที่ร่มรื่น ท่ามกลางทัศนียภาพของสามเหลี่ยมทองคำและธรรมชาติอันงดงาม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

Thailand Winter Festivals เปิดเทศกาลหน้าหนาวทั่วไทย

‘Thailand Winter Festivals’ เทศกาลหน้าหนาวทั่วไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม ‘Thailand Winter Festivals’ ที่จะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศภายใต้การสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เทศกาลนี้จะประกอบไปด้วยกิจกรรมไฮไลท์ 7 ประเภท ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลเคาท์ดาวน์ กิจกรรมเชิงกีฬา กิจกรรมด้านวัฒนธรรม เทศกาลอาหาร เทศกาลดนตรี และเทศกาลแสงสี ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ สร้างความหลากหลายในการท่องเที่ยวและประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้มาเยือน

บรรยากาศต้อนรับฤดูหนาวทั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ร่วมสวมผ้าพันคอเข้าธีมฤดูหนาว โดยใช้ผ้าทอดอยตุง หมักโคลน โทนสีธรรมชาติจากจังหวัดเชียงราย ซึ่งแสดงถึงความเป็นไทยและเอกลักษณ์ท้องถิ่นของภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าถึงแม้ฤดูหนาวในประเทศไทยอาจไม่หนาวจัดเหมือนบางประเทศ แต่การจัดกิจกรรมนี้ถือเป็นโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจและเสน่ห์ให้กับประเทศไทยในช่วงปลายปี

7 กิจกรรมหลักทั่วไทย ตอบโจทย์ทุกความสนใจ

เทศกาลนี้จะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มต้นจากเทศกาลลอยกระทงที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด การจัดงานในหลากหลายสถานที่ช่วยให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ที่ฟื้นตัวหลังจากประสบอุทกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในภาคเหนือและภาคอื่นๆ อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ กิจกรรมด้านวัฒนธรรม เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร และกิจกรรมแสงสียังเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทความหลากหลายของวัฒนธรรมและสไตล์การท่องเที่ยวที่มีอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี สร้างรายได้และสร้างโอกาสให้กับคนในท้องถิ่น

เทศกาล “Thailand Winter Festivals 2024” ที่จัดขึ้นในปีนี้ จะมีความหลากหลาย น่าสนใจและยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อนำส่งประสบการณ์ความสุขช่วงปลายปี โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ใน 7 หมวดหมู่ ดังนี้

1. เทศกาลลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงอันทรงคุณค่าสะท้อนความเป็นไทยอย่างสร้างสรรค์จากอัตลักษณ์ท้องถิ่นบนรากฐานทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจกรรม โดยมีการจัดงานทั่วประเทศ อาทิ งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง  ณ คลองผดุงกรุงเกษม (ย่านหัวลำโพง) ในวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567, งานลอยกระทงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567, ประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย วันที่ 8 – 18 พฤศจิกายน 2567 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย, ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 14 – 17 พฤศจิกายน 2567 ทั่วจังหวัดเชียงใหม่, ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก วันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน 2567 ณ ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมืองตาก, ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณสองฝั่งน้ำแม่กลอง ได้แก่ ฝั่งอุทยาน ร.2 และฝั่งวัดภุมรินทร์กุฎีทอง, ประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2567 ณ บึงพลาญชัย

2. เทศกาล Countdown ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสสู่การส่งท้ายปีแบบยิ่งใหญ่ตระการตา ทั้งการจัดแสดงพลุและแสงสีเสียงสื่อผสม การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงทางวัฒนธรรม ไปจนถึงการขึ้นปีใหม่แบบไทยด้วยการสวดมนต์ข้ามปีและการทำบุญตักบาตร อาทิ Amazing Thailand Countdown 2025 ในวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 กรุงเทพมหานคร, งาน ICONSIAM Amazing Thailand Countdown 2025 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567, งาน Centralworld Bangkok Countdown 2024 วันที่ 31 ธันวาคม 2567,  Amazing Chiang Mai Countdown 2025 วันที่ 21-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, HATYAI COUNTDOWN 2025 วันที่ 31 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568 จังหวัดสงขลา, เทศกาลปีใหม่ Suphanburi Festival 2024 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดสุพรรณบุรี

3. กิจกรรมเชิงกีฬา Amazing Thailand Marathon Bangkok ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณถนนพญาไท กรุงเทพฯ, งานวิ่งเทรลอินทนท์ Hoka Chiang Mai Thailand by UTMB วันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, เชียงใหม่มาราธอน วันที่ 22 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, Bangsaen 42  วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดชลบุรี, KORAT MARATHON 2024 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดนครราชสีมา, ลากูน่า ภูเก็ต ไตรกีฬา วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดภูเก็ต, Betong 21 International Half Marathon วันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดยะลา

4. กิจกรรมด้านวัฒนธรรม นำเสนออัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อาทิ มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ วันที่ 14-25 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดสุรินทร์, งาน “ใส่ไทย เฟสติวัล (Sai Thai Festival) จังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2567 และจังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2567 และงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส วันที่ 20-25 ธันวาคม 2567 จังหวัดสกลนคร

5. เทศกาลอาหาร  มหกรรมอาหาร ฟู้ด เฟสติเว่อร์ วันที่ 11-15 ธันวาคม 2567  กรุงเทพฯ, งานเทศกาลปลาร้าหมอลำ Isan To The World วันที่ 26-29 ธันวาคม 2567 จังหวัดขอนแก่น, NORTHERN COFFEE Gathering 2024 วันที่ 29 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, Hidden Gem Food Festival วันที่ 11-15 ธันวาคม กรุงเทพฯ

6. เทศกาลดนตรี เพิ่มความคึกคักด้วยกิจกรรมทางด้านดนตรี ซึ่งจะจัดขึ้นในหลายพื้นที่ อาทิ Wonderfruit วันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 จังหวัดชลบุรี, Rolling loud Thailand 2024 วันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2567 ณ Legend Siam พัทยา, เชียงใหม่เฟส จังหวัดเชียงใหม่, Big Mountain จังหวัดนครราชสีมา, เทศกาลดนตรีนานาชาติ Maho Rasop จังหวัดปทุมธานี

7. เทศกาลแสงสี (Lighting & Illumination) พบกับมหาปรากฏการณ์แสดง แสง เสียง พลุ โดรน สุดยิ่งใหญ่ในงาน Vijit Chao Phraya 2024 วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น สะพานพระราม 8, อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา (กองทัพเรือ), ป้อมวิไชยประสิทธิ์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์  (สะพานพระพุทธยอดฟ้า), อาคารสุนันทาลัย (โรงเรียนราชินี), ไอคอนสยาม, สะพานพระปกเกล้า, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลแสงสีอื่น ๆ ที่จะมาเติมสีสันอีกมากมาย อาทิ Awakening Bangkok วันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 ย่านเมืองเก่าพระนคร กรุงเทพฯ, Night at the Museum Festivals 2024 วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 ณ มิวเซียมสยาม และพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้กว่า 24 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และเทศกาล พลุนานาชาติ “Pattaya International Fireworks Festival 2024” วันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 เลียบหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี

การร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยสนับสนุนให้เทศกาลนี้เกิดขึ้น นอกจากนี้ การจัดงานนี้ยังเป็นการแสดงความพร้อมของไทยในการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกจังหวัด โดยไม่ได้เน้นเฉพาะจังหวัดหลักเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่านอกจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว เทศกาล ‘Thailand Winter Festivals’ ยังเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมีบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นกันเอง อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวสนับสนุนให้ประชาชนร่วมกันโปรโมทเทศกาลนี้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเสริมสร้างเศรษฐกิจของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News