Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แพเปียก ‘แม่สรวย’ เปิดแล้ว อบจ.เชียงราย หนุนท่องเที่ยวชุมชน

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ล่องแพเปียกแม่สรวย เปิดฤดูกาลปี 2568

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน “การล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย” อย่างเป็นทางการ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดกิจการดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

พิธีเปิดกิจกรรมล่องแพเปียกแม่สรวย

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณลำน้ำแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวณิชาภา สันธิ หัวหน้าฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร และ นางสาวสุมิตรา บางขะกูล หัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยว ร่วมเปิดตัวกิจกรรมสำคัญนี้

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาวสุภาภรณ์ ยาลังคำ ปลัดอำเภอแม่สรวย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมรับฟังรายงานจาก นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก และมีผู้นำท้องที่และท้องถิ่นเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน

กิจกรรม ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย – ลำน้ำแม่ลาว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2568 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมอาชีพและการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นเวทีสำคัญในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นอกจากนี้ การจัดงานยังมุ่งเน้นการสร้างเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ล่องแพเปียก ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมการล่องแพเปียกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิด การสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่เจ้าของแพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าท้องถิ่น และธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก กล่าวว่าการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ได้สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดความร่วมมือระหว่างชาวบ้านในการพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

แนวทางการพัฒนาในอนาคต

อบจ.เชียงราย มีแผนพัฒนาโครงการล่องแพเปียกให้มีความปลอดภัยและยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น โดยมีแผนพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้แก่:

  • การเพิ่มมาตรการความปลอดภัย – กำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ช่วยชีวิตและการอบรมไกด์นำเที่ยว
  • การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ – ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน – ปรับปรุงท่าเทียบแพ จุดจอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

สรุป

การเปิดตัว ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่สามารถสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้กิจกรรมนี้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การล่องแพเปียกแม่สรวยมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
    ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เลือก โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มแพเปียกแม่สรวยได้
  2. การล่องแพเปียกเหมาะกับทุกวัยหรือไม่?
    กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับทุกวัย แต่ควรมีการดูแลเด็กและผู้สูงอายุเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัย
  3. นักท่องเที่ยวควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
    ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม เตรียมอุปกรณ์กันน้ำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
  4. สามารถจองล่องแพล่วงหน้าได้หรือไม่?
    สามารถจองล่วงหน้าผ่านกลุ่มแพเปียกแม่สรวย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความสะดวก
  5. มีมาตรการด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง?
    มีอุปกรณ์ชูชีพ การอบรมไกด์นำเที่ยว และการตรวจสอบสภาพแพเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TRAVEL

คืนชีพ “บ้านเขียว” แพร่เปิด ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้มรดก 120 ปี

แพร่เปิด “บ้านเขียว” ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อนุรักษ์มรดกล้านนา

รมว.ทส. นำเปิดศูนย์เรียนรู้ ฟื้นฟูอาคารประวัติศาสตร์ 120 ปี สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แพร่, 21 กุมภาพันธ์ 2568บ้านเขียว” อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการฟื้นฟูและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 6 หน่วยงาน ที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมล้านนา

พิธีเปิดจัดขึ้นที่ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่” โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์การทำไม้ของประเทศไทย ควบคู่กับกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่อย่างยั่งยืน

บ้านเขียว: อาคารประวัติศาสตร์ที่เป็นพยานยุคทองของอุตสาหกรรมป่าไม้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวถึง บ้านเขียว” ว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 (สมัยรัชกาลที่ 5) และเคยเป็น สำนักงานป่าไม้ ที่สำคัญในยุคล้านนา เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ที่รุ่งเรืองในภาคเหนือ โดยอาคารแห่งนี้เคยผ่านการพัฒนา 5 ยุคสมัย ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี พ.ศ. 2563

“บ้านเขียวไม่ใช่แค่อาคารเก่า แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของยุคทองแห่งการป่าไม้ในล้านนา การบูรณะครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การฟื้นฟูอาคาร แต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรม และสืบทอดองค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลัง” ดร.เฉลิมชัยกล่าว

การบูรณะบ้านเขียว: ฟื้นฟูสถาปัตยกรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากร

การฟื้นฟู บ้านเขียว ให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม พร้อมพัฒนาให้เป็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ให้ความรู้ด้านทรัพยากรป่าไม้และการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการบูรณะได้รับการสนับสนุนจาก 6 หน่วยงานหลัก ได้แก่:

  1. กรมศิลปากร – ให้คำแนะนำด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิม
  2. สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ – ช่วยออกแบบและฟื้นฟูโครงสร้างอาคาร
  3. เทศบาลเมืองแพร่ – สนับสนุนงบประมาณและการดำเนินงาน
  4. เทศบาลตำบลป่าแมต – มีบทบาทในการดูแลพื้นที่โดยรอบ
  5. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ – ส่งเสริมโครงการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
  6. สมาคมรักษ์เมืองเก่าแพร่ – ผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูบ้านเขียว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้: เปิดมิติใหม่ของการศึกษาและท่องเที่ยว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่นี้ จะเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์การป่าไม้ ที่ครอบคลุมถึง:

  • วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมป่าไม้ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและป่าไม้ล้านนา ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอแนวทางการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักวิจัยด้านป่าไม้ รวมถึงเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ สถาปัตยกรรมล้านนา และ การใช้ชีวิตของชาวแพร่ในอดีต

กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

ภายในงานเปิดตัวศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ ยังมีการจัด กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ งานหัตถกรรม และสินค้าท้องถิ่นของจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยตลาดนัดแห่งนี้มีการจำหน่าย:

  • ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมล้านนา เช่น ผ้าทอเมืองแพร่ เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องจักสาน
  • ผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมือง เช่น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และกาแฟพื้นเมือง
  • สินค้าสร้างสรรค์และงานศิลปะ จากศิลปินท้องถิ่น

ตลาดแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ช่วยสร้างความตื่นตัวด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่ให้เติบโตต่อไป

ศูนย์เรียนรู้บ้านเขียว: จุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์

การเปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้บ้านเขียว เป็นก้าวสำคัญของจังหวัดแพร่ในการส่งเสริมการศึกษา การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยศูนย์แห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็น แหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

นอกจากนี้ การฟื้นฟูบ้านเขียวให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตของเมืองแพร่อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

  • บ้านเขียว อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการบูรณะและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติให้ 6 หน่วยงาน ที่ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเขียว
  • ศูนย์เรียนรู้ฯ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ และ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตด้านสถาปัตยกรรม
  • จัดกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวมสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นเมือง และงานศิลปะท้องถิ่น
  • เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

บอลลูนนานาชาติเชียงราย สุดอลังการรับวาเลนไทน์

บอลลูนนานาชาติสุดอลังการ! สิงห์ปาร์ค เชียงราย จัดกิจกรรมบอกรักบนฟ้ารับวาเลนไทน์

เชียงราย, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – สิงห์ปาร์ค เชียงราย ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วยกิจกรรมสุดโรแมนติกในงาน เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025″ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมพิเศษ “Balloon Love 2025” ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเทศกาลนี้

กิจกรรมสุดพิเศษ “Balloon Love 2025”

ปีนี้ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เปิดโอกาสให้ 14 คู่รักผู้โชคดีจากการคัดเลือกกว่า 150 คู่ ได้สัมผัสประสบการณ์ลอยฟ้าเหนือเชียงรายในช่วงเช้ากับบอลลูนหลากสีสันกว่า 30 ลูก จาก 11 ประเทศทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกของวันวาเลนไทน์ พร้อมชมทิวทัศน์เชียงรายแบบ 360 องศา สร้างความประทับใจให้กับคู่รักที่เข้าร่วมงานอย่างเต็มเปี่ยม

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย, หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารบริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด รวมถึงประชาชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมอันน่าประทับใจนี้

การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติและกิจกรรมที่น่าสนใจ

นอกจากกิจกรรม “Balloon Love 2025” แล้ว เทศกาลบอลลูนนานาชาติปีนี้ยังมีกิจกรรมที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ ได้แก่:

  • การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ มีบอลลูนเข้าร่วมแข่งขันกว่า 30 ลูก จาก 13 ประเทศ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นทุกวันระหว่างเวลา 16.30 – 18.00 น. พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท
  • การแสดงบอลลูนแสง สี เสียง จัดขึ้นทุกคืนบริเวณทะเลสาบภายในสิงห์ปาร์ค เชียงราย สร้างบรรยากาศสุดอลังการให้กับผู้เข้าร่วมงาน
  • คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ที่จะมาร่วมสร้างสีสันและความบันเทิงตลอดทั้ง 5 วันของเทศกาล

โขนกลางแปลง “สัจจะ เดชา พญามาร” เสริมวัฒนธรรมไทย

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของปีนี้คือการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย โขนกลางแปลงชุดใหญ่” ตอนพิเศษ สัจจะ เดชา พญามาร” โดยคณะศิลปินวังหน้าและเยาวชนจากจังหวัดเชียงรายกว่า 160 ชีวิต ซึ่งจะจัดแสดงบริเวณริมทะเลสาบในวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อส่งเสริมศิลปะการแสดงไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

บทสรุป

เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025 ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นงานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้าร่วม ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความรักและความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น “Balloon Love 2025” การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความงดงามของศิลปะไทย ทำให้งานนี้เป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่ไม่ควรพลาดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TRAVEL

‘ห้วยตึงเฒ่า’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ใกล้ชิดพระราชดำริ

ห้วยตึงเฒ่า” โครงการหมู่บ้านตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหาร จังหวัดเชียงใหม่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2523 ทรงมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร และตั้ง โครงการหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ไร่ มีความจุประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยราษฎรที่ได้รับจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินกว่า 61 ครอบครัว สามารถดำรงชีพด้วยอาชีพเกษตรกรรม และไม่มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม

ในปี พ.ศ. 2550 กองทัพบกมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร ได้จัดตั้ง สำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า” ขึ้น โดยเน้นให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนกำลังพลในกองทัพบก รวมถึงประชาชนทั่วไป

กิจกรรมที่น่าสนใจในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

  1. ชมจุดทรงประทับยืน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมหอคอยชมวิว 5 ชั้น
  2. สักการะพระพุทธรูป “พระพุทธรัตนชัย สุรพลารักษ์” และองค์เจ้าแม่กวนอิม
  3. รับประทานอาหารในซุ้มริมน้ำ ชมวิวธรรมชาติ
  4. นั่งรถรางชมพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ
  5. เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ระยะทาง 4 กิโลเมตร
  6. กิจกรรมตกปลาและปั่นจักรยานน้ำ
  7. ป้อนอาหารน้องแกะและเล่นน้ำกับครอบครัว
  8. ถ่ายรูปกับ “ครอบครัวคิงคองยักษ์” และกังหันลมสวิตเซอร์แลนด์

 

ความสำคัญของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผสมผสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมอาชีพของราษฎร และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน โดยในปัจจุบันยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสวัสดิการให้แก่ชุมชน

แม่ทัพภาคที่ 3

ได้เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมสัมผัสลมหนาวและธรรมชาติบริเวณทิวเขาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053-121119 หรือเว็บไซต์ www.rta.mi.th/hueytuengtao

 

ข้อมูลสรุป

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าเป็นโครงการพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของราษฎรในพื้นที่เชียงใหม่ นอกจากการเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ชมธรรมชาติ สักการะพระพุทธรูป ไปจนถึงการทำกิจกรรมกับครอบครัว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เที่ยวป่าส้มแสง เชียงราย สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร

แอ่วล้ำแอ่วเหลือ: เชียงรายชวนสัมผัส “ป่าส้มแสง” ป่าชุ่มน้ำอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในอาเซียน

เชียงรายเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน สู่ “ป่าส้มแสง” บ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครในภูมิภาคอาเซียน ด้วยความพิเศษของระบบนิเวศป่าชุ่มน้ำตามฤดูกาล (Seasonal Wetland) ที่ผสมผสานความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างลงตัว

เสน่ห์ของป่าส้มแสง: อัตลักษณ์แห่งธรรมชาติ

ป่าส้มแสงมีพื้นที่ประมาณ 85 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของป่าลุ่มน้ำอิง อุดมไปด้วยต้นส้มแสง หรือชุมแสง ซึ่งมีอายุมากกว่า 300 ปี ระบบนิเวศของป่าส้มแสงมีความพิเศษ คือ ต้องแช่น้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก 4-5 เดือนต่อปี โดยระดับน้ำสามารถสูงถึง 4-6 เมตร เพื่อเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจากแม่น้ำอิงและแม่น้ำโขง ในช่วงน้ำลด ป่าส้มแสงจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น เป็นบ้านของสัตว์ป่า เช่น นก ไก่ป่า กระรอก และสัตว์ท้องถิ่นอื่น ๆ

ชุมชนบ้านป่าข่าได้พัฒนาป่าส้มแสงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยสร้างสะพานทางเดินชมธรรมชาติ (สกายวอร์ค) ยาว 378 เมตร ให้ผู้มาเยือนสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดกิจกรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตพื้นบ้านเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และดื่มด่ำกับความงามของพื้นที่

กิจกรรมแนะนำ: ใกล้ชิดธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้าน

  1. เดินสกายวอร์ค ชมป่าส้มแสง เพลิดเพลินกับการเดินชมป่าส้มแสงผ่านสะพานไม้ยาว ที่เปิดให้เห็นวิวธรรมชาติรอบด้านทั้งในช่วงน้ำหลากและน้ำลด

  2. เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น การหาปลาด้วยแหและอวน การทำอาหารพื้นบ้านอย่างลาบปลา ต้มปลา และปลาเผาสดจากแม่น้ำอิง

  3. พายเรือในหนองมน สนุกกับการพายเรือในหนองมน แหล่งน้ำที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้าน พร้อมชมธรรมชาติที่เงียบสงบ

  4. จุดกางเต็นท์ริมแม่น้ำอิง สัมผัสบรรยากาศแคมปิ้งริมน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามในยามเช้าและค่ำคืน

  5. ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล นมัสการพระครูวรกิติวิมล เจ้าอาวาสวัดบ้านป่าข่า และเดินชมทิวทัศน์รอบวัดที่เงียบสงบ

นโยบายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

ชุมชนบ้านป่าข่าได้รวมตัวกันตั้งคณะกรรมการดูแลพื้นที่และจัดการท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยวจะถูกนำไปพัฒนาชุมชน เช่น การปรับปรุงเส้นทาง การจัดหาเครื่องจักรสำหรับแก้ปัญหาไฟป่าและ PM2.5 และการสร้างธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาได้สะดวกมากขึ้น ด้วยถนนเชื่อมสายใหม่จากทางหลวง R3A ระยะทางเพียง 1,200 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายดายและปลอดภัย

แพ็กเกจท่องเที่ยวสุดคุ้ม

  • เที่ยวป่าส้มแสงแบบ 1 วัน: ราคา 200 บาท/คน รวมมัคคุเทศก์นำเที่ยว
  • เที่ยวเชิงวิถีชีวิต 1 วัน 1 คืน: ราคา 1,200 บาท/คน รวมอาหารจากชุมชนและกิจกรรมทั้งหมด (รองรับได้สูงสุด 20 คนต่อทริป)

มุมมองอันล้ำค่า: เชียงราย เมืองแห่งความหลากหลายทางธรรมชาติ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย การเที่ยวชมป่าส้มแสงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน

“เชียงรายจะไม่หยุดอยู่แค่จุดหมายปลายทาง แต่จะเป็นที่ที่ผู้คนสามารถกลับมาเติมเต็มความสุขและแรงบันดาลใจได้เสมอ” ชาวบ้านป่าข่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

มาเป็นส่วนหนึ่งของการสัมผัสธรรมชาติและสร้างความทรงจำดี ๆ ที่ป่าส้มแสง จังหวัดเชียงราย พร้อมสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE TRAVEL

เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27

สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมชนเผ่าและชาเลิศรสในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27”

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก จังหวัดเชียงราย เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมชนเผ่าในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ณ พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ดอยแม่สลอง: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมชนเผ่าและธรรมชาติ

ดอยแม่สลองถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศบนยอดเขาสูงที่มีถึง 5 ยอด และระดับความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดปี พื้นที่รวมกว่า 115.26 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,045 ไร่

ในช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่ไม่ควรพลาด

  1. การประกวดชาคุณภาพของดอยแม่สลอง
    งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกชาและผู้ผลิตชาคุณภาพในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดชาชั้นนำ
  2. การประกวดธิดาชา
    สาวงามผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับชาและวัฒนธรรมชนเผ่าจะแข่งขันกันในงานนี้
  3. การแข่งขันทำอาหารชนเผ่า
    พบกับอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนเผ่าดอยแม่สลอง
  4. การแสดงชาติพันธุ์ชนเผ่า
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งการแต่งกาย เสียงเพลง และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์
  5. การประกวดขบวนชาติพันธุ์ชุมชนดอยแม่สลอง
    ชมขบวนแห่ที่สื่อถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันหลากหลาย
  6. นิทรรศการมากมาย
    เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาชุมชนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างสร้างสรรค์

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผลักดันจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มองเห็นศักยภาพในอดีตและอนาคตของพื้นที่นี้

ในปี 2566 เชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 20-30 และในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เยี่ยมชมแล้วกว่า 4.9 ล้านคน

ปิดท้ายด้วยการสนับสนุนการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมเชียงรายในฐานะอุทยานธรณีโลกที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • สถานที่จัดงาน: พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
  • วันที่: 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568
  • ติดต่อสอบถาม: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร. 053-765129

ร่วมสนุกและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามได้ในงานนี้!

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 เชียงราย ไฮไลต์สุดยิ่งใหญ่

เชียงรายหนาวนี้! เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 พร้อม 7 ไฮไลต์สุดประทับใจ

หนาวนี้ทาง คอลัมน์ แอ่วล้ำแอ่วเหลือ ชวนเที่ยวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, กระทรวงวัฒนธรรม, ขัวศิลปะ และสิงห์เลม่อนโซดา จัดงาน เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ครั้งที่ 4 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายในช่วงฤดูหนาว

7 ไฮไลต์สุดพิเศษในงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”

  1. ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
    ดอยตุงร่วมสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาสูง 15 เมตร ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai The Sense of Art” โดยใช้ผ้าย้อมสีธรรมชาติจากชาวเขาดอยตุง ตกแต่งด้วยลูกสนจากทางมะพร้าว พร้อมดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ นำเสนอความงดงามทางศิลปะท้องถิ่น
  2. สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต
    เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองจาก 6 ชนเผ่าและเมนูพิเศษที่รังสรรค์จากดอกไม้นานาชนิด พร้อมกิจกรรม Workshop งานคราฟต์, Face Paint และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเด็กๆ เชียงราย
  3. Christmas Carols (24-26 ธันวาคม 2567)
    สนุกกับขบวน Santa & Friends ที่มาสร้างบรรยากาศแห่งความสุขช่วงคริสต์มาส ท่ามกลางความอลังการของต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
  4. Happy Year End (30 ธันวาคม 2567)
    ร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง Better Weather ที่จะมามอบเสียงเพลงแห่งความสุข

4.Kids Day @สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต (11-12 มกราคม 2568)
กิจกรรมพิเศษต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ จัดเต็มความสนุก ร้อง เล่น เต้น พร้อมแจกของขวัญสุดพิเศษจำนวน 5,000 ชิ้น

5.สุขต้นปี (11 มกราคม 2568)
ครั้งแรกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กับการแสดงสุดอลังการของ ระเบียบวาทะศิลป์” หมอลำชื่อดังที่ยกเวทีความสุขมาให้ชาวเชียงราย

6.โชว์สุดพิเศษปิดงาน (31 มกราคม 2568)
ชมการแสดงพิเศษส่งท้ายงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกคน 

นอกจากนี้ เซ็นทรัล เชียงราย ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก The1 ที่ช้อปหรือทานอาหารครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษ จานเซรามิกแฮนด์เมด ที่ออกแบบเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น

กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายอย่างยั่งยืน

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนาแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจากชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น และเชิญชวนประชาชนร่วมงานพร้อมสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแบบใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ

ความพิเศษของเทศกาลนี้

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ยังเน้นการส่งเสริมความยั่งยืนผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุจากธรรมชาติในงานคราฟต์และการนำเสนอดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเชียงราย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ได้นำเสนอสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมือง

นักท่องเที่ยวที่แวะมาเที่ยวงานนี้ นอกจากจะได้สัมผัสความสวยงามของเมืองเชียงรายแล้วยังได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองช่วงฤดูหนาวที่อบอวลไปด้วยความสุขและสีสันที่ไม่เหมือนใคร

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เชิญชวนทุกคนปักหมุดแวะมาสัมผัสเสน่ห์ล้านนาในฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ชูแนวคิด The Magical Garden

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden”

เชียงรายเปิดม่านงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน Chiangrai Flower and Art Festival 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” เชิญสัมผัสบรรยากาศสวนดอกไม้และงานศิลปะอันน่าหลงใหล เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยปีนี้ได้นำเสนอแนวคิดใหม่ ที่ผสมผสานมนตร์เสน่ห์ของดอกไม้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ไฮไลต์ของงาน:

  1. Zone 1: The Magic World
    • Angel of Wish: สร้างฝันด้วยมนตร์เสน่ห์
    • The Magic Ball: ลูกแก้ววิเศษที่ทุกคนต้องลองสัมผัส
    • Abracadabra: การร่ายเวทมนตร์ในบรรยากาศแฟนตาซี
  2. Zone 2: Aura Trail
    • Little Guardian: ตัวละครน่ารักที่รอคอยทุกคน
    • Enchanted Dome: ถ้ำมนตราแห่งสีสัน
    • Giant’s Garden: ดอกไม้ยักษ์ที่ใกล้ชิดเมฆ
  3. Zone 3: Dancing Tree
    • ต้นไม้ที่สามารถเต้นรำในจังหวะเสียงดนตรี
  4. Zone 4: Moonlight Oasis
    • ป่าต้องมนตร์พร้อมแสงจันทร์ส่องสว่าง

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:

  • ชมการแสดงแสง สี เสียงสุดตระการตาในช่วงเวลา 19:00 – 22:00 น.
  • พบกับร้านค้า OTOP และผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น

การฟื้นฟูแม่สายและการกระจายเศรษฐกิจ

งานในปีนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูอำเภอแม่สาย ซึ่งเพิ่งเผชิญมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการจัดแสดง ประติมากรรมพญานาคเกี้ยว สวนดอกไม้แนวตั้งในลวดลายผ้าทอพื้นถิ่น และดอยนางนอน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย แต่ยังสร้างรายได้และรอยยิ้มให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวของเชียงรายให้ก้าวสู่ระดับสากล”

 

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น นายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอแม่สาย และพระครูประภัสร์จิตสังวร เจ้าอาวาสวัดถ้ำเสาหินพญานาค

“The Magical Garden” สวนดอกไม้แห่งเวทมนตร์

สวนไม้งามริมน้ำกกและวัดถ้ำเสาหินพญานาค ถูกเนรมิตเป็นสวนดอกไม้ในธีมเวทมนตร์ พร้อมโซนจัดแสดงที่หลากหลาย เช่น

  • โซน Moonlight Oasis: ป่าต้องมนตร์ท่ามกลางแสงจันทร์
  • โซน Aura Trail: เส้นทางดอกไม้ยักษ์ใกล้เมฆ
  • โซน Enchanted Dome: ถ้ำมนตราที่งดงาม

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงน้ำพุดนตรี และสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นผ่านร้าน OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้านเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงาน

การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Social Impact

แนวคิด “Social Impact Tourism” ถูกนำมาใช้ในปีนี้ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่และสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเสริมว่า “งานนี้แสดงถึงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเมืองท่องเที่ยวที่ใส่ใจสังคม การฟื้นฟูและพัฒนาแม่สายจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่”

เชียงรายจัดมหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2024: จุดประกายเศรษฐกิจ ฟื้นฟูแม่สาย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้จัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiangrai Flower and Art Festival 2024” ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก จังหวัดเชียงราย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการจัดงานว่า “การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายในปีนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยี่ยมชมเชียงราย”

งานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม:

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายครั้งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08:00 – 22:00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CRPAO Official

งานนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความงดงามของเชียงราย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของชุมชนและศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TRAVEL

ล่องเรือหรู Bohème สัมผัสแม่น้ำโขงสุดพิเศษในลาว

“Mekong Kingdoms เปิดตัวเรือหรู Bohème สัมผัสประสบการณ์ล่องแม่น้ำโขงสุดหรูในลาว”

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 Mekong Kingdoms บริษัทล่องเรือแม่น้ำสุดหรูชื่อดัง เปิดตัวเรือลำใหม่ล่าสุด Bohème ยาว 164 ฟุต พร้อมเริ่มการเดินทางครั้งแรกวันที่ 9 ธันวาคม 2567 กับเส้นทางไปกลับระหว่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ประเทศลาว ภายในระยะเวลา 6 วัน 5 คืน สัมผัสความหรูหรา วัฒนธรรม และความเงียบสงบในทริปเดียว

การเดินทางสุดพิเศษบน Bohème

นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางด้วยการพักที่โรงแรม Avani+ Luang Prabang Hotel หนึ่งในจุดหมายที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ในหลวงพระบาง บนเรือ Bohème แขกผู้โดยสารจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมงาน 20 คน รวมถึงผู้จัดการเรือ พ่อครัวใหญ่ นักปรุงเครื่องดื่ม และผู้เชี่ยวชาญด้านสปา

ในช่วงเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการดูนกบนดาดฟ้าเรือหรือผ่อนคลายด้วยการนวดในห้องบำบัดเฉพาะทางสองแห่ง ช่วงบ่ายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรม ส่วนยามเย็นเป็นมื้ออาหารหรูริมน้ำ และยังมีกิจกรรมเรียนทำอาหารและค็อกเทลกับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

การผจญภัยบนฝั่งที่น่าจดจำ

เรือ Bohème จะพาผู้โดยสารสำรวจสถานที่สำคัญในลาว เช่น ถ้ำปากอู ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปในห้องหินโบราณ, น้ำตกกวางสี น้ำตกที่งดงามและเป็นที่นิยม รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การทำกระดาษสาและเครื่องปั้นดินเผาในหมู่บ้านดั้งเดิม

หนึ่งในจุดเด่นของทริปคือการเยี่ยมชม ศูนย์อนุรักษ์ช้างไซยะบุรี ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างและเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสัตว์เหล่านี้

ความหรูหราบน Bohème

เรือ Bohème รองรับผู้โดยสารเพียง 26 ท่านในห้องพัก 13 ห้อง ซึ่งมีให้เลือก 3 รูปแบบ:

  • Deluxe Suites (323 ตร.ฟุต): ห้องพักกว้างขวางพร้อมระเบียงส่วนตัว
  • Premier View Suites (280 ตร.ฟุต): มีระเบียง Juliet พร้อมวิวแม่น้ำสุดพิเศษ
  • Royal Suite (646 ตร.ฟุต): ห้องพักหรูหราสูงสุดพร้อมบริการพ่อบ้านส่วนตัว

ราคาและเส้นทางการเดินทาง

เริ่มต้นที่ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 116,000 บาท ต่อคนสำหรับห้อง Deluxe Suite (พักคู่) มี 2 เส้นทางให้เลือก:

  1. Downstream Cruise: เริ่มจากหลวงพระบางไปเวียงจันทน์
  2. Upstream Cruise: เริ่มจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง

เรือ Bohème มอบประสบการณ์ล่องเรือแม่น้ำโขงสุดหรู พร้อมผสมผสานวัฒนธรรมและธรรมชาติของลาวอย่างลงตัว ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : mekongkingdoms

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TRAVEL

ตำบลบ่อสวก น่าน คว้ารางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก 2024

ตำบลบ่อสวก น่าน คว้ารางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก Best Tourism Village 2024

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข่าวดีว่า องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ได้มอบรางวัล Best Tourism Village 2024 ให้แก่ชุมชนตำบลบ่อสวก จังหวัดน่าน ถือเป็นรางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลกแห่งแรกของประเทศไทย สะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนโดยชุมชน

นายจิรายุระบุว่า ตำบลบ่อสวกมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และแหล่งโบราณคดี โดยเฉพาะเตาเผาเครื่องปั้นโบราณที่มีชื่อเสียง รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมร่วมกับคนในพื้นที่

“ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน รวมถึงการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายต่างๆ” นายจิรายุกล่าว พร้อมย้ำว่ารางวัลนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหมู่บ้านและตำบลในประเทศไทยที่สามารถก้าวขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม

โครงการประกวดรางวัล Best Tourism Villages by UN Tourism เริ่มขึ้นในปี 2563 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนสู่มาตรฐานสากล ลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา โดยมีเกณฑ์การประเมิน 9 ด้าน เช่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรม การพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจชุมชน และการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

นายจิรายุยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลขอเชิญชวนผู้นำท้องถิ่นค้นหาสิ่งดีๆ ในชุมชนของตน เพื่อแสดงศักยภาพและเผยแพร่ความงดงามของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก” ทั้งนี้ ประเทศไทยมีหมู่บ้านกว่า 74,000 แห่งและอำเภอมากกว่า 800 แห่งที่รอการพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

รางวัล Best Tourism Village 2024 ไม่เพียงช่วยยกระดับตำบลบ่อสวกให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับนานาชาติ แต่ยังตอกย้ำถึงศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความยั่งยืนในประเทศไทยอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น / น่าน บันดาลใจ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE