Categories
TOP STORIES

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชี้แจง “ลูกนากเล็บสั้น” หลุดบนเครื่องบินไทย พาวุ่นทั้งลำ!

วันนี้ (5 ต.ค.66) เพจเที่ยวทุกที่ Boarding Pass ได้เผยภาพคลิปความยาว 1 นาที เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กำลังไล่จับลูกนากเล็บสั้น อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพนักงานต้อนรับ หรือ เพอร์เซอร์ ได้ประกาศตามหาตัวเจ้าของนาก 3 ภาษา ไทย – อังกฤษ – จีน แต่กลับไม่มีใครแสดงตัว และมีการระบุว่ามีความจำเป็น ที่จะต้องหาเจ้าของสัตว์ให้ได้ จนมีชาวต่างชาติ 1 คน เดินมาคุยกับพนักงานต้อนรับเพื่อขอนากคืน และเหมือนจะร้องไห้ด้วย

ต่อมากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า พบมีการลักลอบส่งออกสัตว์ป่ามีชีวิตขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบิน Vietjet Air ที่เดินทางจากสนามนินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ไปยังเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน

จากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบขนส่งสัตว์ป่า คือ เต่าดาวพม่า 20 ตัว นาก 2 ตัว พญากระรอก 2 ตัว และแพรี่ด็อก 1 ตัว ซุกช่อนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ทั้งนี้ไม่มีผู้โดยสารคนใดแสดงตัวเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว

ทำให้เจ้าหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับสายการบิน Vietjet Air เพื่อขอทราบรายละเอียดข้อมูลเที่ยวบินผู้โดยสารที่ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน และให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่ต้องสงสัยในการลักลอบสัตว์ป่าออกไป

พบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่องดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริเวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น. โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัยจึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นวัตถุอันตรายหรือ วัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวมิได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋าและอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป

ทสภ. ขอเน้นย้ำว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ทสภ. สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

แต่กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋าไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ โดย ทสภ. มีคำสั่งให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวนพบว่าเป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้ ทสภ. ขอย้ำเตือนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกท่าน ไม่กระทำผิดกฎหมายโดยการลักลอบ นำสัตว์ หรือ ซากสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นเครื่องเข้า-ออกนอกประเทศ หากประสงค์จะนำสัตว์เลี้ยงเดินทาง ขอให้ทำการขออนุญาตให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ ที่ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก


 

สำหรับ “นาก” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535  ในไทยมี 4 ชนิดคือ นากเล็กเล็บสั้น นากใหญ่ขนเรียบ นากจมูกขน และนากธรรมดา แต่ตัวที่อาจพบได้ในเขตเมืองมี 2 ชนิดคือ นากใหญ่ขนเรียบ นากเล็กเล็บสั้น ไม่สามารถครองครองหรือค้าได้  

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

คาดการณ์! บทลงโทษ เหตุกราดยิงกลางห้างดัง

 

จากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ของห้างได้รีบอพยพคนออกมาภายนอกห้างอย่างเร่งด่วน จากรายงานเบื้องต้น ณ ขณะนี้แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งในเวลาต่อมา 17.20 น. คนร้ายได้ถูกจับกุม โดยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนเพศชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ซึ่งคนร้ายได้ใช้กระสุนไปจนหมด

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ จึงได้ทำการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโทษที่เยาวชนผู้ก่อเหตุจะได้รับเมื่อมีความผิดจริง

ในส่วนโทษทางคดี ตำรวจสามารถตั้งข้อหาได้ดังนี้
1.ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 – 20,000 บาท
2.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
3.ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
4.พยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ซึ่งจะตรงกับมาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และตามประมวลกฎหมายอาญาในมาตรา 289 (4) ได้บัญญัติโทษไว้เพียงสถานเดียว คือโทษ “ประหารชีวิต”

โดยมาตรา 74 บัญญัติว่า “เด็กอายุกว่า 12 ปีแต่ยังไม่เกิน 15 ปี เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป
(2) ผู้ปกครองต้องระวังเด็ก ไม่ให้ก่อเหตุร้ายงไม่เกิน 3 ปี และถ้าเด็กก่อเหตุร้ายขึ้น ผู้ปกครองจ่ายศาลไม่เกิน 10,000 บาท
(3) ส่งตัวเด็กนั้นไปยังสถานศึกษา ฝึกและอบรมเด็ก ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่เกินอายุครบ 18 ปี
– ในกรณีที่มีผู้ปกครอง ศาลจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติเด็ก ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้น
– ในกรณีที่เด็กนั้นไม่มีผู้ปกครอง ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กให้อยู่กับบุคคลหรือองค์การที่ศาลเห็นสมควร เพื่อดูแล อบรม และสั่งสอนตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้

ในคำสั่งของศาล (2) (3) วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ ความปรากฏแก่ศาล ก็ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่ตามอำนาจในมาตรานี้”

ส่วนหลักของผู้ปกครองขอผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จะต้องถูกชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคดีแพ่งที่ต้องฟ้องร้องกัน ซึ่ง”พ่อแม่จะต้องร่วมรับผิดชอบ”โทษทางแพ่ง โดยการชดใช้สินไหมทดแทนเว้นแต่ดูแลด้วยความระมัดระวังแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ม.420,429) ก็ต้องมาพิสูจน์ในชั้นศาล

และเมื่อประชาชนต้องประสบเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แนะนำวิธีรับมือ คือ “หนี-ซ่อน-สู้” หรือ “Run Hide Fight” ซึ่งเป็นหลักสากลที่ FBI และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายๆประเทศ นำมาใช้แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง
– “หนี – Run” เมื่อสามารถหาเส้นทางหลบหนีที่พาไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้
– “ซ่อน – Hide” เมื่อไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัว
– “สู้ – Fight” เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามาถึงตัวหรือโจมตีมาที่ตน

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้เชียวชาญเกี่ยวกับอาวุธปืน แผลที่ถูกยิง รวมไปถึงบาดแผลที่ส่งผลให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จากปืนที่ก่อเหตุขนาด 9 มม. โดยทางผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ว่าวิถีกระสุนจะถูกบริเวณไหนในร่างกายก็ตาม ถ้าหากเกิดการทะลุขึ้นมา เลือดจะไหลออกจำนวนมากและอาจทำให้เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ และยิ่งปืนมีความยาวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กระสุนยิงได้ไกลมากขึ้น โดยตัวกระสุนจะมีความร้อนมาก ทำให้แผลหรือส่วนที่ถูกยิงมีความกว้าง

ส่วนเรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยของห้าง รปภ. ที่อยู่ประจำประตูไม่มีสิทธิในการตรวจค้นตัว ถึงมีจะมีเครื่องสแกนโลหะ และได้ยินเสียงก็ไม่มีสิทธิตรวจค้น

โดยล่าสุดทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ ได้มีการรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับท่านทูตจีน เพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด ซึ่งท่านทูตจีนได้ขอบคุณในความใส่ใจของรัฐบาลไทย อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งท่านทูตจีนก็ซาบซึ้งใจ และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ take action ทันที

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES VIDEO

(มีคลิป) รวบไตเติ้ล นักถ่ายใต้กระโปรง ทำมาแล้ว 7 ปี พบเหยื่อกว่า 430 ราย

 

“ไตเติ้ล แอบถ่ายใต้กระโปรง” ภัยสำหรับสาวชอบนุ่งกระโปรง แฝงตัวตามห้างสรรพสินค้า สะพานลอย ในพื้นที่กรุงเทพฯ คัดเหยื่อหญิงสาวหุ่นดีและนุ่งกระโปรง ก่อนเดินประกบแล้วแอบใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพใต้กระโปรง พร้อมใบหน้า ล่าสุดถูกชุด “สืบนครบาล” และ “PCT5” จับกุมตัวได้ในบ้านพักและขยายผลในโทรศัพท์ทำให้ชุดจับกุมถึงกับอึ้ง พบคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงพร้อมใบหน้าเหยื่อกว่า 430 ราย!!! ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐานสารภาพกับ “ผู้การจ๋อ” ทำไปเพราะชอบความตื่นเต้น เมื่อทำสำเร็จรู้สึกได้ปลดปล่อย ยิ่งกว่าการมีเซ็กส์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งเร่งขยายผลกู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยเร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ปรีชากรณ์ เหมาอำพมาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ท.ปกป้อง ฟองเลา , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และชุด PCT5 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายทรรศน์ เสมอภาค หรือ ไตเติ้ล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.902/2566 ลงวันที่ 15 ก.ย.2566

ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่นและกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการรังแก หรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณสถาน”

ตรวจยึดของกลาง 2 รายการ
1.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง (กู้ข้อมูลพบคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงกว่า 873 ภาพ ใบหน้าเหยื่อ 430 ราย)
2.คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (พบข้อมูลการฝึกแอบถ่ายใต้กระโปรง-รอกู้ข้อมูล)

พฤติการณ์ กล่าวคือ “ไตเติ้ล นักแอบถ่ายใต้กระโปรง” ภัยเมืองกรุงของเหล่าเด็กสาว เมื่อได้เกิดกลุ่มลับที่พวกชายสายหื่นที่ชื่นชอบเสพสื่อลามกประเภทของการ “แอบถ่ายใต้กระโปรง“ แล้วนำคลิปมาแชร์มาเสพกันในกลุ่ม โดยแผนประทุษกรรมจะหาเหยื่อตามห้างดัง และสะพานลอย ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จากนั้นจะคัดเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงที่ ”สวมกระโปรง” จากนั้นจะเดินสะกดรอยติดตามเยี่ยงคนโรคจิต จากนั้นเมื่อสบโอกาสก็จะใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปวีดิโอใต้กระโปรงเหยื่อ โดยเหยื่อเกือบทุกรายจะ ”ไม่รู้ตัว“ หรือบางรายรู้ตัว คนร้ายก็จะเดินหลบหนีไป ล่าสุดโคตรนักมุดรายนี้ได้ลงมือก่อเหตุในห้างดังย่านสามย่าน โดยก่อเหตุอย่างอุกอาจชนิดที่ไม่เกรงกลัวกล้องวงจรปิด เพราะมั่นใจว่าเหยื่อไม่รู้ตัว แต่แล้วได้มีพลเมืองดีแจ้งให้กับเหยื่อทราบว่าถูกแอบถ่าย จึงพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดี ชุดสืบสวนของ สืบนครบาลตรวจสอบแผนประทุษกรรมพบพยานหลักฐานว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายทรรศน์ฯ หรือ ไตเติ้ล อายุ 29 ปี ซึ่งได้ถูกออกหมายจับในเวลาต่อมา เรื่องนี้ถึงหู พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้ส่งชุดสืบสวนนครบาลมือดีสืบสวนติดตามจับกุมตัว ซึ่งต่อมาได้ติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านงามวงศ์วาน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 66 ซึ่งจากการขยายผลในบ้านพักดังกล่าวพบหลักฐาน โทรศัพท์ และ คอมพิวเตอร์ ของคนร้ายซึ่งมีคลิปที่แอบถ่ายใต้กระโปรงลักษณะนี้อีกกว่า 873 ภาพ!! พร้อมภาพใบหน้าเหยื่อกว่า 430 ราย ทำเอาทั้งชุดสืบสวนถึงกับอึ้ง ซึ่งเจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่อย่างหมดเปลือก
ในชั้นจับกุม นายทรรศน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นคนที่มีฐานะทางครอบครัวดี จบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านดินแดง โดยจบมาแล้วก็เริ่มก่อเหตุ โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากที่ตนเองมีรสนิยมในการเสพหนังโป๊แนวพิสดาร เช่น แนวมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสูงวัย หรือแนวที่มีเพศสัมพันธ์พิเศษ และในช่วงที่ตนเองว่างงานรู้สึกเบื่อจึงอยากหาความท้าทาย จึงเริ่มเรียนรู้โดยศึกษาการแอบถ่ายใต้กระโปรงหญิงสาว หรือการแอบถ่ายหญิงสาวเข้าห้องน้ำจากทางอินเตอร์เน็ท จนเริ่มลงมือก่อเหตุจริง โดยตนเองทำมาต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 7 ปี โดยจะทำเป็นช่วงๆ พักเป็นช่วงๆ ทำมาเรื่อยๆเป็นร้อยๆราย โดยตนจะชอบหาเหยื่อในพื้นที่ห้างดังต่างๆ และตามสะพานลอยในเส้นทางที่ตนเองเดินทาง โดยจะคัดเหยื่อที่เป็นหญิงสาวที่สวมกระโปรงและหุ่นดี และการก่อเหตุจะดูสถานการแวดล้อมในจุดที่คนน้อยเช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านค้าในห้าง และที่ถนัดที่สุดคือบริเวณบันไดเลื่อนจะสามารถก่อเหตุได้ง่ายที่สุด ซึ่งตนเองไม่กลัวกล้องวงจรปิด เพราะมั่นใจว่าฝีมือเก่งก่อเหตุได้แบบเหยื่อไม่รู้ตัวแน่นอน โดยเข้าใจว่าทำแค่ร้อยราย แต่พอมาดูผลงานจริงๆพบว่า 430 ราย ตกใจเหมือนกัน ขอโทษเหยื่อที่เคยก่อเหตุมา ต่อจากนี้จะให้เกียรติและเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางที่ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. (ผู้การจ๋อ) กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะเราพบพยานหลักฐานที่ได้จากการกู้ข้อมูล พบคลิปการแอบถ่ายลักษณะนี้กว่า 873 คลิป ซึ่งปรากฏผู้เสียหายกว่า 430 ราย ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนกว่า 160 คน และเชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อย ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยเร็วที่สุด เพราะว่าหากภาพเหล่านี้หลุดออกไปจะทำลายชีวิตของหญิงสาวหลายร้อยชีวิตให้ตายทั้งเป็น จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังบุตรหลานของท่าน มิจฉาชีพเหล่านี้แฝงตัวตามห้างสรรพสินค้าและเลือกก่อเหตุในจุดที่ง่ายต่อการแอบถ่าย และผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเป็นคดีสร้างความเสียหายกับผู้หญิงเป็นอย่างมากตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สืบนครบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปศุสัตว์เชียงราย ประกาศเขตโรคระบาด “บ้านดอยสะโง้” หลังหมูดำตายระนาว

 
วันที่ 30 กันยายน 2566 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำโดย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายพร้อมด้วย ปศุสัตว์อำเภอเชียงแสน ด่านกักกันสัตว์เชียงราย สำนักงานปศุสัตว์เขต 5 และศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จ.ลำปาง
 
ลงพื้นที่จัดเวทีหารือร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบล และชาวบ้านในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์ประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ชั่วคราว ชนิดโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร ชนิดสุกร และหมูป่า ในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบจุด เกิดโรค
 
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ทราบ และแจ้งมาตรการดำเนินการลดความเสี่ยงของการระบาดโดยการทำลายสุกรที่เหลือในพื้นที่ทั้งหมด โดยอาศัยอำนาจสัตวแพทย์ตามมาตรา 13 (4) แห่ง พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 
 
เนื่องจากสงสัยว่าสุกรอาจป่วยด้วยโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกรซึ่งเป็นโรคที่ไม่มียารักษาและไม่มีวัคซีนป้องกันโรค และจะดำเนินการชดใช้การทำลายสุกรตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ นอกจากนี้ และด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตั้งด่านสกัดกั้นการเคลื่อนย้าย เพื่อป้องปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายในพื้นที่อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สะพานวังสะแกงข้ามลำน้ำปิงถล่มรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2566 เพจข่าวด่วนจอมทอง รักคุณ โพสต์ภาพสะพานเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.จอมทอง (จ.เชียงใหม่)กับ อ.เวียงหนองล่อง (จ.ลำพูน) หรือ สะพานวังสะแกงที่ให้ข้ามลำน้ำปิงพังถล่มลงแม่น้ำปิงเรียบร้อยแล้ว หลังทนต่อกระแสน้ำที่ไหลแรงเชี่ยวพัดถล่มลงมา เมื่อเวลา 17.31น.ที่ผ่านมา
 
ซึ่งจุดเกิดเหตุสะพานวังสะแกง-ท่าศาลาทรุดตัว ยังพบว่ามีแม่น้ำปิงที่ไหลเชี่ยวซัดตอม่อสะพาน ซึ่งมีความยาวประมาณ 20 เมตร ความกว้างรวมฟุตบาทประมาณ 8 เมตร โดยสะพานดังกล่าวก่อสร้างเมื่อปี 2563 ปัจจุบันใช้งานมาแล้ว 35 ปี และมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากมองจากระยะไกลจะเห็นว่าสะพานทรุดตัวเป็นลักษณะลูกคลื่น ทำให้ผู้ใช้เส้นทางต้องเลี่ยงไปใช้สะพานอื่นที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบซ่อมแซม แก้ไข
 
ทางทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สืบทราบมาจากทางประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนพบว่าย้อนกับไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่สะพานวังสะแกง-ท่าศาลา เชื่อมต่อจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลำพูน นายบุญส่ง ไชยมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน นายจักรี สโมสร นายอำเภอเวียงหนองล่อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบถนนสาย ลพ 3003 ช่วงสะพานวังสะแกง-ท่าศาลา เชื่อมต่อจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมต่อ อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน กับอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพชำรุด เกิดการทรุดตัวของสะพานอย่างเห็นได้ชัด และมีรอยร้าวขนาดใหญ่ ปัจจุบันได้นำป้ายมาปิดกั้นห้ามรถยนต์ หรือรถบรรทุกผ่าน เพราะอาจเกิดอันตรายแก่ประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางดังกล่าวได้
 
และเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 ก็มีข่าวสะพานที่หน่วยงานองค์กรท้องถิ่น ทั้งของ อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน และ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า สะพานเชื่อมทั้งสองจังหวัด มีสภาพทรุดตัวอย่างเห็นได้ชัดรอยร้าวขนาดใหญ่บนสะพาน ทางหน่วยงานองค์กรท้องถิ่นทั้งสองจังหวัดได้นำป้ายมาปิดกันห้ามผ่านแล้วคนละฝั่ง
.
จนวันนี้เมื่อเวลา 17.31น.ที่ผ่านมา สะพานวังสะแกงถล่มลงแม่น้ำปิง สร้างความตกตะลึงให้ชาวบ้านที่รอดูเหตุการณ์ ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและเศร้าใจ
โดยสะพานดังกล่าวเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.จอมทอง (จ.เชียงใหม่) กับ อ.เวียงหนองล่อง (จ.ลำพูน)เนื่องจากถูกกระแสแม่น้ำปิงที่มีน้ำหลากไหลเชี่ยวพัดถล่มลงมา
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ข่าวด่วนจอมทอง รักคุณ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“พิสันต์” นำทีม สวจ.เชียงราย คว้ารางวัล สำนักงานวัฒนธรรมดีเด่น 3 ปีซ้อน

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ถูกคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งเคยได้รับมาแล้ว 2 ปีก่อนหน้านี้ทำให้ เชียงรายได้รับ 3 ปีติดต่อกัน

เนื่องด้วยกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง ผลการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องเชิดซูเกียรติสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่สามารถขับเคลื่อน งานวัฒนธรรมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม และได้รับการยอมรับจากผู้บริหารหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายทางวัฒนธรรม ส่งเสริมและผลักดันให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมีการปรับปรุงพัฒนาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพการดำเนินงานของสำนักงาน เป็นขวัญกำลังใจ เสริมแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการปฏิบัติงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่มีผลงานดีเด่นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติงานด้านวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น

 

ในการนี้ กระทรวงวัฒนธรรมโดยคณะกรรมการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ประเมินสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เรียบร้อยแล้ว โดยผลการประเมิน มีจำนวน 11 จังหวัด ปรากฎตามรายชื่อ ดังนี้

1. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร

2. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี

**3.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

4. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน

5.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่

6. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา

7. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราขบุรี

8. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเลย

9. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ

10. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร

11. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี

 

ทางทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ กล่าวว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ทำงานหลากหลายมิติ เข้าไปร่วมช่วยเหลือทุกภาคส่วน ไม่ได้มองว่าจะต้องรอให้ได้รับมอบหมาย เพราะมองผลประโยชน์ของชาวบ้านเป็นหลัก การทำงานวัฒนธรรมเราใช้ใจเต็มร้อยในการทำและเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านที่ลงไปพัฒนาในด้านวัฒนธรรม ให้ต่อยอดพัฒนาเป็นรายได้เข้าชุมชนของตัวเขาเอง ส่วนทีมงานเราช่วยกันพัฒนาต่อยอดในการเอานวัตกรรมผสมวัฒนธรรมให้ทันโลกทันสมัยให้งานที่มีอยู่มีมูลค่าทั้งราคา และจิตใจ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

แถลงการณ์ร่วม 7 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่อง นักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว

 
แถลงการณ์ร่วม 7 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่อง นักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว สืบเนื่องจากกรณีที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่ามีการจ่ายเงินให้สื่อมวลชนเพื่อเป็นค่าข่าว และช่วยเหลือด้านต่างๆ เนื่องจากเห็นว่านักข่าวเงินเดือนน้อย ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวต่อสาธารณะออกไปอย่างแพร่หลายนั้น 
 
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 7 องค์กร ประกอบด้วย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย และสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้ร่วมประชุมกันและขอแสดงจุดยืนต่อสาธารณะว่า สื่อมวลชนที่รับเงินจากแหล่งข่าวเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ ถือเป็นเรื่องที่ละเมิดจริยธรรมวิชาชีพอย่างร้ายแรง ไม่สามารถยอมรับได้ 
 
 
ดังนั้น ที่ประชุม 7 องค์กรวิชาชีพ จึงมีมติร่วมกันดังนี้ 
 
1. เห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความกระจ่างชัดในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณชนโดยคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนจากสภาวิชาชีพสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเรื่องจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนขององค์กรสมาชิก องค์กรละ 2 คน (เป็นคนในวิชาชีพ 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 1 คน) รวมเป็น 6 คน และให้สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาเป็นประธานคณะกรรมการอีก 1 คน รวมเป็น 7 คน 
 
 
2. ขอให้องค์กรต้นสังกัดที่ถูกระบุว่ามีนักข่าวรับเงิน รวมทั้งองค์กรสื่อมวลชนอื่นๆ ดำเนินการตรวจสอบว่านักข่าวในสังกัดว่ามีพฤติกรรมตามที่ถูกระบุหรือไม่ และพร้อมแจ้งผลการดำเนินการแจ้งต่อสาธารณะให้ทราบ ส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่มีต้นสังกัด และกระทำการเป็นนักข่าวเพื่อส่งข่าวต่อไปยังสำนักข่าวต่างๆ แต่มีพฤติกรรมละเมิดจริยธรรมวิชาชีพนั้น ขอให้ทุกองค์กรสื่อมวลชน พิจารณายุติการซื้อข่าวจากบุคคลหรือกลุ่มดังกล่าว 
 
 
3. กรณีที่มีนักข่าวมีส่วนพัวพันหรือไปเกี่ยวข้องกับการรับเงินในธุรกิจที่ผิดกฎหมาย คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นโดยสภาวิชาชีพข้างต้น จะดำเนินการตรวจสอบด้านจริยธรรมวิชาชีพเช่นกัน ส่วนความผิดตามกฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย 
 
4. องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้บุคคลกลุ่มบุคคลที่เป็นอดีตนักข่าว และทำหน้าที่ส่งข่าวให้สำนักข่าวต่างๆ แสดงตัวตนให้ชัดเจนว่าการรับเงินดังกล่าวเป็นค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนในการทำข่าวและส่งประชาสัมพันธ์ โดยไม่แอบอ้างตนว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน แต่หลีกเลี่ยงการถูกกำกับดูแลด้านจริยธรรมจากองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ / สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย / สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย / สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  / สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย  / สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

จังหวัดชุมพร !!! จับสึกพระปลอม เสพยาบ้าเดินเรี่ยไรบนศูนย์ราชการ

 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 กันยายน 66 นายธนนท์ พรรพีภาส ปลัดจังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร ว่า ได้มีพระรูปหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่พระในจังหวัดชุมพร กำลังเดินเรี่ยไรเงินอยู่ในอาคาร จึงได้แจ้งให้ทาง นายนพพร มีสติ ป้องกันจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย รอ.กอบศักดิ์ นาคหาญ หน.ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าวสาร กอ.รมน.(ชรต.403ชุมพร)เข้าตรวจสอบพบพระรูปดังกล่าวกำลังเดินเรี่ยไร อยู่บนชั้น 2 ของอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร จึงได้ขอตรวจสอบทราบชื่อว่า พระวิชัย อายุ 28 ปี ที่อยู่ – หมู่ที่ 1 ตำบลนครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยอ้างว่า ขอรับบริจาคเงินทอดกฐินสามัคคีให้กับสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ตำบลบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเพื่อหาทุนทรัพย์ ในการก่อสร้างศาลาโรงธรรม

แต่ทางเจ้าหน้าที่พบผิดสังเกตเนื่องจาก ขณะนี้อยู่ในห้วงของเข้าพรรษาและผิดข้อห้ามออกเรี่ยไร จึงได้นิมนต์มาที่วัดชุมพรรังสรรค์ พระอารามหลวง จ.ชุมพร พร้อมแจ้ง พระครูปลัด ศิริโชค สิริธมฺโม เจ้าอาวาสวัดปากคลอง ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร ในฐานะพระวินยาธิการ มาตรวจรายละเอียด ในเบื้องต้น พระวิชัย ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานใบสุทธิบัตรและบัตรประชาชนได้ มาแสดงต่อพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งการกระทำการของพระวิชัย ไม่สามารถยืนยันการอุปสมบทได้

จากการสอบถาม พระวิชัย อ้างว่า ได้ออกเดินทางมาจากที่พักแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 8 ตำบลบางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 07.00 น. โดยมีพระมาด้วยกัน จำนวน 8 รูปๆละ1 คัน โดยพระวิชัย ได้เดินทางมากับนายบอย (ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง) อายุประมาณ 40 ปี คนขับ ด้วยรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเมื่อมาถึง จ.ชุมพร ได้ไปทำธุระบ้านพี่สาว แต่ไม่รู้ว่าอยู่บริเวณของจังหวัด เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว นายบอย ได้พาส่งที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร เพื่อออกไปเรี่ยไรรับบริจาค ในอาคารศาลากลาง

พระวินยาธิการ ได้พยายามติดต่อ นายบอย และเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ฯดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ใดที่จะให้การรับรองการเป็นพระของพระวิชัยฯได้ อีกทั้งจากการสอบถามพระวิชัย ยังให้การวกวนไปมา นายสุจินต์ สว่างศรี เจ้าพนักงาน ปปส. เลขที่ 620871 จึงได้ขอตรวจสอบสารเสพติดในร่างกาย ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่า มีสารเสพติดประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า)

จึงประสาน พ.ต.ท.สกฤชญ สุขนิตย์ รอง ผกก สส.สภ.เมืองชุมพร พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปิยพล ฉัตรภูมิ รอง สว.สส.สภ.เมืองชุมพร มาได้สอบปากคำ โดยพระวิชัย ยอมรับและให้รับสารภาพว่า ตนได้เสพยาบ้า มาจำนวน 2 เม็ด เมื่อวันที่ 17 กันยายน 66 ภายในสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งจริง และตนเองก็ไม่ใช่พระจริง แต่พระที่มาด้วยกันอีก 7 รูป คือพระจริง ที่มาจาก จ.นครสวรรค์ และ จ.อ่างทอง โดยตนเพียง โกนหัว แล้วห่มจีวร ทรงเครื่อง ก็ออกไปเรี่ยไรได้แล้ว ซึ่งงานเบารายได้ดี จากการตรวจสอบภายในย่าม พบเงินสดที่ได้จากการเรี่ยไร่ แยกเป็นธนบัตร 100 บาท จำนวน 1 ใบ ธนบัตร 20 บาท จำนวน 1 ใบ เหรียญ 10 บาท จำนวน 1 เหรียญ รวมเป็นเงินจำนวน 130 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไป ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีในข้อหา กระทำความผิดฐาน แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ , เรี่ยไรรับบริจาคเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมฟาตามีน (ยาบ้า) เข้าสู่ร่างกายโดยผิดกฎหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมสื่อสารมวลชน ข่าว วิทยุและโทรทัศน์ (ประเทศไทย) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

บิ๊กโจ๊ก แจ้งข้อหาเหตุสลดโกดังพลุมูโนะ 16 เจ้าหน้าที่รัฐ รับสินบนละเลยหน้าที่

 

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 เวลา 15.05 น. เกิดเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิดที่บ้านมูโนะ หมู่ 1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบได้รับความเสียหายกว่า 649 หลังคาเรือน มีผู้เสียชีวิต 11 ราย ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 389 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 260 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบการเก็บรักษาดอกไม้เพลิงดังกล่าว และดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มา ที่เก็บดอกไม้ไฟที่เกี่ยวข้อง แหล่งจำหน่ายดอกไม้ไฟ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จำนวน 3 ราย คือ.

1. น.ส.ปิยะนุช (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี (เจ้าของโกดัง)
2. นายสมปอง (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี (ผู้ดูแลโกดัง)
3. นายปฐมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี (ช่างรับเหมา)
ในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิง โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และร่วมกันก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ครบแล้วทั้ง 3 ราย โดยในคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องจำนวน 822 ปาก มีเอกสารในสำนวนมากกว่า 6,529 แผ่น โดยสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการจังหวัดนราธิวาสแล้วในวันที่ 18 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้

จากการสืบสวนพบว่า เหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการนำเข้า จำหน่าย และเก็บรักษาดอกไม้ไฟ บางรายมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐรวม 16 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่ศุลกากร จำนวน 7 รายและเจ้าหน้าที่ทหาร 1 ราย ประกอบด้วย.

1. พ.ต.ท.สุพจน์ (สงวนนามสกุล)
2. จ.ส.ต.มาหาหมัดฟาโร (สงวนนามสกุล)
3. ส.ต.อ.สุทิน (สงวนนามสกุล)
4. ส.ต.อ.ต่วนอูเซ็น (สงวนนามสกุล)
5. ด.ต.รูสลาม (สงวนนามสกุล) ​นายก อบต.มูโนะ
6. นายซูกีปลี (สงวนนามสกุล)​รรท.ผอ.กองช่างฯ
7. น.ส.สุดสาย (สงวนนามสกุล)​ปลัด อบต.มูโนะ
8. น.ส.วิมล (สงวนนามสกุล)​นายทะเบียน
9. นายภัทรเทพ (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
10. นายปรัชญา (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
11. นายพนมชัย (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
12. นายวรกานต์ (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
13. นายรณกฤต (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
14. นายพลวรรธน์ (สงวนนามสกุล)นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
15. นายสยุมภู (สงวนนามสกุล)​นายตรวจศุลกากรท่าเรือ
16.จ.ส.อ. ชัยยะ (สงวนนามสกุล)

ดำเนินคดีในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 16 ราย ได้รับมอบตัวและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ดำเนินการส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้วจำนวน 8 ราย อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีอีก 8 ราย
และกรณีการลักลอบจำหน่ายดอกไม้ไฟ เจ้าหน้าที่สืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า ดอกไม้ไฟในโกดังที่เกิดเหตุ

ซึ่งผู้ต้องหาได้สั่งซื้อมานั้น มาจากผู้ค้าหลายรายทั้งในเขตพื้นที่จ.สงขลา กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายมากกว่า 17 จุด ซึ่งเป็นผู้ค้า และ ผู้นำเข้าดอกไม้ไฟ จากต่างประเทศ จึงได้ตรวจยึดของกลางเป็นดอกไม้ไฟมากถึง 9,596 ลัง ซึ่งเป็นของกลางที่ลักลอกนำเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย จากเครือข่ายจำนวน 7 บริษัท จากนั้นมีการลักลอบค้าและจำหน่ายดอกไม้ไฟให้กับสมปองฯโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ประกอบด้วย.

1. บ.โอเอ็นจี ทูเก็ตเตอร์ จำกัด
2. บ.ทีพีบี ไฟร์เวิร์ค จำกัด
3. ร้านเอเชีย คลองแงะ
4. บ.สุรเสียง (ประเทศไทย) จำกัด
5. บ.ไดมอนโดม จำกัด
6. บ.เคทูเค ไฟร์เวิร์ค จำกัด
7. บ.ทองทาดา จำกัด

โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน ค้าดอกไม้เพลิง โดยฝ่าฝืนคำสั่งฯ, ไม่ได้ขออนุญาตในการค้าและการขนส่งดอกไม้ไฟ มีและนำเข้าซึ่งประทัดไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการดำเนินคดีกับทั้ง 7 บริษัท อยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและรับสารภาพ แล้วบางส่วน จะดำเนินการเสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้าทั้งหมด ในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โกดังระเบิดดังกล่าวนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงาน 3 ส่วนด้วยกัน

1. ศอ.บต. สำหรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการ หากเข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ของ ศอ.บต.

2. กองทุนยุติธรรมจังหวัด ได้รวบรวมคำขอจากญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจำนวน 389 ราย อยู่ในระหว่างพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา สำหรับผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว หากเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะได้รับความช่วยเหลือรายละ 200,000 บาทสำหรับผู้เสียชีวิต

3. โยธาจังหวัดนราธิวาส ในการให้ความช่วยเหลือเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 649 หลัง อยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินการ

โดยจะได้งบประมาณจากกองทุนสำนักนายกรัฐมนตรี 100 ล้านบาท เงินบริจาคของพี่น้องประชาชนอีกจำนวนประมาณ 33.9 ล้านบาท เงินช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนและส่วนราชการ 35.3 ล้านบาท รวมถึงงบประมาณในส่วนกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้พี่น้องชาวมูโนะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ท่าน ผบ.ตร.เห็นความสำคัญ จึงได้สั่งการให้ควบคุมดูแลการดำเนินคดีโดยละเอียดรอบคอบ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายดังกล่าวทั้งหมด ขณะนี้สำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวได้ดำเนินการจนเสร็จสิ้นแล้ว

นอกจากมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดจำนวน 3 รายแล้ว ได้มีการดำเนินคดีกับบริษัทที่จำหน่ายดอกไม้ไฟโดยฝ่าฝืนกฎหมายจำนวน 7 บริษัท และขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จำนวน 16 ราย โดยจากนี้หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับบุคคลใดเพิ่มเติมอีก ก็จะนำตัวมาดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไป นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นแต่ละหน่วยงานอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาหลักเกณฑ์เพื่อเร่งมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้เสียหาย เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูบ้านเรือนจากความสูญเสียดังกล่าวโดยเร็ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

กรมราชทัณฑ์ ยันเอง “กำนันนกตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอม”

 

วันที่ 18 กันยายน 2566 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระแสโซเชียลวิจารณ์และตั้งข้อสังเกตว่า กำนันนกที่ถูกจับไม่ใช่ตัวจริง ทำให้เกรงว่าจะมีการจับตัวปลอมไป โดยล่าสุดนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า “วันจันทร์ จะยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม เพื่อให้ตรวจสอบลายนิ้วมือ 10 นิ้ว ว่ากำนันนกที่ตกเป็นผู้ต้องหา ฆ่าสารวัตรแบงค์ ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นคนเดียวกันหรือไม่นั้น 

นายอายุตม์ฯ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ได้รับการยืนยันจากนายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในกรณีดังกล่าวแล้ว แจ้งว่า ทางเรือนจำได้รับตัว นายประวีณ จันทร์คล้าย ฐานความผิด เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 ซึ่งในวันดังกล่าวกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้นำตัวนายประวีณฯ ขึ้นศาลอาญารัชดา เพื่อยื่นฝากขัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำศาลจะตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากหมายขังที่ศาลออก ตรวจสอบลายนิ้วมือที่ตรงกันเรียบร้อยแล้ว จึงรับตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และได้ตรวจสอบตำหนิ รูปพรรณ โดยการบันทึกลายนิ้วมือถูกต้องครบถ้วนตรงกันตั้งแต่ที่ศาลถึงเรือนจำ โดยขณะนี้นายประวีณฯ อยู่ระหว่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และจะเข้าสู่กระบวนการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังต่อไป ระหว่างที่นายประวีณฯ ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำฯ สามารถพบทนายได้ทุกวัน และเยี่ยมญาติผ่านระบบไลน์ตามระเบียบที่เรือนจำได้กำหนดไว้ ซึ่งที่ผ่านมามีภรรยาและบุตรเข้าเยี่ยม รวมถึงความเป็นอยู่ สามารถรับประทานอาหารของทางเรือนจำได้ตามปกติ 

นายอายุตม์ฯ กล่าวปิดท้ายว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวและตรวจสอบลายนิ้วมือรูปพรรณต่างๆ ของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ควบคุมไว้ภายในเรือนจำแล้ว จึงขอยืนยันว่าก่อนรับตัวนายประวีณ จันทร์คล้าย เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบหมายขังระหว่างสอบสวน/ใบส่งตัวและรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของศาลอาญา ซึ่งตรงกับรายงานทะเบียนราษฎร จากฐานข้อมูลการทะเบียน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบบข้อมูลผู้ต้องขังกรมราชทัณฑ์ถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมราชทัณฑ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News