Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายผนึกกรมวิทย์ฯ หยุดมะเร็งปากมดลูก ด้วย HPV DNA Test

อบจ.เชียงรายเดินหน้ารณรงค์ “ฮ่วมแฮง ฮ่วมใจ๋ ดูแลแม่ญิงเจียงฮาย หยุดมะเร็งปากมดลูก” คิกออฟตรวจคัดกรองด้วยเทคโนโลยี HPV DNA Test สร้างสุขภาวะหญิงไทย

เชียงราย, 17 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่ภัยสุขภาพสำหรับผู้หญิงยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของสังคมไทย “มะเร็งปากมดลูก” ถือเป็นโรคร้ายแรงที่พรากชีวิตหญิงไทยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะรุดหน้าแต่ความตระหนักรู้และการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จึงเดินหน้ายกระดับสุขภาพหญิงไทย ด้วยการเปิดตัวโครงการ “ฮ่วมแฮง ฮ่วมใจ๋ ดูแลแม่ญิงเจียงฮาย หยุดมะเร็งปากมดลูก” (FINDING HPV STOP CERVICAL CANCER) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

จุดเริ่มต้นความร่วมมือ รู้ก่อน รักษาก่อน ปลอดภัย

โครงการนี้เริ่มต้นด้วยความร่วมมือระหว่างอบจ.เชียงราย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ที่ให้การต้อนรับนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมคณะ ในกิจกรรม Kick off พร้อมด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ทีมสาธารณสุขระดับพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย

จุดเด่นของกิจกรรมในครั้งนี้อยู่ที่การแนะนำวิธีตรวจคัดกรองด้วย HPV DNA Test เทคโนโลยีใหม่ที่มีความแม่นยำสูงกว่าการตรวจแบบเดิม (Pap Smear) สามารถตรวจจับเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูงทั้ง 14 สายพันธุ์ ที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้อย่างชัดเจน และสามารถเก็บตัวอย่างด้วยตนเองที่บ้าน สะดวก ปลอดภัย และลดความเขินอายในการรับบริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับผู้หญิงไทยอายุ 30-60 ปี ทุกสิทธิ์ประกันสุขภาพ รวมถึงหญิงที่มีอายุ 15-29 ปี ในกลุ่มเสี่ยงสูง

รณรงค์สร้างความมั่นใจ “เปลี่ยนความเขินอาย เป็นความมั่นใจ”

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ทั้งเจ้าหน้าที่ อสม. และตัวแทนชุมชน โดยได้รับฟังข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งปากมดลูก อธิบายถึงแนวทาง “รู้เร็ว รักษาเร็ว โอกาสหายสูง” ยิ่งพบเร็ว โอกาสหายขาดยิ่งมาก และเน้นให้ผู้หญิงเปลี่ยนความกังวลใจ ความกลัว หรือความเขินอายในการตรวจ เป็นพลังใจในการดูแลสุขภาพตัวเอง โดยสโลแกนประจำโครงการ “เปลี่ยนความเขินอาย เป็นความมั่นใจ แม่นยำ ตรวจง่าย ได้ผลไว” ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น

นายก อบจ.เชียงราย ยังเชิญชวนสตรีในจังหวัด เข้ารับชุดตรวจ HPV DNA Test ได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้าน เพราะสามารถตรวจเพียงครั้งเดียว แต่ครอบคลุมถึง 14 สายพันธุ์หลัก ลดความยุ่งยากและไม่ต้องขึ้นขาหยั่งเหมือนในอดีต

ขยายผลเฝ้าระวังและป้องกัน สร้างต้นแบบ “อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ”

การดำเนินโครงการครั้งนี้ไม่เพียงตอบโจทย์นโยบาย “อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus)” เท่านั้น แต่ยังเดินหน้าขยายบริการครอบคลุมทุกอำเภอในเชียงราย รวมถึงหมู่บ้านและชุมชนห่างไกล ผ่านเครือข่ายอสม.ที่ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น เพื่อให้สามารถให้ข้อมูล รณรงค์ และติดตามผลกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ กลไกการขับเคลื่อนนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย และยังได้รับความร่วมมือจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ ที่ร่วมพัฒนารูปแบบคัดกรองเชิงรุกและวางระบบเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางอนาคต

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย ผ่านการรณรงค์เชิงรุกและขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ปูรากฐานระบบเฝ้าระวังเชิงรุกอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังสร้างต้นแบบการดูแลสุขภาพที่สามารถนำไปขยายผลในระดับประเทศ

ความสำเร็จของโครงการในระยะยาวขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ หน่วยบริการสุขภาพในท้องถิ่น เครือข่าย อสม. และความตื่นตัวของหญิงไทยในการดูแลสุขภาพตนเอง ยิ่งมีการขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ห่างไกลมากเท่าใด โอกาสที่จะหยุดวงจรมะเร็งปากมดลูกในไทยก็ยิ่งใกล้ความจริงมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เหนือรับมือฝน! รองนายกฯ ประเสริฐ สั่งเข้มคุณภาพน้ำ-กันอุทกภัย

รองนายกรัฐมนตรี “ประเสริฐ” ลงพื้นที่ภาคเหนือ สั่งการเข้มทุกหน่วย แก้ปัญหาคุณภาพน้ำ-ป้องกันอุทกภัย ชูแผนบูรณาการข้ามจังหวัดและประชาสัมพันธ์โปร่งใส

เชียงใหม่, 16 มิถุนายน 2568 – สถานการณ์คุณภาพน้ำและภัยพิบัติในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ภายใต้ความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันมาตรการทั้งเชิงรุกและระยะยาว เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของประชาชนในหลายจังหวัดสำคัญ โดยเฉพาะเชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำภาคเหนือ

การประชุมติดตามสถานการณ์ – ผนึกกำลังวางแผนรับมือแบบรอบด้าน

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง และมาตรการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสาม ได้แก่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร (เชียงใหม่) นายชรินทร์ ทองสุข (เชียงราย) และนายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ (ลำพูน) ร่วมรายงานสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติ ผ่านการประชุม ณ สำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่

ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่ ได้ร่วมกันนำเสนอผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ แนวทางการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่อาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม–กันยายน ขณะที่ จ.ลำพูน อาจเผชิญน้ำท่วมในเดือนตุลาคม

ข้อสั่งการของรัฐบาล – ย้ำ “โปร่งใส ตรวจสอบได้ ดูแลประชาชนถึงรากหญ้า”

นายประเสริฐฯ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ระบุชัดว่ารัฐบาลตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสารหนูและโลหะหนักที่ตรวจพบในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในจุดเสี่ยง เผยแพร่ข้อมูลผลตรวจวัดคุณภาพน้ำและความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีระบบเตือนภัยด้านคุณภาพน้ำที่รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์

นอกจากนี้ ให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างครอบคลุม โดยเน้นการคัดกรองโรคจากสารหนูและโลหะหนัก พร้อมติดตามผลในระยะยาว ส่วนการประปาส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมน้ำดื่มสะอาดสำรอง วางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบคุณภาพดี และพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเสี่ยงอย่างยั่งยืน

กรมทรัพยากรน้ำได้รับมอบหมายให้เร่งสำรวจ ออกแบบจุดชะลอน้ำและฝายดักตะกอนตามแผนงานเดิม โดยให้รับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้าน และพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินแห่งใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการ ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานท้องถิ่นต้องเร่งประเมินและเยียวยาผลกระทบทั้งในภาคเกษตรและการท่องเที่ยว พร้อมแนะแนวทางปรับตัวและฟื้นฟูอาชีพสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ

รับมือฝนใหญ่–แผนป้องกันอุทกภัยเต็มพิกัด

สทนช. คาดการณ์ฤดูฝนปีนี้ พื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย จะมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน ขณะที่ลำพูนจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องถึงตุลาคม รองนายกรัฐมนตรีประเสริฐ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดโครงการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำปิง และการก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมจัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร และระบบสนับสนุนเผชิญเหตุให้ทันต่อสถานการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน

พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดบูรณาการข้อมูลและเร่งประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำแก่ประชาชนในพื้นที่แบบโปร่งใส ทั่วถึงและทันเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เร่งตรวจสอบและลงพื้นที่–ประชาชนต้องได้รับผลลัพธ์ชัดเจน

หลังเสร็จสิ้นการประชุม รองนายกฯ ได้นำคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขุดลอกแม่น้ำปิง บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว พร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากชุมชนท้องถิ่นโดยตรง

วิเคราะห์และข้อเสนอเชิงนโยบาย

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาน้ำและอุทกภัยในภาคเหนือแบบองค์รวม ด้วยการผนึกกำลังหลายหน่วยงาน ขับเคลื่อนการบูรณาการนโยบายและข้อมูลทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง การประชาสัมพันธ์ที่โปร่งใส และการรับฟังประชาชนในทุกมิติ จะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย รับมือน้ำท่วมปี 68 ผู้ว่าฯ นำทัพเตรียมพร้อมเต็มสูบ

ผู้ว่าฯ เชียงราย นำทีมร่วมประชุม บกปภ.ช. เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยฤดูฝน 2568 และติดตามแผนฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ

เชียงราย, 16 มิถุนายน 2568 – ในช่วงฤดูฝนปี 2568 จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องภัยพิบัติทางน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุทกภัยที่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยในหลายพื้นที่ ตามประวัติศาสตร์เหตุการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้ขับเคลื่อนการประชุมระดับชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน

วางโครงสร้างบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติ – มาตรการเชิงรุก

การประชุมครั้งสำคัญนี้ จัดขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหัวหน้าส่วนราชการจากส่วนกลางและภูมิภาคร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังจังหวัดที่มีความเสี่ยงอุทกภัยทั่วประเทศ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมจากห้องประชุมธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างละเอียด โดยจังหวัดเชียงรายมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก 126 แห่ง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเฉลี่ย 53.29% ของความจุรวม 190.842 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังบริหารจัดการได้ตามแผน Rule Curve นอกจากนี้ จังหวัดยังเร่งดำเนินโครงการขุดลอกตะกอนดินในอ่างเก็บน้ำ แก้มลิง และหน้าฝายทดน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำหลาก มีปริมาณดินขุดรวมกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตร

ยกระดับระบบเตือนภัย–เครือข่ายภาคประชาชน

เชียงรายได้ลงทุนติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ 4 จุด ในพื้นที่แม่สาย และมีแผนติดตั้งอุปกรณ์วัดระดับน้ำ (STAFF GAUGE) อีก 21 จุด ตลอดแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ควบคู่กับการอบรมเครือข่ายประชาชนจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการแจ้งเตือนภัยและประสานข้อมูลในภาวะฉุกเฉินอย่างทั่วถึง

สำหรับการฝึกซ้อมตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน จังหวัดเชียงรายร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ กำหนดจัดการฝึก Table Top Exercise (TTX) และฝึกปฏิบัติจริง (Field Exercise) ในพื้นที่แม่สายและชุมชนริมแม่น้ำกก รวม 3 กิจกรรมใหญ่ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตลอดจนเตรียมความพร้อมเครื่องจักรกลหนัก รถดูดเลน เครื่องสูบน้ำ และกำลังพลประจำจุดเสี่ยงทุกอำเภอ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาล ท่าอากาศยาน สนามบิน และสถานีผลิตไฟฟ้า

ชูบทบาทการสื่อสารข้อมูลจริง – คลายกังวลปัญหาสารปนเปื้อนน้ำกก

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า จังหวัดเชียงรายยังต้องเผชิญปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) ที่ไหลลงสู่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ได้ประสานเจรจากับรัฐบาลเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกเชิงระบบและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว พร้อมเน้นการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างชัดเจนและครบถ้วน เพื่อลดความตื่นตระหนกและสร้างศักยภาพในการป้องกันตนเองจากสารปนเปื้อน

การมีส่วนร่วมของชุมชน–กุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืน

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างข้อมูล สาธารณูปโภค หรือเครือข่ายความร่วมมือจากภาคประชาชน ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับจังหวัด ทั้งยังได้เน้นย้ำเรื่องแผนซ้อมและการกระจายข้อมูลจริงที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมศักยภาพในการเผชิญเหตุและลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

จากมาตรการต่าง ๆ ที่จังหวัดเชียงรายร่วมกับส่วนกลางกำลังดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ เตรียมพื้นที่เสี่ยง การเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย การบูรณาการข้อมูล และการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ล้วนเป็นรากฐานสำคัญในการปกป้องประชาชนจากภัยธรรมชาติและสร้างความมั่นใจในคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถลดผลกระทบและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในฤดูฝนนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.)
  • ศูนย์ข้อมูลข่าวสารจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
    (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สารหนูแม่น้ำกกยังสูง เชียงรายเร่งตรวจน้ำ-ปลา ประชาชนวอนขอผลชัดเจน

จังหวัดเชียงรายเดินหน้าแก้ปัญหาคุณภาพน้ำและพร้อมรับมืออุทกภัย บูรณาการหน่วยงานรัฐ-ชุมชนสร้างความเชื่อมั่นประชาชน

เชียงราย, 16 มิถุนายน 2568 – ในช่วงฤดูฝนปี 2568 จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งด้านคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายสำคัญและความเสี่ยงต่ออุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของชุมชน

ประชุมเร่งด่วนบูรณาการทุกภาคส่วน


วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่าน VDO Conference กับจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน เพื่อรายงานและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ และการป้องกันอุทกภัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายรายงานว่า ผลการตรวจคุณภาพน้ำโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 พบสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในช่วงหลังฝายเชียงรายที่ค่าความเข้มข้นของสารหนูเกินมาตรฐานในระยะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดประตูน้ำช่วงน้ำหลากและการขุดลอกลำน้ำที่ทำให้ตะกอนสารหนูลอยขึ้นปะปนในน้ำ อย่างไรก็ตาม ระดับสารหนูหลังฝายยังต่ำกว่าช่วงต้นน้ำกก

ตั้งศูนย์เฝ้าระวัง-ลงพื้นที่ตรวจเข้ม


จังหวัดเชียงรายจึงได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3 จุดหลัก คือ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และสามเหลี่ยมทองคำ พร้อมเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทีมตรวจสอบเคลื่อนที่เข้าสู่หมู่บ้าน/ชุมชน และเพิ่มความถี่ในการตรวจน้ำประปา โดยผลตรวจล่าสุดพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ขณะเดียวกัน สำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายได้เก็บตัวอย่างสัตว์น้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย เพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อนและโรคในตัวปลาอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับการเก็บตัวอย่างพืชผักที่ใช้น้ำจากแม่น้ำสายส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงราย ซึ่งยังไม่พบว่ามีค่าปนเปื้อนเกินมาตรฐาน

ด้านสุขภาพประชาชน สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเร่งดำเนินการเชิงรุก ทั้งตรวจร่างกาย เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิด รพ.สต. ให้เป็นจุดเฝ้าระวังและรับแจ้งอาการผิดปกติที่อาจเกิดจากการบริโภคน้ำหรือสัตว์น้ำปนเปื้อน

แผนรับมืออุทกภัย เครื่องมือ-เครื่องจักรพร้อมรับสถานการณ์


ในด้านการรับมืออุทกภัย จังหวัดได้ทบทวนแผนและพื้นที่เสี่ยงทั่วลุ่มน้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง และแม่น้ำรวก โดยติดตั้งโทรมาตร (อุปกรณ์วัดระดับน้ำ) กว่า 21 จุดตลอดแม่น้ำกก และพร้อมจัดซ้อมแผนรับมือภัยในเดือนมิถุนายน 2568 มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เสี่ยง เช่น แม่สาย เทิง แม่จัน พร้อมทั้งบริหารจัดการข้อมูล 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์บัญชาการประจำจังหวัด

หน่วยงานกรมการทหารช่างได้สร้างแนวป้องกันน้ำในแม่สายและขุดลอกแม่น้ำรวก รวมถึงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการขุดลอกแม่น้ำสายเพื่อป้องกันน้ำท่วมข้ามพรมแดน นอกจากนี้ ยังวางแผนสำรองเผชิญเหตุในระดับหมู่บ้านเพื่อดูแลพื้นที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สนามบิน และสถานีผลิตน้ำประปา

ภาคประชาชน-ชุมชนร่วมมือ สร้างความมั่นใจในแหล่งอาหาร


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดงมหาวัน ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกกเพื่อตรวจหาสารปนเปื้อน สะท้อนถึงความห่วงใยของชาวบ้านต่อแหล่งอาหารหลัก ซึ่งมีรายได้เสริมจากการจับปลาขาย แต่ต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่งจากกระแสข่าวสารปนเปื้อนในน้ำ โดยชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานเร่งประกาศผลตรวจอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของชุมชน

วิเคราะห์แนวโน้ม-สร้างเสถียรภาพระยะยาว


การแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงรายในขณะนี้ สะท้อนถึงความพยายามของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และชุมชน ในการสร้างระบบเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ภารกิจที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง คือการสื่อสารสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับประชาชนให้รู้เท่าทันต่อสถานการณ์ อาศัยกลไกวิทยาศาสตร์การแพทย์และการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงระยะยาวต่อสุขภาพของประชาชนและความมั่นคงด้านอาหารในจังหวัด

สรุป


แม้สถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำกกจะยังคงน่าห่วง แต่จากการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติจริง การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และการสื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงรายได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า จ.เชียงราย
    (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลุกจิตอาสา อบจ.เชียงรายจัด ‘ต้นกล้าความดี’ พัฒนาเยาวชนสู่สังคม

อบจ.เชียงรายเดินหน้าสร้างเยาวชนต้นแบบ “ต้นกล้าความดี” จุดประกายคนรุ่นใหม่หัวใจจิตอาสา พัฒนาสังคมเชียงรายอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 14 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่สังคมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมาย การปลุกจิตสำนึกและส่งเสริมบทบาทของเยาวชนจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุด องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ริเริ่มโครงการ “กลุ่มต้นกล้าความดี” ซึ่งเป็นแคมป์เยาวชนที่มุ่งเน้นการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคม

จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ

พิธีเปิดโครงการจัดขึ้นในเช้าวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนราชการ คณะวิทยากร และตัวแทนองค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง การอบรมในครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่อง 2 วัน ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะ “ปลุกพลังคนรุ่นใหม่” ให้เป็นกำลังสำคัญของจังหวัด

กิจกรรมหลากหลาย สร้างแรงบันดาลใจและความสามัคคี

ตลอดการอบรม เยาวชนจากทุกอำเภอในจังหวัดเชียงรายได้รับโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เช่น การบรรยายในหัวข้อ “กลไกจังหวัด และบทบาทหน้าที่ผู้มีส่วนร่วม” และ “สภาเยาวชนและการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรจากสมาคมสร้างสรรค์อนาคตเด็กและเยาวชน ซึ่งได้นำเสนอแนวคิดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อการเติบโตเป็นพลเมืองจิตอาสา

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และเวิร์กช็อปพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และการสร้างเครือข่ายเยาวชนในรูปแบบที่สนุกสนานและเข้มข้น โดยมีคณะกรรมการสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรม สร้างความกลมเกลียวและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนอย่างเห็นได้ชัด

วางรากฐานสู่อนาคต สร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่

โครงการ “ต้นกล้าความดี” นี้ถูกออกแบบมาเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นพลเมืองดีให้กับเยาวชน เน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย พร้อมกับเปิดพื้นที่เรียนรู้ให้เยาวชนได้แสดงออกถึงศักยภาพ และพัฒนาให้เติบโตเป็นผู้นำที่สามารถรับผิดชอบต่อสังคมทั้งในระดับชุมชนและจังหวัด

นายก อบจ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีเปิดอย่างชัดเจนว่า “การลงทุนกับเยาวชนคือการวางรากฐานให้กับอนาคตของจังหวัดเชียงราย โครงการต้นกล้าความดี เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ มีจิตสำนึกต่อสังคม และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

การจัดค่ายและกิจกรรมส่งเสริมเครือข่ายเยาวชนในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินหน้าตามนโยบายพัฒนาเยาวชนเชิงรุกของ อบจ.เชียงราย ที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่เรียนรู้ เสริมทักษะชีวิต สร้างโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ยังตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและมีพลเมืองที่มีจิตสาธารณะ

จากกิจกรรม “กลุ่มต้นกล้าความดี” ในครั้งนี้ เยาวชนเชียงรายจะเติบโตขึ้นไปเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมในอนาคต ถ่ายทอดพลังความคิดสร้างสรรค์และจิตอาสาสู่สังคมไทย ต่อยอดสู่การพัฒนาจังหวัดเชียงรายและประเทศชาติในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • สมาคมสร้างสรรค์อนาคตเด็กและเยาวชน
  • สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล.สร้างเครือข่าย ชวนชุมชนเฝ้าระวังน้ำ-เกษตรอินทรีย์ ในเชียงราย

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงผนึกเทศบาลนครเชียงราย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ สร้างเครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ รับมือมลพิษแม่น้ำกก สู่การดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 14 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางวิกฤตปัญหามลพิษและโลหะหนักในแม่น้ำกก ที่ยังเป็นปมร้อนต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ภาคีภาครัฐและสถาบันการศึกษาชั้นนำในท้องถิ่นเดินหน้ารุกหนักสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นำโดยศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรครบวงจร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ที่ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำชุมชน (กรณีศึกษามลพิษแม่น้ำกก)” ณ ศูนย์การเรียนรู้เชียงรายเมืองอาหารปลอดภัย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568

สร้างองค์ความรู้-เสริมทักษะคนท้องถิ่น สู้ภัยมลพิษน้ำ

การอบรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “เกษตรปลอดภัยด้วยวิทยาศาสตร์พลเมือง” ที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคประชาสังคม มุ่งสร้างเครือข่ายประชาชนที่มีทักษะในการติดตาม ตรวจสอบ และจัดการปัญหามลพิษทางน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะประเด็นการปนเปื้อนของโลหะหนักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของประชาชนในเขตลุ่มน้ำกก

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วย รศ.ดร.ระวิวรรณ์ เจริญทรัพย์ หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรครบวงจร มฟล. ที่กล่าวต้อนรับและเน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม วางกรอบการอบรมให้เน้นทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

ลงลึก 5 หัวใจสำคัญ ฝึกทักษะเฝ้าระวัง-จัดการน้ำเสีย

เนื้อหาหลักสูตรแบ่งเป็น 5 ช่วงสำคัญ ได้แก่

  1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสารพิษในน้ำ ให้ชุมชนเข้าใจถึงภัยเงียบที่แฝงมากับสายน้ำ
  2. ฝึกปฏิบัติเครื่องมือเฝ้าระวัง ชี้แนะการใช้ test kit และอุปกรณ์เบื้องต้นสำหรับตรวจสอบคุณภาพน้ำในท้องถิ่น
  3. การประดิษฐ์เครื่องกรองน้ำอย่างง่าย ถ่ายทอดเทคโนโลยีภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การกรองสารพิษเบื้องต้น
  4. การเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ปนเปื้อน สอนแนวทางปรับวิธีการผลิต ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร
  5. การสร้างเครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังที่ยั่งยืน เสริมพลังให้ชุมชนร่วมกันติดตาม แจ้งเตือน และส่งต่อข้อมูลสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึก

งานอบรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยชั้นนำจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและสถาบันพันธมิตร อาทิ

  • ผศ.ดร.อภิสม อินทรลาวัณย์ สำนักวิชาการจัดการ บรรยายภาพรวมสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • รศ.ดร.โกวิทย์ นามบุญมี สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ อธิบายผลกระทบของโลหะหนักต่อสุขภาพ
  • ผศ.ดร.ไกรลักษณ์ ฟักแก้ว สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ให้แนวทางลดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
  • ผศ.ดร.ธรากร มณีรัตน์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์แนวทางปรับปรุงคุณภาพดินและน้ำสำหรับการปลูกพืชสมุนไพร
  • ดร.ประเดิม วณิชชนานันท์ จากทีมวิจัย BIOTEC/สวทช. เสนอแนวคิดเสริมศักยภาพของพืชสมุนไพรทนพิษ เช่น ฟ้าทะลายโจร

ตลอดทั้งวัน นอกจากการบรรยายแล้วยังมีการฝึกปฏิบัติจริง การทดลองใช้อุปกรณ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากเกษตรกรและเครือข่ายชุมชนในพื้นที่ ถือเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ร่วมที่ชูบทบาทของชุมชนเป็นศูนย์กลาง

ก้าวสำคัญสู่การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงรุก

ผลจากกิจกรรมอบรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มทักษะการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่าย “นักวิทยาศาสตร์พลเมือง” ที่จะมีส่วนร่วมตรวจสอบ ติดตาม แจ้งเตือน และผลักดันให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดในอนาคต

การทำงานร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกับเทศบาลนครเชียงราย และภาคีเครือข่ายท้องถิ่น เป็นตัวอย่างการสร้างพลังสังคมเพื่อแก้ไขวิกฤตน้ำและสุขภาวะชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งยังตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพน้ำและสุขภาพประชาชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์นวัตกรรมสมุนไพรครบวงจร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • เทศบาลนครเชียงราย
  • สำนักวิชาการจัดการ/สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเฝ้าระวังเข้ม ประมง-PCD ลุยตรวจสารหนูในแม่น้ำ ชี้อันตรายต่อสุขภาพ

ประมงเชียงรายจับปลาตรวจโลหะหนักในแม่น้ำกก-สาย ชลประทานสนับสนุนปรับระดับน้ำ – กรมควบคุมมลพิษเผยพบสารหนูเกินมาตรฐานต่อเนื่อง แนะประชาชนเลี่ยงใช้น้ำโดยตรงในพื้นที่เสี่ยง

เชียงราย, 14 มิถุนายน 2568 –สถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ยังคงได้รับการจับตามองอย่างเข้มข้น หลังพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำสายหลักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อคลี่คลายปัญหาและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่

จับปลาตรวจสอบสารปนเปื้อนและโรคในแม่น้ำสายหลัก

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้นักวิจัยจากกรมประมง ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย ได้ลงพื้นที่จับปลาจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเก็บตัวอย่างปลานำไปตรวจสอบทั้งด้านโรคและสารโลหะหนัก โดยดำเนินการคัดแยก ชั่ง-วัด และจำแนกชนิดปลาอย่างเป็นระบบ ก่อนจะส่งมอบตัวอย่างให้กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ และกองตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำ ดำเนินการวิเคราะห์ต่อไป

ภารกิจสำคัญนี้มีเป้าหมายเพื่อพิสูจน์คุณภาพสัตว์น้ำในระบบนิเวศลุ่มน้ำกก-สาย ซึ่งเป็นทั้งแหล่งอาหารและแหล่งรายได้ของประชาชนในพื้นที่ ว่ามีสารปนเปื้อนเกินเกณฑ์อันตรายหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบโรคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้บริโภค และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศโดยรวม

ชลประทานเชียงรายหนุนภารกิจด้วยการปรับระดับน้ำชั่วคราว

ขณะที่โครงการชลประทานเชียงราย ได้ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว ด้วยการปรับลดระดับเก็บกักน้ำหน้าเขื่อนเชียงรายลงราว 50 เซนติเมตร ในช่วงเช้าของวันที่ 14 มิถุนายน เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยแก่ทีมปฏิบัติงานที่ต้องจับปลาบริเวณท้ายเขื่อน หลังจากเสร็จสิ้นการเก็บตัวอย่างปลาตามแผนแล้ว ทางชลประทานจะปรับระดับน้ำกลับสู่สภาวะปกติทันที โดยยืนยันว่า การปรับระดับน้ำครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งน้ำเพื่อการเกษตรหรือกระบวนการผลิตน้ำประปาในพื้นที่แต่อย่างใด

ผลตรวจสารโลหะหนักในน้ำยังเกินมาตรฐานต่อเนื่อง

ด้านกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 โดยเน้นแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ตลอดจนแม่น้ำสาขาต่าง ๆ โดยผลตรวจพบว่า

  • แม่น้ำกก ตรวจวัด 15 จุด พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานทั้ง 15 จุด ค่าสูงสุด 0.023 มิลลิกรัมต่อลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.010 มก./ล.)
  • แม่น้ำสาย ตรวจวัด 3 จุด พบเกินค่ามาตรฐานทุกจุด ค่าสูงสุด 0.038 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แม่น้ำโขง ตรวจวัด 2 จุด พบเกินค่ามาตรฐานทั้ง 2 จุด ค่าสูงสุด 0.018 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แม่น้ำสาขา (ฝาง, กรณ์, ลาว, สรวย) คุณภาพน้ำยังเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน

ทั้งนี้ แผนติดตามคุณภาพน้ำปี 2568 ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำเดือนละ 2 ครั้ง (มีนาคม-กันยายน 2568) และเก็บตัวอย่างตะกอนเดือนละ 1 ครั้ง (พฤษภาคม-กันยายน 2568) การเก็บตัวอย่างครั้งที่ 5 ดำเนินการระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ

สถานการณ์ล่าสุดยังพบว่าค่าความขุ่นและสารหนูในแม่น้ำหลายพื้นที่สูงกว่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์น้ำ ระบบนิเวศ และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากประชาชนใช้น้ำจากแม่น้ำโดยตรง

ข้อแนะนำประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง กรมควบคุมมลพิษแนะนำให้

  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำโดยตรง ทั้งการอุปโภคและบริโภค
  • หากจำเป็นต้องใช้น้ำ ควรผ่านกระบวนการบำบัดและตรวจสอบคุณภาพก่อนทุกครั้ง
  • งดเว้นกิจกรรมทางน้ำ เช่น การลงเล่นน้ำ หรือจับสัตว์น้ำโดยตรงในจุดที่เสี่ยงสูง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำและผลตรวจของปลาต่อเนื่อง พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าและแจ้งเตือนประชาชนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงอย่างเต็มที่

บทวิเคราะห์และแนวโน้มสถานการณ์

การตรวจสอบและติดตามคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำกก-สายอย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงการบูรณาการทำงานระหว่างหน่วยงานระดับจังหวัดและส่วนกลาง ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ประมงและงานวิจัยสิ่งแวดล้อม เพื่อคลี่คลายปมปัญหาด้านสุขภาพ สาธารณสุข และความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ แม้จะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น แต่ในระยะยาวยังคงต้องการการแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและระบบแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพในชุมชนริมน้ำ

สถานการณ์นี้จึงเป็นจุดทดสอบการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งในด้านการสื่อสารข้อมูลสู่สาธารณะ การเสริมสร้างความมั่นใจต่อมาตรฐานความปลอดภัยของแหล่งอาหารและน้ำ รวมถึงการเร่งรัดผลักดันนโยบายป้องกันมลพิษข้ามพรมแดนอย่างเป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • โครงการชลประทานเชียงราย
  • รายงานคุณภาพน้ำประจำเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกเทศมนตรีเชียงรายลงนาม เปิดประตูสู่โอกาสการศึกษาโลก

นายกเทศมนตรีนครเชียงรายลงนาม MOU กับมหาวิทยาลัยแบคซอก เกาหลีใต้ ยกระดับการศึกษานานาชาติ ผลักดันโอกาสใหม่แก่เยาวชนเชียงราย

เชียงราย, 13 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่การศึกษาก้าวไกลไร้พรมแดน การเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นไทยกับสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ แก่เยาวชนและประชาชนในภูมิภาค ล่าสุด เทศบาลนครเชียงรายนำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมพันจ่าเอก อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยแบคซอก (Baekseok University) สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายชัง จง ฮยอน อธิการบดีมหาวิทยาลัยแบคซอก และนายโช โบ ฮยอน จากโรงเรียนนานาชาติเชียงราย ร่วมลงนามในพิธี พร้อมข้าราชการ และผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลทั้ง 8 แห่ง ณ ห้องประชุมดาวน์ทาวน์ เทศบาลนครเชียงราย

สร้างพันธมิตรการศึกษานานาชาติ ผลักดันอนาคตเด็กเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี เปิดเผยถึงความสำคัญของการลงนามในครั้งนี้ว่า “นี่คือโอกาสสำคัญที่จะสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติ เพื่อประโยชน์ของเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ทั้งในด้านการเรียนรู้ ภาษา วัฒนธรรม และอาชีพที่สามารถดูแลครอบครัวได้”

ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประตูให้เยาวชนเชียงรายได้เข้าถึงโอกาสใหม่ในการเรียนต่อและฝึกงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะกับมหาวิทยาลัยแบคซอกซึ่งเป็นสถาบันเอกชนคริสเตียนชั้นนำของเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ในเมืองชอนัน จังหวัดชุงชองใต้ และมีนักศึกษากว่า 15,000 คน เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่หลากหลาย รองรับการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานยุคใหม่

มหาวิทยาลัยแบคซอก ย้ำพันธกิจแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม-ความรู้

นายชัง จง ฮยอน อธิการบดีมหาวิทยาลัยแบคซอก กล่าวในพิธีลงนามว่า “มหาวิทยาลัยแบคซอกมุ่งเน้นการสร้างพันธมิตรทางการศึกษากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ความร่วมมือกับเทศบาลนครเชียงรายในครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ ผ่านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายในระยะยาว”

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร, โครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานร่วมกัน, การแลกเปลี่ยนหลักสูตรหรือเทคโนโลยีทางการศึกษา ตลอดจนการพัฒนาภาษาต่างประเทศและเสริมสร้างทักษะสำคัญที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ให้แก่เยาวชนในท้องถิ่น

เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ สร้างเครือข่ายเยาวชนเชียงรายสู่เวทีโลก

ตลอดพิธีการ ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย และคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแบคซอก ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ต่อบทบาทของการศึกษาระหว่างประเทศ ว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนในจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านความรู้วิชาการ ทักษะอาชีพ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับนานาชาติ

นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนจัดกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้และเปิดเวทีให้เยาวชนและครูอาจารย์ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการศึกษาในท้องถิ่น

บทวิเคราะห์และผลลัพธ์ในระยะยาว

ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเชียงรายในการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเยาวชนในภูมิภาคกับแรงงานโลก ทั้งยังช่วยปลูกฝังทัศนคติแบบเปิดกว้าง สนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเตรียมพร้อมสู่สังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับประชาชนในพื้นที่ นับเป็นโอกาสทองที่บุตรหลานจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างความร่วมมือที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านการศึกษา ภาษา วัฒนธรรม และอาชีพที่ก้าวไกลในยุคโลกาภิวัตน์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแบคซอก (Baekseok University), สาธารณรัฐเกาหลี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจับมือ! เร่งเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก มุ่งสู่อนาคตที่สดใส

อบจ.เชียงราย ผนึกกำลัง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย เตรียมจัดเวทีวิชาการ 18 กรกฎาคม 2568 สร้างอนาคต “เด็กเชียงรายสุขภาพดี-พัฒนาการสมวัย”

เชียงราย, 13 มิถุนายน 2568 –การพัฒนาเด็กปฐมวัยในปัจจุบันได้กลายเป็นประเด็นสำคัญยิ่งที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจ เนื่องจากช่วงวัยแรกเกิดถึง 5 ขวบ ถือเป็น “หน้าต่างแห่งโอกาส” ที่จะวางรากฐานชีวิตให้กับเด็กทั้งในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยจึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทุกฝ่ายในสังคม ไม่เพียงแต่ครอบครัว แต่ยังรวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคสาธารณสุข และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ความร่วมมือเพื่ออนาคตของชาติ

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา คณะผู้แทนจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นำโดยทีมสหวิชาชีพได้เข้าพบนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ณ ห้องรับรองนายก อบจ. เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยในจังหวัดเชียงราย โดยมีนายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข และบุคลากร อบจ. ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

จุดเน้นสำคัญของการหารือคือ การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลกับ อบจ. เพื่อช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า หรือปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายโรงพยาบาลได้ถ่ายทอดประสบการณ์เชิงลึกเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองพัฒนาการในเด็ก พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะในการจัดตั้ง “ศูนย์เครือข่ายพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย” ระดับจังหวัด ให้มีระบบติดตามและประเมินผลแบบองค์รวม พร้อมแนวทางการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และองค์กรชุมชน

เดินหน้าสู่เวทีวิชาการ – เปิดเวทีเรียนรู้เพื่อเด็กเชียงราย

ในโอกาสนี้ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้เรียนเชิญนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ให้ร่วมเป็นวิทยากรในเวทีสัมมนาวิชาการหัวข้อ “อนาคตเด็กเชียงรายมีสุขภาพดีและมีพัฒนาการสมวัย” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมใหญ่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

เวทีดังกล่าวมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างทีมสหวิชาชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อ

  • วิเคราะห์ปัญหาและความท้าทายที่เด็กปฐมวัยในจังหวัดเชียงรายเผชิญ
  • กำหนดแนวทางเชิงนโยบายและมาตรการสนับสนุนการพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพ
  • สร้างกลไกเครือข่ายดูแลช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยง
  • ผลักดันการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานที่สำคัญในศตวรรษที่ 21

เครือข่ายเข้มแข็ง สู่พัฒนาการเด็กยั่งยืน

การผลักดันประเด็นพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นวาระสำคัญของจังหวัดเชียงรายนั้น เป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและภาคสุขภาพในระดับพื้นที่ ที่สามารถขยายผลไปสู่จังหวัดอื่นทั่วประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม
นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้เน้นย้ำว่า ความสำเร็จในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเด็กจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่น ที่ต้องให้ความใส่ใจต่อสัญญาณความเสี่ยงต่างๆ ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม สุขภาพ หรือภาวะบกพร่องทางพัฒนาการ พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการพัฒนาเครื่องมือคัดกรอง การอบรมครูพี่เลี้ยง และการสร้างระบบติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

การเดินหน้าสู่อนาคต

เวทีวิชาการที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างพลังขับเคลื่อนเครือข่ายพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยอย่างเป็นระบบในจังหวัดเชียงราย ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพและการศึกษา หากยังเป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วนในการร่วมสร้าง “อนาคตเด็กเชียงรายที่มีสุขภาพดีและพัฒนาการสมวัย” อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
  • กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย (13 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ธนารักษ์เอื้อราษฎร์ รมช.คลัง มอบที่ดินทำกิน-ที่อยู่ ลดเหลื่อมล้ำแม่สาย

รมช.คลังมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” แก่ชาวแม่สาย หนุนความมั่นคงที่ดิน ลดเหลื่อมล้ำ สู่เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง

เชียงราย, 12 มิถุนายน 2568 – นับเป็นอีกก้าวสำคัญของนโยบายด้านที่ดินเพื่อประชาชน เมื่อกระทรวงการคลัง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.1154 ให้กับประชาชนตามโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ซึ่งมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สิน และขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนฐานราก

พิธีมอบสัญญาเช่า สู่ชีวิตใหม่ของ 200 ครอบครัวแม่สาย

บรรยากาศที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สายในวันนี้อบอวลด้วยรอยยิ้มและความปลื้มปีติของประชาชน 196 รายที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุอย่างเป็นทางการ อีก 4 รายได้รับการอนุมัติเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 200 ราย รวมพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา การส่งมอบสัญญาเช่าในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างหลักประกันด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้านแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนเจตนารมณ์ของรัฐในการจัดการทรัพยากรเพื่อสาธารณะอย่างเป็นธรรม

โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นเกียรติ ร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนผู้รับสัญญาเช่า

จากนโยบายสู่ความเปลี่ยนแปลงจริง

โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ตอบโจทย์ปัญหาการถือครองที่ดินราชพัสดุในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่มาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 โดยการให้สิทธิ์เช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในอัตราที่เหมาะสม ลดความกังวลเรื่องที่ดินไร้สถานะและปัญหาข้อพิพาท ช่วยสร้างความมั่นคงและเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนฐานรากมีความมั่นใจในชีวิตและอนาคต สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโต

รมช.คลัง ชู “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” สร้างสังคมแห่งความเสมอภาค

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เน้นย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลและกระทรวงการคลังในการสร้างความมั่นคงด้านที่ดิน พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ผลักดันและสนับสนุนโครงการจนเกิดผลสำเร็จ ยืนยันว่าจะบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านที่อยู่อาศัย โอกาสทางเศรษฐกิจ และการเข้าถึงบริการสาธารณะอย่างเท่าเทียม

ตรวจติดตามแผนป้องกันอุทกภัย เสริมความปลอดภัยระยะยาว

ในโอกาสเดียวกัน คณะรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ยังได้ลงพื้นที่สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างคันกั้นน้ำในแผนป้องกันอุทกภัยของอำเภอแม่สาย โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมซ้ำซาก สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน

สู่สังคมที่มั่นคงและยั่งยืน

การมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในวันนี้ จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลไกขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของประชาชนแม่สาย นำไปสู่ความมั่นคงด้านที่ดิน การอยู่อาศัยที่ปลอดภัย การทำกินที่ยั่งยืน และการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเสมอภาคในสังคมไทยอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (12 มิถุนายน 2568)
  • กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
  • กระทรวงการคลัง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News