Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย-ม.ราชภัฏ-ครูบาอริยชาติผนึก! “เพชรล้านนา” มอบทุน 1.7 ล้าน ปั้นพลเมืองคุณภาพ

 “เพชรล้านนา 2568” กลับมาอย่างยิ่งใหญ่! ครูบาอริยชาติ เทศบาลนครเชียงราย และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ผนึกกำลังเฟ้นหา “คนดี-คนเก่ง” มอบทุนการศึกษากว่า 1.7 ล้านบาท จุดไฟความหวังให้เยาวชนภาคเหนือ

เชียงราย, 21 กรกฎาคม 2568 – หลังหยุดชะงักจากวิกฤตโควิด-19 และเหตุการณ์ไฟไหม้วัดแสงแก้วโพธิญาณที่สร้างความสูญเสียต่อศรัทธาชาวพุทธในพื้นที่ โครงการ “เพชรล้านนา” กลับมาอีกครั้งในปี 2568 อย่างทรงพลัง โดยได้รับการขับเคลื่อนจากความร่วมมือระหว่าง พระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ จังหวัดเชียงราย, นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

พิธีแถลงข่าวเปิดตัวโครงการและลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสามหน่วยงานหลักจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมเทศบาลนครเชียงราย ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและความคาดหวังจากผู้แทนเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคการศึกษา ศาสนา ผู้ปกครอง ตลอดจนสื่อมวลชนและเยาวชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือ

จุดยืน “เพชรล้านนา” สร้างคนดีควบคู่คนเก่ง สู่การพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ ดร.ศรชัย มุ่งไธสง กล่าวย้ำถึงเป้าหมายสูงสุดของโครงการว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายดำเนินงานโครงการเพชรล้านนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 ด้วยความเมตตาของครูบาอริยชาติและการสนับสนุนจากเทศบาลนครเชียงราย โดยเราเน้นการคัดเลือกเยาวชนที่มีความประพฤติดี มีจิตอาสา เป็นแบบอย่างแก่สังคม พร้อมกับความเป็นเลิศทางวิชาการ เพื่อหล่อหลอม ‘คนดี คนเก่ง’ ที่พร้อมจะเติบโตเป็นพลเมืองคุณภาพของท้องถิ่นและประเทศ”

ความท้าทายในการคัดเลือก “เพชรล้านนา” จึงไม่ใช่เพียงการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา แต่ยังต้องค้นหาเยาวชนที่มีหัวใจงดงาม รู้จักเสียสละ มีจิตสาธารณะ และสามารถนำความรู้กลับไปพัฒนาชุมชน สอดคล้องกับแนวทาง “บ่มเพาะคุณธรรม-ปัญญา” ของครูบาอริยชาติ และหลักคิด “พัฒนาคน พัฒนาชาติ” ที่ยังยืนหยัดในทุกบริบทสังคมยุคใหม่

เทศบาลนครเชียงราย ขยายโอกาส-ลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวเสริมว่า เทศบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างเชียงรายให้เป็น “นครแห่งการศึกษา” ผ่านการผนึกเครือข่ายกับสถาบันการศึกษาท้องถิ่นและครูบาอริยชาติในการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึง “เมื่อครูบาอริยชาติริเริ่มโครงการเพชรล้านนา เทศบาลฯ จึงพร้อมผลักดันให้ขยายสู่ 8 จังหวัดภาคเหนือ เพราะเราเชื่อว่าการสร้าง ‘คนดี’ ที่พร้อมทั้งจริยธรรมและความรู้ จะเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาฟรีตลอดหลักสูตรระดับอุดมศึกษา จัดสร้างหอพักนักเรียนที่ได้มาตรฐาน และพัฒนาสวัสดิการรองรับ”

เทศบาลนครเชียงรายยืนยันจะขยายเครือข่ายและแรงสนับสนุนไปสู่ 16 จังหวัดภาคเหนือในอนาคต ด้วยเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสร้างสังคมแห่งโอกาสอย่างแท้จริง

กลไกคัดเลือก “โปร่งใส-รอบด้าน” กว่า 272 ทุน รวม 1.7 ล้านบาท

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยิ่งศักดิ์ เพชรนิล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เปิดเผยว่า โครงการเพชรล้านนา 2568 เปิดรับสมัครเยาวชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, ลำพูน, พะเยา, แพร่, น่าน, และแม่ฮ่องสอน แบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย คัดเลือกเข้มข้น 3 รอบ ได้แก่

  1. รอบคัดเลือกเบื้องต้น: โรงเรียนเสนอรายชื่อเยาวชนที่มีศักยภาพ ทั้งด้านวิชาการและคุณธรรม กลุ่มสาระละไม่เกิน 5 คน
  2. รอบทดสอบความรู้: มหาวิทยาลัยร่วมกับเทศบาลฯ จัดสอบวัดผลวิชาการ (คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ พระพุทธศาสนา ศาสตร์ไทย และในระดับมัธยมปลายเพิ่ม ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา)
  3. รอบพิจารณาความเหมาะสม: คณะกรรมการคัดเลือกตามคุณสมบัติครบถ้วน

รวมรางวัลทุนการศึกษาทั้งสิ้น 272 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 1,785,000 บาท แบ่งเป็นรางวัล “เพชรล้านนา” 136 รางวัล (ทั้งประเภทชนะเลิศ รองชนะเลิศ และชมเชย) และรางวัลเพชรล้านนาระดับจังหวัดอีก 136 รางวัล

โดยรับสมัครถึง 30 กันยายน 2568 เชิญชวนผู้บริหารโรงเรียน และภาคีเครือข่ายร่วมกันส่งเสริมเยาวชนสมัครเข้าร่วมคัดเลือก เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ “ครูบาอริยชาติ” ในการกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียม

 “เพชรล้านนา” โมเดลต้นแบบ สร้างชาติด้วย “คนดี-คนเก่ง”

โครงการเพชรล้านนา 2568 เป็นกรณีศึกษาชั้นดีของการผนึกกำลังทุกภาคส่วนในการพัฒนาเยาวชน โดยเฉพาะการบูรณาการบทบาทของศาสนา การศึกษา และท้องถิ่น จุดเด่นที่สำคัญคือ

  • เน้นคุณธรรมควบคู่วิชาการ: ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะจิตอาสา ความรับผิดชอบ และแบบอย่างที่ดี โดยไม่มองข้ามความเก่งเชิงวิชาการ
  • ขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาค: การประสานมหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งและเทศบาลนครใน 8 จังหวัด สะท้อนพลังร่วมที่ยั่งยืน
  • สนับสนุนต่อเนื่องจากพระศาสนา: ครูบาอริยชาติอุทิศทุนกว่า 1.7 ล้านบาท เป็นพลังใจให้สังคมมุ่งมั่นสืบทอดโครงการ
  • กลไกคัดเลือกโปร่งใส: พิจารณารอบด้าน ไม่ยึดติดแค่ผลการเรียน แต่ดูที่ศักยภาพและความเหมาะสมจริง

ความท้าทาย อยู่ที่การประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงเยาวชนชนบทห่างไกล และการติดตามผลความก้าวหน้าของเด็กทุนหลังรับรางวัลแล้ว เพื่อประเมินความสำเร็จและต่อยอดการสนับสนุนในอนาคต

โครงการเพชรล้านนา 2568 จึงมิใช่เพียงการมอบทุน แต่เป็นกลไกสร้าง “พลเมืองคุณภาพ” ที่มีทั้งคุณธรรมและปัญญา เป็นแรงบันดาลใจแก่ท้องถิ่นและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • วัดแสงแก้วโพธิญาณ
  • เทศบาลนครเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“นายก นก” ลุยเอง! อบจ.เชียงรายเสริมแกร่งป้องกันน้ำท่วม เร่งเตรียมพร้อมรับมือพายุ

อบจ.เชียงราย “นายก นก” ลงพื้นที่เทิง เร่งมอบบิ๊กแบ็ค-สร้างทางเบี่ยง สั่งเตรียมพร้อมเต็มสูบรับมือ “พายุวิภา”

เชียงราย, 19 กรกฎาคม 2568 – ลงพื้นที่เชิงรุก ตอบโจทย์ภัยพิบัติ: อบจ.เชียงราย-ผู้นำท้องถิ่นเดินหน้าป้องกันน้ำท่วมอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเทิง กลายเป็นหนึ่งในแนวหน้าการเตรียมรับมือภัยพิบัติในฤดูฝนปีนี้ เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย หรือ “นายก นก” เดินหน้านำทีมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งจัดการสถานการณ์และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยและมีแนวโน้มสร้างฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ

เร่งมอบบิ๊กแบ็ค – เสริมแนวป้องกันชุมชนเวียงเทิง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 นายก นก พร้อมด้วยสมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขตอำเภอเทิง ได้แก่ นายอาทิตย์ รู้ทำนอง (เขต 1), นายสุชัด เสนคำ (เขต 2), นายประจวบ แก้วข้าว (เขต 3) และเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่บ้านตั้งข้าว หมู่ 2 และหมู่ 14 ตำบลเวียง เทศบาลตำบลเวียงเทิง เพื่อมอบกระสอบบิ๊กแบ็คแก่ประชาชน โดยมีนายเอนก ปัญทะยม นายอำเภอเทิง และนายสิงห์ทอง หนุนนำศิริสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเทิง เป็นตัวแทนรับมอบ

นายก นก เปิดเผยกับประชาชนว่า “อบจ.เชียงราย ตระหนักถึงความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะในฤดูฝนนี้ เรามุ่งเน้นการป้องกันเชิงรุก จึงได้เร่งมอบกระสอบบิ๊กแบ็ค เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมแนวป้องกันน้ำท่วม หวังว่าทุกครัวเรือนจะสามารถเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตได้อย่างทันท่วงที”

กระสอบบิ๊กแบ็คที่ได้รับการจัดสรรในครั้งนี้ จะถูกนำไปวางเป็นแนวป้องกันน้ำและเตรียมการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เสี่ยง ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกในระดับท้องถิ่น

ลุยสร้างทางเบี่ยง – รับมือปัญหาน้ำป่า “ลำน้ำหงาว”

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายก นก และคณะเดินทางต่อไปยังบ้านปางค่า หมู่ 8 ตำบลหงาว อำเภอเทิง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เพิ่งเผชิญกับน้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทางเบี่ยงขาดและชาวบ้านไม่สามารถสัญจรไปมาได้

อบจ.เชียงราย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักช่างเร่งนำเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการสร้างทางเบี่ยงชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง พร้อมสนับสนุนการวางกระสอบบิ๊กแบ็คบรรจุทรายตลอดแนวตลิ่งลำน้ำหงาว ป้องกันการพังทลายและลดผลกระทบในระยะยาวต่อเส้นทางการสัญจรและทรัพย์สินของประชาชน โดยคาดว่าทางเบี่ยงใหม่จะแล้วเสร็จภายใน 2 วันนี้

นอกจากนี้ ยังได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในอำเภอเทิง เพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินเต็มรูปแบบ

 “อบจ.เชียงราย” เดินหน้าทำงานเชิงรุก สร้างความมั่นใจชาวบ้าน

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างอบจ.เชียงราย ที่สามารถเคลื่อนตัวและตอบสนองต่อภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม หลายประเด็นสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารจัดการภัยพิบัติยุคใหม่ในระดับท้องถิ่น ได้แก่

  • การตอบสนองฉับไว: ทันทีที่มีรายงานผลกระทบ อบจ.เชียงรายสามารถจัดสรรและมอบกระสอบบิ๊กแบ็ค รวมถึงนำเครื่องจักรกลลงพื้นที่ทันที เป็นการสร้างความมั่นใจและลดความกังวลให้ประชาชนในยามวิกฤต
  • การเตรียมพร้อมล่วงหน้า: การมอบกระสอบบิ๊กแบ็คให้กับชุมชนเสี่ยงน้ำท่วม ช่วยให้ชาวบ้านมีเครื่องมือรับมือภัยธรรมชาติ ตั้งแต่ก่อนวิกฤตจะมาถึง เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลดความเสียหาย
  • การแก้ปัญหาที่ตรงจุด: การสร้างทางเบี่ยงชั่วคราวหลังน้ำป่าหลาก ช่วยให้การเดินทางของชาวบ้านไม่สะดุด และลดผลกระทบในชีวิตประจำวัน
  • การสื่อสารเชิงบวกและสร้างขวัญกำลังใจ: คำมั่นของ “นายก นก” ที่ประกาศต่อหน้าชาวบ้านว่า อบจ.จะไม่ทอดทิ้งประชาชน เป็นการเสริมสร้างความไว้วางใจและความสามัคคีในชุมชน
  • การบูรณาการทุกภาคส่วน: ความร่วมมือระหว่างอบจ., สมาชิกสภา, นายอำเภอ, เทศบาลตำบล สะท้อนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ข้อควรจับตาต่อไป

  • การซ่อมแซมถาวรในระยะยาวจำเป็นต้องวางแผนใช้งบประมาณและจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอ
  • ต้องประเมินและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยอื่น ๆ ทั่วจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
  • การเสริมสร้างความรู้และฝึกอบรมชุมชนให้พร้อมรับมือและช่วยเหลือตนเองในภาวะฉุกเฉิน จะทำให้เชียงรายสามารถรับมือภัยธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

วิเคราะห์สถานการณ์

การดำเนินงานของอบจ.เชียงรายในวันนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจจริงของผู้นำท้องถิ่นในการปกป้องและดูแลประชาชนในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน การมุ่งเน้นทำงานเชิงรุกและบูรณาการทุกฝ่ายถือเป็นต้นแบบสำคัญของการบริหารจัดการภัยพิบัติระดับจังหวัด ที่จะสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับประชาชนเชียงรายในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • เทศบาลตำบลเวียงเทิง
  • อำเภอเทิง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

พายุ “วิภา” จ่อเชียงราย! ผู้ว่าฯ นำทัพตรวจน้ำ มทบ.37 เตรียมพร้อมรับมือ 24 ชม.

เชียงรายเฝ้าระวังน้ำ “วิภา” ไม่ประมาท! ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่แม่น้ำกก-อิง ยันระดับน้ำลด – มทบ.37 เตรียมกำลังพลพร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง

เชียงราย, 18 กรกฎาคม 2568 – ติดตามสถานการณ์อย่างเข้มข้นรับมือพายุ “วิภา” ฝนหนักกลางเดือนกรกฎาคม จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักระลอกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 ที่สถานการณ์น้ำเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเชียงรายมีแม่น้ำสายหลักหลายสายไหลผ่านใจกลางเมือง และเคยประสบเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในอดีต

ในภาวะเสี่ยงนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จึงนำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและติดตามระดับน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำอิงด้วยตนเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ารัฐบาลจังหวัดไม่ประมาทและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ขณะที่ มณฑลทหารบกที่ 37 หรือ มทบ.37 ได้สั่งตรวจความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ สนับสนุนการบรรเทาสาธารณภัยตลอด 24 ชั่วโมง

แม่น้ำกก ระดับน้ำลดต่อเนื่อง สัญญาณบวกต่อเมืองเชียงราย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข พร้อมด้วยนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำกก บริเวณใต้สะพานขัวพญามังราย เขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของระบบเฝ้าระวังน้ำหลาก

จากการตรวจสอบพบว่า ระดับน้ำแม่น้ำกกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยที่สถานีสะพานพ่อขุนเม็งราย ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ระดับน้ำวัดได้ 4.72 เมตร (ณ เวลา 12.00 น.) ต่ำกว่าเกณฑ์วิกฤติที่ 5.50 เมตร ส่วนที่สถานีสะพานขัวพญามังราย (ชุมชนบ้านใหม่) ต.ริมกก วัดได้ 3.30 เมตร ต่ำกว่าเกณฑ์วิกฤติที่ 5.00 เมตร เช่นกัน

นายชรินทร์ ทองสุข เปิดเผยว่า “จังหวัดเชียงรายได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและมีการประชุมร่วมทุกวัน พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะริมแม่น้ำกกให้เฝ้าระวัง แต่ไม่ควรตื่นตระหนก และขอให้ติดตามข้อมูลจากทางราชการเป็นหลัก”

ด้านนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ระบุว่า ขณะนี้ได้เปิดบานประตูระบายน้ำทั้ง 11 บานเต็มที่ และใช้ระบบติดตามน้ำ 24 ชั่วโมง หากพบว่าน้ำจากต้นน้ำ (อำเภอแม่อาย) มีปริมาณมากขึ้น จะสามารถคำนวณเวลาและแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ทัน (ประมาณ 10–12 ชั่วโมงถึงตัวเมืองเชียงราย)

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการขุดลอกลำน้ำกกในจุดวิกฤติ เพื่อขจัดเนินทรายที่ขวางทางน้ำ ทำให้การไหลของน้ำในช่วงสะพานฮ่องอ้อถึงหาดเชียงรายคล่องตัวมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันน้ำท่วม

แม่น้ำอิง ระดับน้ำยังต่ำกว่าค่าวิกฤติ แต่คงเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายชรินทร์ ทองสุข พร้อมคณะ ได้ออกตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำอิง เขตอำเภอเทิง โดยลงพื้นที่สถานีเตือนภัยบ้านสันทรายงาม ตำบลสันทรายงาม อำเภอเทิง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เฝ้าระวังสำคัญ

จากการตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำอิง พบว่าอยู่ที่ 8.462 เมตร ซึ่งต่ำกว่าระดับวิกฤติ แต่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมมือกันเฝ้าระวัง พร้อมเตรียมความพร้อมอุปกรณ์และบุคลากรสำหรับให้ความช่วยเหลือทันทีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

มณฑลทหารบกที่ 37 ปลุกศักยภาพ “บรรเทาสาธารณภัย” เตรียมเคลื่อนกำลังภายใน 1 ชั่วโมง

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมทบ.37 ได้สั่งตรวจความพร้อมของชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย นำโดยพันเอก บุรฉัตร ภูนาเมือง หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 36 นาย จากหลายหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช กองร้อยทหารสารวัตร และแผนกยุทธโยธา พร้อมยานพาหนะปฏิบัติการ 5 คัน

การตรวจความพร้อมในครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าหากได้รับคำสั่ง หน่วยจะสามารถเคลื่อนย้ายกำลังพล ยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์ไปช่วยเหลือประชาชนได้ภายใน 1 ชั่วโมง พลตรี จักรวีร์ เน้นย้ำว่า “กำลังพลทุกนายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน พร้อมสนับสนุนการบูรณาการทำงานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด 24 ชั่วโมง”

เชียงราย “ไม่ประมาท” บูรณาการทุกภาคส่วน รับมือสถานการณ์น้ำ

เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความพร้อมและความเข้มแข็งของจังหวัดเชียงราย ในการบริหารจัดการภัยพิบัติและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้นอย่างรวดเร็ว
จุดแข็งที่เห็นได้ชัด ได้แก่

  • การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด: ผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเองและประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
  • การบริหารจัดการน้ำ: โครงการชลประทานใช้วิธีบริหารประตูระบายน้ำ ขุดลอกแม่น้ำ และใช้ระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์
  • การสื่อสารกับประชาชน: มีการแจ้งเตือนผ่านสื่อท้องถิ่น และเน้นย้ำให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกแต่ควรเตรียมพร้อม
  • ความพร้อมของหน่วยทหาร: มทบ.37 สามารถระดมกำลังเข้าช่วยเหลือภายในเวลา 1 ชั่วโมงหลังรับแจ้ง
  • การประสานงานทุกภาคส่วน: จากฝ่ายจังหวัด ชลประทาน ปภ. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จนถึงกองทัพ สะท้อนความเข้าใจในบทเรียนอดีต และมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการเยียวยา

ข้อควรจับตา:

  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยาก อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
  • พื้นที่เสี่ยงน้ำป่า ดินถล่ม และลุ่มต่ำริมแม่น้ำยังคงต้องเฝ้าระวัง
  • การนำข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนา “ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า” ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

บทเรียนจากอดีตคือการ “ไม่ประมาท” และการบูรณาการทุกภาคส่วนอย่างมีแผนงาน จะเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเชียงรายอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • โครงการชลประทานเชียงราย
  • ส่วนอุทกวิทยาที่ 2 เชียงราย สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 กรมทรัพยากรน้ำ
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ถึงที่! เชียงราย-พอ.สว. ลุย “ขุนตาล” เสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center”

บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ถึงที่! จังหวัดเชียงรายและ พอ.สว. ลุย “ขุนตาล” มอบบริการถึงบ้าน พร้อมเสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center”

เดินหน้าสู่ชุมชน สร้างสุขใกล้ตัว

เชียงราย, 17 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายยังคงยืนหยัดในนโยบาย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2568 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำทีมคณะทำงานเดินทางสู่บ้านทุ่งศรีเกิด หมู่ 3 ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จัดกิจกรรม “จังหวัดเคลื่อนที่” ควบคู่กับหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ครั้งที่ 18 ประจำปี 2568 เพื่อส่งมอบบริการภาครัฐถึงมือประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง พร้อมเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสใหม่

กิจกรรมในวันนี้ได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอขุนตาล คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กิ่งกาชาดอำเภอขุนตาล และหน่วยงานราชการต่างๆ ที่พร้อมใจตั้งบูธบริการแบบครบวงจร

บริการครบวงจรถึงบ้าน เพื่อคนทุกกลุ่ม

หัวใจของ “จังหวัดเคลื่อนที่” คือการนำบริการหลากหลายของภาครัฐสู่หน้าประตูบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่การเข้าถึงบริการพื้นฐานเป็นเรื่องท้าทาย

  • ด้านสุขภาพ: หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. นำทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุข ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ทันตกรรม ฉีดวัคซีน และให้คำปรึกษาสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่
  • เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง-ผู้สูงอายุ: คณะรองผู้ว่าฯ เชียงราย พร้อมนายแพทย์เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในบ้านหนองข่วง หมู่ 3 ตำบลยางฮอม จำนวน 5 ราย มอบกำลังใจและถุงยังชีพ สะท้อนถึงความห่วงใยต่อกลุ่มเปราะบาง
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย: มอบถุงยังชีพ 100 ชุดแก่ประชาชนในพื้นที่ และเปิดรับบริจาคดวงตา-อวัยวะ สร้างโอกาสแห่งชีวิตใหม่
  • ส่งเสริมอาชีพ: กรมประมงมอบพันธุ์ปลาให้แก่ผู้นำชุมชน เพื่อเสริมสร้างแหล่งอาหารโปรตีนและสนับสนุนการเลี้ยงชีพในพื้นที่

อบจ.เชียงราย เสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center” เคลื่อนที่

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทหลักในการบูรณาการพัฒนาท้องถิ่น โดยนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย พร้อมนายนิรันดร์ ไร่แดง สมาชิก อบจ.ขุนตาล เขต 1 ได้เข้าร่วมเปิดงานและร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด

ภายในงานมีการจัดตั้ง “Chiangrai Clinic Center เคลื่อนที่” เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ แก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ อบจ.เชียงราย ยังนำเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในอำเภอขุนตาลมาร่วมให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการรักษา ป้องกัน ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพ โดยเน้นกลุ่มเปราะบางและประชาชนในถิ่นทุรกันดาร

ความร่วมมือในวันนี้จึงเป็นภาพสะท้อนของการประสานงานระหว่างภาครัฐ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน และอาสาสมัครพอ.สว. ที่ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนเชียงราย

“จังหวัดเคลื่อนที่” โมเดลเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างแท้จริง

“หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการในพื้นที่ห่างไกลของเชียงราย ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่และมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ประเด็นสำคัญที่เด่นชัดจากกิจกรรมนี้ ได้แก่

  • ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ: การนำบริการของรัฐถึงบ้านโดยตรง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่เดินทางลำบาก ลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • บูรณาการความร่วมมือทุกระดับ: การทำงานร่วมกันของผู้ว่าราชการจังหวัด อำเภอ อบจ. รพ.สต. เหล่ากาชาด และภาคเอกชน แสดงถึงความพร้อมและความร่วมมือที่จริงจังของทุกภาคส่วน
  • เข้าถึงกลุ่มเปราะบางอย่างใกล้ชิด: การเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ สะท้อนความใส่ใจและการบริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
  • พลังของ อบจ.: การจัดตั้งศูนย์คลินิกเคลื่อนที่และเครือข่าย รพ.สต. มาร่วมให้บริการ สะท้อนถึงบทบาทนำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญ คือการผลักดันกิจกรรมให้มีความต่อเนื่อง มีทรัพยากรสนับสนุนเพียงพอ และติดตามผลลัพธ์ระยะยาวเพื่อปรับปรุงบริการให้ตอบโจทย์ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะและมุมมองอนาคต

ในอนาคต โครงการนี้ควรขยายขอบเขตบริการ เช่น การให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การส่งเสริมอาชีพใหม่ การดูแลสุขภาพจิต และสร้างศูนย์ข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐได้ง่ายขึ้น ทุกภาคส่วนควรร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ “รอยยิ้มและสุขภาพดี” ไม่ใช่เพียงแค่วันนี้ แต่กลายเป็นวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของคนเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • อำเภอขุนตาล
  • หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศูนย์จัดการน้ำส่วนหน้าลุย! เชียงรายผนึก สทนช. รับมือวิกฤตน้ำหลากแม่โขงเหนือ

เชียงราย–สทนช. เสริมแนวรับบริหารน้ำลุ่มน้ำโขงเหนือ ร่วมประชุมส่วนหน้าเตรียมพร้อมฤดูฝน เชื่อมโยงข้อมูล-ขับเคลื่อนนโยบาย ลดความเสี่ยงอุทกภัย

ศูนย์บริหารจัดการน้ำ “ส่วนหน้า” กับภารกิจฝ่าวิกฤตฤดูฝนลุ่มน้ำโขงเหนือ

เชียงราย, 15 กรกฎาคม 2568 – ท่ามกลางสภาพอากาศที่ผันผวนและภัยน้ำหลากที่มาเยือนทุกปี จังหวัดเชียงรายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ด้วยการผนึกกำลังกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำ (ส่วนหน้า) เพื่อติดตามสถานการณ์และวางมาตรการเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ โดยมีศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายและเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์กับส่วนกลาง ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แบบบูรณาการ

ประชุมเข้ม เตรียมพร้อมทุกมิติ บูรณาการข้อมูล-นโยบาย ป้องกันอุทกภัย

ภายใต้การนำของนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคณะทำงานส่วนหน้า พร้อมผู้แทนหน่วยงานท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์จังหวัด และผู้เชี่ยวชาญ สทนช. โดยมีนายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ร่วมถ่ายทอดนโยบายและติดตามปัญหาแบบเรียลไทม์

ในการประชุม ได้มีการทบทวนมติครั้งก่อน และรายงานสถานการณ์สำคัญจากทุกหน่วยงาน เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ที่อัปเดตข้อมูลฝนตกและคาดการณ์ล่วงหน้า ขณะที่ สทนช. รายงานสถานการณ์น้ำและคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก พร้อมกับหน่วยงานท้องถิ่นที่นำเสนอความคืบหน้าโครงการขุดลอกแม่น้ำและมาตรการรับฤดูฝน 2568

6 มาตรการเข้มข้น รับมือฤดูฝน 2568

  1. เฝ้าระวัง-เตรียมพร้อมพื้นที่เสี่ยง
    ทุกหน่วยงานต้องติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงวันที่ 15-16 และ 20-24 กรกฎาคม 2568 พร้อมปรับแผนการจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ให้ทันกับสถานการณ์
  2. ใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ขับเคลื่อน
    ใช้ข้อมูลปริมาณฝนแบบเรียลไทม์จากดาวเทียมและเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมทั้งระบบ EWS ของกรมทรัพยากรน้ำเพื่อประเมินและคาดการณ์น้ำหลาก
  3. สำรวจ-ติดตั้งสถานีโทรมาตรเพิ่ม
    สสน. ได้รับมอบหมายเร่งสำรวจและติดตั้งสถานีโทรมาตรในจุดเสี่ยงอุทกภัย และใช้ Mobile Mapping System (MMS) สำรวจภูมิประเทศลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อเก็บข้อมูลที่แม่นยำต่อการตัดสินใจ
  4. ตรวจสอบคุณภาพน้ำ-ผลผลิตการเกษตร
    กรมส่งเสริมการเกษตรต้องติดตามคุณภาพน้ำที่เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูก พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจเรื่องสารปนเปื้อนในข้าวและพืชผล
  5. เร่งสร้างพนังป้องกันน้ำสำคัญ
    ฝ่ายเลขานุการประสานการขอรับงบประมาณก่อสร้างพนังป้องกันน้ำที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 อ.แม่สาย เพื่อป้องกันน้ำหลากเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ
  6. ตรวจสอบน้ำหลากจากฝั่งเมียนมา
    GISTDA ติดตามข้อมูลความชื้นและสภาพน้ำต้นน้ำกกและต้นน้ำสายจากฝั่งเมียนมา เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มอุทกภัยข้ามพรมแดน

ขับเคลื่อนกลไกประจำสัปดาห์ เชื่อมโยงศูนย์-พื้นที่ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ที่ประชุมมีมติกำหนดประชุมประสานงานทุกวันอังคาร เวลา 13.00 น. จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้ข้อมูลและแผนปฏิบัติสอดรับกันในทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ช่วยให้มาตรการรับมืออุทกภัยมีความคล่องตัวและเป็นหนึ่งเดียวกัน

เชียงรายลุ่มน้ำโขงเหนือ – เมื่อการจัดการน้ำคือ “ภารกิจชีวิต”

การประชุมคณะทำงานส่วนหน้านี้ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปสู่การเตรียมพร้อมเชิงรุก ด้วยกลไกติดตาม วิเคราะห์ และสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ การนำเทคโนโลยีดาวเทียม เรดาร์ และ MMS มาเสริมการบริหารจัดการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา

  • การเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารจัดการน้ำเชิงรุก:
    ระบบประชุมและศูนย์ส่วนหน้า เป็นเครื่องมือสำคัญในยุคที่ความผันผวนของอากาศและความเสี่ยงน้ำหลากสูงขึ้นทุกปี
  • การผนวกข้อมูลวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี:
    การใช้ข้อมูลดาวเทียมและระบบเรดาร์ ช่วยให้การคาดการณ์น้ำท่วมและจัดสรรน้ำมีความแม่นยำมากขึ้น
  • การเชื่อมโยงคุณภาพน้ำกับผลผลิตการเกษตร:
    การติดตามสารปนเปื้อนในข้าวและพืชผล เป็นการขยายความรับผิดชอบสู่คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง
  • การทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน:
    จาก สทนช. ถึง กรมอุตุนิยมวิทยา กรมส่งเสริมการเกษตร สสน. กรมการทหารช่าง และ GISTDA การบูรณาการข้ามหน่วยงานและข้อมูลข้ามพรมแดนคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
  • ความท้าทาย:
    การประสานข้อมูลและมาตรการในทุกระดับ, การสื่อสารข้อมูลที่โปร่งใสกับประชาชน และการจัดการงบประมาณในโครงการระยะยาว เป็นโจทย์ที่เชียงรายและทุกหน่วยงานต้องเร่งขับเคลื่อนต่อเนื่อง

สรุป
เชียงรายในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำโขงเหนือ แสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ หากทุกฝ่ายผนึกกำลังและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มศักยภาพ เชื่อว่าการรับมือฤดูฝนและภัยน้ำท่วมในปีนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.)
  • กรมส่งเสริมการเกษตร
  • GISTDA
  • กรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

วช.ผนึก “เชียงราย-พะเยา” พลิกโฉมสิ่งแวดล้อมเหนือ จุดพลุ “อากาศสะอาด-น้ำมั่นคง” ด้วยวิจัย

วช. ผนึก “เชียงราย-พะเยา” พลิกโฉมสิ่งแวดล้อมเหนือ จุดพลุ “อากาศสะอาด-น้ำมั่นคง” ด้วยวิจัยและนวัตกรรม

ความร่วมมือข้ามจังหวัด จุดเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมภาคเหนือ

เชียงราย,วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 –  สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก้าวสำคัญด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและพะเยา ขยายขอบเขตความร่วมมือไปสู่ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายชัดเจน “อากาศสะอาด น้ำมั่นคง” ผ่านการประยุกต์ใช้งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้เป็นจริงในระดับพื้นที่ นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และความมั่นคงทางน้ำอย่างเป็นระบบ

พิธีลงนามครั้งประวัติศาสตร์ ขับเคลื่อนอนาคตไทย

งานลงนามจัดขึ้น ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีบุคคลสำคัญหลากหลายสาขาร่วมพิธี นำโดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อน ผู้อำนวยการ วช. นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายภูธนะ ชมภูมิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ตัวแทนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) อบจ.เชียงราย อบจ.พะเยา สภาเกษตรกร สภาลมหายใจ สภาวัฒนธรรม และหน่วยงานพันธมิตรจากสองจังหวัด ขานรับยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สู่ภารกิจจัดการฝุ่น PM2.5 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และจัดการน้ำใน 10 จังหวัดเสี่ยงภัยแล้งและน้ำท่วม ภายใต้แนวคิด “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทย เพื่ออากาศสะอาด น้ำมั่นคง”

พลังความร่วมมือหลากมิติ รัฐ-วิชาการ-ประชาชน

ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ สถาบันวิชาการ ภาคประชาชน และภาคีเครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนองค์ความรู้สู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ โดยผู้แทนจังหวัดเชียงรายและพะเยาได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของความร่วมมือแบบบูรณาการ “การจัดการฝุ่น PM2.5 และน้ำ ต้องใช้เครือข่ายและองค์ความรู้ทุกภาคส่วน มิใช่ภาครัฐเพียงลำพัง” นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าว

เชียงราย กลไกหลัก ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงระบบ

จังหวัดเชียงรายแสดงเจตจำนงชัดเจนในการรับบท “กลไกหลัก” สนับสนุนงานวิจัยให้สอดคล้องกับความต้องการจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นฝุ่น PM2.5 และการบริหารน้ำ ที่ต้องใช้ฐานข้อมูลและนวัตกรรมปรับใช้กับความหลากหลายของแต่ละชุมชน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ จะช่วยประสานความร่วมมืออย่างเป็นระบบ มีการติดตามผลที่ชัดเจน และขยายผลสู่จังหวัดอื่นในอนาคต

อบจ.เชียงราย ดัน “วิจัยสู่พื้นที่จริง” สร้างต้นแบบเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำแนวทาง “การทำงานเชิงพื้นที่” ผสานงานกับชุมชนและวิชาการเพื่อต่อยอดการจัดการฝุ่น PM2.5 และน้ำ โดยอบจ.เชียงรายผลักดันโครงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) เพื่อเป็นฐานข้อมูล แผนฟื้นฟู และเครือข่ายความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ

ขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ชุมชน Knowledge to Action

การเชื่อมโยงงานวิจัยของ วช. กับชุมชนท้องถิ่น ช่วยให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม “พร้อมใช้” ไปถึงพื้นที่เป้าหมายจริง ลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้และเครื่องมือที่ทันสมัย จังหวัดเชียงรายยังสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมเลือกพื้นที่ทดลองและขยายผล รวมถึงสนับสนุนการจัดตั้งระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ พัฒนาการจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยงไฟป่า และวางระบบบริหารจัดการน้ำให้ตอบโจทย์ “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ตามเป้าหมาย

ประชาชน-ท้องถิ่น คือฟันเฟืองสำคัญของความสำเร็จ

อบจ.เชียงรายเน้นย้ำบทบาทองค์กรปกครองท้องถิ่น และเครือข่ายประชาชน ว่าเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอน สร้างความยั่งยืนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมผลักดันกลไกประเมินผลและรายงานความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกโครงการเกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะยาว

วิทยาศาสตร์เปลี่ยนชีวิต จากห้องวิจัยสู่มือประชาชน

ความสำเร็จของ MOU ครั้งนี้ คือการพา “วิทยาศาสตร์” และ “นวัตกรรม” ลงจากห้องวิจัย สู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดในชีวิตประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการลดฝุ่น PM2.5 หรือการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนที่เหมาะสมกับบริบทแต่ละพื้นที่

จุดเด่นสำคัญของความร่วมมือ คือ

  • การจัดการปัญหาแบบเชื่อมโยงข้ามหน่วยงาน ข้ามจังหวัด
  • การนำองค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติที่วัดผลได้จริง
  • การดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
  • การวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว สร้างความยั่งยืนแท้จริง

จากนโยบายสู่ผลลัพธ์จับต้องได้

การดำเนินงานจะประสบผลสำเร็จได้ ต้องอาศัยการประเมินผลที่ต่อเนื่อง การจัดสรรทรัพยากรและบุคลากรที่เหมาะสม และการส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทนำในพื้นที่ ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างรัฐ วิชาการ และประชาชน คือกุญแจไปสู่ “อากาศสะอาด น้ำมั่นคง” ที่แท้จริงสำหรับชาวเชียงรายและพะเยา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สภาเกษตรกร, สภาลมหายใจ, สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายและพะเยา
  • รายงานพิธีลงนาม MOU 15 กรกฎาคม 2568
  • ข้อมูลจากผู้แทนและผู้อำนวยการ วช.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายลุยติดตั้ง “เสาเตือนภัยอัจฉริยะ” ยกระดับความปลอดภัย สร้างศูนย์จัดการภัยแบบเบ็ดเสร็จ

อบจ.เชียงรายลุยติดตั้ง “เสาเตือนภัยอัจฉริยะ” ยกระดับความปลอดภัย สร้างศูนย์จัดการภัยแบบเบ็ดเสร็จ ตอบโจทย์เชียงรายปลอดภัย

เชียงรายเดินหน้าสู่เมืองปลอดภัย รับมืออุทกภัยด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

เชียงราย,วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 –  จังหวัดเชียงรายยกระดับมาตรการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยเฉพาะอุทกภัยที่เกิดซ้ำซากทุกปี ด้วยการนำร่องติดตั้ง “เสาเตือนภัยอัจฉริยะ” ในพื้นที่เสี่ยง พร้อมเร่งจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและลดความสูญเสียจากภัยธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรม

ลงพื้นที่จริงประเมินจุดติดตั้งครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง

เวลา 13.30 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ร่วมทีมบุคลากรสำนักช่างและทีมวิจัย ลงพื้นที่สำรวจจุดติดตั้งเสาเตือนภัยอัจฉริยะในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย หนึ่งในพื้นที่ที่เคยเผชิญกับน้ำท่วมบ่อยครั้ง เป้าหมายเพื่อประเมินจุดเสี่ยงและวางแผนติดตั้งระบบเตือนภัยให้ครอบคลุมพื้นที่วิกฤตมากที่สุด

เทคโนโลยีอัจฉริยะเสริมเขี้ยวเล็บการจัดการภัยพิบัติ

โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ อบจ.เชียงราย ที่เลือกนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเป็นเครื่องมือหลักในการรับมือและบรรเทาสาธารณภัย โดยเสาเตือนภัยอัจฉริยะจะทำหน้าที่แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วมและภัยธรรมชาติแบบเรียลไทม์ สามารถวัดระดับน้ำ ส่งสัญญาณเตือนและถ่ายทอดข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมกลางและประชาชนในพื้นที่ผ่านหลายช่องทาง เช่น เสียง ไฟไซเรน และข้อความแจ้งเตือนออนไลน์ เพื่อให้สามารถเตรียมรับมือและอพยพได้อย่างทันท่วงที

จัดตั้งศูนย์ PDOSS ศูนย์กลางข้อมูลและแผนฟื้นฟูครบวงจร

หัวใจของโครงการนี้ คือการจัดตั้ง “ศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ” (PDOSS) เพื่อเป็นศูนย์กลางบูรณาการข้อมูล รับ-ส่ง-วิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ ทั้งการรับมือ ป้องกัน และฟื้นฟูผลกระทบหลังเกิดภัยพิบัติ ศูนย์นี้จะช่วยเชื่อมโยงการทำงานทุกหน่วยงาน ให้ประสานงานอย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอนซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากร และตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

เป้าหมายและผลลัพธ์ที่วางไว้

  • เพิ่มศักยภาพตอบสนองเหตุฉุกเฉินของหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น
  • นำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ลดความเสียหายชีวิตและทรัพย์สิน
  • เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
  • สะสมข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปสู่การวางแผนฟื้นฟูและป้องกันภัยพิบัติระยะยาวอย่างยั่งยืน

ต้นแบบเมืองปลอดภัยในยุคภัยธรรมชาติถี่

จังหวัดเชียงรายถือเป็นพื้นที่ตัวอย่างของการปรับตัวสู่ “เมืองปลอดภัย” ด้วยการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและการใช้เทคโนโลยีเสริมแกร่งการป้องกันภัยพิบัติ ภูมิประเทศที่มีแม่น้ำหลายสายและพื้นที่ภูเขาทำให้มีความเสี่ยงเกิดอุทกภัยซ้ำซาก การติดตั้งเสาเตือนภัยอัจฉริยะช่วยให้ชุมชนมีเวลารับมือ เตรียมอพยพ หรือเคลื่อนย้ายทรัพย์สินได้ก่อนเหตุการณ์รุนแรง

ศูนย์ PDOSS ยังช่วยสร้างเครือข่ายข้อมูลเชื่อมต่อทุกภาคส่วน ทั้งการแจ้งเตือน การเก็บสถิติภัยพิบัติ และการฝึกซ้อมอพยพให้กับประชาชน ช่วยลดความสูญเสียและสร้างมาตรฐานใหม่ในการรับมือภัยพิบัติในอนาคต

ความท้าทายและสิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อ

ความสำเร็จของโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาระบบเตือนภัยให้พร้อมใช้งานเสมอ การฝึกซ้อมการอพยพและถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนในพื้นที่ และการสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใสและเข้าใจง่ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบ

อบจ.เชียงรายกำลังปูทางให้จังหวัดก้าวสู่ต้นแบบการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ด้วยการผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับภูมิปัญญาชุมชน เชื่อมโยงภาครัฐกับประชาชนเข้าด้วยกัน พร้อมเป้าหมายสูงสุด “เชียงรายปลอดภัย” ท่ามกลางโลกที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย
  • รายงานพิเศษภัยพิบัติและเทคโนโลยีเตือนภัย, 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พลเอก ณัฐพล ตรวจเชียงราย! แนวกันน้ำแม่สายคืบ 93% พร้อมรับมือฝน

เชียงรายรับมือภัยพิบัติ! รัฐเร่งเดินหน้าแนวป้องกันน้ำหลากแม่สาย-แม่น้ำกก

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ติดตามการดำเนินงานโครงการป้องกันและลดผลกระทบจากดินโคลนถล่มและน้ำหลาก โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย ซึ่งประสบอุทกภัยใหญ่ในปี 2567

ประชาชนในพื้นที่ชุมชนถ้ำผาจม, บ้านไม้ลุงขน และเกาะลอย ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ทหารที่เร่งสร้างแนวป้องกันแบบกึ่งถาวร เพื่อรองรับฤดูฝนปีนี้

แนวกันน้ำกึ่งถาวรแม่สาย คืบหน้าแล้ว 93.63%

พลเอก ณัฐพล ได้ตรวจสอบความคืบหน้าโครงการเสริมพนังป้องกันน้ำหลากบริเวณแม่น้ำสาย ระยะทางกว่า 2.3 กิโลเมตร ครอบคลุม 6 ชุมชน เขตแม่สาย โดยใช้โครงสร้างแบบผสมผสานระหว่างแนวกันน้ำเดิมและวัสดุก่อสร้างเสริมแรง

โครงการดังกล่าวคืบหน้าแล้วกว่า 93% และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์กลางเดือนกรกฎาคมนี้

ขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย เดินหน้าเต็มกำลัง 32 กิโลเมตร

อีกภารกิจหลักของกองทัพคือการขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย ตั้งแต่บ้านสบสาย ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงบ้านวังลาว ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน รวมระยะทางกว่า 32 กิโลเมตร

แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ช่วง ได้แก่

  • กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบช่วงต้นทาง 14 กิโลเมตร
  • กรมการทหารช่างรับผิดชอบอีก 18 กิโลเมตร

ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วกว่า 81.67% คาดว่าจะเสร็จภายในวันที่ 21 กรกฎาคม

ตรวจแม่น้ำกก ชื่นชมความสำเร็จขุดลอกแล้วเสร็จ 100%

จากแม่สาย พลเอก ณัฐพล เดินทางต่อไปยังหาดเชียงราย อำเภอเมือง เพื่อตรวจโครงการขุดลอกแม่น้ำกก ซึ่งมีเป้าหมายลดความเสี่ยงน้ำท่วมและส่งเสริมภูมิทัศน์ท่องเที่ยว

งานขุดลอกดำเนินการแล้วเสร็จครบ 4 จุด รวมปริมาณดินขุดกว่า 189,108 ลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณกว่า 12.1 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 55 วัน

ห่วงพื้นที่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ยังไม่ได้รับการจัดการ

แม้แม่น้ำกกจะขุดลอกแล้วเสร็จ แต่รัฐมนตรีช่วยฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับจุดต้นน้ำและปลายน้ำที่ยังไม่มีการดำเนินการ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในภาพรวม

จึงได้สั่งการให้ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและกระทรวงคมนาคม เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานในจุดที่ยังขาดการพัฒนา

รัฐเดินหน้าเตรียมรับมือฝนเดือนกันยายน

พลเอก ณัฐพล เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเตรียมแผนรับมือฤดูฝน โดยเฉพาะเดือนกันยายนซึ่งคาดว่าอาจมีฝนตกหนักอีกครั้ง โดยร่วมมือระหว่างมณฑลทหารบกที่ 37 กับจังหวัดเชียงราย เพื่อบริหารจัดการและเตรียมแผนเผชิญเหตุอย่างมีระบบ

ยุทธศาสตร์เชิงรุกสู้ภัยธรรมชาติ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจงาน แต่เป็นสัญญาณสำคัญของรัฐบาลต่อการบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

  1. ยกระดับมาตรการฉุกเฉินสู่โครงการระยะยาว

โครงการแนวกันน้ำแบบกึ่งถาวรถือเป็นระยะเร่งด่วน ในขณะที่แนวกันน้ำถาวรจะเริ่มก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2572 เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว

  1. บูรณาการภาครัฐ-ท้องถิ่น-ทหาร

การทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพ, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35, กรมการทหารช่าง และจังหวัดเชียงราย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้น และประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ความพร้อมของแผนสำรอง

แม้จะมีแผนหลักครบถ้วน แต่รัฐยังต้องวางแผนสำรอง และมีระบบเตือนภัยที่ทันสมัย เพื่อรับมือภัยธรรมชาติที่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ความมั่นใจของประชาชนขึ้นอยู่กับ “การลงมือทำ”

การลงพื้นที่ของ พลเอก ณัฐพล ไม่เพียงแต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของภาครัฐ ที่ต้องการให้ทุกโครงการเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ด้วยความคืบหน้าที่ชัดเจนของแต่ละโครงการ ชาวเชียงรายจึงเริ่มรู้สึกมั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นฤดูฝนปีนี้ไปได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงกลาโหม
  • กรมการทหารช่าง
  • กองทัพภาคที่ 3
  • หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กระทรวงคมนาคม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายลุย! โครงการ “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย” สกัดพิษสุนัขบ้าถวายพระปณิธาน

เชียงรายลุย! ปศุสัตว์เดินหน้า “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย” ตามพระปณิธานกรมพระศรีสวางควัฒนฯ สกัดพิษสุนัขบ้าให้หมดสิ้น

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย ร่วมเทิดพระเกียรติฯ พร้อมลงมือแก้ไขปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืน เดินหน้าเต็มกำลังในการขับเคลื่อนโครงการ “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า” เพื่อน้อมถวายพระปณิธานของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงห่วงใยสุขภาพของประชาชนและสัตว์เลี้ยง และทรงมีพระประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะขจัด “โรคพิษสุนัขบ้า” ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย

พิธีเปิดโครงการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ หอประชุมเทศบาลตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม

โรคพิษสุนัขบ้าภัยเงียบที่ยังคร่าชีวิตได้ หากละเลย

แม้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าลงได้มาก แต่ “โรคกลัวน้ำ” นี้ยังคงเป็นภัยเงียบที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์และสัตว์ได้อย่างรุนแรง และยังคงมีการแพร่ระบาดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ชนบทที่สัตว์เลี้ยงยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง

ด้วยพระเมตตาและวิสัยทัศน์ของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ที่ทรงเน้นการป้องกันโรคก่อนเกิดภัย ภาครัฐจึงได้น้อมนำพระปณิธานมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ปศุสัตว์เชียงรายเคลื่อนทัพบริการเชิงรุกถึงชุมชน

นำโดย นายอนุสรณ์ รัฐอนันต์พินิจ ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจิตอาสา ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนแบบเชิงรุก ครอบคลุมกิจกรรมสำคัญ 3 ด้าน:

  1. บริการผ่าตัดทำหมันสัตว์เลี้ยง

เพื่อลดปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัขและแมวจรจัด ซึ่งเป็นพาหะสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า การทำหมันยังช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดี และลดพฤติกรรมเสี่ยงในช่วงฤดูผสมพันธุ์

  1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

การฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุมให้กับสุนัขและแมวในชุมชน ถือเป็นหัวใจของโครงการ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่ยังพบการระบาดของโรค การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะเป็นเกราะป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพที่สุด

  1. ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

เจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้เรื่องอาการของโรค กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อถูกสัตว์กัดหรือสัมผัสสัตว์ต้องสงสัย เพื่อส่งเสริมความรู้ที่ถูกต้องและยกระดับความตระหนักของสังคม

ชาวบ้านแห่ร่วมงานแน่น หวังให้สัตว์เลี้ยงได้รับวัคซีนครบ

ในวันเปิดโครงการ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ชาวบ้านจากหลายตำบลได้นำสุนัขและแมวมารับบริการฉีดวัคซีนและทำหมันอย่างต่อเนื่อง การตอบรับที่ดีแสดงถึงความพร้อมของประชาชนในการเป็นส่วนหนึ่งของการขจัดโรคนี้ให้หมดไปจากชุมชน

เป้าหมายใหญ่ของโครงการ”สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย” อย่างยั่งยืน

ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์แห่งชาติและพระปณิธานของพระองค์ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อทำให้ ประเทศไทยปลอดโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถาวร ภายในระยะเวลาอันใกล้ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริง ดังนี้:

  • ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ: ไม่ปล่อยปละละเลยหรือปล่อยสัตว์ออกนอกบ้านโดยไม่มีการดูแล
  • สร้างความรู้ในการเฝ้าระวัง: ชี้แจงสัญญาณของโรค วิธีปฏิบัติเมื่อพบสัตว์ป่วย หรือเมื่อถูกกัด
  • ขยายจุดบริการครอบคลุมทุกหมู่บ้าน: ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนและทำหมันได้ง่ายขึ้น
  • ลดจำนวนสัตว์จรจัด: เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในที่สาธารณะ เช่น ตลาด วัด โรงเรียน

ปัจจัยสำเร็จของการแก้ไขปัญหา

จากการลงพื้นที่และติดตามการดำเนินงานพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการนี้มีแนวโน้มประสบผลสำเร็จ ได้แก่:

  • การนำพระปณิธานมาสู่แผนปฏิบัติที่ชัดเจน: การเชื่อมโยงพระราชปณิธานกับแผนงานที่วัดผลได้
  • การบูรณาการหน่วยงานแบบไร้รอยต่อ: การทำงานร่วมกันของสำนักงานปศุสัตว์ องค์กรปกครองท้องถิ่น หน่วยสาธารณสุข และภาคประชาชน
  • การสื่อสารที่เข้าถึงง่าย: การใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายในการรณรงค์ และการเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน
  • การสร้างแรงจูงใจในชุมชน: เช่น การแจกของรางวัลเล็กน้อย หรือประกาศเกียรติคุณแก่ชุมชนปลอดโรค

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายขยายผลสู่ระดับประเทศ

เพื่อให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทยอย่างแท้จริง ข้อเสนอที่ควรพิจารณา ได้แก่:

  • ขยายการจัดโครงการ “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย” ครอบคลุมทุกอำเภอ
  • เพิ่มงบประมาณสนับสนุนวัคซีนคุณภาพสูง
  • พัฒนาแอปพลิเคชันลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงระดับชาติ
  • สนับสนุนการศึกษาวิจัยวัคซีนสายพันธุ์ใหม่ที่ตอบสนองไวรัสกลายพันธุ์
  • จัดให้มีวัน “สัตว์ปลอดโรคแห่งชาติ” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระดับชาติ

 

เมื่อพระปณิธานกลายเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อชีวิตที่ปลอดภัย

โครงการ “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า” ไม่เพียงเป็นการเทิดพระเกียรติพระราชวงศ์ หากแต่เป็นการส่งต่อความห่วงใยสู่ประชาชนในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง เชียงรายอาจเป็นเพียงจังหวัดหนึ่ง แต่กำลังแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศเริ่มต้นได้จากการร่วมมืออย่างจริงจังในระดับชุมชน

หากทุกจังหวัดนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ ร่วมกับการขับเคลื่อนจากภาครัฐ ประชาชน และภาคส่วนต่างๆ เชื่อได้ว่า “โรคพิษสุนัขบ้า” ที่เคยเป็นฝันร้ายของคนไทยมาหลายทศวรรษ จะหมดไปจากแผ่นดินไทยได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ข่าวประชาสัมพันธ์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า
  • สำนักงานควบคุมโรคติดต่อ กรมปศุสัตว์
  • รายงานการประชุมขับเคลื่อนพระปณิธานฯ ปี 2567
  • ข้อมูลโรคพิษสุนัขบ้า จากองค์การอนามัยโลก (WHO)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สัญญาณอันตรายจากแม่กก สารหนูปนเปื้อน! รัฐ-ชุมชนผนึกกำลังกอบกู้สายน้ำ

เฝ้าระวังแม่กก” รัฐลุยแก้มลพิษน้ำ โลหะหนักเกินมาตรฐาน กระตุ้นชุมชนมีส่วนร่วม

สัญญาณอันตรายจากสายน้ำแม่กก จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการเชิงรุก

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – สายน้ำแม่กก ซึ่งเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเชียงราย กำลังเผชิญกับภัยคุกคามเชิงสิ่งแวดล้อม เมื่อสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ตรวจพบสารโลหะหนักบางชนิดในแม่น้ำกกเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะสารหนู (Arsenic) ที่อาจสะสมในระบบนิเวศและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

ด้วยความตระหนักถึงอันตรายที่อาจตามมา สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ จึงจัดกิจกรรม “ออกหน่วยเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน” ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำ วิเคราะห์สารปนเปื้อน และสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้อง

จากความวิตกของประชาชน สู่การขับเคลื่อนโดยหน่วยงานรัฐ

การตรวจพบค่าปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก ไม่เพียงแต่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงหน่วยงานรัฐ หากแต่ยังสร้างความวิตกกังวลในวงกว้างของชาวบ้านที่อาศัยและพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำสายนี้โดยตรง

โดยมี นายสุรศักดิ์ วณิชอนุกูล ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย และ นางสาวปิยนุช ทรวงคำ ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำ อากาศและเสียง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำ วิเคราะห์ผลแบบทันที และให้ความรู้กับประชาชน

ปฏิบัติการ 7 ครั้ง 5 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำจากต้นทาง

กิจกรรมจะจัดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง ครอบคลุม 5 อำเภอหลักของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง ดอยหลวง และแม่จัน

ภารกิจหลักคือการเก็บตัวอย่างน้ำจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำบริโภค น้ำประปา หรือน้ำในแม่น้ำสาขา เพื่อวิเคราะห์ค่ามาตรฐานในระดับทันที ณ จุดตรวจสอบ ซึ่งช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความผิดปกติได้รวดเร็วและตรงจุด

ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่แม่น้ำกกยังคงต้องได้รับการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจพบสารโลหะหนักที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพและระบบนิเวศโดยรวม

ไม่ใช่แค่ตรวจน้ำ แต่สร้างความรู้ สื่อสาร และฟังเสียงชุมชน

ในกิจกรรมยังมีการจัดนิทรรศการ สื่อความรู้ และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหา และตระหนักรู้ถึงอันตรายของสารปนเปื้อน พร้อมเรียนรู้วิธีการเฝ้าระวังในระดับชุมชน

เป้าหมายหลักคือการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และรู้จักการสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในชุมชนของตน รวมถึงรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การมีส่วนร่วมของประชาชน คือกุญแจสำคัญในการสร้างระบบเฝ้าระวังที่ยั่งยืน เพราะชุมชนที่ตื่นรู้และพร้อมมีส่วนร่วม จะช่วยลดช่องว่างระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น

แผนป้องกันระยะยาว ระบบเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 ยังมีแผนต่อเนื่องในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำแบบเชิงพื้นที่ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ชุมชน และภาควิชาการ เพื่อป้องกันปัญหามลพิษจากต้นทาง

นอกจากนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์จะถูกรวบรวมเพื่อใช้ประกอบการวางแผนและกำหนดมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริง สำนักงานสิ่งแวดล้อมยืนยันว่าจะดำเนินการประเมินและสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

บทเรียนจากแม่กก จากวิกฤติสู่โอกาสของการพัฒนา

แม่น้ำกกในวันนี้อาจกำลังเผชิญกับภาวะปนเปื้อน แต่ปฏิบัติการเชิงรุกของหน่วยงานรัฐในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากรากฐาน

หากชุมชนสามารถยืนหยัดและร่วมมือกับภาครัฐอย่างเข้มแข็ง ปัญหานี้จะไม่เพียงแต่ได้รับการแก้ไขเฉพาะหน้า แต่จะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

เชียงรายในอนาคตอาจไม่ใช่เพียงเมืองที่ลุ่มน้ำแม่กกหล่อเลี้ยงชีวิต แต่จะกลายเป็นต้นแบบของการปกป้องแม่น้ำด้วยพลังของประชาชนและความรู้ที่เข้าถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์และสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว
  • รายงานวิเคราะห์คุณภาพน้ำประจำเดือนกรกฎาคม 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News