Categories
NEWS UPDATE

สนามบินเชียงราย สนับสนุนนักท่องเที่ยว โหลดผลไม้ใต้ท้องเครื่องบินได้ 10 กิโลกรัม

 
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2556 เวลา 14.00 น. นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย แถลงข่าวประชาสัมพันธ์โครงการ ” ทชร.ร่วมใจช่วยเหลือเกษตรกร จำหน่ายผลไม้ให้ผู้โดยสาร” ซึ่งเป็นการสานต่อโครงการช่วยเหลือเกษตรกรจำหน่ายผลผลิตผลไม้ให้ผู้โดยสาร สายการบิน ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ตามที่ กระทรวงพาณิชย์ 
 
โดยกรมการค้าภายใน ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ท่าอากาศยาน ภายใต้สังกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนพื้นที่ให้บริการกล่องบรรจุผลไม้จากกรมการค้าภายใน ขนาดบรรจุ 10 กิโลกรัม เพื่อให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวนำไปบรรจุผลไม้เพื่อนำส่งหรือโหลดผลไม้ใต้ท้องเครื่องบินโดยสารได้ และสายการบินพาณิชย์ในประเทศสนับสนุนมาตรการความร่วมมือโหลดผลไม้ใต้ท้องเครื่องบินโดยสารโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในปริมาณ 10 กิโลกรัมต่อผู้โดยสาร 1 คน เพื่อช่วยระบายผลผลิตผลไม้จากแหล่งผลิตในพื้นที่ไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพและรวดเร็วที่สุด อันจะส่งผลให้ราคาผลไม้ในประเทศมีเสถียรภาพและส่งผลดีต่อเกษตรกรภายในจังหวัดเชียงรายโดยตรง
 
 
โครงการฯ นี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย พาณิชย์จังหวัดเชียงราย / สหกรณ์จังหวัดเชียงราย / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / หอการค้าจังหวัดเชียงราย / ผู้ใหญ่บ้านชุมชนโดยรอบท่าอากาศยาน รวมถึงสายการบินพาณิชย์ที่ให้บริการ ณ ทชร. ได้แก่ สายการบินไทยสมายล์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และ สายการบินนกแอร์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในจังหวัดเชียงรายให้มีช่องทางจำหน่ายผลไม้เพิ่มขึ้นโดยสามารถกระจายไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยผ่านการ ” ขนส่งสินค้าทางอากาศ ณ ทชร.” และเพื่อเป็นการกระจายผลผลิตผลไม้ของเกษตรกร ทชร. ได้จัดจุดจำหน่ายผลไม้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้โดยสาร ณ บริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ประตู 1 ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 มิถุนายน 2566 เวลา 08.00 ถึง 17.00 น.
 
 
ซึ่งโครงการๆ นี้ถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีช่องทางจำหน่ายผลไม้ตามฤดูกาลและช่วยระบายผลผลิตสู่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น อันจะส่งผลต่อภาพรวมด้านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และเป็นการส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางอากาศของ ทชร. โดย นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ที่มีความมุ่งมั่นให้ ทชร. เป็น “ ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ “
 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

รัฐมนตรีเกษตร’ เปิดงาน 121 ปีกรมชลประทาน ก้าวสู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่

 

 ดร.เฉลิมชัยศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “121 ปี  กรมชลประทานสู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมชลประทานครบรอบปีที่ 121 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 โดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทองผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายธนาชีรวินิจเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสมเกียรติกอไพศาลประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสำเริงแสงภู่วงศ์คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแบะสหกรณ์นายประยูรอินสกุลปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายประพิศจันทร์มาอธิบดีกรมชลประทานผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมชลประทานเข้าร่วมณอาคาร 99 ปีหม่อมหลวงชูชาติกำภูกรมชลประทานถนนสามเสนกรุงเทพฯ 

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ากรมชลประทานเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรมีภารกิจด้านการจัดหาแหล่งน้ำการพัฒนาแหล่งน้ำตลอดจนการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอในทุกภาคส่วนจึงได้เน้นย้ำเรื่องการเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องร่วมมือกันดำเนินการรวมทั้งต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนใช้น้ำให้เกิดคุณค่ามากที่สุดพี่น้องเกษตรกรและประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและเป็นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ประเทศนอกจากนี้ยังมีโครงการที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อเพิ่มต้นทุนน้ำในอนาคตเป็นการเตรียมความพร้อมลดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฝนทิ้งช่วงและขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

          “จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้วขอยืนยันว่ากรมชลประทานได้เตรียมแผนจัดสรรน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศน์ไว้เพียงพอส่วนน้ำภาคการเกษตรขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกรให้ช่วยกันรักษาและใช้น้ำอย่างมีคุณค่ามากที่สุดทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่กรมชลประทานทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนและประเทศชาติและก้าวสู่ปีที่ 122 อย่างมั่นคง” รมว.เกษตรฯกล่าว 

          โอกาสนี้รมว.เกษตรฯเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณรางวัลข้าราชการพลเรือนและลูกจ้างประจำดีเด่นประจำปีพ.. 2565 รางวัลการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา/โครงการชลประทานและฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาประจำปีพ.. 2566 และรางวัลนวัตกรรมดีเด่นพร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์

          ด้านนายประพิศจันทร์มาอธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่ากรมชลประทานก้าวสู่ทศวรรษที่ 13 ยังคงยืนหยัดและยึดมั่นในการดําเนินงานตามภารกิจสร้างความมั่นคงด้านน้ําเพื่อความมั่งคั่งของผลผลิตทางการเกษตรและเพื่อความยั่งยืนของพี่น้องเกษตรและประชาชนตามภารกิจหลักภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี (..2561-2580) โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ได้กว่า 49.5 ล้านไร่เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ประมาณ 93,655 ล้านลูกบาศก์เมตรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำโดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติจากน้ำรวมไปถึงมุ่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำ Water Security เพิ่มคุณค่าการบริการก้าวสู่องค์กรอัจฉริยะภายในปี 2580 ตาม Road Map การดำเนินงานทั้ง 4 เฟสเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้แก่

          เฟส 1 (2561-2565) “เสริมพลังใหม่สู่การปรับเปลี่ยน” มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ขนาดกลางขนาดเล็กและโครงการพระราชดำริที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จหลายโครงการกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้รวม 1,292.50 ล้านลูกบาศก์เมตรและเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 1.94 ล้านไร่

          เฟส 2 (2566-2570) “สร้างภาคีเครือข่ายและความร่วมมือ” มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการควบคุมและบริหารน้ำระบบอัจฉริยะก่อสร้างระบบชลประทานด้วยนวัตกรรมชั้นสูงสร้างระบบเครือข่ายที่เข้มแข็ง

          เฟส 3 (2571-2575) “ปฏิรูปรูปแบบกระบวนงาน” Smart Water Operation Center

          และเฟส 4 (2576-2580) “มุ่งสู่องค์กรอัจฉริยะ” พัฒนาแหล่งน้ำชลประทานครอบคลุมทุกลุ่มน้ำระบบชลประทานครบสมบูรณ์        

          สำหรับในปีนี้กรมชลประทานได้จัดนิทรรศการ 2 รูปแบบได้แก่ 1. นิทรรศการออนไลน์ “สู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่ 121 ปีกรมชลประทาน” เป็นนิทรรศการเสมือนจริงแบบ 3 มิติแสดงประวัติความเป็นมางานด้านชลประทานผลงานตามภารกิจของกรมชลประทานตลอดจนทิศทางการขับเคลื่อนงานสู่เฟส 2 สามารถรับชมผ่านทางเว็บไซต์กรมชลประทาน www.121exhibition.rid.go.th ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไปและ 2. นิทรรศการ On ground “กรมชลประทาน 6 รัชกาลงานของแผ่นดิน” พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจอาทิการเสวนาพิเศษโดยดร.อั๋นภูวนาทคุนผลินกับหัวข้อ “ปลุกพลัง RID TEAM สร้างความสำเร็จสู่อนาคตใหม่” ตลอดจนกิจกรรม “มอบทุนต้นกล้าเกษตรคืนถิ่นเพื่อความยั่งยืน” ให้แก่บุตรเกษตรกรที่ผ่านการคัดเลือกให้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีณวิทยาลัยการชลประทานกิจกรรมร่วมบริจาคโลหิตให้สภากาชาดไทยและกิจกรรมแจกกล้าไม้อาทิสักทองพะยูงยางนาตะเคียนทองรวม 520 กล้ารวมไปถึงการจัดจำหน่ายผลผลิตทางเกษตรจากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภายใต้แผนพัฒนาอาชีพและแผนป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณด้านหลังอาคาร 99 ปีหม่อมหลวงชูชาติกำภูกรมชลประทานถนนามเสนกรุงเทพฯ 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ต่างชาติเตรียมลงทุนกับไทย 1.9 พันล้านบาท ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

 

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความสำเร็จของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย จากการเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 76 (Cannes Film Festival 2023) โดยผู้ประกอบการไทย จำนวน 10 บริษัท ได้รับการตอบรับอย่างดี สร้างมูลค่าเจรจาทางการค้าได้ถึง 1,986 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าเป็นโอกาสส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยในเวทีนานาชาติให้ก้าวหน้าต่อเนื่อง

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 76  สาธารณรัฐฝรั่งเศส จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 – 27 พฤษภาคม 2566 โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการไทยจำนวน 10 บริษัท ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมภายในงานแสดงสินค้า Marché du Film ในช่วงเทศกาลภาพยนตร์ฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ตลาดซื้อขายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 14,000 ราย จาก 120 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทด้านผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน (Film Production & Distribution) จำนวน 8 บริษัท และกลุ่มบริษัทด้านบริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ (Production & Post Production Services) รวมทั้งหน่วยงานของไทยยังได้นำคณะร่วมออกคูหานิทรรศการประเทศไทย (Thai Pavilion) ภายใต้แนวคิด “Filming in Thailand : All your Film Could Ever Need” ภายใน International Village เพื่อเชิญชวนคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย (Thai Pavilion) ภายใต้แนวคิด “Filming in Thailand : All your Film Could Ever Need” ภายใน International Village เพื่อเชิญชวนคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย 

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยผลเจรจาการค้าของไทยว่า มีนักลงทุน ผู้สร้าง และผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยทั้ง 10 บริษัท รวม 271 นัดหมาย สร้างมูลค่าเจรจาการค้าได้ 1,986 ล้านบาท ซึ่งมีผลการเจรจาการค้าที่สำคัญ เช่น การเจรจาการค้ากับบริษัทจากประเทศโปแลนด์ เวียดนาม และจีน ซึ่งสนใจซื้อภาพยนตร์ไทยจำนวนกว่า 20 เรื่อง เพื่อนำไปลงแพลตฟอร์มและฉายในโรงภาพยนตร์ รวมไปถึงเจรจาการค้ากับบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย ที่ต้องการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเร็ว  นี้ ภายใต้มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย (Thailand Film Incentive Measures) ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบแก่กองถ่ายต่างประเทศสอดคล้องกับข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากทั่วโลกที่เลือกใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำถึง 3,600 เรื่อง สร้างรายได้กว่า 700 ล้านยูโร ซึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม เช่น Extraction, Fast & Furious 9, The Bodin in the Land of Smile และ The Greatest Beer Run Ever 

 

นายกรัฐมนตรียินดีกับความสำเร็จของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ สามารถแสดงศักยภาพ ภาพลักษณ์ที่ดี ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจ ทั้งการจ้างงานและกระจายรายได้ ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีการถ่ายทำในพื้นที่ ซึ่งสามารถต่อยอดสร้างรายได้หมุนเวียนสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ในอนาคต โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันอย่างต่อเนื่องผ่านการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่วัฒนธรรมไทย และสถานที่ท่องเที่ยวไทยให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก รวมทั้งจัดมาตรการส่งเสริมที่ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศให้ครอบคลุมในทุกมิติ” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ออมสินปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ตามนโยบาย กนง. มีผล 8 มิถุนายน 2566

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี มีผลวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารจึงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.35% ต่อปี เพื่อให้ลูกค้าผู้ฝากเงินได้รับประโยชน์ตามทิศทางของดอกเบี้ยขาขึ้น โดยที่ผ่านมาธนาคารได้มีการออกแคมเปญเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่อง อาทิ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษดอกเบี้ยสูง สลากออมสินพิเศษที่ปรับเพิ่มทั้งดอกเบี้ย เงินรางวัลที่ 1 และเงินรางวัลพิเศษ เป็นต้น

สำหรับด้านเงินกู้ ธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทในอัตรา 0.25% ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อช่วยประคับประคองและดูแลกลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง ไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก โดยจะเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR สำหรับลูกค้ารายย่อยของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารออมสิน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ไฟฟ้าแรงสูงช๊อต คุณป้าวัย 54 ปี โดนเต็มๆ อาการสาหัส

ไฟฟ้าแรงสูงช๊อต คุณป้าวัย 54 ปี โดนเต็มๆ อาการสาหัส

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า มีเหตุ คุณป้าวัย 54 ชาวบ้านห้วยหก ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง เดินเท้ากลับบ้านจากช่วยงานศพญาติในหมู่บ้านเกิดพายุพัดต้นไม้ยืนต้นตาย ยืนหลบข้างถนนกลัวต้นไม้ล้มทับใส่ แต่ต้นไม้กลับล้มทับพาดสายไฟฟ้าแรงสูงหย่อนลงมาปลิวฟาดใส่ลำตัวถูกไฟฟ้าช็อตร่างกายไหม้ทั้งตัวอาการสาหัสแพทย์ต้องตัดแขนทิ้งและนิ้วเท้าทิ้งเพื่อรักษาชีวิต ญาติเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมประสานทนายลงบันทึกประจำวันเตรียมแจ้งความ

โดยนายชัชชัย วอเซอลอย อายุ 27 ปี บุตร ชายนางพิมพ์ใจ วอเซอลอย อายุ 54 ปี หรือป้าสุข พร้อมด้วยนายฌาน(ชาน) มันห้วย ทนายความ เข้าพบ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ โพชะจา พนักงานสอบสวน สภ.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากช่วงเย็นวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานางพิมพ์ใจ ถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตนอนหมดสติกลางถนนในหมู่บ้านอาการสาหัส

นายชัชชัย เล่าว่า เหตุการ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่แม่ของตนได้เดินทางกลับมาที่บ้านหลังจากไปช่วยงานศพญาติในหมู่บ้านห้วยหก ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ขณะที่เดินเท้ามาตามถนนได้เกิดพายุมีลมพัดกระหน่ำในหมู่บ้านสังเกตเห็นว่ามีต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่กำลังถูกลมพายุพัดใกล้ล้มจึงได้หลบอยู่ข้างทางใต้กับสายไฟฟ้าแรงสูงในหมู่บ้าน แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ต้นไม้ต้นดังกล่าวได้ล้มลงอย่างแรงพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูง น้ำหนักของต้นไม้ทำให้สายไฟฟ้าหย่อนลงมาเหวี่ยงพาดใส่ลำตัวของนางพิมพ์ใจ แม่ของตนถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต จนทำให้ล้มลงนอนกลางถนนหมดสติมีเลือดออกกอวเต็มถนนสภาพแขนขวาและร่างกายหลายจุดไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ้ย

หลังจากนั้นญาติๆที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาช่วยนำตัวแม่ขึ้นรถกระบะขึ้นเขาลงห้วยด้วยความยากลำบากระยะทางกว่า 10 กม. เพื่อไปส่งให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.ป่าแป๋ ที่มารอรับผู้ป่วยบริเวณหมู่บ้านป่าแป๋ เพื่อนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่แตง ก่อนที่ทีมแพทย์โรงพยาบาลแม่แตง จะส่งตัวแม่ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์เนื่องจากอาการสาหัส

หลังจากนั้นทางได้ติดต่อโรงพยาบาลทราบว่าแม่รักษาตัวอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อเนื่องจากถูกไฟไหม้เกือบทั้งตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนขวาถูกไฟไหม้จนถึงกระดูกทำเนื้อเนื้อตายทางแพทย์อาจจะต้องตัดแขนขวาและนิ้วเท้าบางนิ่วทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้ซึ่งทางทีมแพทย์ต้องดูอาการก่อนว่าจะสามารถผ่าตัดได้วันไหน

นายชัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุ ได้มีเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามกับญาติๆ เบื้องต้นยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ญาติพี่น้องเกรงว่าแม่ จะไม่ได้รับความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับแม่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจะต้องใช้เวลารักษาตัวนานนับปี และอาจจะส่งผลกระทบกับครอบครัวเนื่องจากตนมีฐานะค่อนข้างยากจนซึ่งทุกวันนี้ก็ทำงานรับจ้างรายวันอยู่ต่างอำเภอส่วนแม่ก็ทำไร่ ทำสวน รับจ้างรายวันทั่วไปอยู่ในหมู่บ้านเลี้ยงดูครอบครัว

ขณะที่ นายฌาน มันห้วย ทนายความ กล่าวว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นตนได้รับการประสานจากญาติคนเจ็บ ซึ่งเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงแม้จะมีหน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มาประสานงานในการช่วยเหลือเบื้องต้นแต่ทางญาติเกรงงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนจะได้นำตัวญาติผู้เสียหายไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานก่อนเนื่องจากทางญาติต้องดูอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อน อย่างไรก็ตามหากญาติต้องการจะดำเนินคดีก็จะมีการประสานความช่วยเหลือกันอีกครั้งหนึ่ง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

4 มหาวิทยาลัยไทย จุฬาฯ-มหิดล-มช.-มข. ติดอันดับ Top 100 เวทีโลก

4 มหาวิทยาลัยไทย จุฬาฯ-มหิดล-มช.-มข. ติดอันดับ Top 100 เวทีโลก

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อ4 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Times Higher Education (THE) ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาที่ดีที่สุดโลกที่เป็นที่ยอมรับแห่งหนึ่ง ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) หรือ THE Impact Rankings ประจำปี 2566 โดยมีสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก เข้าร่วมการจัดอันดับทั้งสิ้น 1,591 แห่ง จาก 112 ประเทศ และสถาบันอุดมศึกษาไทยเข้ารับการจัดอันดับทั้งสิ้น 65 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2022 ซึ่งมีจำนวน 52 แห่ง โดยสถาบันอุดมศึกษาไทยในปีนี้ที่ติดอันดับ Top 100 แบบคะแนนรวม มีจำนวน 4 สถาบัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ติดอันดับ Top 100 มีจำนวน 2 สถาบัน ได้แก่ 

– จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับที่ 17 

– มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับที่ 38 

– มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดอันดับที่ 74 

– มหาวิทยาลัยขอนแก่น ติดอันดับที่ 97


นอกจากนี้ ยังมีสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับ Top 10 ของโลกในด้านต่าง ๆ อีก 6 ประเด็น ดังนี้ 
-มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 3 ใน SDG3 เรื่องสร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย รวมทั้งอันดับ 5 ใน SDG7 เรื่องสร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยาว์ และยังได้อันดับ 5 ใน SDG17 เรื่องเสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  
-มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้อันดับที่ 4 ใน SDG1 เรื่องขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่ 
-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 7 ใน SDG5 เรื่องบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมอำนาจให้แก่สตรีและเด็กหญิง และ
-มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อันดับที่ 9 ใน SDG2 เรื่อวยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

“นายกฯ ยินดีและชื่นชมสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ชาติใด ทุกสถาบันต่างมีความแตกต่างและความเป็นเลิศที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะการมุ่งสู่ความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาของไทยมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาที่มีพื้นฐานที่ดี ในการทำงานที่ตอบโจทย์ของประเทศรวมทั้งความยั่งยืนที่กำหนดโดยสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาล และ อว. พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาไทยก้าวสู่ความสำเร็จและเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนต่อไป” 
นายอนุชาฯ กล่าว 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Times Higher Education (THE)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

สหรัฐฯ อนุมัตินำเข้าส้มโอผลสดของไทย ยกระดับคุณภาพผลไม้สด

สหรัฐฯ อนุมัตินำเข้าส้มโอผลสดของไทย ยกระดับคุณภาพผลไม้สด

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ถึงการดำเนิน “โครงการศึกษาผลการฉายรังสีต่อคุณภาพหลังการ เก็บเกี่ยวมะม่วงมหาชนกและส้มโอเพื่อการส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา” รวมถึงความสำเร็จในการส่งออกส้มโอสด หลังกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ อนุญาตให้ไทยสามารถส่งออกส้มโอสด ด้วยวิธีการฉายรังสี เข้าสู่สหรัฐฯ ได้เป็นครั้งแรก และไม่จำกัดสายพันธุ์ เชื่อมั่นความสำเร็จสามารถกำหนดคุณภาพสินค้าผลไม้สดไทย ให้ตรงตามมาตรฐานสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสในการส่งออกผลไม้สดไทยไปต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) และ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกันทำ “โครงการศึกษาผลการฉายรังสีต่อคุณภาพหลังการ เก็บเกี่ยวมะม่วงมหาชนกและส้มโอเพื่อการส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา” ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อขับเคลื่อนการส่งออกผลไม้สดด้วยการฉายรังสีก่อนส่งออกไปสหรัฐอเมริกาตามข้อกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้ไข่แมลงศัตรูพืชที่อาจติดไปฟักเป็นตัวและเกิดการแพร่กระจายของแมลงในประเทศปลายทาง โดยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์ฉายรังสี สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน Animal and Plant Health Inspection Service (APHIS) จากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริการ่วมดำเนินการ 

ทั้งนี้ สทน. พร้อมทำหน้าที่ตัวกลาง ประสานงานการส่งออก การสำรวจตลาด ทิศทางของตลาดส้มโอ ยืนยันว่าการฉายรังสีผลไม้ทุกชนิดเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยไม่มีรังสีตกค้าง มั่นใจได้ในคุณภาพ และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และทีมนักวิจัยยินดีให้คำปรึกษาให้กับเกษตรกร ชาวสวน ผู้ประกอบการ ถึงการปฏิบัติ การดำเนินการ ในการยกระดับคุณภาพของผลไม้ไทย รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ให้กับเกษตรกรไทยในอนาคต และคณะผู้วิจัยจะนำส้มโอฉายรังสีไปจัดแสดงในงาน Natural Products Expo East 2023 ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน พ.ศ. 2566 

นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังได้เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้ไทยสามารถส่งออกส้มโอสด ด้วยวิธีการฉายรังสี เข้าสู่สหรัฐอเมริกาได้เป็นครั้งแรก และไม่จำกัดสายพันธุ์ นับเป็นผลไม้สดไทยชนิดที่ 8 ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า จากเดิมที่มีมะม่วง มังคุด เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด และแก้วมังกร โดยในเดือนมิถุนายนนี้ ส้มโอผลสดของไทยล็อตแรกที่ผ่านการตรวจสอบและปิดผนึกตู้ขนส่งแล้ว จะขนส่งทางอากาศไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ได้กำหนดเงื่อนไขการส่งออกว่า ต้องเป็นผลผลิตจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง GAP โรงคัดบรรจุได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GMP มีการทำความสะอาดและกำจัดแมลงศัตรูพืช และเชื้อรา ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร อย่างเคร่งครัด รวมทั้งผู้ส่งออกต้องลงทะเบียนด้วย

“นายกรัฐมนตรียินดีต่อความสำเร็จในการส่งออกส้มโอสดของไทย และขอบคุณการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกภาคส่วนที่มีจิตใจที่จะร่วมพัฒนาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นและให้กำลังใจว่าทุกการวิจัยมักจะนำมาซึ่งสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประเทศ ในส่วนของสินค้าเกษตรไทย เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของประเทศปลายทาง เพื่อเป็นมาตรฐาน และเป็นชื่อเสียงของสินค้าไทย” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

เตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำกรมที่ดินไม่โทรหาประชาชน-ไม่ขอแอดไลน์

เตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำกรมที่ดินไม่โทรหาประชาชน-ไม่ขอแอดไลน์

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ขณะนี้ปรากฏกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเรื่อง การสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หลอกลวงประชาชนที่ถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนที่หน้าเว็บไซต์กรมที่ดิน www.dol.go.th ว่า กรมที่ดิน “ไม่โทรหา ไม่ขอแอดไลน์ ไม่มีหน้าที่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง”

นายอนุชากล่าวว่า กรมที่ดินได้ออกหนังสือแจ้งเตือน ด้วยมีกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมหนังสือราชการของกรมที่ดิน โดยแอบอ้าง เรื่อง “การสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” จะโทรศัพท์หาประชาชนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองทะเบียนออนไลน์ (E-Service) และส่งหนังสือปลอมทางไลน์ รวมทั้งพูดจาหว่านล้อมให้ประชาชนหลงเชื่อให้ดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) และดาวน์โหลดหรืออัปเดตข้อมูลผ่านทางลิงก์หรือเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ส่งให้ สาเหตุสำคัญที่ประชาชนหลงเชื่อ เนื่องจากมีการแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในหนังสือปลอม ถูกต้องตรงกับข้อมูลของประชาชน ซึ่งเป็นข้อมูลอาคารชุดในพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินจริง อันเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนได้รับความเสียหายเป็นภัยต่อประชาชน 
  
กรมที่ดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินการหลอกลวงประชาชนอย่างต่อเนื่องแพร่หลายทุกวัน โดยนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในหนังสือกรมที่ดินปลอม โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอาคารชุด ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินโทรศัพท์ติดต่อไปจริง ฉะนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนมากกว่านี้ อธิบดีกรมที่ดินจึงมีหนังสือถึงนายกสมาคมอาคารชุดไทย ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์กลโกงกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาคารชุด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด และประชาชนทราบอย่างแพร่หลายและอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว 

นายอนุชาย้ำถึงกลโกงมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะโทรหาประชาชนผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด หลอกว่ายังไม่ได้ชำระภาษี ให้แอดไลน์ เพื่อส่งหนังสือกรมที่ดินปลอมที่มีข้อมูลส่วนบุคคล พยายามพูดให้ประชาชนหลงเชื่อเลือกวิธีดำเนินการทาง E-Service แล้วมิจฉาชีพจะส่งลิงก์ให้กดเข้าเว็บไซต์หรือแอปพิเคชันกรมที่ดินปลอมให้ หลอกให้ประชาชนกดดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งโปรแกรมและควบคุมโทรศัพท์ จากนั้น โทรศัพท์จะขึ้นข้อความว่า “ระหว่างทำการตรวจสอบห้ามใช้งานโทรศัพท์” ระหว่างรอ ระบบจะทำงานตามเปอร์เซ็นต์หน้าจอ ดูดเงินของประชาชนผู้เสียหายจนหมดบัญชี ทั้งนี้ กรมที่ดินได้แนะวิธีป้องกันดังนี้ 

1. อย่ากดลิงก์แปลกปลอมในแหล่งที่ไม่รู้จัก เว็บไซต์ปลอมมักลงท้ายด้วย .cc 
2. เว็บไซต์กรมที่ดินจริง ชื่อ www.dol.go.th สามารถกดเมนูหน้าเว็บไซต์ได้ทุกเมนู และไม่มีเมนูให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 
3. อย่าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่ผ่านการยืนยันโดยแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ 
4. ไม่ควรผูกบัตรเครดิต ไว้กับบัตรเดบิตหรือบัญชีธนาคาร 
5. หากพลาดพลั้งดาวน์โหลดแล้ว ให้ตัดอินเทอร์เน็ตหรือปิดเครื่อง และถอดซิมโทรศัพท์ แล้วรีบโทรศัพท์อายัดบัญชีกับธนาคารทันที 

“กรมที่ดินได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชนจึงขอย้ำเตือนประชาชนที่อาจถูกกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวง ว่า กรมที่ดินไม่โทรหา ไม่ขอแอดไลน์ ไม่มีหน้าที่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากประชาชนเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงิน ขอให้โทรแจ้ง Call center กรมที่ดิน โทร 0 2141 5555 หรือแจ้งที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โทร 1441” นายอนุชา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมที่ดิน

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลฟิสิกส์โอลิมปิก ระดับทวีปเอเชีย จากมองโกเลีย

เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลฟิสิกส์โอลิมปิก ระดับทวีปเอเชีย จากมองโกเลีย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมผลงานจากความสามารถของเด็กไทยที่ไปแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ครั้งที่ 23 ประจำปี 2566 (The 23rd Asian Physics Olympiad : APhO 2023) ระหว่างวันที่ 19 – 29 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงอูลันบาตอร์ (Ulan Bator) ประเทศมองโกเลีย ประสบความสำเร็จได้รับ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เกียรติคุณประกาศ และ 4 เกียรติบัตร 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชียในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 200 คน จาก 28 ประเทศ โดยตัวแทนเด็กไทยด้วยความร่วมมือของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำผลงานการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม ประสบความสำเร็จรับ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เกียรติคุณประกาศ และ 4 เกียรติบัตร ประกอบด้วย
1. นายธนัชสรศ์ จันทร์เกษมสัตย์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เหรียญทอง
2. นายธงไชย อาชาบุณยเสก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร  เหรียญเงิน
3. นายณัฏฐ์เดช เผด็จสุวันนุกูล โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร รางวัลเกียรติคุณประกาศ
4. นายนพรุจ สอดศรี โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง รางวัลเกียรติคุณประกาศ
5. นายภัทรพล พันธ์เลิศระพี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
6. นายอัศวัศ บัวจงกล โรงเรียนชลราษฎรอำรุง จังหวัดชลบุรี เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
7. นายปัณณธร เทียนกิ่งแก้ว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
8. นายรวินภ โสดาดี โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมในความสามารถของเยาวชนไทยที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับรางวัล แสดงถึงศักยภาพทางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของเยาวชนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีการแข่งขันระดับเอเชีย พร้อมเชื่อมั่นว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยอีกหลายคนในการพัฒนาความรู้ความสามารถต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม และคณะอาจารย์ทุกท่านที่ร่วมกันฝึกฝน และผลักดันให้เยาวชนไทยได้เข้าร่วมการแข่งขัน เป็นผู้นำความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ และชื่อเสียงกลับมาให้กับประเทศไทย” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Olympic ipst

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ย้ำ ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ได้ 4 ครั้งต่อปี

ย้ำ ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ได้ 4 ครั้งต่อปี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชนและการเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ได้เพิ่มคุณภาพและบริการให้ผู้ถือบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเข้ารับการรักษาได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้  เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านแอปพลิเคชันของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. โดยเปลี่ยนได้ได้ง่าย ๆ 3 ช่องทางดังนี้
 
1 Application สปสช. เพียงดาวน์โหลดแอป สปสช. ดาวน์โหลดฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ทั้งระบบ Android และ iOS ระบบ Android https://play.google.com/store/apps/developer ระบบ OShttps://apps.apple.com/us/app/สปสช/id1111681040
2 Line Official Account สปสช.” add เป็นเพื่อน… เพียงสแกน QR Code หรือพิมพ์ค้นหาใช้ช่อง ID ว่า @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
3 ติดต่อด้วยตนเอง ดังนี้  กรณีต่างจังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชั้น 2 อาคารบี (ทิศตะวันตก) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ในวันเวลาราชการ หรือ โทรสายด่วน 1330
 
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ดังนี้ – บัตรประจำตัวประชาชน – เด็กเล็กใช้สูติบัตร (ใบเกิด) คู่กับบัตรประจำตัวประชาชนผู้ปกครอง  เลือกสถานพยาบาล (หน่วยบริการ) หากไม่ตรงตามที่อยู่บัตรประชาชน ให้แสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ 1 หนังสือรับรองของเจ้าบ้าน 2 หนังสือรับรองของผู้นำชุมชน 3 หนังสือรับรองผู้ว่าจ้างหรือนายจ้าง 4 เอกสารหรือหลักฐานที่มีชื่อของผู้ประสงค์ลงทะเบียน เช่น ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่พัก สัญญาเช่าที่พัก ฯลฯ
 
“ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) หากย้ายที่พักอาศัย สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล (หน่วยบริการ) ประจำตัวได้ 4 ครั้งต่อปี ใช้สิทธิรักษาได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รัฐบาลพร้อมดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม มุ่งมั่นยกระดับเพิ่มสิทธิการดูแลด้านสาธารณสุขไทยให้ครอบคลุมอย่างมีคุณภาพ” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE