Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาใบไม้ สร้างควันกระทบจราจรและฝุ่น PM2.5

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาเศษใบไม้และหญ้าแห้ง ฝ่าฝืนกฎหมายกระทบปัญหาฝุ่น PM2.5

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผู้กำกับการ สภ.แม่จัน ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการเผาในที่โล่งซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและการจราจร

จับกุมรายแรก: พบเผาเศษใบไม้ริมทาง

เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจราจร สภ.แม่จัน ออกตรวจตราพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ เขตเทศบาลตำบลสันทราย และพบว่ามีชาวบ้านกำลังก่อไฟเผาเศษใบไม้ข้างทาง ส่งผลให้เกิดควันฟุ้งกระจายและอาจส่งผลต่อการสัญจรของรถยนต์บนถนน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวบุคคลที่กระทำผิด ทราบชื่อภายหลังคือ นายอุดร อายุ 65 ปี ชาวตำบลสันทราย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

หลังจากเจ้าหน้าที่ช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้และทำให้ควันสงบลง จึงได้นำตัว นายอุดร ไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับกุมรายที่สอง: เผาหญ้าแห้งริมถนนสาธารณะ

ในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.นิติการณ์ แก้วรากมุก สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.แม่จัน พร้อมด้วย ร.ต.ท.สมศักดิ์ ทรายหมอ และเจ้าหน้าที่สายตรวจ ได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อไปถึงบริเวณ ริมถนนสายแม่จัน-แม่อาย หมู่ 8 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มควันจากการเผาหญ้าแห้งลอยขึ้นจากข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและพบ นายวิชัย อายุ 63 ปี อยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ

เมื่อตรวจสอบและสอบถาม นายวิชัย ได้ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือเผาหญ้าแห้งเอง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข้อกล่าวหาและมาตรการทางกฎหมาย

ผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกตั้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฐาน เผาหรือกระทำการใดๆ ภายในระยะ 500 เมตรจากทางเดินรถ ซึ่งก่อให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใดในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการจราจร” โดยเป็นไปตามมาตรการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของ ตำรวจภูธรภาค 5

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.พินัย พ.ศ.2565 โดยมีบทลงโทษเป็นการชำระค่าปรับ

ตำรวจเชียงรายเน้นย้ำเข้มงวด ห้ามเผาเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้ตำรวจในสังกัดเข้มงวดตรวจตราและป้องกันการเผาในที่โล่งทุกพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละสถานีตำรวจ เนื่องจากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ประชาชนในพื้นที่เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงจึงควร หลีกเลี่ยงการเผาในที่โล่ง และหันมาใช้วิธีการกำจัดขยะหรือเศษพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน เช่น การหมักปุ๋ยหรือการกำจัดผ่านกระบวนการอื่นที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออากาศ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการห้ามเผาในที่โล่ง

  1. การเผาเศษพืชในที่โล่งมีความผิดหรือไม่?
    ใช่ การเผาในที่โล่งโดยไม่มีมาตรการควบคุมอาจผิดกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
  2. โทษของการเผาขยะหรือใบไม้ข้างทางคืออะไร?
    ผู้กระทำผิดอาจถูกปรับตามกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และข้อบังคับของแต่ละจังหวัด
  3. มีวิธีใดที่สามารถกำจัดเศษพืชโดยไม่ต้องเผา?
    สามารถใช้วิธีหมักเป็นปุ๋ย ทำปุ๋ยอินทรีย์ หรือใช้เครื่องกำจัดขยะชีวภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  4. การเผาหญ้าแห้งหรือขยะกระทบต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
    การเผาทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง
  5. หากพบเห็นการเผาในที่โล่ง ควรแจ้งหน่วยงานใด?
    สามารถแจ้งตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วนสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มหกรรมควายงามเชียงราย เสริมเศรษฐกิจ ยกระดับควายไทยสู่สากล

มหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียงราย ครั้งที่ 2 ชูศักยภาพควายไทย เสริมเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ณ สนามข้างหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายบุญศิลป์ วรินทรักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียงราย ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2568

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์เขต 5 และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย โดยมีเจ้าของฟาร์มและผู้ประกอบการเลี้ยงควายจากทั่วประเทศเข้าร่วมประกวดควายงามกว่า 66 รุ่น ซึ่งมีมูลค่ารวมของควายที่เข้าร่วมงานสูงถึง 500 ล้านบาท

ควายชื่อดังที่สร้างสีสันภายในงาน

ภายในงานมีการจัดแสดงควายชื่อดังระดับประเทศ อาทิ “โก้เมืองเพชร” ควายเผือกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจาก วนาสุวรรณฟาร์ม และ “ช้างภูแล” แชมป์ควายงามระดับประเทศในรุ่นควายดำเพศผู้ ฟันน้ำนมที่มีความสูงกว่า 140 เซนติเมตร สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าชมงาน

นายบุญศิลป์ วรินทรักษ์ กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมในครั้งนี้ถือว่ามีความพร้อมและสมบูรณ์แบบทั้งในด้านการจัดกิจกรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมวงการเลี้ยงควายไทยให้ก้าวหน้า พร้อมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ด้านนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย กล่าวว่า การพัฒนาวงการเลี้ยงควายไทยมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างเศรษฐกิจในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มมูลค่าให้กับควายพันธุ์ดี และส่งเสริมอาชีพเลี้ยงควายให้ยั่งยืน

เสริมความเป็นศิลปะในงานมหกรรม

พ่อเลี้ยงเจ วนาสุวรรณ เจ้าของวนาสุวรรณฟาร์ม กล่าวว่า งานนี้ยังเป็นเวทีที่ผสมผสานศิลปะท้องถิ่น เช่น การเพ้นท์ควาย และการนำควายพ่อพันธุ์จากทั่วประเทศมาจัดแสดง ซึ่งเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของควายไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงควายเผือกและควายแคระ ซึ่งเป็นพันธุ์หายากที่มีมูลค่าสูงถึงหลักล้านบาท เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของควายไทยที่ไม่เพียงแต่เป็นสัตว์เลี้ยง แต่ยังเป็นทรัพย์สินที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ขอเชิญชวนร่วมงาน

งาน มหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียงราย ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมชมกิจกรรมมากมายและสนับสนุนการพัฒนาควายไทยเพื่อเศรษฐกิจชุมชนได้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และข้อมูลเกี่ยวกับควายพันธุ์ดีจาก วนาสุวรรณฟาร์ม

มหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียงราย


มหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียงราย ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2568 ชูความสำคัญของควายไทยในฐานะทรัพย์สินที่มีมูลค่า พร้อมกิจกรรมประกวดควายพันธุ์หายาก การแสดงศิลปะบนควาย และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน งานจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘พญ.อัจฉรา’ ผ.อ. โฮงยาไทย สมัครชิง เลขาธิการ สปสช. คนใหม่

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดรับสมัครเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ ปี 2568

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อจ้างและแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ โดยคณะกรรมการสรรหาได้ดำเนินการรับสมัครบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตั้งแต่วันที่ 6-20 มกราคม 2568 เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สำคัญในการบริหารและพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

รายละเอียดการสรรหาและกระบวนการคัดเลือก

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานสำคัญที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โดยเลขาธิการ สปสช. ทำหน้าที่เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการนโยบายหลักประกันสุขภาพให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการสรรหาได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัคร เช่น

  1. อายุไม่เกิน 60 ปี
  2. ไม่เป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง
  3. มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ด้านการบริหาร

สำหรับประวัติของทั้ง 9 ผู้สมัคร มีดังนี้ 

1.นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี

อายุ 58 ปี 6 เดือน 15 วัน

ประวัติการศึกษา

1) ปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2) ปี 2538 ได้รับอนุมัติเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ แพทยสภา
3) ปี 2541 บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4) ปี 2541 วุฒิบัตรเวชศาสตร์ทั่วไป แพทยสภา 
5) ปี 2552 ปริญญาเอก ด้านนโยบายสาธารณสุข มหาวิทยาลัยลอนดอน

ประวัติการทำงาน

1) ปี 2533 แพทย์เวชปฏิบัติ รพ. ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี 
2) ปี 2534 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ รพ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
3) ปี 2538 ผู้อำนวยการ รพ.บางกรวย จ.นนทบุรี
4) ปี 2546 เข้าทำงานที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารทั่วไป ในการร่วมบริหารและขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 
5) ปี 2547 รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สปสช.
6) ปี 2552 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สปสช.
7) ปี 2557 ประธานกลุ่มภารกิจนโยบายและยุทธศาสตร์ สปสช.
8) ปี 2559 ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สปสช.
9) 1 กุมภาพันธ์ 2564 – ปัจจุบัน เลขาธิการ สปสช.

ผลงานเด่น

1. ยกระดับบัตรทอง 4 บริการเพิ่มความสะดวก ลดยุ่งยากใช้สิทธิ เข้าถึงบริการเพิ่ม
• ประชาชนที่เจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำาครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิในระบบบัตรทองที่ไหนก็ได้ ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่”
• ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว
• โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม
• ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน
2. เพิ่มประสิทธิภาพระบบบัตรทอง ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
3. เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพื่อดูแลประชาชนมากขึ้น
4. สนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ
5. เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาระบบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสุขภาพ

2. นายแพทย์ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์

อายุ 50 ปี 8 เดือน 25 วัน

ประวัติการศึกษา

1) ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2) วุฒิบัตรแสดงความรู้ชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว แพทยสภา

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ. 2548 ผู้อำนวยการ รพ.สหัสหัสขันธ์ สสจ.กาฬสินธุ์
2) พ.ศ. 2553 ผู้อำนวยการ รพ.หนองกุงศรี สสจ.กาฬสินธุ์
3) พ.ศ. 2557 นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สสจ.กาฬสินธุ์
4) พ.ศ. 2559 นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สสจ.ขอนแก่น
5) พ.ศ. 2560 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สสจ.ยะลา
6) พ.ศ. 2560นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สสจ.มหาสารคาม
7) พ.ศ. 2564 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สสจ.ขอนแก่น
8) พ.ศ.2566 สาธารณสุขนิเทศก์(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สป.สธ.

3. นายแพทย์มาโนช อู่วุฒิพงษ์

อายุ 59 ปี

ประวัติการศึกษา

1) พ.ศ. 2532 ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
2) พ.ศ. 2538 วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 
3) พ.ศ. 2556 ประกาศนียบัตร หลักสูตรพัฒนารองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลในสังกัดกรมต่าง ๆของกระทรวงสาธารณสุข รุ่นที่ ๗ วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข
4) พ.ศ. 2560 ประกาศนียบัตร หลักสูตรนักบริหารการแพทย์และสาธารณสุขระดับสูง รุ่นที่ ๓๓วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข
5) พ.ศ. 2563 ประกาศนียบัตร หลักสูตรการบริหาร โรงพยาบาลรุ่นที่ ๔๙ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ. 2532 นายแพทย์ 4 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
2) พ.ศ. 2534 นายแพทย์ 5 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
3) พ.ศ. 2539 นายแพทย์ 6 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
4) พ.ศ. 2541 นายแพทย์ 7 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
5) พ.ศ. 2548 นายแพทย์ 8 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
6) พ.ศ. 2551 นายแพทย์ 9 โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
7) พ.ศ. 2551 นายแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
8) พ.ศ. 2561 ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
9) พ.ศ. 2563 ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสุโขทัย สสจ.สุโขทัย
10) พ.ศ.2567- ปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช สสจ.พิษณุโลก

ผลงานเด่น

ผลงานวิจัย 
1. เรื่อง “ประสิทธิผลของยาต้านไวรัสสูตรผสมจีพีโอเวียร์ต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในโรงพยาบาลสุโขทัย
2. How to improve medical.students’ interest in rural area: Lessons from TAK. Poster presentation in The Association for Medical Education in Europe Conference 2019.Austria.
3. การศึกษาประสิทธิผลงโปรแกรมการสร้างความรู้แก่ผู้ป่วยนอกโรคเบาหวานคลินิกโรคเบาหวาน โรงพยาบาลสุโขทัย

4. นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์

อายุ 54 ปี 20 วัน

ประวัติการศึกษา

1) พ.ศ. 2536 ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล
2) พ.ศ. 2545 หนังสืออนุมัติแสดงความรู้ความชำนาญ ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว แพทยสภา
3) พ.ศ. 2545 หนังสืออนุมัติแสดงความรู้ความชำนาญ ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ แพทยสภา
4) พ.ศ. 2548 ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (การพัฒนาสุขภาพชุมชน)มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ. 2544 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์ 7) รพ. สหัสขันธ์สสจ. กาฬสินธุ์
2) พ.ศ. 2545 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์ 8) รพ.คำม่วงสสจ. กาฬสินธุ์
3) พ.ศ. 2547 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์ 8) รพ. สมเด็จสสจ. กาฬสินธุ์
4) พ.ศ. 2550 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์ 8) รพ. เขาวงสสจ. กาฬสินธุ์
5) พ.ศ. 2551 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์ 9) รพ. เขาวงสสจ. กาฬสินธุ์
6) พ.ศ. 2553 ผู้อำนวยโรงพยาบาล(นายแพทย์เชี่ยวชาญ) รพ. บรบือ สสจ. กาฬสินธุ์
7) พ.ศ. 2558 นายแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมป้องกัน) สสจ.มหาสารคาม
8) พ.ศ. 2561 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์)) ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สสจ.กระบี่
9) พ.ศ. 2562 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์)) ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สสจ.กาฬสินธุ์
10) พ.ศ. 2566 ถึง ปัจจุบัน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์)) ประเภทอำนวยการ ระดับสูง สสจ.ขอนแก่น

ผลงานเด่น

1. สร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดและลดอัตราตายมารดางทรกเขตสุขภาพที่ ๓/ (Health Literacy in High Risk Pregnancy) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
2. การบริหารการเงินการคลัง
3. ประสานความร่วมมือองค์การบริหารส่วนจังหวัดจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับประชาชน

5. แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช

อายุ 59 ปี 4 เดือน 4 วัน

ประวัติการศึกษา

1) พ.ศ. 2515 – 2521 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม
2) พ.ศ. 2521 – 2524 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์
3) พ.ศ. 2524 – 2527 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
4) พ.ศ. 2521 – 2533 ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5) พ.ศ. 2536 – 2539 วุฒิบัตรสาขาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
6) พ.ศ. 2536 – 2539 วุฒิบัตรสาขาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
7) พ.ศ.2562 อนุมัติบัตรสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงคลินิกจิตเวชชุมชน

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ.2551 – 2556 หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
2) พ.ศ.2556 -2560 รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
3) พ.ศ.2558 – 2560 รองผู้อำนวยการสำนักเขตสุขภาพที่ 1 เขตสุขภาพที่ 1
4) พ.ศ.2559 – 2560 รองผู้อำนวยการกองบริหารสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
5) พ.ศ. 2561 – 2562 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
6) พ.ศ. 2563 – 2565 ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน จ.น่าน
7) พ.ศ. 2565 – ปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย

ผลงานเด่น

1) รางวัลเหรียญทอง จากการอบรมหลักสูตร”นักบริหารการแพทย์และสาธารณสุขระดับสูง” รุ่นที่ ๓๑
2) รางวัลคนดีศรีโฮงยาไทยโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2558
3) ข้าราชการพลเรือนดีเด่น “ครุตทองคำ” ประจำพุทธศักรศักราช 2564 จังหวัดน่าน
4) รางวัลคนดีศรีปฐมภูมิ แห่งประเทศไทย ปี 2567 ของสมาคมเวชกรรมสังคมแห่งประเทศไทศไทย
5) รางวัลแพทย์สตรีดีเด่น ปี 2567 ด้านบริการการแพทย์และสาธารณสุข ของสมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

6. นายแพทย์ดิเรก สุดแดน

อายุ 55 ปี 11 เดือน 15 วัน

ประวัติการศึกษา

1) พ.ศ. 2537 วิทยาศาสตร์สุขภาพ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 
2) พ.ศ. 2544 แพทยศาสตรบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
3) พ.ศ. 2549 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน (สาขาระบาดวิทยา) สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
4) พ.ศ. 2550 อนุมัติบัตรแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงระบาดวิทยา)สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
5) พ.ศ.2552 สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล
6) พ.ศ.2555 อนุมัติบัตรแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว แพทยสภา

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ. 2545 แพทย์ประจำ รพ.น่าน จ.น่าน
2) พ.ศ. 2545 – 2547 ผู้อำนวยการรพ.ท่าวังผา จ.น่าน
3) พ.ศ. 2547 -2549 ผู้อำนวยการรพ.สองแคว จ.น่าน
4) พ.ศ. 2549 – 2551 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกันสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
5) พ.ศ. 2552 – 2559 ผู้อำนวยการรพ. ท่าวังผา จ.น่าน
6) พ.ศ. 2559 – 2565 นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกันสสจ.น่าน
7) ต.ค. 2562 – พ.ค. 2563 รักษาราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุข จ.น่าน
8) พ.ศ. 2563 – 2565 รองผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
9) พ.ศ. 2565 – 2567 ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
10)พ.ศ. 2567 – ปัจจุบัน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ผลงานเด่น

1) ริเริ่มการใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยี จัดทำระบบศูนย์กลางข้อมูลด้านการเงิน (Financial Data Hub : FDH) กระทรวงสาธารณสุข และได้รับรางวัลในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2) ริเริ่มทำโปรแกรม HINT ในการดูแลกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิและบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย สามารถทำให้มีการเบิกจ่ายและลงทะเบียนโดยใช้ระบบ Bio Metric ในกลุ่มดังกล่าวได้ถูกต้อง รวดเร็วและเป็นระบบมีการดำเนินการทั่วประเทศ ทำให้กลุ่มเปราะบางดังกล่าวได้รับการบริการทีเข้าถึงและดีขึ้น 
3) เสนอและบริหารจัดการงบประมาณภาพรวมกระทรวงสาธารณสุข การเข้าสภาเพื่อเสนองบประมาณ ทั้งเงินงบประมาณ และเงินกู้โควิด-19
4) การวางแผนเพื่อตอบกระทู้ถามในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
5) วิเคราะห์ และจัดทำคำของบประมาณและจัดสรรงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงและกระทรวงสาธารณสุข
6) เป็นผู้ทำนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวง เสนอให้กับผู้บริหารระดับสูงเพื่อใช้เป็นนโยบายระดับประเทศ ทั้งด้านการเงินการคลังและด้านระบบการบริหารงานด้านสาธารณสุขทั้งประเทศ
7) บริหารจัดการระบบสาธารณสุข ในสถานการณ์โควิค-19 ขณะปฏิบัติหน้าที่นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สสจ.น่าน

7. นางสาวรุ่งศิริวรรณ เพิ่มพูน

อายุ 27 ปี 8 เดือน 4 วัน

ประวัติการศึกษา

1. พ.ศ. 2557 ปวช. สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคนครนายก 
2. พ.ศ. 2559 ปวส. สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคนครนายก 
3. พ.ศ. 2562 ปริญญาตรี สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ. 2557 เจ้าหน้าที่ธุรการทั่วไป อบต.บ้านพร้าว นครนายก
2) พ.ศ. 2559 เจ้าหน้าที่บุคคล ฝึกงาน บริษัท บิวคอน จำกัด
3) พ.ศ. 2563 เจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน บริษัท บีเยส จำกัด
4) พ.ศ. 2566 – เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โพรเกรส เอช อาร์ จำกัด

8. นายกิตติศักดิ์ บุญพิทักษ์วุฒิ

อายุ 48 ปี

ประวัติการศึกษา

พ.ศ. 2547 ปริญญาตรี การบริหารธุรกิจ (การตลาด) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

9. อาจารย์ดร .สุนันท์ ตระกูลโชคเสถียร

อายุ 55 ปี 5 วัน

ประวัติการศึกษา

1) พ.ศ. 2532 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รร. ชัยนาทพิทยาคม 
2) พ.ศ. 2534 ประกาศนียบัตรพยาบาลผดุงครรภ์ วพ.ชัยนาท 
3) พ.ศ. 2537 ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต ราชภัฏลพบุรี 
4) ปริญญาโทการจัดการบริหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง
5) ปริญญาเอกการบริหารจัดการ มหาวิทยาลัยนอร์ท รังสิต
6) ปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา (กำลังศึกษา)
7) มหาวิทยาลัยนอร์ท รังสิต
8) พ.ศ. 2558 Fellowship (2 ปี) Anti-Aging มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต

ประวัติการทำงาน

1) พ.ศ.2553 – 2559 อาจารย์พิเศษ วิทยาลัยพยาบาลชัยนาท
2) พ.ศ.2559 – 2567 อาจาจารย์ศูนย์ฝึกคณะการแพย์บูรณาการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
3) อาจารย์พิเศษด้านการแพทย์บูรณาการ คณะวิทยาศาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คลองหก
4) ผู้บริหารปั๊มน้ำมันมาลีบริการ 9สาขา
5) ผู้บริหารกิจการออแกไนซ์ Miss Beauty Regent
6) ผู้บริหารเจ้าของเวทีและกรรมการ Miss International Thalland 2018
7) ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เวทีนางาม Mrs. Universe Thailand
8) ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เวทีนางงาม Mrs. Tourism Thalland
9) กรรมการเวทีนางงาม Mrs. Thailand Wold (2565 – 2567)
10) กรรมการเวทีนางงาม Mrs. Tourism

ขั้นตอนการสัมภาษณ์และแผนการประเมิน

ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาในวันที่ 31 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สำนักงาน สปสช. อาคาร B ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยจะมีการประเมินความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง คะแนนรวม 100 คะแนน แบ่งเป็น

  • การสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ 70 คะแนน
  • ใบสมัครและเอกสารประกอบ 30 คะแนน

ผลการพิจารณาจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาไม่เกิน 3 คนในวันเดียวกัน และนำเสนอรายชื่อดังกล่าวให้คณะกรรมการ สปสช. พิจารณาแต่งตั้งต่อไป

พันธกิจสำคัญของเลขาธิการ สปสช.

เลขาธิการ สปสช. มีบทบาทสำคัญในการกำกับและดำเนินงานตามกฎหมายและนโยบายของสำนักงาน เช่น การส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียม การควบคุมคุณภาพบริการ และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ความคาดหวังจากการแต่งตั้งเลขาธิการใหม่

สปสช. หวังว่าบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคนใหม่จะสามารถผลักดันนโยบายที่สำคัญ เช่น การเพิ่มความครอบคลุมของสิทธิประโยชน์ การพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ และการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมและลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (www.nhso.go.th) หรือสอบถามรายละเอียดผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 06 2201 2846

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย ผ่านมาตรฐาน GI เสริมศักยภาพเกษตรกร

ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” กับการประชุมพิจารณาคุณภาพและแหล่งผลิต ปี 2568

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย นายเสน่ห์ แสงคำ เกษตรจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาคำขอ ตรวจสอบกระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพสินค้า และแหล่งที่มาของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” ครั้งที่ 1/2568 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก

พิจารณาคำขอการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

ในที่ประชุมมีการพิจารณาคำขอจากสมาชิกผู้ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ “ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” จำนวน 74 ราย โดยคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงรายมีมาตรฐานตรงตามที่กำหนด และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างโปร่งใส

จากผลการตรวจสอบ พบว่าเมล็ดพันธุ์ที่ใช้เพาะปลูกเป็นพันธุ์ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 8974 เชียงราย ที่มีแหล่งที่มาถูกต้อง ชัดเจน พร้อมการจดบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยคณะกรรมการตรวจประเมินแปลงเกษตรกรให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด

สถิติการขอต่ออายุและขึ้นทะเบียนสินค้า GI

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีผู้ขอต่ออายุสินค้า GI จำนวน 31 ราย และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีผู้ขอต่ออายุจำนวน 9 ราย พร้อมทั้งมีผู้ขอขึ้นทะเบียนใหม่จำนวน 34 ราย รวมทั้งหมด 43 ราย ซึ่งสะท้อนถึงการตื่นตัวของผู้ผลิตที่มุ่งมั่นรักษาคุณภาพสินค้าและภาพลักษณ์ที่ดีของ ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย”

การส่งเสริมและผลักดันสินค้า GI ระดับจังหวัด

จังหวัดเชียงรายยังคงมุ่งมั่นผลักดัน “ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” ให้เป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่โดดเด่น โดยเฉพาะการเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวเหนียวเขี้ยวงูในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอพาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกพันธุ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 8974

สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กับความสำคัญต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น

การที่ “ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” ได้รับสถานะ GI ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่รักษามาตรฐานการผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

สรุป

การประชุมพิจารณาคุณภาพ “ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย” ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสินค้าเกษตรพื้นเมืองของเชียงรายให้ก้าวสู่ตลาดที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรักษาความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของข้าวเหนียวเขี้ยวงู ที่เป็นทั้งสมบัติทางภูมิศาสตร์และภูมิปัญญาของท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลไทยเร่งปราบ ‘พอตเค’ ปกป้องเยาวชนจากภัยยาเสพติดรูปแบบใหม่

รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด ย้ำ! ‘พอตเค’ ระบาดหนักในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หน่วยงานทางปกครอง และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ความสำคัญต่อการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับสังคมไทย

ยาเสพติดแฝงตัวในรูปแบบใหม่

รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติดในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘พอตเค’ หรือหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมยาเค (เคตามีน) โดยเฉพาะในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ซึ่งสร้างความกังวลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยาเคตามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด การใช้ในทางที่ผิดกฎหมายมีบทลงโทษรุนแรง เช่น โทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี และปรับสูงสุด 1.5 ล้านบาท

ผลกระทบของการใช้เคตามีนในทางที่ผิด

ยาเคตามีนถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์ แต่ในปัจจุบันพบการลักลอบนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การสูดดมและสูบควันเพื่อหวังผลในการหลอนประสาท ผู้ใช้ที่เสพติดต่อกันเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการติดยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ ยังมีผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น การอาเจียน ชัก สมองและกล้ามเนื้อขาดออกซิเจน และในบางกรณีอาจถึงขั้นเสียชีวิต

รัฐบาลเข้มงวดปราบปรามการแพร่ระบาด

นายอนุกูลกล่าวเพิ่มเติมว่า การปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะการใช้เคตามีนในทางที่ผิด เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล ซึ่งได้เร่งดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วนในการหยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้า และจำหน่ายยาเสพติดทุกประเภท

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ป้องกันและให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโทษและผลกระทบของการใช้ยาเสพติด รวมถึงการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางสายด่วน อย. 1556 กด 3 หรือโทร 0 2590 7343 รวมถึงผ่าน Facebook: FDA Thai

มาตรการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน

รัฐบาลยังได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตา ช่วยเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ ‘พอตเค’ และสารเสพติดรูปแบบอื่นๆ ที่อาจเข้ามาในพื้นที่ โดยการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและประชาชนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมไทย

การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันการแพร่ระบาดของสารเสพติดรูปแบบใหม่ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจแม่จันจับ 7 เยาวชนลักรถจักรยานยนต์

ตำรวจแม่จันรวบ 7 เยาวชนคดีลักรถจักรยานยนต์ สืบสวนลึกพบเชื่อมโยงหลายพื้นที่

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 พันตำรวจเอกเกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน ภ.จว.เชียงราย พร้อมด้วย พันตำรวจโท สาคร ขัตติยะบุตร รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.ภูริวัฒ รุจิรัฐภาส รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.ศุภกรณ์ชัย เดชายิ้มสวัสดิ์ รอง ผกก.สส. สภ.แม่จัน ได้ร่วมกันทำการสอบสวนคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นเยาวชนจำนวน 7 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 14-15 ปี และเชื่อมโยงการก่อเหตุในหลายพื้นที่

คดีเริ่มต้นจากการตรวจยึดรถดัดแปลง

คดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพจำนวน 2 คัน นำส่งพนักงานสอบสวนไว้ที่โรงจอดรถของ สภ.แม่จัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันที่ 16 มกราคม 2568 พบว่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทา-ดำ ทะเบียนเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในของกลางได้หายไปจากโรงจอดรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ที่นำรถออกไปคือ ด.ช.เอ (สงวนนามสกุล)

สืบสวนจนพบผู้ต้องสงสัยและจับกุม

หลังจากตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามตัว โดยในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาบริเวณด้านหลังศูนย์จราจร และเข้าไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ที่โรงเก็บรถของ สภ.แม่จัน ชุดสืบสวนติดตามเส้นทางหลบหนีจนกระทั่งพบว่า ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปยังพื้นที่บ้านแม่คีหัวสะพาน ม.7 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน

ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 19 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 7 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด แบ่งเป็นชาย 5 คน และหญิง 2 คน โดยมีภูมิลำเนาแตกต่างกัน ได้แก่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่, ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด, ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ข้อกล่าวหาและกระบวนการดำเนินคดี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้ร่วมกันพยายามลักทรัพย์และก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

การประสานงานระหว่างพื้นที่

คดีนี้เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานตำรวจในพื้นที่หลายจังหวัด โดยมีการตรวจสอบข้อมูลและเชื่อมโยงเส้นทางหลบหนี รวมถึงประสานข้อมูลกับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งทำให้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

ตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย และเตรียมสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภ.แม่จัน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ประกวดดาวจรัสฟ้าเชียงราย 2568 ส่งเสริมพลังผู้สูงวัย

จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรมประกวด “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัย มุ่งสร้างสังคมเห็นคุณค่า

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงรายจัดแถลงข่าวกิจกรรมประกวด “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด ผู้สูงอายุสุขภาพดี ชีวีมีสุข” โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ การแสดงศักยภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ รวมถึงกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของผู้สูงวัย

งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ภายในงานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 21 โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม ได้แก่ นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และนางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

การประกวดจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2568 ภายในงานพ่อขุนเม็งรายมหาราชและกาชาด ประจำปี 2568 ณ สนามบินเก่า อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ผู้เข้าประกวดต้องเป็นสุภาพสตรีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีภูมิลำเนาในจังหวัดเชียงราย สุขภาพสมบูรณ์ และแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองล้านนาหรือชุดชาติพันธุ์ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 32,000 บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพาย

ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย

นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า กล่าวถึงนโยบายดูแลผู้สูงอายุแบบบูรณาการ โดยเน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ครอบคลุม การพัฒนาบุคลากรดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และการปรับปรุงระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าการดำเนินงานดังกล่าวช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายในการพัฒนาบุคลากรด้านการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน

สร้างแรงบันดาลใจและความสุขในสังคม
นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่างานประกวดครั้งนี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพและกำลังใจแก่ผู้สูงวัย ยังแสดงถึงความภาคภูมิใจและศักยภาพของพวกเขาในฐานะส่วนสำคัญของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุ

เชิญเที่ยวงาน ชมวิถีชีวิตล้านนา

ด้านนางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมเยี่ยมชมเชียงราย เมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ โดยเฉพาะกิจกรรม “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ และเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้แสดงความสามารถ

เชียงรายมุ่งสู่ความยั่งยืน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพและสร้างกำลังใจแก่ผู้สูงอายุ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของจังหวัดเชียงรายที่ต้องการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และวัฒนธรรมท้องถิ่น

เชียงราย เมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วิถีถิ่นร่วมสมัย เกษตรกรรมมูลค่าสูง สิ่งแวดล้อมสมดุล มุ่งสู่ความยั่งยืน”

ข้อมูลการจัดกิจกรรม

  • วันที่: 30 มกราคม 2568
  • สถานที่: สนามบินเก่า อำเภอเมืองเชียงราย
  • การแต่งกาย: ชุดพื้นเมืองล้านนา หรือชุดชาติพันธุ์
  • รางวัล: เงินรางวัลรวมกว่า 32,000 บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพาย

งานนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน และให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุในฐานะกำลังสำคัญของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ ลุยลด PM 2.5 สั่งตรวจเข้มการเผาเกษตร

นายกฯ เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ออกมาตรการลดการเผา สั่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจดรายชื่อผู้เผา

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งปีนี้ค่าฝุ่นมาเร็วกว่าปกติ โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาในภาคเกษตรกรรมและสภาพอากาศหนาวเย็นที่รุนแรงมากขึ้น

มาตรการระยะสั้นและระยะยาว

ในระยะสั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการควบคุมการเผา รวมถึงกำหนดบทลงโทษ เช่น ลดค่าช่วยเหลือเกษตรกรต่อไร่ พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบและจดบันทึกรายชื่อผู้ที่เผา

ในระยะยาว รัฐบาลเตรียมเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันออกมาตรการลดการเผาในพื้นที่ใกล้ชายแดน พร้อมส่งเสริมวิธีการเกษตรที่ไม่ใช้การเผาเพื่อทดแทน

การบูรณาการจากทุกหน่วยงาน

รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดูแลผู้ประกอบการที่รับซื้ออ้อยจากการเผา เพื่อให้ออกมาตรการที่ชัดเจน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ประชาสัมพันธ์ลดการเผาและแนะนำวิธีการจัดการเกษตรกรรมแบบยั่งยืน

กระทรวงคมนาคมได้กำชับให้ตรวจสอบรถขนาดใหญ่ที่ปล่อยควันพิษ และกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่

การคาดการณ์และผลกระทบ

จากข้อมูลดาวเทียมพบว่าจุด Hotspot ในภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งลมจากภาคเหนือจะพัดเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในปลายเดือนมกราคม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ต้องดำเนินการแบบบูรณาการและวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้สถานการณ์ในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. อบรมวิทยากรอำเภอทั่วพื้นที่เชียงราย

จังหวัดเชียงรายจัดอบรมวิทยากรอำเภอ เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. 2568

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงรายได้จัดโครงการฝึกอบรมวิทยากรอำเภอสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายก อบจ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง

พิธีเปิดการอบรมที่โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท

นายปรพล ภูตระกูล กรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการฝึกอบรม ณ โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท เชียงราย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2568 โดยมีวิทยากรจาก 18 อำเภอของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม นายปรพลได้กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด

เนื้อหาการอบรมและเป้าหมายการจัดงาน

การอบรมในครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง การปฏิบัติงานของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) การจัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งและเขตเลือกตั้ง ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับการสนับสนุนให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

สมาชิกสภา อบจ. และนายก อบจ. เชียงราย ดำรงตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และตามกฎหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันหลังครบวาระ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญในระดับท้องถิ่น

การเตรียมความพร้อมและเป้าหมายของการอบรม

นายปรพล ภูตระกูล เน้นย้ำว่า การอบรมครั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและส่งเสริมการเลือกตั้งที่มีคุณภาพในระดับท้องถิ่น

ความสำคัญต่อประชาธิปไตยในพื้นที่

การจัดอบรมวิทยากรอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการส่งเสริมประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น โดยให้ความสำคัญกับความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

ด้วยความพร้อมที่เกิดขึ้นจากการอบรมครั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมุ่งมั่นที่จะทำให้การเลือกตั้ง อบจ. เชียงรายในปี 2568 เป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยในพื้นที่อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

ทักษิณชี้ผลโพล “อาจคลาดเคลื่อน” หลังปราศรัยเชียงใหม่-เชียงราย

ศูนย์นิด้าโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน “ทักษิณปราศรัยเชียงใหม่ เชียงราย ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งหรือไม่?”

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ทักษิณปราศรัยเชียงใหม่ เชียงราย…แล้วเราควรตัดสินใจอย่างไร” ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2568 จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,803 คน ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้

การตัดสินใจเลือกตั้งในเชียงใหม่

ผลสำรวจพบว่า สำหรับการปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อสนับสนุนผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พรรคเพื่อไทยในเชียงใหม่ ประชาชนร้อยละ 37.11 ระบุว่าไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ขณะที่ร้อยละ 23.24 ระบุว่าส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย

ส่วนร้อยละ 17.06 ระบุว่าไม่ส่งผลเพราะจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ร้อยละ 13.59 ยังไม่ตัดสินใจ และร้อยละ 9.00 ระบุว่าส่งผลต่อการตัดสินใจไม่เลือกพรรคเพื่อไทย

ด้านผลต่อการเลือกตั้ง ส.ส. เชียงใหม่ในอนาคต พบว่าร้อยละ 30.37 ระบุว่าไม่ส่งผลเลย รองลงมาร้อยละ 28.87 ระบุว่าส่งผลมาก และร้อยละ 24.74 ระบุว่าค่อนข้างส่งผล

การตัดสินใจเลือกตั้งในเชียงราย

ในเชียงราย ประชาชนร้อยละ 33.01 ระบุว่าการปราศรัยของนายทักษิณไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เพราะจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทย รองลงมาร้อยละ 26.09 ระบุว่าส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 17.12 ระบุว่าไม่ส่งผลเพราะจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว

ส่วนร้อยละ 14.54 ยังไม่ตัดสินใจ และร้อยละ 9.24 ระบุว่าส่งผลต่อการตัดสินใจไม่เลือกพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามถึงผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ส.ส. เชียงรายในอนาคต ร้อยละ 36.96 ระบุว่าไม่ส่งผลเลย ขณะที่ร้อยละ 25.95 ระบุว่าส่งผลมาก

ลักษณะทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม

สำหรับเชียงใหม่ ตัวอย่างร้อยละ 47.05 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.95 เป็นเพศหญิง ส่วนใหญ่มีอายุ 46-59 ปี (ร้อยละ 23.43) และอายุ 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 29.52)

ในเชียงราย ตัวอย่างร้อยละ 47.96 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.04 เป็นเพศหญิง โดยกลุ่มอายุ 46-59 ปี คิดเป็นร้อยละ 25.41 และอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.07

ทักษิณชี้ผลโพล “อาจคลาดเคลื่อน”

นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงผลโพลดังกล่าวว่า “อ่อ มั่ว” พร้อมตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของผลสำรวจ เขาเปรียบเทียบกับโพลในอดีตที่มักสะท้อนผลตรงข้าม

ศูนย์นิด้าโพลระบุว่าผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่หลากหลาย และอาจบ่งชี้ถึงทิศทางการตัดสินใจของประชาชนในอนาคต โดยเฉพาะการเลือกตั้งระดับชาติ

บทสรุป

ผลการสำรวจจากนิด้าโพลสะท้อนถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการปราศรัยของทักษิณ ชินวัตร ที่มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจมีผลต่อการเลือกตั้งในอนาคต การสำรวจนี้เป็นการเปิดเวทีให้เห็นถึงความคิดของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ที่มีความสำคัญทางการเมืองอย่างมาก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE