Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเปิดตัวเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก ยกระดับศิลปะท้องถิ่นสู่โลก

เชียงรายเปิดตัวเชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบในเครือข่าย UNESCO พร้อมยกระดับวัฒนธรรม

วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เวลา 15.30 น. ณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดกิจกรรม “เชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ” โดยได้รับเกียรติจากนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ภายใต้การดำเนินงานของจังหวัดเชียงรายและการร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ภาคการศึกษา เอกชนและประชาสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนเมืองเชียงรายให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ในด้านการออกแบบ

ในงานได้รับการต้อนรับจากอาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และนางอธิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ที่ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและรับทราบถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ โดยเน้นย้ำว่านี่คือโอกาสสำคัญที่เชียงรายจะได้ใช้ศิลปวัฒนธรรมและการออกแบบเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น

ในการประชุมยังได้มีการนำเสนอผลงานการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์โดยนางพร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ และรองศาสตราจารย์ ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง จากสถาบันศิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งอธิบายถึงการพัฒนาตามแผนที่นำทางที่ชัดเจน โดยมีพันธสัญญาที่มุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดเชียงรายที่ว่า “เชียงรายเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ สะอาด ปลอดภัย น่ายล”

กิจกรรมไฮไลท์ภายในงาน

  1. การลงนามปฏิญาณเชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ
    ปฏิญญานี้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของหน่วยงานและประชาชนในเชียงรายที่พร้อมจะร่วมกันสร้างสรรค์ให้เชียงรายก้าวเข้าสู่การเป็นเมืองแห่งการออกแบบที่น่ายกย่องในระดับสากล
  2. นิทรรศการเครือข่ายเชียงรายเมืองสร้างสรรค์
    นิทรรศการนี้นำเสนอผลงานและความสำเร็จของเชียงรายในด้านการออกแบบที่เป็นที่ยอมรับจาก UNESCO โดยเน้นการบูรณาการศิลปะและวัฒนธรรมให้มีบทบาทในการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการนำเสนอความงามและเอกลักษณ์ของท้องถิ่นผ่านศิลปะการออกแบบที่หลากหลาย

ภายในงานยังมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน อาทิ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย นางฐิติมา เร่งประเสริฐ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย นางธนัญญา เชิดโฉม รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย และนายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย รวมถึงเครือข่ายชุมชนและนักออกแบบเชียงราย ที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเตรียมพร้อมงานลอยสะเปา ล่องนที สลียี่เป็ง ร่วมสืบสานประเพณีไทย

เทศบาลนครเชียงรายเตรียมพร้อมลอยสะเปาล่องนที สืบสานวัฒนธรรมยี่เป็ง

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เทศบาลนครเชียงรายได้จัดการประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับงานประเพณีลอยกระทง “ลอยสะเปา ล่องนที สลียี่เป็ง” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก หลังวัดฝั่งหมิ่น โดยมุ่งเน้นการสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นเชียงราย ให้กับคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้และร่วมอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของภาคเหนือ

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วย พ.จ.อ. อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย น.ส.วรรณพัชร จินดาขัติ เลขานุการนายกเทศมนตรี นางอำไพ จันทร์เงิน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เทศบาล ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมกับพี่น้องชุมชนฝั่งหมิ่น เพื่อให้การจัดงานครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีคุณภาพ สร้างความทรงจำที่ดีให้กับผู้ร่วมงาน

กิจกรรมไฮไลท์ในงานลอยสะเปา ล่องนที สลียี่เป็ง งานประเพณีครั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่สะท้อนถึงความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นเชียงราย เช่น

  • การประกวดกระทงใหญ่ ที่จะนำเสนองานฝีมือและการสร้างสรรค์ผลงานจากชุมชนต่าง ๆ
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรม โดยมีการแสดงดนตรีพื้นบ้าน การรำยี่เป็งและการแสดงชุดพิเศษที่สื่อถึงความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมไทยล้านนา
  • การประกวดคลิปสั้นบนแพลตฟอร์ม TikTok ภายใต้แนวคิด “ฮีลใจ ฮีลความสุข” โดยผู้เข้าร่วมสามารถสร้างสรรค์คลิปที่เกี่ยวข้องกับงานลอยกระทงในลักษณะการส่งเสริมประเพณีและความสนุกสนานในรูปแบบที่คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงได้

การดูแลความปลอดภัยและสุขอนามัยในงาน เทศบาลนครเชียงรายให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้เข้าร่วมงานเป็นหลัก โดยมีการวางมาตรการควบคุมเพื่อให้ผู้ร่วมงานสามารถสนุกสนานได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ ซึ่งจะมีการตรวจสอบและควบคุมความปลอดภัยในการจัดงานบริเวณริมน้ำกก รวมถึงการควบคุมด้านการกำจัดขยะหลังการจัดงานเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การจัดงานลอยกระทงในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสืบสานวัฒนธรรมของชาวเชียงรายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับจังหวัดเชียงราย ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและต้องการสัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมของประเพณีลอยกระทงแบบเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มหากฐิน มหากุศล เชียงราย 2567 พลังศรัทธาไทย วัดแสงแก้วโพธิญาณ

พิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 “มหากฐิน มหากุศล” ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 15.30 น. วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” โดยมีพระมหาสุบรรณ มหาคัมภีโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงและเจ้าคณะอำเภอแม่สรวย เป็นประธานในพิธีทอดกฐิน ส่วนพระภาวนารัตนญาณวิ (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นผู้รับการถวายกฐิน โดยมีพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และคณะศรัทธาที่นับถือวัดแสงแก้วโพธิญาณเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนถึงความศรัทธาอันลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาและในประเพณีทอดกฐินสามัคคี

ความสำคัญของพิธีทอดกฐิน

การทอดกฐิน หรือการกรานกฐินเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางพระวินัยที่พระภิกษุสงฆ์พึงกระทำร่วมกันภายในระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละปี ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 การทอดกฐินมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ รวมถึงการช่วยเหลือพระภิกษุที่มีจีวรชำรุดหรือขาดแคลนด้วย โดยการถวายผ้ากฐินนี้จะถูกจัดเป็นสังฆทาน กล่าวคือ การถวายแก่คณะสงฆ์ทั้งหมดโดยไม่เจาะจงแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อผ้ากฐินได้รับการถวาย พระภิกษุในวัดนั้น ๆ จะนำผ้ามาอุปโลกน์หรือการมอบให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งในคณะสงฆ์เพื่อใช้งาน ซึ่งการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนจึงถือว่าเป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์สูง และเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

วัตถุประสงค์ของพิธีทอดกฐินสามัคคี

การทอดกฐินนอกจากจะเป็นการบำเพ็ญบุญส่วนตัวและร่วมบุญกับหมู่คณะแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการประสานงานและการรวมพลังในชุมชน โดยผู้มาร่วมพิธีจะได้ร่วมกันบำเพ็ญบุญสร้างกุศลที่ช่วยสนับสนุนคณะสงฆ์ให้สามารถดำเนินกิจวัตรและปฏิบัติธรรมได้อย่างราบรื่น ในปีนี้การทอดกฐินสามัคคีจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของบุญกุศลอันใหญ่ยิ่งที่ผู้ร่วมงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการถวาย

บรรยากาศของพิธีและความศรัทธาของชุมชน

ภายในงานมีประชาชนจากหลายพื้นที่เดินทางมาร่วมพิธีอย่างหนาแน่น ทั้งชาวบ้านในอำเภอแม่สรวยและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความศรัทธาในครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ทำให้บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบและศรัทธา โดยทุกคนที่มาร่วมงานต่างตั้งใจฟังการสวดมนต์และการเทศน์จากครูบาอริยชาติ ซึ่งท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการบำเพ็ญกุศลและการรักษาความสามัคคีในหมู่คณะ นอกจากนี้ท่านยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างสมถะและการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

การสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรม

พิธีทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมพิธีถวายผ้ากฐินสามัคคีวัดแสงแก้วโพธิญาณในครั้งนี้อีกด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญของชุมชน การสนับสนุนของหน่วยงานเหล่านี้ช่วยเพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนาในชุมชน ทำให้ประเพณีการทอดกฐินยังคงดำรงอยู่และเติบโตไปอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี

การอนุเคราะห์ภิกษุและการสนับสนุนคณะสงฆ์

การทอดกฐินยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือพระภิกษุที่ขาดแคลนหรือมีจีวรที่ชำรุด การถวายผ้ากฐินในแต่ละปีจะช่วยให้พระสงฆ์ที่ได้รับการอุปโลกน์สามารถนำจีวรไปใช้ในการประกอบกิจของสงฆ์ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ การสนับสนุนนี้ยังช่วยให้วัดสามารถบำรุงและซ่อมแซมอาคารสถานที่ของวัดและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในกิจการทางศาสนา ทำให้วัดแสงแก้วโพธิญาณและวัดอื่น ๆ ในชุมชนสามารถดำเนินการสอนธรรมะและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป: บุญใหญ่ของชาวพุทธในวันทอดกฐินสามัคคี

พิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณประจำปี 2567 นี้ เป็นอีกครั้งที่ชาวพุทธได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญร่วมกันเพื่อสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ การทำบุญทอดกฐินไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนคณะสงฆ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความผูกพันในชุมชน รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจกันทำบุญให้แก่คณะสงฆ์ ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีที่สืบทอดมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีความตระหนักถึงคุณค่าของการทำบุญและการรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวพุทธไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

Save เฮือนบรรพบุรุษ เชียงของ ส่งเสริมอนุรักษ์เรือนโบราณ

 

เมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้จัดงานเสวนาวิชาการในหัวข้อ “Save เฮือนบรรพบุรุษ เชียงของ” ภายใต้โครงการอนุรักษ์เรือนโบราณในพื้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยงานเสวนานี้จัดขึ้นที่อาคารศาลาอเนกประสงค์ วัดป่าหวายขุมเงิน มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโบราณของชาวเชียงของที่มีคุณค่าในด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และภูมิปัญญาชาวบ้าน

ความร่วมมือในการอนุรักษ์เรือนโบราณ

งานนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ที่ว่าการอำเภอเชียงของ เทศบาลตำบลเวียงเชียงของ และสถาบันศิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งนำโดยนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ และมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในด้านการอนุรักษ์เรือนโบราณหลายท่านเข้าร่วม ทั้งพระครูสุจิณวรคุณ เจ้าคณะตำบลศรีดอนชัย และนายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศักดิ์ ศิลปินล้านนาและนักอนุรักษ์ชุมชน นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการในท้องถิ่น และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

จุดประสงค์ของโครงการอนุรักษ์

การจัดงานเสวนาวิชาการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ที่ต่อยอดมาจากกิจกรรม “SAVE 50 เฮือนโบราณเชียงราย” ซึ่งจัดขึ้นในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Chiang Rai 2023 และกิจกรรม “Save เฮือนบรรพบุรุษเชียงแสน” ที่จัดขึ้นในอำเภอเชียงแสน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในท้องถิ่นได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการอนุรักษ์บ้านเรือนบรรพบุรุษที่มีความเก่าแก่และมีคุณค่าทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเรือนโบราณในพื้นที่อำเภอเชียงของที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในปัจจุบัน

บทบาทของศิลปินและนักอนุรักษ์ในชุมชน

นายรุ่งโรจน์ เปี่ยมยศศักดิ์ ศิลปินล้านนาและนักอนุรักษ์ชุมชน ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดทำโครงการนี้ ได้กล่าวถึงการศึกษาและค้นคว้าเรื่องราวของเรือนบรรพบุรุษในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะที่อำเภอเชียงแสน ที่ทำให้ประชาชนตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น การนำเสนอผลงานศิลปะเกี่ยวกับเรือนบรรพบุรุษของเชียงแสน ที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ได้จุดประกายให้เกิดความรู้สึกหวงแหนและอยากอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่สำคัญนี้ไว้

สรุปโครงการ Save เฮือนบรรพบุรุษ เชียงของ

โครงการ “Save เฮือนบรรพบุรุษ เชียงของ” จัดขึ้นเพื่อต่อยอดแนวความคิดในการอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในพื้นที่อำเภอเชียงของ การอนุรักษ์เรือนโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเชียงของนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดมาจากอดีต โครงการนี้มุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการอนุรักษ์และมีความรักหวงแหนในมรดกที่ได้รับจากบรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการศึกษาภูมิปัญญาในด้านต่าง ๆ ให้กับคนรุ่นหลัง

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชน

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การอนุรักษ์เรือนบรรพบุรุษในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วน ทั้งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และประชาชนในพื้นที่อำเภอเชียงของ โดยมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์บ้านเรือนโบราณอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จย่า ณ ดอยตุง เชียงราย

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 น. ได้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ณ ท้องพระโรงในพระตำหนักดอยตุง ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้

“พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์” 

พิธีนี้จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงอุทิศพระวรกายและเวลาเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมิได้ทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยาก พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์” และ “พระมารดาแห่งการแพทย์ชนบท” นอกจากนี้ ยังทรงได้รับการขนานนามว่า “แม่ฟ้าหลวง” ของปวงชนชาวไทย

ในพิธีนี้ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา และหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล พร้อมด้วยนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รวมถึงผู้มีเกียรติ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประชาชน ได้เข้าร่วมพิธีด้วยจิตคารวะ

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

ภายในงาน พระราชวชิรคณี (ประเสริฐ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา ได้ทำหน้าที่เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมด้วยพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ (บุญมา มานิโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 และเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จำนวน 10 รูป ที่ได้ร่วมกันสวดพระพุทธมนต์ สดับปกรณ์ และอนุโมทนา เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ดำเนินการจัดพิธีในครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมและพัฒนาชนบทของไทย ในทุกภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมโครงการต่างๆ ในด้านการแพทย์ชนบทและการพัฒนาชุมชน ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของไทย ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงทำอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พระองค์ได้ก่อตั้งโครงการหลวงต่าง ๆ ซึ่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาพยาบาลและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร นอกจากนี้ ทรงส่งเสริมการศึกษาและสังคมสงเคราะห์ให้กับประชาชนในชนบท โดยไม่เคยทรงละเลยในการช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาส

เพื่อแสดงถึงความเคารพ

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ก็ได้เข้าร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศลครั้งนี้เช่นกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อแสดงถึงความเคารพและน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

พิธีบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการประพฤติตนตามแบบอย่างของพระองค์ ที่ทรงมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุด

โดยสรุปแล้ว

โดยสรุปแล้ว พิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการศึกษา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นิทรรศการฟื้นฟูเชียงรายผ่านศิลปะและบทเรียนภัยพิบัติ 19 ต.ค. นี้

นิทรรศการ LOST&FOUND: ฟื้นฟูชุมชนเชียงรายผ่านศิลปะและการเรียนรู้ภัยพิบัติ

ในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ศิลปินจากทั่วจังหวัดเชียงรายและจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ เตรียมจัดแสดงนิทรรศการจดหมายเหตุฉบับประชาชน “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567 (Chiangrai Disaster Archives 2024) เพื่อนำเสนอเหตุการณ์ประวัติศาสตร์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ผ่านผลงานจิตรกรรม ภาพถ่าย วีดีโอ การจัดวาง และงานประติมากรรม โดยมีผลงานของศิลปินทั้งภายในจังหวัดและต่างจังหวัดร่วมแสดงผลงานมากกว่า 100 ชิ้น โดยจะมีกำหนดจัดนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ไปจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) โดยจะมีกิจกรรมการเปิดงานนิทรรศการขึ้นในวันที่ 19 ต.ค. 67 ที่ลานกิจกรรมชั้น 2 ซึ่งในวันดังกล่าวจะมีการเสวนาเชิงวิชาการภายใต้หัวข้อ “ถอดบทเรียนภัยพิบัติมหาอุทกภัยเชียงราย 2567” มองประวัติศาสตร์ เพื่อเรียนรู้ ป้องกัน ฟื้นฟู เชียงราย ซึ่งยังมีเปิดตัวนิทรรศการ LOST&FOUND “หมีเกย วาดหวัง ฟื้นฟู : เจียงฮายบ้านเฮา” เป็นส่วนหนึ่งในกระบอกเสียงในการประกาศตามหาเจ้าของรับน้องๆ กลับบ้าน นำเสนอผ่านงานศิลปะที่สะท้อนถึงการถอดบทเรียนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ของดร.สืบสกุล กิจนุกร  ชื่อ “หมีเกย” ซึ่งคำว่า “เกย” ในภาษาเหนือก็จะตรงกับคำว่า “คุ้นเคย” ในภาษากลาง อีกด้วย

บทเรียนจากมหาอุทกภัยเชียงราย 2567

นิทรรศการนี้ไม่เพียงแค่แสดงผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการถอดบทเรียนภัยพิบัติผ่านนิทรรศการศิลปะและจดหมายเหตุฉบับประชาชน “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” โดย รศ.ดร สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ประธานมูลนิธิมดชนะภัย อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงความรู้ด้านธรรมชาติของดินถล่มและการบริหารจัดการตนเองให้มีความปลอดภัย การเข้าใจธรรมชาติของภูเขาเหมือนกับการเข้าใจทะเลจะช่วยให้ชาวเชียงรายสามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย

การถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านศิลปะ

ในช่วงเวลานี้ นักศิลปะและชุมชนได้ร่วมมือกันบันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เชียงรายผ่านภาพถ่าย ภาพวาด คลิปวิดีโอ และตุ๊กตาหมีเกยที่ถูกน้ำพัดติดตาม จุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและหาทางแก้ไขปัญหาในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนาเชิงวิชาการภายใต้หัวข้อ “ถอดบทเรียนภัยพิบัติมหาอุทกภัยเชียงราย 2567” ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนาจากทั้งวงการวิชาการและศิลปะ ได้แก่ ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง, นายอภิชิต ศิริชัย นายสุวิทย์ ใจป้อม และปาฐกาพิเศษโดยศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย 

การฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัย

นิทรรศการยังมุ่งเน้นการฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยผ่านการนำเสนอ ‘ตุ๊กตาหมีเกย’ ที่ถูกออกแบบโดยศิลปินเชียงราย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูและการกลับมาของความหวัง นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลด้านประวัติศาสตร์เมืองเชียงรายและการเชื่อมโยงถึงภูมิศาสตร์ทิศทางการไหลของแม่น้ำกก เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น

การมีส่วนร่วมของชุมชนและศิลปิน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ได้เชิญศิลปินจากทั่วประเทศมาร่วมส่งผลงานจัดแสดงในนิทรรศการโดยไม่จำกัดเทคนิค วิธีการและขนาดของผลงาน เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์จากชุมชนต่างๆ และนำไปสู่การจัดทำหนังสือจดหมายเหตุฉบับประชาชน ซึ่งจะเป็นบันทึกเหตุการณ์และบทเรียนที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาในอนาคต

การประมูลผลงานเพื่อพัฒนาเชียงราย

หลังจากนิทรรศการสิ้นสุดลง จะมีการเปิดประมูลผลงานศิลปะเพื่อระดมทุนในการพัฒนาเมืองเชียงรายต่อไป โดยศิลปินและผู้สนับสนุนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และฟื้นฟูชุมชนให้กลับมามีความสุขและปลอดภัยอีกครั้ง

สรุป

นิทรรศการนี้เป็นการรวมพลังของศิลปะและความรู้ทางวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจและเรียนรู้จากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในเชียงราย ผ่านการนำเสนอผลงานศิลปะที่หลากหลายและการมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้ผู้เข้าชมสามารถรับรู้และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เชียงราย: ความร่วมมือเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ จุฬาราชมนตรีได้ลงพื้นที่เพื่อมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นเวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ชุมชนมุสลิมกกโท้ง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

การมอบเงินช่วยเหลือเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัย

ในวันอาทิตย์ที่กล่าวมา อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย ร่วมกันมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงราย

ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้กล่าวต้อนรับการมอบเงินช่วยเหลือนี้ พร้อมด้วยประชาชนชาวไทยมุสลิมและชาวไทยพุทธที่มาร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ ชุมชนมุสลิมกกโท้ง

คำกล่าวของอาจารย์อรุณ บุญชม

อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่จังหวัดเชียงรายประสบอุทกภัย ทางคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ออกประกาศเพื่อร่วมบริจาคเงินนำมามอบให้กับพี่น้องชาวเชียงรายที่ประสบภัย โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางศาสนาและเชื้อชาติ

การสนับสนุนจากพระมหากษัตริย์

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการอยู่ร่วมกันของทั้ง ๕ ศาสนา โดยไร้ซึ่งความขัดแย้งกัน พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกที่ดูแลทุกศาสนาและให้ความอนุเคราะห์อย่างเท่าเทียมกัน ทำให้บ้านเมืองของเราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

การร่วมบริจาคจากพระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง

พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ได้ร่วมสมทบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ เพื่อให้กำลังใจและเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การมีส่วนร่วมของหน่วยงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมการต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานดังกล่าว

ผลกระทบของน้ำท่วมต่อชุมชนเชียงราย

น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายที่มีภูมิประเทศเป็นเขตหุบเขาและมีการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ การเกิดน้ำท่วมครั้งนี้ทำให้หลายครัวเรือนต้องสูญเสียทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย

การฟื้นฟูและช่วยเหลือหลังน้ำท่วม

การมอบเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตได้เร็วขึ้น แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนให้สามารถเผชิญกับภัยธรรมชาติในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

บทบาทของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและจัดสรรทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกภาคส่วน การมีส่วนร่วมจากหลายองค์กรช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ต้องการ

การสนับสนุนจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนทางการเงินและการจัดการทรัพยากร เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างราบรื่นและทันเวลา

ความสำคัญของความสามัคคีในชุมชน

การที่ชุมชนมุสลิมและชาวพุทธมาร่วมกันต้อนรับและให้การสนับสนุนกันแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความร่วมมือที่เข้มแข็งในสังคมไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและมั่นคง

การส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างศาสนา

การมีปฏิสัมพันธ์และการสนับสนุนกันระหว่างศาสนาต่างๆ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้ง ทำให้สังคมไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความสุข

การตอบสนองของประชาชนในเหตุการณ์น้ำท่วม

ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างมาก หลายคนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีวิตประจำวัน การมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มาช่วยเหลือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นได้

การมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟู

ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การร่วมมือกันระหว่างประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

แผนการฟื้นฟูระยะยาวสำหรับจังหวัดเชียงราย

การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมไม่เพียงแต่เน้นที่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที แต่ยังต้องมีแผนการฟื้นฟูระยะยาวเพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมสำหรับภัยธรรมชาติในอนาคต

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเตือนภัย

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อภัยน้ำท่วมและการติดตั้งระบบเตือนภัยที่ทันสมัย เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

การวิเคราะห์และเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

การประเมินผลการช่วยเหลือและการฟื้นฟู

การประเมินผลการช่วยเหลือและการฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบประสิทธิภาพของการดำเนินงานและการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรเอกชน หรือประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและสามารถเผชิญกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรต่างๆ

องค์กรต่างๆ ควรมีบทบาทในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน การจัดหาอาหารและเครื่องใช้ หรือการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนด้านจิตใจ

สรุป

การมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เชียงรายโดยจุฬาราชมนตรีและคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือและความสามัคคีในสังคมไทย การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติในอนาคต และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเชียงราย พร้อมเสริมสร้างความสามัคคีทางศาสนา

 

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเชียงราย พร้อมเสริมสร้างความสามัคคีทางศาสนา

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 จุฬาราชมนตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครเชียงราย จำนวน 144 ราย ณ มัสยิดดารุลอามาน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย การมอบเงินครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากชาวไทยมุสลิมและไทยพุทธในพื้นที่

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากคณะกรรมการกลางอิสลาม

อาจารย์ อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี กล่าวว่าตั้งแต่วันแรกที่เชียงรายประสบอุทกภัย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือพี่น้องชาวเชียงรายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางศาสนา ประเทศไทยที่มีศาสนาหลากหลายศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ภายใต้การดูแลของพระมหากษัตริย์ที่เป็นอัครศาสนูปถัมภก

ความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนในการฟื้นฟูเชียงราย

เหตุการณ์น้ำท่วมที่เชียงรายได้นำพาดินโคลนมากับน้ำ ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวเชียงรายอย่างเต็มใจ นายธีระ ยีโกบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มอบเงินสมทบจำนวน 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย พร้อมฝากความห่วงใยและความเอื้ออาทรต่อผู้ประสบภัย

นโยบายสนับสนุนผู้ประสบภัยจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้ประกาศมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงนโยบายช่วยเหลือพักชำระเงินต้น 6 เดือน เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่พร้อมสนับสนุนการฟื้นฟูสภาพชีวิตของผู้ได้รับผลกระทบ

ความสามัคคีและการช่วยเหลือในภาวะวิกฤติ

การมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือทางการเงิน แต่ยังเป็นสัญญาณของความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของคนไทยทุกศาสนา การตอบรับที่ดีจากประชาชนทั้งมุสลิมและพุทธแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความเอื้ออาทรที่มีต่อกันในสังคมไทย

อนาคตที่สดใสหลังน้ำท่วม

การช่วยเหลือจากคณะกรรมการกลางอิสลามและภาคส่วนอื่นๆ ทำให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมสามารถฟื้นตัวและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับชุมชนเชียงรายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วัดพระธาตุผาเงาแต่งแต้มสีสันถนนสายใหม่ สร้างสรรค์พื้นที่ให้สวยงาม

 

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาว่าที่วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กำลังดำเนินการปรับปรุงและทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อเตรียมปรับโฉมถนนสายหลักหน้าวิหารหลวงพ่อผาเงาให้สวยงาม พร้อมเผยโฉมเป็นถนนสายใหม่ที่ล้ำด้วยวัฒนธรรมและสีสันอันสดใส โดยการปรับปรุงถนนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของชุมชนและทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการป้ายสี ที่มุ่งสร้างสรรค์พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้เป็นสถานที่ที่งดงามและเต็มไปด้วยพลังบวก

ปรับปรุงถนนหน้าวิหารหลวงพ่อผาเงา: เปลี่ยนขาวเป็นเขียว เติมสีสันให้สบายตา

การปรับปรุงถนนครั้งนี้เริ่มจากการทำความสะอาดพื้นผิวถนนทั้งหมดก่อนเริ่มการ “ป้ายสีถนน” โดยมีการเลือกใช้สีเขียวอ่อนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความรู้สึกสดชื่น สบายตา และเหมาะสมกับบรรยากาศของวัด ในพื้นที่ตั้งแต่ หน้ากุฏิท่านเจ้าคุณ ไปจนถึง ศาลาศรัทธาพุทธบารมี (ศาลาวัตถุมงคล) รวมถึงสี่แยกขึ้นดอย ทั้งนี้ ทีมงานได้ลงมือทำงานอย่างประณีตและพร้อมเพรียง โดยคำนึงถึงความสะอาดและความสวยงามของพื้นที่อย่างสูงสุด

งานแต่งแต้มสีสันครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทีมงานผู้ชำนาญการป้ายสี “ฝีมือเอกลานธรรม” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ลวดลายและปรับปรุงพื้นผิวถนนให้เรียบเนียนและสวยงามตามแบบฉบับของทีมงาน และยังช่วยเสริมความสวยงามให้แก่พื้นที่บริเวณโดยรอบ โดยนอกจากสีเขียวอ่อนแล้วยังมีการใช้สีอื่น ๆ ในการตกแต่งจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น ขอบถนนและทางแยก เพื่อเน้นความโดดเด่นและช่วยให้ผู้ที่มาสักการะสามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนมากขึ้น

ความร่วมมือของชุมชนและทีมงาน: สร้างพื้นที่แห่งความสุขและความสามัคคี

โครงการฟื้นฟูถนนสายหลักในวัดพระธาตุผาเงาครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากคณะสงฆ์ในวัด ประชาชนในชุมชนรอบข้าง รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่มาร่วมมือกันอย่างเต็มกำลัง ทุกคนต่างตั้งใจทำงานเพื่อให้วัดพระธาตุผาเงากลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่งดงามและเป็นที่พักใจของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

 

นอกจากทีมงานหลักที่ประกอบด้วย ดร.พระมหาศรีพยัคฆ์ สิริวิญฺญู, พระมหาพงษ์เพชร จนฺทโชโต และพระมหาจิราพัด สิริจนฺโท แล้ว ยังมีทีมช่างฝีมือเอกจากหลายจังหวัดที่มาร่วมทำงานด้วยความตั้งใจ การทำงานในแต่ละโซนมีการจัดแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน เช่น

  1. โซนทำความสะอาด: รับผิดชอบการกวาดขยะและเศษดินออกจากพื้นถนน
  2. โซนป้ายสี: ใช้เครื่องมือพิเศษในการเคลือบพื้นผิวถนนให้เรียบเนียน และทาสีใหม่ให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศ
  3. โซนจัดแต่งและตกแต่งจุดสำคัญ: ตกแต่งจุดต่าง ๆ ด้วยสีที่มีความสดใส เพื่อเน้นจุดสังเกตและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้สัญจรในบริเวณดังกล่าว

ถนนใหม่ เติมสีสัน สะท้อนวัฒนธรรมและศิลปะไทย

การฟื้นฟูครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับปรุงถนน แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าและเสริมสร้างเอกลักษณ์ให้กับวัดพระธาตุผาเงา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย การนำสีสันมาแต่งแต้มบนถนน สะท้อนถึงความสวยงามแบบไทย และสร้างความโดดเด่นให้แก่เส้นทางหลักของวัด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ถนนสายนี้เป็นถนนศิลปะที่ทั้งสวยงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ

เตรียมพร้อมเผยโฉมถนนใหม่: สร้างสรรค์พื้นที่เพื่อความสุขของทุกคน

หลังจากการฟื้นฟูเสร็จสิ้น ถนนสายหลักหน้าวิหารหลวงพ่อผาเงาจะกลายเป็นถนนที่เฉิดฉายด้วยสีสันและความงดงาม ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความสบายตาให้แก่ผู้ที่มาสักการะแล้ว ยังเป็นการยกระดับพื้นที่ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น ทางวัดมีแผนที่จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเปิดตัวถนนสายใหม่อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถติดตามข่าวสารจากวัดได้ผ่านทางสื่อออนไลน์ของวัดพระธาตุผาเงา เพื่อมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองความสำเร็จของโครงการครั้งนี้

“ความสำเร็จของการฟื้นฟูในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การทำให้ถนนกลับมาสวยงาม แต่ยังเป็นการสร้างความภูมิใจให้กับชุมชนและผู้ที่มีส่วนร่วมทุกคน ที่ได้ช่วยกันสร้างสรรค์พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ให้สวยงามและโดดเด่นขึ้น” ดร.พระมหาศรีพยัคฆ์กล่าว

บทสรุป: วัดพระธาตุผาเงา สร้างสรรค์พื้นที่ด้วยสีสันและความศรัทธา

การฟื้นฟูและปรับปรุงถนนหน้าวิหารหลวงพ่อผาเงาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พื้นที่กลับมาสวยงาม แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมทุกคน ทั้งยังสะท้อนถึงพลังของศิลปะและวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งพักใจที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นโยบาย “วัฒนธรรมสร้างอนาคต” ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติทั่วประเทศ

 

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมถ่ายทอดนโยบายของ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมสร้างอนาคต” (Culture For The Future) ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วยผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรมจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อระดมความคิดเห็นและนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายในปีงบประมาณ 2568 อย่างเป็นรูปธรรม

วัฒนธรรม: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ในการประชุมครั้งนี้ เน้นการวางนโยบายภายใต้ 4 นโยบายหลัก ได้แก่

  1. การอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมดั้งเดิม
  2. การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากวัฒนธรรม
  3. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ
  4. การยกระดับและสร้างสรรค์กิจกรรมทางวัฒนธรรมใหม่ ๆ

โดยมุ่งเน้นแนวทางการทำงานแบบ “รักษาสิ่งเดิม เพิ่มเติมสิ่งใหม่” เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

วัฒนธรรม: พลังแห่งอนาคตเพื่อสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

นโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมในปีงบประมาณ 2568 ได้รับการถ่ายทอดผ่านแนวคิด “วัฒนธรรม คือ พลังแห่งอนาคต” โดยยึดหลักการขับเคลื่อน 4 นโยบาย 3 แนวทาง 2 รูปแบบการปฏิบัติ และ 1 เป้าหมายหลัก คือการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนางสาวสุดาวรรณกล่าวว่า “เศรษฐกิจวัฒนธรรม คือ กุญแจสำคัญที่ปลดล็อกประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”

การประชุมถ่ายทอดนโยบายและระดมความคิด

การประชุมในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการ สร้างความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ให้กับข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีการแบ่งกลุ่มย่อยตามสายงานเพื่อระดมความคิดเห็น และสรุปนโยบายจากไฟล์เอกสารและสื่อที่ได้รับจากสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ ข้าราชการทุกคนได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 และปีต่อไป เพื่อผลักดันนโยบายวัฒนธรรมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ในทุกพื้นที่

ผู้เข้าร่วมประชุมจากทุกภาคส่วนร่วมระดมความคิด

ผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย นางพรทิวา ขันธมาลา นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม, นางวนิดาพร ธิวงศ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม, นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ รักษาการแทนผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ, นายภัทรพงษ์ มะโนวัน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน, นางสาวมธุรส เมืองเสริม นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป พร้อมข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายกว่า 47 คน ที่เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

เป้าหมายการขับเคลื่อน: เศรษฐกิจวัฒนธรรม สู่การพัฒนาประเทศ

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการถ่ายทอดนโยบายจากส่วนกลางแล้ว ยังเป็นการ สร้างแนวทางปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละจังหวัด การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนได้รับความรู้และความเข้าใจที่ชัดเจน นำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงวัฒนธรรมให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายหลักของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

บทสรุป: วัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

การประชุมถ่ายทอดนโยบายครั้งนี้เป็นการวางรากฐานในการพัฒนาวัฒนธรรมให้เป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมและเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน โดยมีการวางแนวทางการปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News