Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เพิ่มโทษ – คุมโฆษณา พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ครม. มีมติอนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข สาระกฎหมายฉบับใหม่กำหนดการแก้ไขคำนิยาม ทั้ง“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” และ “การสื่อสารการตลาด” และเพิ่มเติมคำนิยาม “ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพื่อให้มีความชัดเจน และครอบคลุมการบำบัดรักษาในกลุ่มบุคคลมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
 
 
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายความรวมถึง วัตถุทั้งหลายหรือของผสมที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา หรือซึ่งดื่มกันไม่ได้ แต่เมื่อได้ผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา แต่ไม่รวมถึงเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 0.5 ดีกรี ไม่รวมถึงยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
 
 
การสื่อสารการตลาด หมายความว่า การกระทำใด ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อขายสินค้า บริการ หรือภาพลักษณ์ โดยการประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ข่าวสาร การส่งเสริมการขาย การแสดงสินค้า การจัดหรือสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ และการตลาดแบบตรง
 
 
ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายความว่า บุคคลที่มีรูปแบบการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ทางร่างกาย จิตใจหรือสังคม หรือเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งควรได้รับการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพ
 
 
คุมการโฆษณา เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณา โดยมีบทบัญญัติเรื่องการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจ และห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งอื่นใดที่อาจทำให้เข้าใจว่าหมายถึงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งห้ามมิให้การอุปถัมภ์หรือให้การสนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ในลักษณะที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่ใช้บังคับกับการบริจาคหรือการช่วยเหลือตามมนุษยธรรมในกรณีที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง
 
 
เพิ่มอำนาจการกำกับ เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของรัฐมนตรีในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานที่ห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติมได้บทลงโทษตามกฎหมาย ตามกฎหมายฉบับใหม่ได้กำหนดบทกำหนดโทษ เช่น เพิ่มเติมโทษในกรณีที่ฝ่าฝืนบริโภคเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 10,000 บาท เพิ่มอัตราโทษปรับในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้า จากเดิม
 
 
“ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็น “ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
 
ทั้งนี้ แม้ว่าจะผ่านการเห็นชอบในหลักการจาก ที่ประชุม ครม. แล้ว แต่นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติม ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม โดยอยากให้มองมิติด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากมิติด้านสุขภาพ
 
 
เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จึงเสนอเข้ามาให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาภายใน 1 สัปดาห์ และเมื่อ ครม. เห็นชอบรายละเอียดของกฎหมายทั้งหมดอีกครั้งแล้ว ก็ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำไปประมวลก่อนส่งไปรัฐสภาเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

8 มีนาคม วันสตรีสากล การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน

 

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ถือเป็น “วันสตรีสากล” หรือ International Women’s จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและสร้างความตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของผู้หญิง รวมถึงสิทธิมนุษยชนที่ผู้หญิงทุกคนพึงได้รับอย่างเท่าเทียม เสมอภาค โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติและการถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ซึ่งในปีนี้วันสตรีสากลได้เน้นย้ำถึง “การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน” (Inspire Inclusion) โดยทุกคนมีโอกาสและสิทธิเท่าเทียมกัน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ในการเข้าถึงและได้รับสิทธิ หน้าที่ และโอกาส ตามหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

รู้จักและเข้าใจความเสมอภาคทางเพศ

          ความเสมอภาค (Equality) คือ ความเท่าเทียมในสิทธิ หน้าที่ และโอกาสทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งความแตกต่างทางเพศต้องไม่เป็นเงื่อนไขในการกำหนดสิทธิและโอกาสของบุคคลในสังคม ความไม่เสมอภาคระหว่างเพศเป็นสาเหตุหนึ่งของความไม่เท่าเทียมและเป็นที่มาของการกระทำรุนแรงที่ส่งผลกระทบทั้งทางกาย จิตใจ สังคม ของบุคคล อคติทางเพศเป็นความรุนแรงที่สร้างปัญหาอย่างยิ่ง เช่น การกีดกันด้านการศึกษา อาชีพ ค่าจ้าง โอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งงาน การเข้าถึงบริการสาธารณะ การมีส่วนร่วมทางการเมือง ความรุนแรงทางเพศ รวมถึงการคุกคามทางเพศ เป็นต้น

 

“ไทย” ความเสมอภาคทางเพศขยับขึ้น 5 อันดับ ติดอันดับ 74 ของโลก

ข้อมูลจากรายงานการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ได้เปิดเผยรายงานดัชนีความเสมอภาคทางเพศทั่วโลก ประจำปี 2566 (Global Gender Gap Index 2023) ที่ผ่านมาว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ 74 จากทั้งหมด 146 ประเทศ โดยอันดับขยับขึ้น 5 อันดับจากอันดับที่ 79 ในปี 2565 ด้วยคะแนน 0.711 คะแนน เพิ่มขึ้น 0.002 คะแนน

โดยเมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัยพบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 24 ในหัวข้อความเสมอภาคด้านการมีส่วนร่วมและโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่วนในด้านความสำเร็จทางการศึกษาอยู่ที่อันดับ 61 ขณะที่ด้านสุขภาพและการอยู่รอดอยู่ที่อันดับ 42 และการส่งเสริมศักยภาพทางการเมืองอยู่ที่อันดับ 120

สำหรับประเทศไทยนับว่ามีความก้าวหน้าและตอบรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ที่ระบุความหมายของการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศอย่างชัดเจน ครอบคลุมถึงบุคคลที่มีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยกำเนิด (มาตรา 3) และได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558

ทั้งนี้ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ขอเป็นหนึ่งในพลังเสียงเพื่อสนับสนุนบทบาทสตรี และผลักดันให้ทุกคนให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม และการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงส่งเสริมให้เห็นถึงความสำคัญของความเท่าเทียมทางเพศในทุกมิติ โดยที่ผ่านมามูลนิธิฯ
มีการดำเนินงาน ส่งเสริมสิทธิเด็กและรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างการรับรู้และความตระหนักแก่สาธารณชน รวมถึงมุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนให้ความรู้แก่แม่ น้า และเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับการอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศ อบรมให้ความรู้เรื่องสิทธิเด็ก และนโยบายคุ้มครองเด็ก ทั้งด้านการใช้แรงงานเด็ก การล่วงละเมิดทางเพศ ความปลอดภัยด้านสุขภาพและร่างกาย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงสิทธิของตนเองเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กในครอบครัวโสสะ ได้ที่ เว็บไซต์ https://www.sosthailand.org/donate-now

 และรับชมคลิป ความเสียสละและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของแม่โสสะ ผ่านหนังสั้นเรื่อง “แม่” ได้ที่ http://bit.ly/3XSxe5K

 

 

 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.แม่สาย เร่งเพิ่มเครื่องฟอกอากาศ รับสถานการณ์ PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 67 สภาพอากาศพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีฝุ่นละอองและหมอกควันหนาตากว่าที่ผ่านมา และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) รายงานว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 เกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 มี.ค.ครอบคลุมทุกจังหวัดโดย จ.เชียงราย เกินมาตรฐานแล้ว 35 วัน ส่วนกรมควบคุมมลพิษรายงานเวลา 07.00 น.วันเดียวกันว่ามีค่า PM 2.5 สูงถึง 119.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร และมีค่าคุณภาพอากาศอยู่สูงถึง 245 AQI 

 

ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แตกต่างจากเขต อ.เมืองเชียงราย ที่มีปริมาณ PM 2.5 เพียง 46.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าคุณภาพอากาศอยู่ที่ 125 AQI ทั้งๆๆ ที่ อ.แม่สาย ไม่พบจุดความร้อนจากการตรวจด้วยดาวเทียมเลยตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-5 มี.ค.นี้ กระนั้นสำนักงานฯ รายงานว่าดาวเทียมระบุว่าจุดความร้อนพบว่าในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ จนเกิดเป็นกลุ่มสีแดงอย่างชัดเจน

 

.
ด้านนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่าได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อ.แม่สาย จัดทำห้องปลอดฝุ่นพร้อมเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งให้มีจำนวน 130 แห่ง และได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเดินเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางเดินหายใจ รวมไปถึงให้อยู่แต่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้านหรืออาคาร ฯลฯ ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือหากมีเครื่องฟอกอากาศควรจะเปิดเอาไว้ตลอดด้วย
 
.
ล่าสุดนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปดูความพร้อมที่ อ.แม่สาย พบว่าได้มีการเตรียมห้องปลอดฝุ่นไว้แล้ว 130 ห้อง ทั้งในโรงพยาบาลแม่สาย 50 ห้อง มีระบบความดันอากาศ 14 ห้อง สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย 1 ห้อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 12 ห้อง ขณะที่โรงพยาบาลแม่สายได้เพิ่มเครื่องฟอกอากาศจากจำนวน 97 เครื่อง เป็น 205 เครื่องแล้ว โดยนำไปประจำทุกจุดบริการ ขณะที่มีกลุ่มเสี่ยงต่อฝุ่น PM 2.5 เช่น โรคทางเดินหายใจ หัวใจ ฯลฯ รวมจำนวนกว่า 21,825 คน.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เพิ่มประสิทธิภาพการออมทุนลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

 

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการออมทุนชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี โดยมีนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการอำเภอ นักวิชาการพัฒนาชุมชนจังหวัด อำเภอ คณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตระดับอำเภอและสมาชิก กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 18 อำเภอ กว่า 70 คน เข้าร่วม

 

 

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นองค์กรการเงินสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงินตามศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน ช่วยเหลือคนในชุมชน โดยในปีนี้เป็นปีการก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี กรมการพัฒนาชุมชน เป็นองค์กรที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชน และภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และกล่าวต่อไปว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ทั้งสิ้น 610 กลุ่ม สมาชิก 71,741 ราย เงินสัจจะสะสม 710,475,737 บาท (เจ็ดร้อยสิบล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นห้าพันห้าร้อยสามสิบเจ็ดบาทถ้วน)
 
 
นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นองค์กรการเงินที่สำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน ที่เป็นองค์กรส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงิน ตามศักยภาพของตนเอง สร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน รวมถึงช่วยเหลือคนในชุมชน สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และการมีความรู้ควบคู่คุณธรรม โดยยึดหลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ ความไว้วางใจกัน ตลอดจนวิถีการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป
 
 
จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบเกียรติบัตรให้แก่กลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น และสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น จำนวน 35 ราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่สมาชิกออมทรัพย์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมรณรงค์ให้กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รับสมัครสมาชิกเพิ่ม ประชาสัมพันธ์เพิ่มเงินสัจจะสะสม 50บาท หรือฝากเงินสัจจะสะสมพิเศษ จำนวน ๕o บาทขึ้นไป เวทีเสวนา ในหัวข้อ “ความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต” 
 
 
บูธนิทรรศการแสดงถึงความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมถึงจัดคลินิกให้คำแนะนำเรื่องการจัดทำบัญชี การดำเนินกิจกรรมเครือข่ายฯ การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงิน และบูธภาคีเครือข่ายจากสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย มูลนิธิไทยเครดิต ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทไทยประกันชีวิต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

กองทัพเรือ ปฏิบัติการค้นหา ปลดวัตถุอันตราย ‘เรือหลวงสุโขทัย’

 

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 10 ของปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งชุดประดาน้ำ กองทัพเรือไทย บนเรือหลวงมันใน ซึ่งใช้เป็นฐานปฏิบัติการในวันนี้ จอดเรือใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีการดำน้ำ จำนวน 5 เที่ยว โดยมีภารกิจในการค้นหาผู้สูญหาย สำรวจหาพยานหลักฐานต่างๆ และการถอดถอนปืนกล ขนาด 20 มิลลิเมตร

 

โดยผลการปฏิบัติ ไม่พบผู้สูญหาย สามารถทำการถอดถอนปืนกลขนาด 20 มิลลิเมตร ทางกราบขวา นอกจากนั้นยังได้ทำการถ่ายภาพเพื่อหาหลักฐานพยานต่าง ๆ การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคในการดำเนินการ
และ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ กองทัพเรือ ได้ทำการเคลื่อนย้ายท่อยิง Harpoon จำนวน 2 ท่อ และแท่นยิงตอร์ปิโด จำนวน 2 แท่น (6 ท่อ) จากเรือ Ocean Valor ขึ้นสู่รถลำเลียง ไปเก็บรักษาที่ กรมสรรพาวุธทหารเรือ อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี
ในขณะที่วานนี้ (1 มีนาคม 2567) เวลา 18.30 น. พลเรือตรี กรวิทย์ ฉายะรถี รองเสนาธิการกองเรือยุทธการ ได้เยี่ยมบำรุงขวัญ นักดำน้ำ ไทยและสหรัฐฯ จำนวน 2 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากการปฏิบัติการดำน้ำ
 
 
สำหรับการปฏิบัติวันพรุ่งนี้ จะมีการปฏิบัติการดำน้ำของชุดปฏิบัติการผสมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ บนเรือ Ocean Valor ในการค้นหาผู้สูญหายและ ปลดวัตถุอันตราย จำนวน 5 เที่ยว ประกอบด้วย การค้นหาผู้สูญหายในห้องศูนย์ยุทธการ รวมถึงการรวบรวมหลักฐาน และ ปลดขีดความสามารถยุทโธปกรณ์ในห้องศูนย์ยุทธการ โดยรายละเอียดและความคืบหน้าต่างๆจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทัพเรือ Royal Thai Navy

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

พล.ต.อ.พัชรวาทฯ กำชับให้กรมอุทยานฯ ดูแลการสู้ไฟป่าต้องคำนึงความปลอดภัย

 

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่านายพินิจ คงประพันธ์ หัวหน้าอุทยานขุนน่าน ได้รายงานกรณีมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนป่าและเฝ้าระวังไฟป่า เสียชีวิต 1 นาย โดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ ขน.1 (นาขวาง) จำนวน 4 นาย ได้ออกปฏิบัติงานลาดตระเวนป้องกันการกระทำผิด และเฝ้าระวังไฟป่า ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ขณะลาดตระเวนถึงลำน้ำว้า บริเวณสบแปด ท้องที่บ้านผาสุก หมู่ที่ 3 ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน นายพันศักดิ์ ใจมงคล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน มีอาการช็อค หมดสติล้มลงกระทันหัน เจ้าหน้าที่ร่วมชุด ช่วยกันปั้มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ จึงประสานงานพนักงานสอบสวน สภ.บ่อเกลือแพทย์ ร.พ.บ่อเกลือ เพื่อดำเนินการ ต่อไป

 

ในวันเดียวกัน ได้รับรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 2 ราย รายแรกได้รับรายงานจาก นายนุชิต จันทาพูน หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจอมทอง ว่านายประกอบ ศรีติ๊บ เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ขณะปฎิบัติหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เกิดอาการสำลักควัน มีความดันต่ำมาก หน้ามืด อาเจียนและเป็นตะคริว เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานร่วมกัน จึงแจ้งหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจอมทองให้ทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอุทยานแห่งชาติออบหลวง มาช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากบนเขาที่ปฏิบัติงานดับไฟป่า ลงมายังรถพยาบาลของอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ล่าสุด อาการดีขึ้นตามลำดับจนปลอดภัยแล้ว จึงได้กลับไปพักฟื้นที่หน่วยดับไฟเคลื่อนที่บ้านห้วยม่วง
 
 
เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการดับไฟป่ารายที่ 2 ได้รับรายงานจากนายบัณฑิต ฉิมชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเดินทางมาสนธิกำลังช่วยควบคุมไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ได้แก่นายวัชรินทร์ คงธนาวินิจ เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าแม่จริม ขณะปฏิบัติงานเกิดอาการฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายวัชรินทร์ฯ ส่งโรงพยาบาลอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นสถานพยาบาลใกล้จุดเกิดเหตุ แพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีอาการขาดน้ำ มีตะคริว และค่าไตสูง สอบถามข้อมูลทราบว่านายวัชรินทร์ฯ ได้เข้าดับไฟป่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 -3 มีนาคม 2567 เนื่องจากสภาพพื้นที่เข้าดับไฟป่ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ประกอบกับการปฏิบัติงานที่เหนื่อยล้า จึงส่งผลให้นายวัชรินทร์ฯ เกิดอาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ตรวจสอบอาการล่าสุดทราบว่านายวัชรินทร์ฯ อาการดีขึ้นตามลำดับและปลอดภัยแล้ว
 
 
สำหรับสถานการณ์ไฟป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน โดยเฉพาะบริเวณป่าห้วยป่าตึง ผายายบาด ห้วยมดส้ม เจ้าหน้าที่ได้จัดทำแนวกันไฟ และใช้แนวธรรมชาติ เช่น ลำห้วยขาม แม่น้ำน่าน เป็นแนว และตรึงกำลังเฝ้าระวังในพื้นที่ เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามไปจุดอื่น ซึ่งขณะนี้เสียหายไปแล้วกว่า 5 หมื่นไร่
 
 
นายอรรถพลฯ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวต่อว่า ได้รายงานให้พล ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบแล้ว สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ได้แสดงความห่วงใยต่อการปฏิบัติงานอันยากลำบากของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก และขอให้กรมอุทยานฯดูแลสวัสดิภาพสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยให้การช่วยเหลือขั้นสูงสุด
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เชียงราย ส่งทีมจับร้านบุหรี่ไฟฟ้า ลักลอบขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์

 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว. เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดย นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน

 

เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปโดยมีการบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยมีการส่งของผ่านไรเดอร์ ซึ่งมีการเปิดขายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบทราบว่ามีร้านในบริเวณโซนนิ่งสถานบริการ เปิดแอบขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 ร้าน ซึ่งทั้ง 3 ร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ
 
 
เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบแล้วว่าทั้ง 3 ร้านมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงวางแผนเข้าทำการจำกุมทั้ง 3 ร้านพร้อมกัน ซึ่งทั้ง 3 ร้าน ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 13 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย
 
 
จากการตรวจสอบภายในร้านทั้ง 3 ร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของทั้ง 3 ร้านจำแนกเป็น
1. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 635 เครื่อง
2. หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,811 ชิ้น
3. บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 1,810 ชิ้น
4. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 208 ชิ้น
5. คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 353 ชิ้น
6. หัวคอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 25 ชิ้น
 
 
มูลค่ารวมประมาณ 1,802,650 บาทและจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาทเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ร้าน รวม 4 ราย โดยแจ้งข้อหา
 
 
1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 
2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
 
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ทั้งปัญหาสุขภาพร่างกาย และก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอีกหลายประเด็น ซึ่งอำเภอเมืองเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน รักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

ม.เชียงใหม่ ออกแถลงหลังนักศึกษา เอี่ยวโกงบัตรคอนเสิร์ต ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’

 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เพจคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่อนจดหมายแถลงการณ์ว่า คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ความว่า ตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ประเด็นการรับจองบัตรคอนเสิร์ต มีผู้ได้รับความเสียหายและมีการกล่าวถึงนักศึกษาคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น

 

คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างสูงสุด โดยถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง จึงได้มอบหมายให้งานพัฒนาคุณภาพนักศึกษาของคณะ ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต่อไป

 

ทั้งนี้ หากผู้เกี่ยวข้อง ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ประสงค์ให้ข้อมูลแก่คณะเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่ Email: masscomm@cmu.ac.th โทรศัพท์: 053 942 705 ต่อ 134

 

หลังจากมีกระแสชาวเน็ตแชร์อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น “โจวปลื้ม” ณัฐรดา ธรรมปัญญา ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวถูกโกงบัตรคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ที่บินมาจัดคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ที่ประเทศสิงคโปร์ โจว์ปลื้มเล่าว่า จองบัตรคอนเสิร์ตจากร้านดังในโซเชียลที่รับจ้างกดบัตร ซึ่งหลังจากจองบัตรเรียบร้อย เธอก็ทำการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก พร้อมกับตัดชุดเพื่อจะนำมาใส่ที่คอนเสิร์ตโดยเฉพาะ และร้อย Friendship Bracelets เพื่อมาแลกกับสวิฟตี้คนอื่นๆ แต่เมื่อมาถึงวันคอนเสิร์ต ปรากฏว่าบัตรของเธอไม่สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้ เนื่องจากมีคนก่อนหน้านี้สแกนใช้ไปแล้ว และมีคนมาสแกนที่นั่งเดียวกับโจวปลื้มอีกหลายคน ทำให้เจ้าหน้าที่เชิญคนสแกนเข้าไปคนแรกออกจากคอนเสิร์ตด้วย

 

หลังจากนั้นโจวปลื้มพบว่าไม่ใช่แค่ตัวเองที่เจอปัญหานี้ แต่ยังมีผู้เสียหายคนอื่นๆ อีก 8 คนที่ซื้อบัตรจากร้านเดียวกัน ทำให้เธอมั่นใจว่าร้านตั้งใจขายบัตรซ้ำ

 

ต่อมา ร้านค้าดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ชี้แจง โดยระบุว่า  “สวัสดีค่ะ ร้าน Babybuybybei นะคะ

 

จากประเด็นที่เกิดขึ้น ร้านไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดค่ะ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อทำการแจ้งความ ชี้แจ้งประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด และดำเนินการรับผิดชอบให้ถึงที่สุดค่ะ โดยจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หนีไม่หาย

 

และด้าน น.ส…. ที่เป็นเจ้าของบัญชี ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางร้านขอยืนยันว่า น.ส…. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแค่เป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้รับเงินของทางร้านเท่านั้นค่ะ ไม่ใช่บัญชีม้าค่ะ

 

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

สธ. จัดระบบดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิม7,781 คน ก่อนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

 
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการป้องกันโรคติดต่อแก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ปี 2567 โดยมี นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค Mr. Mohammed Alkhudhayri ผู้แทนเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย และผู้เดินทางแสวงบุญร่วมพิธี
          
 
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย มีความสัมพันธ์กันมายาวนานซึ่งไทยให้ความสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี ส่งเสริมการขยายความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และด้านการสาธารณสุขโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้การดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปแสวงบุญอย่างต่อเนื่อง โดยจัดโครงการป้องกันโรคติดต่อแก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นประจำทุกปี ซึ่งแต่ละปีจะมีคนไทยมุสลิมได้รับโควตาเข้าร่วมการประกอบพิธีฮัจย์ประมาณ 13,000 คน สำหรับปีนี้ ดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด HEALTH FOR HAJJ เป็นการจัดระบบดูแลเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพตั้งแต่ก่อนการเดินทาง ด้วยการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกำหนดให้กับผู้แสวงบุญทุกคน พร้อมออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จัดส่งทีมแพทย์พยาบาลไปดูแลระหว่างการประกอบพิธี และติดตามเฝ้าระวังสุขภาพหลังเดินทางกลับอีก 14 วัน
 

          ด้านนายแพทย์โอภาส กล่าวว่า การประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2567 หรือฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) 1445 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 19 มิถุนายน 2567 ในปีนี้มีชาวไทยมุสลิมที่ลงทะเบียนพร้อมเดินทางไปประกอบพิธี จำนวน 7,781 คน ซึ่งผู้แสวงบุญทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วัน โดยวันนี้มีผู้มารับบริการฉีดวัคซีนที่ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1,494 คน สำหรับพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพก่อนการเดินทาง และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้ที่สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  กระทรวงสาธารณสุข 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พัฒนานวัตกรรมอาหารปลอดภัยชุมชนต้นแบบด้านการท่องเที่ยวป่าตึงริมกก

 

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ณ ชุมชนป่าตึงริมกก เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย คณะผู้บริหารข้เทศบาลนครเชียงราย สมาชิกสภาเทศบาลฯ กองการแพทย์ คุณดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้ทรงวุฒิด้านการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง อดีตผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. และที่ปรึกษาโครงการพัฒนานครเชียงรายสู่เมืองแห่งความสุข 3 มิติ ผศ.ดร.ปวีณา ลี้ตระกูล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นายชุมพล สนิทวงศ์ ประธานชุมชนป่าตึง และพี่น้องชุมชนป่าตึง

 

ตามโครงการ “พัฒนานครเชียงราย สู่เมืองแห่งความสุข 3 มิติ” ในการพัฒนา-นวัตกรรมอาหารปลอดภัย เพื่อยกระดับเป็น“วิสาหกิจชุมชนด้านการท่องเที่ยว ป่าตึงริมกก” ให้เกิดการจัดการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจชุมชน อาทิ ผักปลอดสารพิษ, อาหารและผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ถังขยะรีไชเคิลสำหรับใช้คัดแยกขยะในครัวเรือน เพื่อขยายผลให้ครอบคลุมต่อยอดในชุมชน 65 ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ตลอดจนพัฒนาเชื่อมโยงสู่เส้นทางการท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News