Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

คณะอาจารย์ และนักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง จัดกิจกรรมศึกษา สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง

คณะอาจารย์ และนักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง จัดกิจกรรมศึกษา สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566  เวลา 09.30 น. ร.ต.วชิรศักดิ์ ตันชัยสิริมณีกุล หน.ชป.บ้านห้วยหยวกป่าโซ พร้อมด้วยกำลังพลร่วมกับเจ้าหน้าที่เกษตรในพระองค์ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ให้การต้อนรับคณะอาจารย์ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เข้ามาในพื้นที่โครงการฯ เพื่อจัดกิจกรรมศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ.ห้วยหยวกป่าโซ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
Categories
NEWS TOP STORIES

นายกฯ สั่งหาแนวทางรรับมาตรการ ลดภาษีน้ำมันสิ้นสุด 20 ก.ค.นี้

นายกฯ สั่งหาแนวทางรรับมาตรการ ลดภาษีน้ำมันสิ้นสุด 20 ก.ค.นี้

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบถึงข้อกังวลของประชาชนและภาคธุรกิจต่อกรณีที่ขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 โดยมีความกังวลว่าระยะเวลาดังกล่าวอาจจะยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและติดสินใจเกี่ยวกับมาตรการ จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร จนกระทบต่อค่าครองชีพและเศรษฐกิจในภาพรวม

นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งวิตกกังวล โดยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลครั้งล่าสุด(ครั้งที่7) ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการเพิ่งเริ่มมีผลเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมาและจะไปสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 หรือเหลือเวลาอีก 2 เดือนจึงจะสิ้นสุดมาตรการ ยังมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาแนวทางต่างๆ มารองรับเพื่อให้ผลกระทบเกิดกับประชาชนน้อยที่สุด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีเห็นว่าตามความเหมาะสมแล้วมาตรการที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณ หรือทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญนั้น ควรต้องให้รัฐบาลใหม่ได้พิจารณา แต่รัฐบาลรักษาการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องดูสถานการณ์แต่ละช่วงเวลาว่าควรต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อสามารถดูแลผลกระทบให้เกิดกับประชาชนน้อยที่สุด ไม่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และเป็นไปตามกฎหมาย

“นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือกับกระทรวงพลังงาน เพื่อวางแนวทางรองรับกับมาตรการที่จะสิ้นสุดในปลายเดือน ก.ค. โดยให้พิจารณาปัจจัยต่างๆประกอบกัน เช่น สถานการณ์และแนวโน้มราคาน้ำมันโลก ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านนโยบาย แนวทางไหนดำเนินการได้โดยอำนาจของหน่วยงาน หรือส่วนใดที่ต้องหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้จัดทำแนวทางเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลฟิสิกส์โอลิมปิก ระดับทวีปเอเชีย จากมองโกเลีย

เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลฟิสิกส์โอลิมปิก ระดับทวีปเอเชีย จากมองโกเลีย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมผลงานจากความสามารถของเด็กไทยที่ไปแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ครั้งที่ 23 ประจำปี 2566 (The 23rd Asian Physics Olympiad : APhO 2023) ระหว่างวันที่ 19 – 29 พฤษภาคม 2566 ณ กรุงอูลันบาตอร์ (Ulan Bator) ประเทศมองโกเลีย ประสบความสำเร็จได้รับ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เกียรติคุณประกาศ และ 4 เกียรติบัตร 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชียในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 200 คน จาก 28 ประเทศ โดยตัวแทนเด็กไทยด้วยความร่วมมือของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำผลงานการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม ประสบความสำเร็จรับ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เกียรติคุณประกาศ และ 4 เกียรติบัตร ประกอบด้วย
1. นายธนัชสรศ์ จันทร์เกษมสัตย์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เหรียญทอง
2. นายธงไชย อาชาบุณยเสก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร  เหรียญเงิน
3. นายณัฏฐ์เดช เผด็จสุวันนุกูล โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร รางวัลเกียรติคุณประกาศ
4. นายนพรุจ สอดศรี โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง รางวัลเกียรติคุณประกาศ
5. นายภัทรพล พันธ์เลิศระพี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
6. นายอัศวัศ บัวจงกล โรงเรียนชลราษฎรอำรุง จังหวัดชลบุรี เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
7. นายปัณณธร เทียนกิ่งแก้ว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
8. นายรวินภ โสดาดี โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จังหวัดระยอง เกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมในความสามารถของเยาวชนไทยที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับรางวัล แสดงถึงศักยภาพทางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของเยาวชนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีการแข่งขันระดับเอเชีย พร้อมเชื่อมั่นว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยอีกหลายคนในการพัฒนาความรู้ความสามารถต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม และคณะอาจารย์ทุกท่านที่ร่วมกันฝึกฝน และผลักดันให้เยาวชนไทยได้เข้าร่วมการแข่งขัน เป็นผู้นำความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ และชื่อเสียงกลับมาให้กับประเทศไทย” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Olympic ipst

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ใช้สิทธิ “บัตรทอง” รับยาคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผง ต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี

ใช้สิทธิ “บัตรทอง” รับยาคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผง ต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรื เชิญชวนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยเจริญพันธ์ใช้สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รับบริการคุมกำเนิดครอบคลุม ทั้งบริการใส่ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด และยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในกลุ่มวัยเจริญพันธ์ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โดยผู้รับบริการจะได้รับยาเม็ดคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผงต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี ภายใต้โครงการ “เลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม” แจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย โดยขั้นตอนรับบริการยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ใช้สิทธิบัตรทองดำเนินการได้ 2 วิธี ดังนี้ 
1.รับบริการผ่านสมาร์ทโฟน  
– เข้าแอปฯ เป๋าตัง ไปที่เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือก “สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค”
– ผู้หญิง 15-59 ปี จะแสดงสิทธิ “ยาเม็ดคุมกำเนิด”
– ค้นหาหน่วยบริการ และทำการจองสิทธิ 
– เดินทางไปรับยาคุมกำเนิดภายในวันที่จองสิทธิ ตามเวลาทำการของหน่วยบริการ
– หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการ
2.ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน
– เข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วม เช่น ร้านยา คลินิกเวชกรรม คลินิกการพยาบาลฯ รพ.สต. รพ.ชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น หรือที่สถานพยาบาลประจำตัวของท่าน
– แสดงบัตรประชาชน ยืนยันตัวตนเพื่อรับบริการ 
– หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการ

“ประชาชนไทยที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) ที่ต้องการรับบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ของรัฐและเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมในระบบ สปสช. ดูรายชื่อหน่วยบริการได้ที่แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนู ข้อมูลหน่วยบริการ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถดูรายการบริการได้ที่แอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือกกระเป๋าสุขภาพ และเข้าไปจองสิทธิเพื่อรับบริการที่หน่วยบริการได้ที่เมนูสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค เมื่อทำการจองนัดหมายแล้วก็ไปใช้บริการตามวันและเวลาได้” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เฝ้าระวังโควิด–19 เพิ่มเติม กำหนดมาตรการเฝ้าระวังในโรงเรียน

เฝ้าระวังโควิด–19 เพิ่มเติม กำหนดมาตรการเฝ้าระวังในโรงเรียน

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2566  นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด–19 ซึ่งยังพบการแพร่ระบาดต่อเนื่อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำคำแนะนำกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 (กลุ่มอายุ 60 ปี, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์) เร่งฉีดวัคซีน ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต 

โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า ปัจจุบันผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย 7 วัน ระหว่างวันที่ 14 – 20 พฤษภาคม 2566 พบจำนวนผู้เสียชีวิต 64 ราย เฉลี่ยวันละ 9 ราย ส่วนใหญ่อายุมาก 70 ปีขึ้นไป และไม่ยอมรับวัคซีน กลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรงเป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 401 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 226 ราย ซึ่งมักไม่ได้รับวัคซีนและยังพบการระบาดลักษณะเป็นกลุ่มก้อนในกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน และในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มีการกระจายของผู้ป่วยในหลายจังหวัด ส่วนกลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรง พบว่า เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี และส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือบางรายพบฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม แต่ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรลดลงมาก สายพันธุ์ที่พบการระบาดเป็นสายพันธุ์ใหม่/สายพันธุ์ย่อยอื่นจากต่างประเทศ มีการระบาดเพิ่มทั้งในเมืองและชนบท ตามมาด้วยจำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มมากขึ้น 

ซึ่งในช่วงนี้ รัฐบาลยังได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคในโรงเรียน ภายหลังการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด–19 ในกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา โดยขอความร่วมมือให้ครูประจำสถานศึกษาเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังฯ ในโรงเรียนตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และหากพบเด็กนักเรียนป่วยจำนวนมาก อาจให้มีการหยุดเรียนเป็นรายห้องเรียน หรือชั้นเรียน โดยไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือศูนย์บริการสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคโดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด–19 ในลักษณะเป็นเข็มกระตุ้นประจำปี ในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยให้ห่างจากเข็มสุดท้ายหรือประวัติการติดเชื้อ อย่างน้อย 3 เดือน โดยมีการจัดเตรียมวัคซีนโควิด-19 ให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และได้มีการจัดหาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 12 ปีขึ้นไปด้วย โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ที่หน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่ยังคงมีต่อเนื่อง โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ พิจารณา ปรับมาตรการ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนไม่ประมาท และปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ติดตามประกาศของกรมควบคุมโรคอยู่เสมอ” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

นายกฯ ยินดีนักท่องเที่ยวจีน มาไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

นายกฯ ยินดีนักท่องเที่ยวจีน มาไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

Facebook
Twitter
Email
Print

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยินดียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากถึง 1,003,893 คน (1 มกราคม – 18 พฤษภาคม 2566) และมียอดเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 98 สะท้อนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีต่อประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เดินหน้าจัดกิจกรรม Trusted Thailand, You Taiguo Yue Wan Yue Kaixin หรือ เที่ยวเมืองไทยยิ่งไปยิ่งสนุก โดยเชิญชาวจีนผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด (Key Opinion Leaders: KOLs) จำนวน 60 คน สื่อมวลชน สายการบิน และพันธมิตร เข้าร่วม เพื่อนำเสนอข้อมูลการบริการ การอำนวยความสะดวก ตลอดจนมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวผ่านรูปแบบรถโมบายล์ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1155 และแอปพลิเคชัน Police I lert u ซึ่งรองรับหลายภาษา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขอความช่วยเหลือจากตำรวจได้ ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 ล้านคน และสร้างรายได้ 446,000 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566 มีเที่ยวบินระหว่างไทย – จีน รวมทั้งหมด 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ร้อยละ 98 ซึ่งจากการที่ทางการจีนมีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ทำให้สายการบินจากจีนต้องการเปิดทำการบินและเพิ่มความถี่ในการบินมากขึ้น โดย บวท. คาดการณ์ว่า ในปีงบประมาณ 2566 (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) จะมีเที่ยวบินจากจีนรวมกว่า 46,175 เที่ยวบิน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการบิน และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ 

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสำเร็จจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วนที่ทำให้ ไทยคงได้รับความเชื่อมั่นและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่บูรณาการการทำงานร่วมกันตามแนวนโยบายของรัฐบาล สนับสนุนการฟื้นตัวอย่างสมดุลของภาคการท่องเที่ยว และภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้อยากกลับมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยอีก ในครั้งต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

“รัฐบาลดิจิทัล” เพิ่มความสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ เปิดบริการล่าสุดจาก สปส.

“รัฐบาลดิจิทัล” เพิ่มความสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ เปิดบริการล่าสุดจาก สปส.

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ นำระบบอิเล็กทรอกนิกส์เข้ามาเป็นช่องทางให้บริการ เพิ่มความสะดวก ลดภาระแก่ประชาชน รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญติดตามความก้าวหน้าแต่ละแผนงานอย่างจริงจัง ทำให้ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ มีบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามแผนและตามที่กฎหมายกำหนด

เช่นกรณีของสำนักงานประกันสังคม(สปส.) เป็นหนึ่งหน่วยงานที่มีการปรับปรุงช่องทางที่ให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุด สปส. ได้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นช่องการสมัครและขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา39 ให้ผู้สมัครดำเนินการได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ e-Self Service จากเดิมที่ผู้ต้องการขึ้นทะเบียนจะต้องเดินทางไปดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ต่างๆ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ต้องเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า12 เดือน และออกจากงานประจำมาไม่เกิน 6 เดือน โดยเมื่อสมัครแล้วจะยังคงสิทธิต่างๆ ของผู้ประกันตนต่อไป อาทิ สิทธิได้รับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ สิทธิคลอดบุตร สิทธิทันตกรรม สิทธิกรณีเสียชีวิต บำเหน็จชราภาพ เป็นต้น

สำหรับขั้นตอนดำเนินการนั้น ให้ผู้ต้องการขึ้นทะเบียนเข้าไปที่เว็บไซต์  www.sso.go.th แล้วสมัครใช้งานระบบสมาชิกผู้ประกันตนเพื่อรับ Username และ Password สำหรับ Login เข้าระบบ จากนั้นเลือกที่หัวข้อ “สมัครมาตรา 39” เพื่อเข้าสู่หน้าจอระบบสมัคร ขั้นตอนที่เหลือก็เพียงกรอกข้อมูลตามขั้นตอนแล้วยืนยันการสมัคร โดยสำนักงานประกันสังคมจะแจ้งผลภายใน 2-4 วัน  โดยสามารถตรวจสอบผลผ่านช่องทางเดียวกับตอนสมัครแต่เลือกที่หัวข้อ “สถานะผู้ประกันตน”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ภายหลังได้รับอนุมัติแล้ว ผู้ประกันตนมาตรา39 สามารถส่งเงินสมทบงวดแรกได้ทันที ผ่านหลายช่องทางตามความสะดวก ได้แก่ ที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน, ชำระด้วยเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงไทย เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ทุกสาขา, เคาน์เตอร์เซอร์วิส, เคาน์เตอร์โลตัส, เคาน์เตอร์ CenPay Powered By บุญเติม, เคาน์เตอร์ Boonterm Bill Payment หรือหักจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ของธนาคาร 7 แห่ง ได้แก่ กรุงศรีอยุธยา กรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ ทหารไทยธนชาต กสิกรไทย และ ออมสิน 
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์  www.sso.go.th หรือสอบถามที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

สมอ. จับมือ ปคบ. ทำลายสินค้า ไม่ได้มาตรฐาน กว่า 66 ล้านบาท

สมอ. จับมือ ปคบ. ทำลายสินค้า ไม่ได้มาตรฐาน กว่า 66 ล้านบาท

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดเป็นนโยบายสำคัญเพื่อนำไปปฏิบัติ ซึ่งได้ดำเนินการตรวจควบคุม และกำกับติดตามการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที จากรายงานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พบว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 สมอ.ได้ยึดอายัดสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทั้งที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์ เช่น เหล็กโครงสร้าง เหล็กเส้น ยางล้อสูบลม ปูนซิเมนต์ กระเบื้องเซรามิก เครื่องสุขภัณฑ์ ทินเนอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟฟ้า หมวกกันน็อก และภาชนะเมลามีน เป็นต้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 447,900,344 บาท โดยสินค้าที่มีการยึดอายัดสูงสุดอันดับหนึ่ง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าดูแลผิวและผม มูลค่า 191,152,000 บาท รองลงมา ได้แก่ ยางล้อแบบสูบลม มูลค่า 60,089,600 บาท และบริภัณฑ์ส่องสว่าง มูลค่า 48,035,800 บาท

ด้าน นายบรรจง  สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปีงบประมาณ 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – พฤษภาคม 2566 สมอ. ได้ทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานให้สิ้นสภาพตามคำสั่ง กมอ. ไปแล้วอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่ารวม 58,440,334 บาท  สำหรับการทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานในครั้งนี้ เป็นการนำของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้ว ที่ สมอ. และ ปคบ. ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและยึดอายัดสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานทั้งที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 จำนวน 60,000 ชิ้น มูลค่า 66,241,228 บาท ได้แก่ พาวเวอร์แบงค์ ของเล่น ไฟแช็กก๊าซ เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับดูแลผิวและผม เตารีด ลำโพงพร้อมเครื่องขยาย เตาย่างเตาปิ้ง เตาไมโครเวฟ พัดลมไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หม้อสุกี้ เต้าเสียบเต้ารับ ปลั๊กพ่วง กระทะไฟฟ้า ฝักบัวอาบน้ำ ก๊อกน้ำ หมวกกันน็อก  ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์  หัวนมยาง  ของเล่น  ฟิล์มยืดหุ้มห่ออาหาร  เซลส์และแบตเตอรี่  เป็นต้น ซึ่งของกลางดังกล่าวจะเข้าสู่กระบวนการทำลายให้สิ้นสภาพด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และประกาศคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเหล่านี้กลับไปหมุนเวียนในท้องตลาดหรือนำกลับมาใช้ได้อีก 

สำหรับกระบวนการทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน สมอ. ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด โรงไฟฟ้ามาบตาพุด อีโค่-เอ็นเนอร์ยี แพลนท์ ซึ่งเป็นโรงกำจัดกากอุตสาหกรรมและหน่วยผลิตไฟฟ้า ที่สามารถรองรับขยะอุตสาหกรรมได้หลากหลายประเภทและหลายขนาด ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอนเป็นแบบระบบปิด มีระบบการควบคุมมลพิษ และของเสียตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่การรับขยะอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการ การขนส่งไปยังจุดคัดแยกประเภทเพื่อเตรียมกำจัด การเข้าสู่กระบวนการกำจัดด้วยเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่น ร่วมกับแอชเมลติ้ง (Gasification with Ash Melting) ซึ่งเศษวัสดุที่ได้จากการเผาไหม้ เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก เถ้าลอย ยังนำกลับไปใช้ใหม่ได้ ส่วนวัสดุที่เผาไหม้ไม่ได้ (Incombustible) สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบแทนการก่อสร้างถนนได้  โดยกระบวนการนี้ทำให้    ไม่เหลือขยะอุตสาหกรรมที่ต้องกำจัดเพิ่ม นอกจากวัสดุที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน

“ขอฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการ ทั้งผู้ทำ ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานว่า อย่าได้พยายามฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนอกจากจะถูกดำเนินคดีแล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการทำลายสินค้าอีกด้วย สำหรับประชาชนผู้ซื้อสินค้า ก็ขอให้ซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. คู่กับ QR Code ที่ตัวสินค้าซึ่งท่านสามารถสแกน  QR Code  เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ได้รับใบอนุญาต และสามารถร้องเรียนมายัง สมอ. ได้ ในกรณีที่สินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ระบุไว้” เลขาธิการ สมอ. กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงอุตสาหกรรม

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

พช.เมืองเชียงราย ร่วมบุญผ้าป่าสามัคคี จัดซื้อที่ดินโคกหนองนาพัฒนาชุมชน

พช.เมืองเชียงราย ร่วมบุญผ้าป่าสามัคคี จัดซื้อที่ดินโคกหนองนาพัฒนาชุมชน

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. คณะศรัทธาวัดพุทธอุทยาน(ดอยอินทรีย์) นำโดยพระอาจารย์ ดร.มหาน้อย พระธรรมทูตอินเดีย เนปาล และอาจารย์สมพงษ์ และคณะศรัทธาดอยอินทรีย์และชุมชนอารยะเกษตร ได้ร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคีซื้อที่ดินโคกหนองนา 15 ไร่ (โฉนด 18 ไร่) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้พัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย เผยแผ่ให้ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ อันเป็นวิชาพลิกฟื้น ดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ คุณภาพชีวิต แนวทางสันติภาพของโลก ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยวันนี้มี พัฒนาการอำเภอเมืองเชียงราย และพัฒนากรตำบลดอยฮาง มาร่วมบุญ และเป็นสักขีพยาน พระจารย์วิบูลย์ ธัมมเตโช กล่าวว่า ผ้าป่ากองแรกในการเซ็นสัญญา และจะมีการทอดผ้าป่าในครั้งต่อๆไป ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ก็จะจ่ายหมด จึงขออนุโมทนากับทุกคนมา ณ โอกาสนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สพอ.เมืองเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

พช.เชียงราย เพิ่มทักษะ​โคกหนองนา โครงการ​เกษตรประณีตทฤษฎีใหม่อย่างยั่งยืน

พช.เชียงราย เพิ่มทักษะโคกหนองนา โครงการเกษตรประณีตทฤษฎีใหม่อย่างยั่งยืน

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 นายวิทยา ชุมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ติดตามให้กำลังครัวเรือนต้นแบบโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดเชียงราย ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการเกษตรประณีตทฤษฎีใหม่อย่างยั่งยืน ณ อาคารฝึกอบรม เกษตรทฤษฎีใหม่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย

โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเกษตรกร ผู้ว่างงาน ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้มีความรู้ด้านการผลิตพืช สัตว์ และกระบวนการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร การเพิ่มมูลค่าผลผลิต ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้
 
ในวันนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ผ่านการสาธิตและฝึกปฏิบัติ ในหัวข้อ กิจกรรมโปรตีนในครัวเรือน “ไก่ไข่อารมณ์ดี” และ การขยายพันธุ์พืชเพื่อการค้า โดยการทำน้ำพริกนรกจากปลานิล และการแปรรูปเห็ดสวรรค์ ซึ่งผู้ผ่านการฝึกอบรมตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับสนับสนุนปัจจัยการผลิต รายละ 1,300 บาท
 
ในการนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนให้เครือข่ายโคกหนองนาพัฒนาชุมชน เข้าร่วมการฝึกอบรมตามโครงการดังกล่าว จำนวน 68 ราย เพื่อนำองค์ความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิต และพัฒนาศูนย์เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล” ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
 
ทั้งนี้ โครงการเกษตรประณีตทฤษฎีใหม่อย่างยั่งยืน เป็นหนึ่งในกิจกรรมความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือโครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่”โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดเชียงราย ระหว่าง สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคเหนือ นายกสมาคมศิษย์เก่าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย ประธานเครือข่ายโคเนื้อล้านนาจังหวัดเชียงราย ประธานเครือข่าย โคก หนอง นา จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Cddchiangrai

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE