Categories
NEWS UPDATE

ลุ้น “พญ.อัจฉรา” ผอ.โฮงยาไทย 3 รายชื่อเข้าชิงเลขา สปสช. คนใหม่

คณะกรรมการสรรหาฯ ประกาศ 3 รายชื่อเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก 3 คนสุดท้ายจากผู้สมัครทั้งหมด 9 คน เพื่อเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ แทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งกำลังจะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายนนี้

“พญ.อัจฉรา” ผ่านเข้ารอบสุดท้าย พร้อมอีก 2 รายชื่อ

จากการประชุมของคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ได้มีการสัมภาษณ์ผู้สมัคร พร้อมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์และแผนการบริหารงานของแต่ละคน ก่อนจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 3 คนสุดท้าย โดยรายชื่อที่ผ่านการพิจารณามีดังนี้

  1. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี – เลขาธิการ สปสช. คนปัจจุบัน
  2. นพ.ดิเรก สุดแดน
  3. พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช

รายชื่อดังกล่าวจะถูกเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ต่อไป

กระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสรรหาฯ ได้เปิดรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. โดยมีผู้สมัครทั้งหมด 9 คน ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จากนั้นได้เข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์ในวันที่ 31 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นการพิจารณาด้านวิสัยทัศน์ นโยบาย และความสามารถในการบริหารงาน

หลังการสัมภาษณ์ คณะกรรมการสรรหาฯ ได้คัดเลือก 3 รายชื่อสุดท้าย โดยใช้เกณฑ์พิจารณาความสามารถในการบริหารงาน ระบบสุขภาพ และความเข้าใจในภารกิจของ สปสช. ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ

ขั้นตอนต่อไป: การพิจารณาของบอร์ด สปสช.

คณะกรรมการสรรหาฯ จะส่งผลการคัดเลือกไปยังคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาแต่งตั้งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ในการประชุมวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้ได้รับการแต่งตั้งจะดำรงตำแหน่งแทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งจะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยเลขาธิการคนใหม่จะต้องเข้ามารับผิดชอบด้านการบริหารงบประมาณด้านสุขภาพ ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผลักดันนโยบายให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.

เลขาธิการ สปสช. ถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่มีบทบาทโดยตรงต่อการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 48 ล้านคนทั่วประเทศ โดยผู้ดำรงตำแหน่งจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารงบประมาณ ดูแลการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

ข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า การคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. ครั้งนี้เป็นกระบวนการที่ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านงบประมาณและการให้บริการที่ต้องพัฒนาให้ทันต่อสถานการณ์

“บุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณขนาดใหญ่ และต้องมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพให้มีความยั่งยืน” นักวิชาการด้านสุขภาพให้ความเห็น

สรุป

การคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดย 3 รายชื่อที่ผ่านการคัดเลือก ได้แก่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี, นพ.ดิเรก สุดแดน และ พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช ทั้งสามรายชื่อจะเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุมตัดสินในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งจะเข้ารับตำแหน่งแทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ที่จะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายนนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ทำไมต้องมีการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่?
    ตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. มีวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อครบกำหนดต้องมีการคัดเลือกบุคคลใหม่เพื่อสานต่อภารกิจด้านหลักประกันสุขภาพ
  2. ใครเป็นตัวเต็งในการได้รับตำแหน่งครั้งนี้?
    นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งเป็นเลขาธิการคนปัจจุบัน ถือเป็นตัวเต็ง เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงกับงานใน สปสช.
  3. ขั้นตอนสุดท้ายของการคัดเลือกเป็นอย่างไร?
    รายชื่อ 3 คนสุดท้ายจะถูกเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะพิจารณาและแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมที่สุด
  4. บทบาทของเลขาธิการ สปสช. มีอะไรบ้าง?
    บริหารงบประมาณหลักประกันสุขภาพ ดูแลการให้บริการสาธารณสุข และพัฒนานโยบายด้านสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
  5. การแต่งตั้งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่จะมีผลเมื่อใด?
    หลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 และจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2568

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ภาพแรก ‘นายกนก’ หลังคว้าชัย อบจ.เชียงราย พร้อมขอบคุณชาวเชียงราย

ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568: อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ คว้าชัยด้วยคะแนนเสียงที่มั่นคง

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายกอบจ.) ประจำปี 2568 ปรากฏว่า นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระหมายเลข 1 คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างไม่เป็นทางการ โดยการเคลื่อนไหวแรกของนางอทิตาธรหลังจากได้รับชัยชนะคือการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยโพสต์ภาพขณะทำบุญในตอนเช้า พร้อมข้อความว่า “ตื่นเช้าใส่บาตรทำบุญตามปรกติของชีวิต อนุโมทนาบุญกับประชาชนชาวเชียงรายทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณพี่น้องประชาชนเชียงรายทุกท่านที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เพราะแสดงถึงพลังสำคัญที่ผลักดันให้เชียงรายก้าวไปข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตย”

นอกจากนี้ นางอทิตาธรยังได้โพสต์ข้อความขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนที่ได้รับระหว่างการหาเสียงครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกแรงสนับสนุนที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมาย เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยโอกาส และภารกิจสำคัญที่เราต้องมาร่วมกันสร้างเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุข สุขทั้งผู้อยู่ สุขทั้งผู้มาเยือน และเตรียมบ้านหลังนี้เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป ได้อยู่อย่างภาคภูมิใจ เชียงรายต้องไปต่อ และนกจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริงเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้เชียงราย”

จากผลการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางอทิตาธร ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย และแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่สัญญาณแห่งความมั่นคงในการได้เป็นนายกอบจ.เชียงรายในครั้งนี้ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี

การเคลื่อนไหวของผู้สมัครและบทบาทของทายาทการเมือง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ในฐานะผู้สมัครอิสระ ได้รับการสนับสนุนจากทายาทการเมืองหลายคนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนการหาเสียงของเธออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากลูกๆ ของตระกูลวันไชยธนวงค์ที่ร่วมเดินสายหาเสียงและเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ การมีส่วนร่วมของทายาทการเมืองทำให้การหาเสียงครั้งนี้มีพลังและความเชื่อมโยงระหว่างผู้สมัครและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้ามามีบทบาทของลูกๆ ของตระกูลการเมืองไม่เพียงแต่ช่วยเหลือในด้านการหาเสียงเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างกำลังใจให้กับนางอทิตาธรในการต่อสู้ในศึกการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่การหาเสียงเป็นไปอย่างหนักหน่วงและท้าทายที่สุด

การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น

ผลการเลือกตั้งที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่สูงจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความสนใจในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นที่มีผลต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของจังหวัดเชียงราย

ความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังทำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีตัวแทนที่มาจากการสนับสนุนจากประชาชน โดยเฉพาะเมื่อผู้สมัครต้องเข้าใจปัญหาของชาวบ้านและสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

การเตรียมตัวเพื่อการพัฒนาเชียงรายในอนาคต

หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวถึงแผนการทำงานของเธอในอนาคตว่า “เราจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองที่มีความสุข สำหรับผู้อยู่และผู้มาเยือน การพัฒนาในทุกๆ ด้านจะต้องมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์และเป็นเมืองที่ทุกคนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างภาคภูมิใจ เราจะทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริง”

นางอทิตาธรยังกล่าวเสริมว่า การพัฒนาเชียงรายจะต้องทำให้จังหวัดนี้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน และจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจ และการดูแลสังคมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

บทสรุป

การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568 ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลามและสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างไม่เป็นทางการ แม้ผลการเลือกตั้งยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ประชาชนเชียงรายแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความหวังในการพัฒนาท้องถิ่นที่ดีขึ้น ผ่านการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งและการสนับสนุนผู้สมัครที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

คุยกับเหล่าทายาทรุ่นใหม่ ‘อทิตาธร’ 4 ป. ตัวช่วยหาเสียงสนามเลือกตั้ง อบจ.

เบื้องหลังทายาทการเมืองในการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายกอบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2568 ได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งนายกอบจ.เชียงรายจำนวน 3 คน ได้แก่ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ อดีตนายกอบจ.เชียงรายสมัยที่ผ่านมา, นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และคนสุดท้าย นางสาวจิราพร หมื่นไชยวงศ์ ผู้สมัครอิสระ

ในระหว่างการหาเสียงของแต่ละผู้สมัครนั้น มีหนึ่งเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย และได้รับการติดตามจากสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ตลอดการเลือกตั้ง นั่นคือการมีส่วนร่วมของทายาททางการเมืองที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ช่วยหาเสียง โดยเฉพาะในฝั่งของพรรคเพื่อไทยที่นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช มีผู้ช่วยหาเสียงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากตระกูล ‘ติยะไพรัช’ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการเมืองและกีฬาในจังหวัดเชียงราย

การเข้ามาของทายาททางการเมือง

การเลือกตั้งครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าได้มีการนำทายาทจากครอบครัวการเมืองเข้ามามีบทบาทในการหาเสียง โดยเฉพาะในฝ่ายของพรรคเพื่อไทยที่นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการการเมืองและกีฬา อย่าง ‘ฮั่น’ มิตติ ติยะไพรัช ผู้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดังอย่างสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด , “สส.โฮม” ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย เขต 2 และ “ฮาย” ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช

การมีส่วนร่วมของลูกๆ ของทั้งสองตระกูลการเมืองนี้ไม่ใช่เพียงแค่การช่วยหาเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้สมัคร

บทสัมภาษณ์: ป่าน ธัญชนก หนุนนำสิริสวัสดิ์

ป่าน ธัญชนก หนุนนำสิริสวัสดิ์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคมและการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้กับแม่ในครั้งนี้ เธอได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและมุ่งมั่นที่จะทำให้การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนที่สามารถมีส่วนร่วมได้ และเธอยังให้กำลังใจแม่ในการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่ดีขึ้น ป่าน ธัญชนก หนุนนำสิริสวัสดิ์ พี่สาวคนโตจาก 4 ปอ ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือแม่ในการหาเสียงในครั้งนี้ ซึ่งบทสัมภาษณ์นี้จะทำให้เราได้รู้จักเธอมากขึ้นในมุมมองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว การเมือง หรือการช่วยหาเสียง

สัตว์เลี้ยง

ป่านเริ่มต้นด้วยการพูดถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้านของเธอ โดยมีสุนัข 6 ตัวและแมว 2 ตัว ซึ่งทั้งหมดนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงตลอดเวลา ป่านกล่าวว่า ทุกตัวเป็นเหมือนลูกๆ ของเตี่ยแม่ เตี่ยแม่รักยิ่งกว่าลูกอีกค่ะ” เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนในครอบครัวเมื่อวันหนึ่งเธอกำลังจะตอบคำถามจากเตี่ยและแม่ แต่กลับพบว่าเตี่ยและแม่ไม่ได้ถามเธอ แต่กลับถามน้องหมาของเธอว่า เป็นยังไงบ้าง กินข้าวรึยังลูก” ป่านเล่าด้วยความขำว่า ตอนนั้นก็รู้เลยว่าใครลูกรักกันแน่”

การเมือง

เมื่อพูดถึงการเมือง ป่านเผยว่า จริงๆ ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยชอบเรื่องการเมืองเท่าไร เพราะเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ แต่พอโตมาก็คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นนักการเมืองก็ตาม” ป่านพูดถึงความสำคัญของการเมืองในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ ป่านแค่อยากเห็นบ้านเราพัฒนามากขึ้น คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี facilities ที่ครบครัน มีความสุขที่เป็นความสุขจริงๆ” เธอเชื่อว่าการมีการเมืองที่ดีจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน

ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง

ป่านได้เล่าถึงประสบการณ์ในการช่วยแม่หาเสียงในครั้งนี้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและเต็มไปด้วยความทุ่มเท รอบนี้เป็นการช่วยเหลือแม่ที่เจออะไรหลายอย่างแบบที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนค่ะ” เธอพูดถึงความยากลำบากของแม่ที่ไม่ได้พึ่งพาคนจากพรรคการเมืองอื่น ทำให้การหาเสียงครั้งนี้หนักกว่าที่เคย แม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง จากตอนหาเสียงรอบแรก เราก็แค่ช่วยด้านออนไลน์ แต่รอบนี้เราเห็นการทำงานของแม่จริงๆ การทุ่มเทของแม่ในช่วงน้ำท่วมที่บ้านก็ท่วมเหมือนกัน เตี่ยแม่ยังไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นผู้ประสบภัย” ป่านเล่าถึงความตั้งใจของแม่ที่ช่วยเหลือชาวบ้านแม้ในช่วงที่บ้านตนเองกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม

ได้เจออะไรมาบ้างในการช่วยหาเสียง?

ป่านกล่าวว่า เราได้เจอทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีมากมายเลยค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากสำหรับครั้งนี้” เธอพูดถึงความแตกต่างในการหาเสียงในปัจจุบันและอดีต ซึ่งการหาเสียงในยุคนี้ต้องเผชิญกับปัจจัยต่างๆ ที่ไม่คาดคิด แต่โชคดีที่มีครอบครัวคอยให้กำลังใจและสนับสนุน เราคิดว่าเราจะต้องเริ่มทำการหาเสียงแบบยุคใหม่ที่ fair and free” ป่านกล่าวถึงความตั้งใจในการทำให้การเมืองเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

สุดท้าย ป่านอยากพูดให้กำลังใจแม่ว่า

วันนี้มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด 100% แต่สิ่งที่แม่ทำอยู่ การไม่โจมตี ไม่หาเรื่องใคร ไม่ใส่สีใคร มันก็ทำให้เด็กๆ มีความหวังว่าประเทศนี้ มันจะต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ”

บทสัมภาษณ์: ปองพล หนุนนำสิริสวัสดิ์

บทสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้ให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งของปองพล หนุนนำสิริสวัสดิ์ ที่นอกจากจะเป็นผู้ช่วยหาเสียงในครั้งนี้แล้ว เขายังเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเมืองและการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยความตั้งใจที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในจังหวัดเชียงราย ทั้งในฐานะผู้ช่วยหาเสียงและในฐานะคนในครอบครัวของผู้สมัคร ปองพลได้เรียนรู้และเข้าใจในกระบวนการการเมืองท้องถิ่นที่มีความซับซ้อนและต้องการความทุ่มเทอย่างแท้จริง

ประวัติส่วนตัว

วันนี้เรามีโอกาสพูดคุยกับ ปองพล หนุนนำสิริสวัสดิ์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ปริญญ์” หนุ่มที่มีความสนใจในด้านการเมืองและการช่วยเหลือสังคม เรามาเริ่มต้นกันที่เรื่องราวส่วนตัวของเขาก่อน

สิ่งที่ชอบ

เมื่อพูดถึงสิ่งที่ชอบ ปองพลเปิดเผยว่าเขามีสัตว์เลี้ยงอยู่หลายตัวในบ้าน โดยเฉพาะสุนัข 6 ตัว และแมว 2 ตัว แต่สิ่งที่เขาอยากเล่าให้เราฟังมากที่สุดคือเรื่องของแมวตัวแรกที่เขาเลี้ยง ชื่อว่า “มันเดย์” เป็นแมวที่พี่สาวของเขาเก็บมาเลี้ยงจากพุ่มไม้ข้างออฟฟิศ มันเดย์ตัวเล็กและผอมมากตอนแรก แต่หลังจากมาอยู่กับครอบครัวของเขาได้ไม่กี่ปีก็กลายเป็นแมวตัวใหญ่และอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มันเดย์เป็นแมวขี้อ้อนสุดๆ มันชอบให้กอดมากๆ โดยเฉพาะตอนที่นอนหลับ มันจะกอดตลอดเวลา ถ้าไม่ได้กอดมันจะโวยวายไม่หยุด” ปองพลเล่าอย่างยิ้มๆ พร้อมกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้เขาจะมีอาการแพ้ขนแมว แต่เขาก็รักมันมากและไม่สามารถปฏิเสธความขี้อ้อนของมันได้ โดยทุกครั้งหลังจากเล่นกับมันเขาจะระมัดระวังไม่ให้มือไปสัมผัสตาแล้วล้างมือทุกครั้ง

การเมือง

เมื่อมาถึงเรื่องการเมือง ปองพลพูดถึงความสำคัญของการเมืองต่อชีวิตประจำวันว่า การเมืองมีผลกระทบต่อเราทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ ภาษี ค่าแรงขั้นต่ำ หรือแม้แต่คุณภาพของบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสาธารณสุข ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของนักการเมือง” เขายกตัวอย่างเช่น การที่รัฐบาลมีนโยบายที่ดีในการควบคุมราคาสินค้าหรือช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าการบริหารจัดการไม่ดีค่าครองชีพสูงขึ้นและรายได้ไม่เพิ่มตาม ก็จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้น

แม้ว่าบางคนอาจไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่การติดตามข่าวสารหรือออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันมีผลต่อชีวิตของทุกคน” เขากล่าวถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมในการเมือง

ครั้งนี้ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเป็นอย่างไรบ้าง?

ปองพลบอกว่าการเป็นผู้ช่วยหาเสียงในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและน่าประทับใจมาก นอกจากผมจะเป็นผู้ช่วยหาเสียงแล้ว ผมยังเป็นลูกชายของผู้สมัครด้วย มันทำให้ผมรู้สึกมีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ช่วยหาเสียงแบบทั่วไป แต่เป็นการทำงานเพื่อสนับสนุนคุณแม่ของผมด้วย” เขาบอกว่าในครั้งนี้เขาได้เรียนรู้ว่า การเมืองท้องถิ่นมีรายละเอียดเยอะมาก และการที่จะเข้าถึงประชาชนในพื้นที่จริงๆ นั้นจำเป็นต้องฟังปัญหาของพวกเขาโดยตรง

ได้เจออะไรมาบ้างในประสบการณ์การช่วยหาเสียงครั้งนี้?

ปองพลได้บอกว่าเขาได้เจอกับประชาชนหลากหลายกลุ่ม ได้ฟังเรื่องราวปัญหาของพวกเขา บางคนมีความหวังและอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่บางคนก็หมดหวังกับการเมือง เขากล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าการเมืองท้องถิ่นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง”

เขายังได้เห็นความเหนื่อยและความตั้งใจของคุณแม่ในฐานะนักการเมือง ผมเข้าใจมากขึ้นว่าการเป็นนักการเมืองไม่ง่ายเลย ต้องอดทน เสียสละ และทำงานหนักเพื่อคนส่วนรวม” เขากล่าว

บทสัมภาษณ์: ป้อน พัทธ์ธีรา หนุนนำสิริสวัสดิ์

ป้อน พัทธ์ธีรา หนุนนำสิริสวัสดิ์ เป็นตัวอย่างของคนที่มีความตั้งใจและทุ่มเทในการช่วยเหลือสังคมและการเมืองท้องถิ่น โดยไม่เพียงแต่เป็นผู้ช่วยหาเสียงในครั้งนี้ แต่ยังเป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานเพื่อคนส่วนรวม ทั้งในฐานะลูกและในฐานะผู้ที่มุ่งมั่นที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในจังหวัดของเขา

ประวัติส่วนตัว

ป้อน พัทธ์ธีรา หนุนนำสิริสวัสดิ์ เป็นหนึ่งในคนที่มีความรักและความตั้งใจในการทำงานเพื่อสังคม โดยเฉพาะในเรื่องการเมืองและการพัฒนาชุมชน ที่ทำให้เขาได้รับบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือครอบครัวและการหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้กับคุณแม่ที่ลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้

สัตว์เลี้ยง

เมื่อพูดถึงสิ่งที่ชอบ ป้อนได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของเขา ซึ่งในบ้านมีสุนัข 6 ตัวที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของครอบครัว เขาบอกว่า “ที่บ้านชอบหมามาก พวกมันเป็นสิ่งฮีลใจของพวกเราเลย” นอกจากนี้ ป้อนยังได้เล่าเรื่องน่ารักของสุนัขตัวหนึ่งในบ้าน ซึ่งเคยเดินไปขอน้ำจากแม่ของเขาแทนที่เขาจะไปให้น้ำเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกแย่งตำแหน่งลูกรักจากสุนัข เพราะแม่กลับไปโอ๋สุนัขแทนที่จะดุเลยทำให้ป้อนหัวเราะและยอมรับว่าบางครั้งก็ต้องยอมแพ้ให้กับความขี้อ้อนของน้องหมา

การเมือง

ป้อนมองว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากในชีวิตประจำวัน “การเมืองอยู่ในทุกๆ อย่างในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ ภาษี ค่าแรงขั้นต่ำ หรือคุณภาพของบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสาธารณสุข ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของนักการเมือง” เขายกตัวอย่างเช่นการบริหารของรัฐบาลที่สามารถมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ำสูง แม้จะจ่ายภาษีเท่ากัน แต่ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกซึ้ง
“ถ้าการเมืองดี ปัญหาพวกนี้ก็จะลดลงได้และคนเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามพื้นฐานที่ควรจะมีได้จริงๆ” เขากล่าวถึงความสำคัญของการเลือกผู้บริหารที่ดีที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง

ป้อนได้เล่าถึงการเป็นผู้ช่วยหาเสียงครั้งนี้ว่า “ครั้งนี้ก็เข้มข้นพอสมควรด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เราเห็นแม่ตั้งใจมาก สมัยที่ผ่านมาเรานับถือใจเค้ามากที่ทุ่มเทเพื่อชาวบ้านขนาดนี้”

บทสัมภาษณ์: พิชามญชุ์ หนุนนำสิริสวัสดิ์ (ปอ)

ปอ พิชามญชุ์ หนุนนำสิริสวัสดิ์ เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจในการพัฒนาและช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะในเรื่องการเมืองท้องถิ่น การช่วยแม่หาเสียงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เธอเข้าใจการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับครอบครัวของเธอด้วย ความทุ่มเทและความตั้งใจของปอทำให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม

ประวัติส่วนตัว

วันนี้เรามีโอกาสพูดคุยกับ พิชามญชุ์ หนุนนำสิริสวัสดิ์ หรือ ปอ หนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยแม่ในการหาเสียง ปอเป็นพี่คนหนึ่งในสี่พี่น้องที่มีความรักสัตว์และสนใจการเมืองอย่างลึกซึ้ง

สิ่งที่ชอบ

ปอเริ่มต้นการพูดถึงสิ่งที่ชอบ โดยเฉพาะเรื่องสัตว์เลี้ยงที่เป็นส่วนสำคัญในครอบครัวของเธอ ครอบครัวของเรารักสัตว์มากๆ ยิ่งกว่าอะไร” ปอกล่าว ด้วยความที่ครอบครัวของเธอมีสัตว์เลี้ยงรวมทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ สุนัข 6 ตัว และแมว 2 ตัว ซึ่งลูกๆ เป็นคนซื้อมาดูแลเอง ปอได้เล่าถึงการเลี้ยงสุนัขและแมวที่บ้านว่า ที่กรุงเทพฯ ปอเลี้ยงสุนัข 3 ตัว ส่วนที่เชียงรายเลี้ยง 4 ตัวค่ะ ทุกตัวเป็นเหมือนลูกๆ ของเราเลย ทุกครั้งที่กลับบ้านเราก็จะได้เล่นกับพวกมัน และมันก็มีความสำคัญกับครอบครัวเราไม่น้อย”

การเมือง

เมื่อพูดถึงการเมือง ปอเริ่มเล่าถึงมุมมองการเมืองของตัวเองที่ได้สัมผัสจากการอยู่ในกรุงเทพฯ และการทำงานที่นั่น การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยค่ะ มันส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเราในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือสาธารณสุข และการตัดสินใจของนักการเมืองมีผลต่อเราทุกคน” เธอพูดถึงประสบการณ์ที่ได้เห็นจากการจัดการของพรรคการเมืองในปัจจุบัน ถ้าวันนี้การเมืองยังไม่ดีไม่พัฒนา เราก็ไม่มีวันพัฒนาไปได้มากกว่านี้” ปอเชื่อว่าการเมืองมีผลกระทบกับชีวิตทุกคน และทุกคนควรให้ความสำคัญกับมันอย่างมาก

ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง

การเป็นผู้ช่วยหาเสียงในครั้งนี้ ปอรู้สึกว่ามันท้าทายมากกว่าครั้งที่ผ่านมา รู้สึกว่าครั้งนี้ท้าทายมากกว่ารอบที่แล้ว แต่ก็รู้สึกว่าเรามือแข็งขึ้นเยอะ เพราะทีมเราใหญ่ขึ้นและมีแต่คนรุ่นใหม่ ทำให้การทำงานเข้าใจกันมากขึ้น” ปอพูดถึงความร่วมมือที่ดีในทีมและความภูมิใจในตัวคุณแม่ที่ทุ่มเทและสู้มากๆ ในการหาเสียง เราภูมิใจในตัวคุณแม่ทั้งเก่งและสู้มากค่ะ”

ได้เจออะไรมาบ้างในการช่วยหาเสียง?

เมื่อถามถึงประสบการณ์ในการช่วยหาเสียงในครั้งนี้ ปอกล่าวว่า เราได้เจอประสบการณ์หลากหลายรูปแบบค่ะ ทีมเราทำทุกอย่างกันเอง ทำให้เราได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น” เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นและปัญหาของประชาชน สิ่งที่เราพบคือ ความเข้าใจด้านการเมืองท้องถิ่นของชาวบ้านยังไม่มากพอ ทำให้บางครั้งพวกเขายังไม่เข้าใจในเรื่องอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานท้องถิ่นหรือเรื่องภาษี งบประมาณจังหวัด” ปอได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน เราควรให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์มากที่สุดค่ะ”

ความหมายของการมีทายาทการเมือง

การที่ทายาทจากครอบครัวการเมืองเข้ามามีบทบาทในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณของการสานต่อภารกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนท้องถิ่น การที่ลูกๆ ของนักการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความต่อเนื่องของนโยบายที่เคยดำเนินการไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงในการเมืองท้องถิ่นที่มีความเป็นส่วนตัวและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างใกล้ชิด

บทสรุป

การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงรายในปี 2568 เป็นการเลือกตั้งที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของทายาทการเมืองในการพัฒนาจังหวัด ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งเสริมชื่อเสียงของครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่น การที่ทายาทจากทั้งสองตระกูลมีส่วนร่วมในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมความต่อเนื่องของการพัฒนาในจังหวัดเชียงราย และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตการเมืองท้องถิ่นที่มีความเข้มแข็งและมั่นคง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

งาน ‘Gord-Aun Craft Market’ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชียงราย

งาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชียงราย

เชียงราย, 1 กุมภาพันธ์ 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดงาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” ณ สวนเชียงรายดอกไม้งาม ปี่ที่ 21 สวนสาธารณหาดนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย งานนี้จัดขึ้นโดยสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มาร่วมจัดแสดงสินค้าของฝากและของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ

งานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (THAI MEDIA FUND) เพื่อขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ผ่านการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์จากจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเข้ามายังพื้นที่

สร้างกระแสการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

งาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” ตั้งเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับชุมชน ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการท้องถิ่น การแสดงวัฒนธรรมและประยุกต์ การแสดงดนตรี นิทรรศการศิลปะ การทำ Workshop ในรูปแบบต่างๆ และกิจกรรมการประกวดที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม

งานนี้จะมีการจัดทั้งหมด 3 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2568 ครั้งที่ 2 จะจัดในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ และครั้งสุดท้ายในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเชียงรายได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ

กิจกรรมและกิจกรรมพิเศษในงาน

ภายในงาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” มีการจัดกิจกรรมมากมายที่หลากหลายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน เช่น:

  • การจำหน่ายสินค้า: สินค้าและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงราย ทั้งของที่ระลึกและสินค้าฝีมือท้องถิ่น
  • การแสดงวัฒนธรรมและดนตรี: การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น และการแสดงดนตรีที่ผสมผสานระหว่างดนตรีพื้นบ้านและดนตรีสมัยใหม่
  • การทำ Workshop: กิจกรรมการวาดภาพสีน้ำและการทำงานศิลปะอื่นๆ ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ด้วยตนเอง เช่น วาดภาพลงบนการ์ดกอดอุ่น, เพ้นท์ตุ๊กตาปูนพลาเตอร์น้องกอดอุ่น, การประดิษฐ์พวงกุญแจและกระเป๋าผ้า
  • การประกวด: มีการจัดประกวดการแสดง Cover Dance, Singing, และการประกวดวาดภาพในหัวข้อ “กอดอุ่น เดอะ ซิตี้ สโปคส์แมน”

การสนับสนุนและความร่วมมือ

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ ที่มีบทบาทในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (THAI MEDIA FUND) ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด

การเปิดโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่น

นอกจากการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ แล้ว งาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” ยังถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นได้แสดงออกและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวชม และสัมผัสกับวัฒนธรรมและสินค้าพื้นเมืองที่มีความเฉพาะตัว

บทสรุป

งาน “Gord-Aun Craft Market กาดกอดอุ่น” ไม่เพียงแต่เป็นงานที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย แต่ยังเป็นเวทีในการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์ของชุมชน โดยการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการจัดกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานและมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ งานจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนและสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายต่อไป.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เศรษฐกิจไทยชะลอตัวจากการลดลงในภาคการส่งออกและอุตสาหกรรม

ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2567 และการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2568

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินในเดือนธันวาคม 2567 และไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2567 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเกิดจากการส่งออกสินค้าที่ลดลงและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงตามลำดับ ทำให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การขนส่งสินค้า และภาคการลงทุนของภาคเอกชนทรงตัว

การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

แม้ว่าการส่งออกสินค้าจะลดลง แต่การท่องเที่ยวในประเทศไทยยังคงเป็นภาคส่วนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นจาก 3.2 ล้านคนในเดือนพฤศจิกายน มาเป็น 3.6 ล้านคนในเดือนธันวาคม ซึ่งมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากระยะไกล เช่น รัสเซียและออสเตรเลียเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจากระยะใกล้ เช่น จีนและมาเลเซียลดลง สะท้อนถึงการฟื้นตัวในตลาดท่องเที่ยวระยะไกล ในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยโดยรวมอยู่ที่ 35.5 ล้านคน ซึ่งช่วยกระตุ้นรายรับในภาคการท่องเที่ยว

การส่งออกสินค้าลดลง

ในส่วนของการส่งออกสินค้า พบว่ามีการลดลงจาก 9.1% ในเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 8.4% โดยลดลงในหลายหมวดสินค้า เช่น หมวดรถยนต์ หมวดปิโตรเลียม และหมวดสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกไปยังอาเซียนและบังคลาเทศ ในขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงลดลงตามการผลิตสินค้าหมวดอื่น ๆ เช่น เครื่องจักรและเหล็ก รวมถึงปิโตรเลียม ซึ่งสอดคล้องกับอุปสงค์ในและต่างประเทศที่ลดลง

อัตราเงินเฟ้อและเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้นจาก 0.95% เป็น 1.23% จากผลกระทบของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามฐานต่ำในปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคงที่ที่ 0.79% จากผลของราคาสินค้าอาหารสำเร็จรูปและเครื่องประกอบอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม

การเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4

โดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากแรงขับเคลื่อนจากภาคบริการและรายรับภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการขยายตัวของรายจ่ายลงทุนภาครัฐ ขณะที่การส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยการส่งออกสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยียังคงแข็งแกร่ง ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการเงินโอนจากภาครัฐ

เศรษฐกิจไทยในอนาคตและแนวโน้มในระยะยาว

ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะเติบโตใกล้เคียงกับ 4% แม้ว่าจะมีการชะลอตัวในภาคการผลิต แต่ยังมีการเติบโตในภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ช่วยชดเชยการลดลงในภาคอื่น ๆ สำหรับแนวโน้มในอนาคต ธปท. กล่าวว่าต้องติดตามผลกระทบจากความไม่แน่นอนในนโยบายเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนในระดับโลก

การคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

ในส่วนของการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โฆษกของธปท. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการคัดเลือกได้ดำเนินการไปแล้ว และในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอรายชื่อหนึ่งคน และธปท. จะเสนอรายชื่อสองคนเพื่อให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติ โดยคาดว่าจะได้รายชื่อผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติใหม่ภายในเดือนมิถุนายน หรือไม่เกินกันยายน

สรุป

ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ยังคงมีการเติบโตจากแรงขับเคลื่อนของภาคบริการและการท่องเที่ยว แม้ว่าการส่งออกสินค้าจะลดลงก็ตาม โดยยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวในภาคการผลิตและปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ส่วนการคัดเลือกประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตามในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติเด็กเกิดน้อย กระทบเศรษฐกิจและสังคม

ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติ “เด็กเกิดน้อย” กระทบเศรษฐกิจและสังคม

รายงานจาก Brandinside ระบุว่าในช่วงระหว่างปี 2506 ถึง 2526 ประเทศไทยมีประชากรเกิดใหม่ปีละกว่า 1 ล้านคน แต่นับตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา จำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนถึงปี 2568 ที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยลดลงต่ำกว่า 5 แสนคนเป็นครั้งแรก ส่งผลให้โครงสร้างประชากรของไทยเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องของสัดส่วนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากบทความ “จำนวนเด็กไทยเกิดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางนโยบายมีลูกเพื่อชาติ” ของ รศ.ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากจำนวนเด็กเกิดน้อยในประเทศไทย โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างประชากรของไทยและทำให้สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย

ในปี 2548 ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” ซึ่งมีผู้สูงอายุเกิน 10% ของประชากร และในปี 2567 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” อย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลในด้านเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากการมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทำให้แรงงานลดลง ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ

ข้อมูลจากกรมอนามัยยังสะท้อนให้เห็นว่าในอีก 60 ปีข้างหน้า ประชากรไทยจะลดลงเหลือเพียง 33 ล้านคน ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 66 ล้านคน นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.อภิชาติ จำรัสฤทธิรงค์ ได้คาดการณ์ว่าในที่สุด หากไม่มีการนำนโยบายประชากรที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ประเทศไทยอาจจะเหลือประชากรเพียง 29 ล้านคนในอนาคต

สาเหตุที่ทำให้จำนวนเด็กเกิดน้อย

การลดลงของจำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยสามารถอธิบายได้จากหลายปัจจัย โดยกรมอนามัยได้ระบุถึง 4 สาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนเด็กเกิดน้อยในประเทศไทย ได้แก่:

  1. คนไทยยังเป็นโสด: ข้อมูลจากสภาพัฒน์เผยว่า 40.5% ของคนไทยวัยเจริญพันธุ์ยังคงเป็นโสด ซึ่งทำให้มีการลดจำนวนคู่สมรสและการมีลูกลง
  2. คนไทยไม่อยากมีลูก: ผลการสำรวจจากนิด้าโพลพบว่า 44% ของคนไทยไม่อยากมีลูกเนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายที่สูงและความกังวลเกี่ยวกับสภาพสังคมที่ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงดูเด็ก
  3. คนไทยมีลูกยาก: ข้อมูลจากกรมอนามัยระบุว่า 10-15% ของคู่สมรสไทยประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่
  4. คนไทยอยากมีลูก แต่กฎหมายไม่เอื้อ: แม้หลายคนจะต้องการมีลูก แต่กฎหมายในประเทศยังไม่ได้สนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการให้สิทธิและการช่วยเหลือด้านการมีบุตรบุญธรรมและการอุ้มบุญ

นโยบาย “มีลูกเพื่อชาติ” และความล้มเหลวในการผลักดัน

ถึงแม้รัฐบาลไทยจะมีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น เช่น การให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ปี แต่ผลสำรวจจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคมพบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจ (49%) เท่านั้นที่เชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศ ขณะที่มีเพียง 33% ของคู่สมรสไทยที่ยืนยันว่าจะ “มีลูก” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการมีลูกยังคงต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

การสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่ม Gen Z, Gen X, และ Gen Y

จากการสำรวจของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม พบว่า กลุ่ม Gen X (อายุ 40-50 ปี) มีแนวโน้มจะมีลูกมากที่สุด (60%) ขณะที่กลุ่ม Gen Z (อายุ 18-25 ปี) อยู่ในลำดับรองลงมา (55%) และกลุ่ม Gen Y (อายุ 26-39 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะมีลูกน้อยที่สุด (44%) แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของการมีลูกในรุ่นใหม่ๆ ยังคงลดลงตามทิศทางเดียวกัน

บทสรุป

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติ “เด็กเกิดน้อย” ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากรและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนเด็กเกิดน้อย ได้แก่ ความชอบในการเป็นโสด, ภาระค่าใช้จ่าย, ปัญหาภาวะมีบุตรยาก และความไม่เอื้ออำนวยของกฎหมาย ที่ยังไม่สนับสนุนให้มีลูกมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กำลังทำให้ประชากรไทยลดลง และคาดว่าในอนาคตประเทศจะเผชิญกับสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : brandinside

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

การเลือกตั้งอบจ.เชียงรายปี 2568 เริ่มต้นอย่างคึกคัก

บรรยากาศการเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงราย ปี 2568

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ที่หน่วยเลือกตั้งโรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ โดยบรรยากาศการเลือกตั้งในช่วงก่อนเปิดหีบมีประชาชนทยอยมาเข้าแถวรอเลือกตั้งกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหน่วยเลือกตั้งที่ 24 ตั้งอยู่ในตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ก็เป็นหนึ่งในหน่วยที่มีการเข้าร่วมคึกคักจากประชาชนในท้องถิ่น

การเลือกตั้งในครั้งนี้มีกระแสการตื่นตัวจากประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์อย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงานที่มากันตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อเข้าคูหาเลือกตั้งและเลือกผู้แทนของตนเอง สำหรับบรรยากาศโดยรวมการเลือกตั้งนั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อย

การสังเกตการณ์ของผู้ว่าฯ เชียงราย

ในช่วงเช้า นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเปิดหน่วยเลือกตั้งที่โรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อสังเกตการณ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกอบจ.เชียงราย โดยผู้ว่าฯ เชียงรายได้กล่าวเชิญชวนประชาชนชาวเชียงรายออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างคึกคักเพื่อส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง

จังหวัดเชียงรายมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 9 แสนคน โดยมีหน่วยเลือกตั้งทั่วจังหวัดทั้งหมด 1,993 หน่วย และทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดเชียงรายได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้มาลงคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 75% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าจะทราบในเวลาประมาณ 22:00 น. ของวันเดียวกัน

การเปิดหีบและการควบคุมการเลือกตั้ง

จากการรายงานของ กกต. เชียงราย แจ้งว่า หน่วยเลือกตั้งทั้ง 1,993 หน่วยได้เปิดหีบเลือกตั้งตรงตามเวลา 08.00 น. และการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้ง และศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงราย ณ อาคารคชสาร อบจ.เชียงราย เป็นไปอย่างเรียบร้อยทุกประการ โดยการเปิดหีบเลือกตั้งในช่วงเช้าสามารถดำเนินการได้โดยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรค

เหตุการณ์ฉีกบัตรเลือกตั้ง

ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น โดยในหน่วยเลือกตั้งที่ 7 ป่าซาง บ้านแม่คี หมู่ที่ 7 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน ได้มีเหตุการณ์ฉีกบัตรเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นชายอายุ 27 ปี เดินทางจะไปลงคะแนนเหมือนคนอื่นๆ ภายในศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านแม่คี ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและลงชื่อจะลงคะแนนเสียงแล้ว แต่กลับถือบัตรเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมีสีเหลืองและทำการฉีกจนเสียหายภายในคูหาเลือกตั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้เข้าไปควบคุมตัวและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ให้เข้าไปดำเนินการ

เบื้องต้นพบมีบัตรเลือกตั้งได้รับความเสียหายจริงและเมื่อสอบถามชายคนดังกล่าวก็ให้การเบื้องต้นว่า ตัวเองไม่อยากจะเลือกบุคคลใดเป็นนายก อบจ. เชียงราย จึงไม่รู้จะกากบาทลงในช่องหมายเลขของผู้สมัครคนใด ดังนั้นจึงตัดสินใจฉีกทิ้ง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้องจึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางบัตรที่เสียหายนำส่ง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย.

การส่งเสริมการใช้สิทธิเลือกตั้ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังกล่าวถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเน้นย้ำว่า “การเลือกตั้งเป็นโอกาสของประชาชนในการเลือกผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยประชาชนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกผู้นำที่พวกเขาต้องการ” เขากล่าวต่อไปว่า การใช้สิทธิเลือกตั้งไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง แต่ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาในระดับท้องถิ่นอีกด้วย

บทสรุป

การเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงรายในปี 2568 เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ โดยมีประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งแต่เช้า บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและราบรื่น แม้จะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในบางหน่วยเลือกตั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว การเลือกตั้งในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่จะเป็นตัวแทนในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องค์มนตรีติดตามโครงการพระราชดำริที่เชียงราย

องค์มนตรีติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะในเชียงราย

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะที่โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงของ โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ร่วมให้การต้อนรับ

การเยี่ยมชมในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของโครงการที่มีความสำคัญในด้านการพัฒนาชุมชนและการเกษตรกรรมในพื้นที่ โดยองค์มนตรีได้เยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากราษฎรในพื้นที่โครงการ พร้อมกับทำการปล่อยปลากระแห จำนวน 2,000 ตัว ปลานวลจันทร์ 500 ตัว และปลาบึก 19 ตัว ในแหล่งน้ำของหมู่บ้าน เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมการประมงในพื้นที่

พื้นที่โครงการและความสำคัญของโครงการ

อำเภอเชียงของ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นระหว่างประเทศ โดยอำเภอเชียงของมีพื้นที่ปกครองแบ่งออกเป็น 7 ตำบล 102 หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ 64,000 คน ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง

อำเภอเชียงของมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายทางของรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สาย เชียงแสน เชียงของ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือเป็น “Logistic City” ที่สำคัญของประเทศ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาสังคมและชุมชนควบคู่กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะและประโยชน์ที่ได้รับ

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในตำบลห้ายซ้อ หมู่บ้านเวียหมอก เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่มีประชากร 336 ครัวเรือน หรือประมาณ 2,036 คน ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักที่ได้รับประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำนี้ ประชาชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในอ่างเก็บน้ำในการทำการเกษตรกรรม ทั้งการปลูกพืชผัก ทำไร่ ทำนา และทำสวน ผลกระทบจากโครงการนี้ได้ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นอย่างมาก

ในปีที่ผ่านมา ส่วนราชการ ภาคเอกชน และชุมชนได้ร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่โดยการปลูกป่าและต้นไม้ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 และโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับกรมป่าไม้และบริษัทต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต

โครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2564 โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในหมู่บ้านเวียหมอกได้ปลูกต้นไม้รวม 1,000 ต้น เช่น ต้นขี้เหล็ก มะขามป้อม ต้นเสี้ยวขาว และต้นพะยุง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างพื้นที่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2565 ได้มีการดำเนินโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจร่วมกับกรมป่าไม้และบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) โดยการปลูกป่าบนพื้นที่ 140.21 ไร่ และจะมีการดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2574 ในปี 2567 มีโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติมกับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บนพื้นที่ 144.38 ไร่ ซึ่งจะเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2576

บทสรุป

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนในด้านการเกษตรและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำในการเกษตรกรรมและการพัฒนาพื้นที่สีเขียวผ่านโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน และชุมชนได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตรงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News