Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัล’ มอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วม เชื่อมสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

เซ็นทรัลมอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วมให้เมียนมา พร้อมฟื้นฟูชุมชนแม่สาย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 กลุ่มเซ็นทรัล ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติสำหรับการเตือนภัยน้ำท่วมให้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูและสนับสนุนการเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่แม่สายและท่าขี้เหล็ก

ในงานนี้มีตัวแทนสำคัญจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ คุณสมกมล จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย คุณณรงค์ ประทินสุขอำไพ ผู้จัดการเขต ร้านซุปเปอร์สปอร์ต ภาคเหนือ และ คุณนราวิขญ์ วงค์ปิน ผู้จัดการฝ่ายขายสินค้าโรบินสัน สาขาเชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานในพิธี

สนับสนุนการติดตั้งสถานีเตือนภัยน้ำหลาก

สถานีโทรมาตรอัตโนมัตินี้ถูกติดตั้งจำนวน 4 สถานี โดยแบ่งเป็นฝั่งเมียนมา 3 สถานี ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง ในเขตบ้านสบสาย และฝั่งไทย 1 สถานี ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1

พันโท ตั้น หล่าย วิน ผู้บังคับการกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เมียนมา กล่าวขอบคุณฝ่ายไทยในนามประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 โดยสถานีโทรมาตรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนล่วงหน้าและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ฟื้นฟูชุมชน

นอกจากการสนับสนุนสถานีเตือนภัยแล้ว มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยังจัดกิจกรรม “คืนพื้นที่ คืนความสุขให้ประชาชน” มอบสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าห่ม 500 ผืน อุปกรณ์กีฬา 10 ชุด ชุดเครื่องครัว และผ้าขนหนู รวมมูลค่า 137,793 บาท เพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจชาวบ้านในชุมชนถ้ำผาจมและชุมชนตลาดสายลมจอย

ความร่วมมือเชิงพื้นที่เพื่อป้องกันภัย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าการดำเนินโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยสถานีโทรมาตรอัตโนมัติได้ถูกขยายไปยัง สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ชุมชนเครือข่ายในพื้นที่เสี่ยงภัย

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากสถานีโทรมาตรและส่งต่อไปยังชุมชนเพื่อการเตรียมพร้อม

ผลักดันมาตรการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

การติดตั้งสถานีโทรมาตรในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก เช่น บริเวณลำน้ำสาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งวางแผนสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น รถพยาบาลยกสูงและการจัดอบรมทีมกู้ภัยในอนาคต

ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและเมียนมา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
NEWS UPDATE

กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ติดตามการดำเนินงานตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ที่จังหวัดเชียงราย

Categories
TOP STORIES

แอปฯ เงินกู้ ละเมิดสิทธิผู้ใช้ ถูดติดตั้งฝังในสมาร์ทโฟน

แอปฯ กู้เงินเถื่อน ‘Fineasy’ ฝังในสมาร์ทโฟน ผู้ใช้ไม่ยินยอม สภาผู้บริโภคเร่งเรียกร้องมาตรการคุ้มครอง

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 สภาองค์กรของผู้บริโภคได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียรายงานกรณีพบแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน เช่น แอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมระบบปฏิบัติการในสมาร์ทโฟนโดยผู้ใช้ไม่ได้ยินยอม แอปฯ ดังกล่าวฝังตัวในระบบเป็น System App ทำให้ไม่สามารถลบออกได้ ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ และอาจถูกใช้ในทางที่ผิด เช่น การล่วงละเมิดทางการเงินหรือการหลอกลวง

ความกังวลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

แอปฯ เงินกู้เถื่อนนี้ส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนกู้เงินและเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งการแอบติดตั้งแอปฯ โดยไม่ได้รับความยินยอม ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและเสี่ยงต่อการก่อปัญหาภัยคุกคามทางการเงิน นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องหาวิธีป้องกันตัวเอง

สภาผู้บริโภคเรียกร้องมาตรการจัดการ

สภาองค์กรของผู้บริโภคได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และ กสทช. เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงกำหนดบทลงโทษกับผู้ประกอบการที่กระทำผิดอย่างเข้มงวด

แถลงการณ์ชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมยืนยันความรับผิดชอบและแนวทางแก้ปัญหา

หลังจากกระแสข่าว ออปโป้ ประเทศไทย และ เรียลมี ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีดังกล่าว ได้แจ้งลบแอปฯ Fineasy พร้อมยืนยันความรับผิดชอบและแนวทางแก้ปัญหา

ทาง OPPO ชี้แจงดังนี้

“OPPO ขออภัยเป็นอย่างสูงในเหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นประเด็นบนหน้าสื่อฯ ออนไลน์ โดย OPPO ตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับประสบการณ์การใช้งานและความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเสมอมา สำหรับประเด็นเกี่ยวกับซอฟต์แวร์จากบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการกู้ยืมเงินนั้น เรากำลังทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจังและรวดเร็วที่สุด

ล่าสุด แอปพลิเคชัน Fineasy ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงไว้เฉพาะฟังก์ชันบริการเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเท่านั้น นอกจากนี้ เรากำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Fineasy ได้โดยเร็วที่สุด หากผู้ใช้งานต้องการถอนการติดตั้งแอปฯ ในทันที สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้า OPPO อย่างเป็นทางการได้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ OPPO จะหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันประเภทสินเชื่อทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า รวมถึงการหยุดแนะนำแอปพลิเคชันประเภทนี้ใน APP Market อีกด้วย

OPPO ให้คำมั่นในการพัฒนาและส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศเพื่อผู้ใช้งานทุกท่าน และขอบคุณที่ไว้วางใจและให้การสนับสนุน OPPO เป็นอย่างดีเสมอมา

realme ได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาดังนี้

“เรียน ลูกค้าที่เคารพทุกท่าน

realme ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น

realme ให้ความสำคัญอย่างสูงกับประสบการณ์การใช้งานและความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานทุกท่าน ดังนั้น สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับบริการสินเชื่อจากแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามในช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัท realme กำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดและจัดการอย่างจริงจังโดยเร็วที่สุด

โดยแอปฯ Fineasy ได้ทำการลบข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อออกทั้งหมดและคงไว้เพียงฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการบริการในชีวิตประจำวันเท่านั้น และจะเร่งปล่อยอัปเดตสิทธิ์ให้ผู้ใช้งานให้สามารถลบแอป Fineasy และหากผู้ใช้งานต้องการลบแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ทันที สามารถติดต่อศูนย์บริการ realme ได้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ realme จะหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อทุกประเภทในสมาร์ตโฟนรุ่นต่อไป และหยุดการแสดงผลแอปพลิเคชันสินเชื่อเป็นแอปแนะนำใน APP Market

มาตรการป้องกันในอนาคต

สภาผู้บริโภคยังเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการควบคุมการอัปเดตระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน เพื่อป้องกันการแอบติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ใช้งานตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามและรายงานปัญหาที่พบ

เสียงจากผู้ใช้และข้อเรียกร้องเพิ่มเติม

ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเรียกร้องให้ผู้ประกอบการออกมารับผิดชอบและเยียวยาความเสียหาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐมีมาตรการที่ชัดเจนและรัดกุมในการปกป้องสิทธิผู้บริโภค เพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

สรุป

กรณีแอปฯ Fineasy เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภคและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการแก้ไขและป้องกันอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและป้องกันการกระทำผิดในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาองค์กรของผู้บริโภค / ออปโป้ ประเทศไทย / เรียลมี ประเทศไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กสศ.เดินหน้าดัน Thailand Zero Dropout ช่วยเด็กนอกระบบกลับสู่การเรียนรู้

กสศ. จัดสัมมนาพิเศษ ชูแนวทาง “Thailand Zero Dropout” สร้างโอกาสให้เด็กนอกระบบ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Exclusive Seminar ถอดรหัสการช่วยเหลือเด็กนอกระบบ ข้อค้นพบจากชีวิตจริงและปมปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้” ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีสื่อมวลชนและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาเข้าร่วมฟังข้อค้นพบจากโครงการ “Thailand Zero Dropout” ที่ดำเนินงานในปี 2567 เพื่อกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในปี 2568

ผลสำเร็จจากโครงการ Thailand Zero Dropout ปี 2567

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. เปิดเผยว่า ในปี 2567 สามารถติดตามเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษากลับเข้าสู่เส้นทางการเรียนรู้ได้จำนวน 304,082 คน จากจำนวนเด็กที่ไม่มีรายชื่อในระบบทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2567 พบว่ายังมีเด็กนอกระบบการศึกษาอยู่กว่า 982,304 คน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ:

  1. เด็กก่อนวัยเรียนภาคบังคับ 279,296 คน
  2. เด็กในวัยเรียนภาคบังคับ 387,591 คน
  3. เด็กหลังวัยเรียนภาคบังคับ 315,417 คน

การแก้ปัญหาต้องเน้นสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชนกลับเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ พร้อมป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากเส้นทางการศึกษากลางคัน

หัวใจของการแก้ปัญหา: ใช้ทั้งสมองและหัวใจ

ดร.ไกรยส ระบุว่า เพราะมองหาจึงมองเห็น” เป็นแนวคิดสำคัญของโครงการ โดยการทำงานต้องใช้ทั้ง การวิเคราะห์ข้อมูล และ ความเข้าใจเชิงลึก ถึงปัญหาที่เด็กแต่ละคนเผชิญ เพื่อสร้างแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทชีวิตของเด็ก ทั้งยังเน้นย้ำว่า การศึกษาคือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ยูเนสโก ได้ประเมินว่า หากประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย “Thailand Zero Dropout” ได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่ม GDP ประเทศได้ถึงปีละ 1.7% ซึ่งถือเป็นตัวเลขสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

มาตรการสำคัญของโครงการ

โครงการใช้กลไกการทำงานเชิงพื้นที่ (Area Based) โดยมี Case Manager หรือผู้ดูแลรายกรณีทำหน้าที่ค้นหาเด็กนอกระบบและเชื่อมโยงกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อพาเด็กกลับเข้าสู่การเรียนรู้ สำหรับกลุ่มที่ยังไม่พร้อมจะได้รับการดูแลฟื้นฟูจนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ นอกจากนี้ยังมีการขยายรูปแบบการศึกษาให้ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับความหลากหลายของเด็ก เช่น

  1. โรงเรียนมือถือ (Mobile School)
  2. การเรียนรู้ผ่านศูนย์การเรียนในท้องถิ่น
  3. การสะสมหน่วยกิตผ่านระบบ Credit Bank
  4. การบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกับสถานประกอบการ

มิติที่ซับซ้อนของปัญหาเด็กนอกระบบ

รศ.ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง อนุกรรมการ กสศ. กล่าวว่า ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษามีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายด้าน เช่น วงจรครอบครัว ความเหลื่อมล้ำในสังคม หรือปัญหาบาดแผลทางจิตใจ การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน และสร้างพื้นที่ที่เด็กสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีเงื่อนไข

คุณนเรศ สงเคราะห์สุข รองผู้จัดการโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบการศึกษาต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” เพื่อรองรับเด็กกลุ่มนี้ในระยะยาว

8 มาตรการสำคัญเพื่อแก้ปัญหาเด็กนอกระบบ

คุณพัฒนพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. ได้สรุปแนวทาง 8 มาตรการที่เป็นหัวใจของโครงการ ได้แก่

  1. สร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา เช่น ทุนเสมอภาค
  2. ขยายการจัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ
  3. จัดตั้งศูนย์การเรียนตามมาตรา 12
  4. ลดอุปสรรคและปรับการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่น
  5. สร้างตำบลต้นแบบ Zero Dropout
  6. ใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้ เช่น โรงเรียนมือถือ
  7. พัฒนาระบบสะสมหน่วยกิต (Credit Bank)
  8. บูรณาการเรียนรู้บนเส้นทางอาชีพ

อนาคตของเด็กไทย: ความหวังที่ยั่งยืน

โครงการ “Thailand Zero Dropout” ถือเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทั้งเด็กและประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE

กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ติดตามการดำเนินงานตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ที่จังหวัดเชียงราย

Categories
FEATURED NEWS

เครือข่ายสื่อมวลชนร่วมต้านคอร์รัปชัน สร้างสังคมโปร่งใสยั่งยืน

เครือข่ายสื่อมวลชนรวมพลังต่อต้านคอร์รัปชัน เดินหน้าโครงการสื่อสืบสวนระดับชาติ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 โครงการความร่วมมือ “เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านคอร์รัปชัน” (Investigative Journalism Fellowship Program for Anti-Corruption) ได้จัดขึ้น ณ The Botanical House ซอยพระราม 9 โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเพื่อคนไทย คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมบทบาทสื่อมวลชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ป้องกันและเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชันในสังคม

วัตถุประสงค์โครงการ: เสริมบทบาทสื่อสืบสวนเพื่อสังคมไทยที่โปร่งใส

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชนด้านสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันในหลากหลายมิติ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่สังคม พร้อมปลุกพลังประชาชนให้มีส่วนร่วมในการต่อต้านการคอร์รัปชัน

กิจกรรมภายในงาน: แบ่งปันประสบการณ์ ปลุกพลังสื่อ

ภายในงานมีการบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่

  • คุณวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย
  • คุณปรางค์ทิพย์ ดาวเรือง นักวิจัยอิสระด้านมาเลเซีย และสมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ)
  • พิพัฒน์ พึ่งพาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
  • มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) 

ไฮไลต์กิจกรรมสำคัญ:

  1. เผยผลวิจัยสื่อ: สะท้อนปัญหาและความท้าทายการทำงานสืบสวนสอบสวน
  2. ระดมความคิดสร้างสรรค์: ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาแผนงานสื่อสืบสวน
  3. สร้างเครือข่าย: รวมพลังสื่อมวลชนเพื่อขับเคลื่อนงานตรวจสอบทั่วประเทศ

การมีส่วนร่วมของสื่อมวลชนหลากหลายช่องทาง

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนทั่วประเทศ เช่น ThaiPBS News, ช่อง 7 HD, สำนักข่าวอิศรา, THE STANDARD, The Momentum, Songkhla Focus, นครเชียงรายนิวส์ เป็นต้น โดยมีสื่อท้องถิ่นและสื่อภูมิภาคเข้าร่วมอย่างคึกคัก

คุณกันณพงศ์ – มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารนครเชียงรายนิวส์ กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการตรวจสอบการคอร์รัปชันในทุกมิติ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสื่อท้องถิ่นในฐานะผู้ใกล้ชิดกับปัญหาและประชาชน

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ท้ายที่สุด ผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนระดับชาติ เพื่อสนับสนุนการทำงานด้านสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดสังคมที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และลดปัญหาคอร์รัปชันในระยะยาว

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการทำงานของสื่อมวลชน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับสื่อในทุกระดับในการใช้ศักยภาพของตนเพื่อตรวจสอบและสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดงานวันเด็ก 2568 สนุกสนาน ครอบคลุมทุกพื้นที่

เชียงรายจัดงานวันเด็ก 2568 คึกคัก กองทัพ-ตำรวจ-เทศบาลร่วมมอบความสุขน้องๆ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายได้จัดกิจกรรมเนื่องใน วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ในหลายพื้นที่ โดยมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งกองทัพ ตำรวจ และเทศบาลนครเชียงราย

ค่ายเม็งรายมหาราช จัดเต็มอาวุธยุทโธปกรณ์

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดงานวันเด็ก ณ ค่ายเม็งรายมหาราช มีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ อาทิ เฮลิคอปเตอร์ รถถัง และปืนขนาดต่างๆ ให้เด็กๆ ได้ทดลองใช้งาน พร้อมการแสดงดนตรีจากหมวดดุริยางค์ นอกจากนี้ยังมีการจัดอาหารจากรถครัวสนาม และแจกของขวัญให้เด็กๆ โดยงานนี้ได้รับความสนใจจากเด็กๆ และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

ฝูงบิน 416 เปิดสนามบิน โชว์สมรรถนะการบินครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี

กองทัพอากาศ และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จัดงานวันเด็ก ณ สนามบินเก่า อ.เมืองเชียงราย โดยมีไฮไลต์คือการแสดงบินโชว์ของ เครื่องบินขับไล่ F16 และการจัดแสดงเครื่องบิน AT-6 และเฮลิคอปเตอร์ EC-725 นอกจากนี้ยังมีเครื่องจำลองการบิน (Flight Simulator) ให้เด็กๆ ได้ทดลองขับ พร้อมกิจกรรมสนุกๆ เช่น การแข่งขัน Balance Bike และการโชว์สตันต์มอเตอร์ไซค์

เทศบาลนครเชียงรายจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อเยาวชน

เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี จัดกิจกรรมที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย มีการเล่นเกม Cyber Board Game เพื่อสร้างความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่นักเรียนดีเด่นในด้านต่างๆ และแจกของรางวัลมากมาย งานนี้ผสมผสานความสนุกและการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ

ตำรวจภูธรเชียงรายมอบความสนุก พร้อมสอนทักษะการเอาตัวรอด

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย จัดงานวันเด็กที่ร้านปันรักษ์เจียงฮาย โดยมีการแสดงดนตรี การเต้น Cover และเกมสนุกๆ พร้อมการสาธิตวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น “หนี ซ่อน สู้” ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆ และผู้ปกครองอย่างล้นหลาม

สรุปภาพรวมงานวันเด็กเชียงราย 2568

งานวันเด็กในปีนี้จัดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วเชียงราย มีการผสมผสานความสนุกสนาน ความรู้ และความปลอดภัยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มุ่งมั่นสร้างความสุขให้กับเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มอบแว่นสายตาดีแก้ปัญหานักเรียนมองไม่ชัด เชียงราย 2568

สปสช.-เทศบาลนครเชียงราย มอบแว่นสายตาดี แก้ปัญหาการมองเห็นในนักเรียนม.ต้น

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ หอประชุมพญามังราย โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วย ทพญ.ปาริชาติ ลุนทา ผอ.กลุ่ม สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ร่วมพิธีมอบแว่นสายตาดีใน โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานในงาน

โครงการแก้ปัญหาสายตาผิดปกติในนักเรียน

ดร.วันชัย เปิดเผยว่า โครงการนี้ดำเนินการตามนโยบายของ สปสช. ที่มอบสิทธิประโยชน์ “แว่นตาสำหรับเด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกติ” ภายใต้สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อให้เด็กอายุ 3-15 ปี มีการมองเห็นที่ชัดเจน อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเรียนรู้

โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า และโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ได้ตรวจคัดกรองนักเรียนจำนวน 2,435 คน พบความผิดปกติของสายตา 737 ราย (ร้อยละ 30.27)

  • โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า: 120 คน (เลนส์สต๊อก 115 คน เลนส์แล็บ 5 คน)
  • โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย: 619 คน (เลนส์สต๊อก 599 คน เลนส์แล็บ 18 คน)

งบประมาณและเป้าหมายโครงการ

การตัดแว่นสายตาในโครงการนี้ใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครเชียงราย โดยตั้งเป้าหมายให้เด็กนักเรียนทุกคนที่มีปัญหาสายตาได้รับแว่นสายตาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า การมอบแว่นสายตาให้กับนักเรียนในปีนี้ถือเป็นของขวัญวันเด็ก (11 มกราคม 2568) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนที่มีปัญหาสายตา สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อการศึกษาและการพัฒนาเด็ก

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีสายตาที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในช่วงพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก หากสายตาไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการ

ดร.วันชัย ย้ำว่า เทศบาลนครเชียงรายมุ่งมั่นผลักดันให้เป็น “นครแห่งการศึกษา” ตั้งแต่ปี 2542 โดยมีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 8 แห่ง มีนักเรียนรวมกว่า 8,000 คน โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว

ขยายโอกาสให้ท้องถิ่นอื่น

ทพ.อรรถพร เชิญชวนท้องถิ่นที่ต้องการดำเนินโครงการคัดกรองและตัดแว่นสายตาให้เด็กและผู้สูงอายุ สามารถเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กปท. ที่ สปสช. ร่วมอุดหนุนได้ทุกปี

“การช่วยให้กลุ่มเด็กและผู้สูงอายุมีสายตาที่ดีขึ้น เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงพัฒนาการเรียนรู้” ทพ.อรรถพร กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ทีมสัตวแพทย์ช่วยเสือโคร่งติดบ่วงสำเร็จ จากป่าห้วยขาแข้ง

ทีมสัตวแพทย์-เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ช่วยเสือโคร่งติดบ่วงรอดตายสำเร็จ

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานความสำเร็จในการช่วยชีวิตเสือโคร่งเพศเมีย อายุไม่เกิน 7 ปี จากผืนป่าห้วยขาแข้งที่ได้รับบาดเจ็บจากบ่วงดักสัตว์นอกเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย โดยทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ใช้เวลาค้นหาและช่วยเหลือนานถึง 3 วัน

ค้นหาเสือโคร่งกลางป่าทึบด้วยความทุ่มเท

นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติพุเตย สัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าเขาประทับช้างและบึงฉวาก

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2567 ทีมงานพบร่องรอยของเสือและได้ยินเสียงขู่ในพื้นที่ป่าทึบ ทีมเจ้าหน้าที่จึงวางแผนล้อมจับด้วยการใช้สแลนเพื่อจำกัดพื้นที่ พร้อมใช้อากาศยานไร้คนขับช่วยค้นหา จนกระทั่งเวลา 18.30 น. พบเสือโคร่งนอนอยู่ในร่องห้วย

การช่วยเหลือเสือโคร่งอย่างเร่งด่วน

ทีมสัตวแพทย์ได้ยิงยาสลบก่อนเข้าช่วยเหลือ ตรวจสอบพบว่าข้อเท้าหน้าขวาของเสือถูกลวดสลิงจนได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทีมงานได้ทำการตัดลวดสลิง ทำความสะอาดแผล และให้ยาฆ่าเชื้อ สารน้ำ และวิตามิน

หลังจากเสือฟื้นจากยาสลบเมื่อเวลา 20.45 น. ทีมสัตวแพทย์จึงเคลื่อนย้ายเสือโคร่งไปยัง ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าบึงฉวาก ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยมีทีมสัตวแพทย์ดูแลอาการอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทาง

สะท้อนความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า

นางสาวสาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย กล่าวว่าการพบเสือโคร่งจากผืนป่าห้วยขาแข้งครั้งนี้แสดงถึงการเชื่อมโยงของระบบนิเวศระหว่างผืนป่าตะวันตก แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงภัยคุกคามจากบ่วงดักสัตว์

นายชุติเดช ยืนยันว่าจะมีการติดตามอาการเสือโคร่งตัวนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เสือแข็งแรงและสามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

ความร่วมมือเพื่อสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์

การช่วยชีวิตเสือโคร่งครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ แต่ยังแสดงถึงความร่วมมือของหลายหน่วยงานที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเท เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและปกป้องสัตว์ป่าจากภัยคุกคาม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

‘พะเยา’ ประกาศงดเผาเด็ดขาด 20 ก.พ. – 20 เม.ย. 68

พะเยาประกาศงดเผาเด็ดขาด 20 ก.พ. – 20 เม.ย. 2568 แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานการประชุมแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา การประชุมมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหนักที่สุดในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี

งดเผาเด็ดขาด 20 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2568

ที่ประชุมมีมติกำหนดช่วงระยะเวลา “งดเผาเด็ดขาด” ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 20 เมษายน 2568 เพื่อป้องกันและลดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ โดยช่วงนี้ยังเป็นช่วงสำคัญที่จังหวัดพะเยาจะจัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยพะเยาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

นอกจากนี้ จะมีการประกาศห้ามเข้าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงงดเผา พร้อมตั้งวอลรูมเฝ้าระวังสถานการณ์ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว และจัดประชุมคณะทำงานสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

มาตรการเฝ้าระวังและแก้ปัญหา

ในการประชุมยังได้วางแนวทางการดำเนินงานอย่างรอบด้าน โดยมีมาตรการที่สำคัญ ได้แก่

  • จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังระดับไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงกรมป่าไม้ เฝ้าระวังพื้นที่สำคัญ เช่น วัดอนาลโยทิพยาราม และรอบมหาวิทยาลัยพะเยาช่วงรับเสด็จฯ
  • บริหารจัดการเชื้อเพลิง เช่น การชิงเผา การใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอย่างเป็นประโยชน์ และการจัดระเบียบพื้นที่เผาในพื้นที่เกษตร
  • การสนธิกำลังลาดตระเวน ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดทำบัญชีรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจเป็นพิเศษ

เชียงรายรอการประกาศมาตรการ

สำหรับจังหวัดเชียงราย แม้ยังไม่ได้มีการประกาศช่วงงดเผาอย่างเป็นทางการ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างเร่งด่วน

การรณรงค์เชิงบูรณาการ

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยเน้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สปสช. แจ้งความคลินิกเชียงราย เบิกจ่ายเท็จ เสียหาย 1.8 ล้านบาท

สปสช. แจ้งความคลินิกเชียงราย เบิกจ่ายเท็จ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. ได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านดู่ จังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งความกรณีคลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ได้กระทำการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เป็นเท็จ

พบความผิดปกติหลายกรณี

ทพ.อรรถพร เปิดเผยว่า หลัง สปสช. ได้รับเรื่องร้องเรียน ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบและพบหลักฐานการกระทำผิด 3 กรณี ได้แก่

กรณีที่ 1 คลินิกที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่ สปสช. เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ารับบริการที่คลินิก แต่ยืนยันตัวตน (Authen) การเข้ารับบริการในระบบไม่ได้ เนื่องจากในเวลาเดียวกันมีคลินิกอีกแห่งหนึ่งที่ สปสช. ได้เข้าแจ้งความในวันนี้ ทำการยืนยันตัวตนรับบริการไปแล้ว ทั้งที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการแต่อย่างใด 

 

กรณีที่ 2 สปสช. ได้รับการแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านกลุ่มไลน์ กรณีการให้บริการของคลินิกดังกล่าวที่มีจำนวนมากผิดปกติ และไม่น่าเชื่อถือ โดยมีทั้งการส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เจ้าของคลินิกฯ ปฏิบัติงานประจำอยู่ให้กับคลินิกตนเองเพื่อให้บริการจำนวนมาก ทั้งยังมีการให้บริการที่บ้านทุกวัน บางวันมีมีจำนวนมากกว่า 10 ราย โดยแต่ละครั้งบริการที่บ้านจะไม่เกิน 10 นาที ใช้วิธีถ่ายรูปกับผู้ป่วย บันทึกข้อมูลในไอแพดที่มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ ไม่มีลายเซ็นชื่อผู้รับบริการ ซึ่งเจ้าของคลินิกชี้แจงว่า ไม่ได้จัดทำเอกสารแบบสมบูรณ์ จะจัดทำเฉพาะรายที่ สปสช. เรียกตรวจสอบของแต่ละปีงบประมาณนั้น ๆ เท่านั้น

 

และกรณีที่ 3 เป็นข้อมูลจากการร้องเรียนผ่านเพจ Facebook ข่าวสารเวียงป่าเป้า ที่ข้อความระบุว่า มีคลินิกทำการรวบรวมเก็บบัตรประชาชนผู้รับบริการแลกเป็นนม แชมพู และยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อนำมาเบิกชดเชย ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สภาวิชาชีพ สปสช. กฎหมาย หรือระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนด

จากการตรวจสอบ พบว่า คลินิกดังกล่าวเริ่มให้บริการในระบบบัตรทองตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2566 และมีการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทองเป็นมูลค่ารวม 1,843,460 บาท ทำให้ สปสช. ได้รับความเสียหาย

สาธารณสุขเชียงรายเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

ด้าน นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานดังกล่าว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องจาก สปสช.

นายแพทย์วัชรพงษ์ ย้ำว่า หากพบเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในสังกัดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินการทั้งทางกฎหมายและทางวินัยอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน

สปสช. เตรียมขยายการตรวจสอบทั่วประเทศ

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการแจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกแห่งนี้ สปสช. จะขยายการตรวจสอบไปยังคลินิกอื่นๆ ในระบบที่มีการเบิกจ่ายผิดปกติ เพื่อให้ระบบบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ยังคงโปร่งใสและเชื่อถือได้

ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสเพื่อยกระดับระบบสุขภาพ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เชิญชวนประชาชนที่พบเห็นหรือสงสัยกรณีทุจริต หรือมีปัญหาในการรับบริการด้านสาธารณสุข แจ้งข้อมูลหรือร้องเรียนผ่านทุกช่องทาง เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพให้มีคุณภาพ โปร่งใส และเป็นที่เชื่อถือได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

องคมนตรีเยี่ยมโครงการหลวงเชียงราย สานต่อพระราชปณิธานพัฒนาพื้นที่สูง

องคมนตรีตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเชียงราย มอบถุงพระราชทาน สานต่อพระราชปณิธาน

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เวลา 10.30 น. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ในฐานะเลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง ได้เดินทางไปยัง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ

มอบถุงพระราชทานกำลังใจผู้ปฏิบัติงานโครงการหลวง

ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้เชิญ ถุงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการสืบสานพระราชปณิธานงานโครงการหลวง มอบให้แก่เจ้าหน้าที่และสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 92 คน เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

พลเอก กัมปนาท กล่าวเน้นย้ำถึงพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรบนพื้นที่สูง

ติดตามความก้าวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยผาหม่น ใกล้เขตแดนไทย-ลาว โดยมีหน้าที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน 1 กลุ่มบ้าน รวม 763 ครัวเรือน

ปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่สามารถปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาว และพืชสมุนไพร เช่น คอสสลัด พลับ กาแฟ และสมุนไพร ภายใต้ระบบอาหารปลอดภัย สร้างรายได้กว่า 7.9 ล้านบาทในปี 2567

เยี่ยมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง

ช่วงบ่าย องคมนตรีได้เดินทางไปยัง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง ตำบลท่าข้าม อำเภอเวียงแก่น เพื่อมอบถุงพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่และสมาชิกเกษตรกร 91 คน

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 มีพื้นที่ดูแลครอบคลุม 11 หมู่บ้าน รวม 1,982 ครัวเรือน เน้นพัฒนาการเกษตร เช่น คะน้าฮ่องกง เมล่อนญี่ปุ่น และพริกเม็กซิกัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนงานจักสานและผ้าทอไทลื้อ เพื่ออนุรักษ์และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรม

ลดจุด Hotspot และส่งเสริมการปลูกป่า

ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยแล้งยังดำเนินงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริ “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” โดยในปี 2567 สามารถลดจุด Hotspot ได้ถึงร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับปี 2566

สรุปใจความสำคัญ

องคมนตรีตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงในเชียงราย มอบถุงพระราชทาน 183 ใบ สานต่อพระราชปณิธานสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ราษฎรบนพื้นที่สูง พร้อมติดตามความก้าวหน้าด้านการเกษตรและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News