Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลไทยเร่งปราบ ‘พอตเค’ ปกป้องเยาวชนจากภัยยาเสพติดรูปแบบใหม่

รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด ย้ำ! ‘พอตเค’ ระบาดหนักในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หน่วยงานทางปกครอง และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ความสำคัญต่อการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับสังคมไทย

ยาเสพติดแฝงตัวในรูปแบบใหม่

รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของยาเสพติดในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘พอตเค’ หรือหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมยาเค (เคตามีน) โดยเฉพาะในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ซึ่งสร้างความกังวลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยาเคตามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด การใช้ในทางที่ผิดกฎหมายมีบทลงโทษรุนแรง เช่น โทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี และปรับสูงสุด 1.5 ล้านบาท

ผลกระทบของการใช้เคตามีนในทางที่ผิด

ยาเคตามีนถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์ แต่ในปัจจุบันพบการลักลอบนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การสูดดมและสูบควันเพื่อหวังผลในการหลอนประสาท ผู้ใช้ที่เสพติดต่อกันเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการติดยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ ยังมีผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น การอาเจียน ชัก สมองและกล้ามเนื้อขาดออกซิเจน และในบางกรณีอาจถึงขั้นเสียชีวิต

รัฐบาลเข้มงวดปราบปรามการแพร่ระบาด

นายอนุกูลกล่าวเพิ่มเติมว่า การปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะการใช้เคตามีนในทางที่ผิด เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล ซึ่งได้เร่งดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วนในการหยุดยั้งการลักลอบผลิต นำเข้า และจำหน่ายยาเสพติดทุกประเภท

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ป้องกันและให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโทษและผลกระทบของการใช้ยาเสพติด รวมถึงการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางสายด่วน อย. 1556 กด 3 หรือโทร 0 2590 7343 รวมถึงผ่าน Facebook: FDA Thai

มาตรการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน

รัฐบาลยังได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตา ช่วยเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ ‘พอตเค’ และสารเสพติดรูปแบบอื่นๆ ที่อาจเข้ามาในพื้นที่ โดยการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและประชาชนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมไทย

การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันการแพร่ระบาดของสารเสพติดรูปแบบใหม่ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เวทีถกแนวทางรัฐธรรมนูญใหม่ เชียงรายเปิดรับเสียงประชาชน

ที่ประชุมวุฒิสภาจัดเวทีฟังเสียงประชาชน ทบทวนรัฐธรรมนูญใหม่

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ที่สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดย นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด รองประธานคณะกรรมาธิการ และ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง เลขานุการคณะกรรมาธิการ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนและนักวิชาการในพื้นที่เกี่ยวกับการออกแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และการทบทวนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

ประเด็นสำคัญในเวที

การประชุมเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแต่ละกลุ่มสะท้อนปัญหาในพื้นที่ อาทิ

  1. สิทธิที่ดินทำกิน – ปัญหาการพิสูจน์สิทธิที่ล่าช้าและไม่มีส่วนร่วมจากประชาชน
  2. การศึกษา – การขาดการสนับสนุนเด็กไร้สถานะ (เด็ก G) และการศึกษาเรื่องภัยพิบัติ
  3. สิ่งแวดล้อม – ปัญหาฝุ่นควัน อุทกภัย และการประสานงานที่ล่าช้า

ข้อเสนอการออกแบบ สสร.

รศ. ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม กรรมการสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเสนอว่า คุณสมบัติของ สสร. ควรครอบคลุมทั้งเพศ ชาติพันธุ์ และเยาวชน โดยกระบวนการคัดเลือกควรผสมผสานระหว่างการเลือกตั้งและแต่งตั้งเพื่อความหลากหลายและความเชี่ยวชาญ

การระดมความเห็น

ในช่วงบ่าย มีการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกและคุณสมบัติของ สสร. ผู้ร่วมประชุมเสนอให้ สสร. มาจากการเลือกตั้ง 70% และแต่งตั้ง 30% พร้อมให้มีตัวแทนจากกลุ่มเปราะบางและชาติพันธุ์ รวมถึงการกำหนดลักษณะต้องห้าม เช่น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตหรือการรัฐประหาร

ข้อสรุป

การออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ควรมุ่งเน้นความโปร่งใส มีกรอบบทบัญญัติที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความยั่งยืนและตอบสนองต่อปัญหาสังคมในทุกมิติ

บทบาทของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

รศ. ดร.ชูเกียรติ ชี้ว่า มหาวิทยาลัยพร้อมสนับสนุนการให้ความรู้และถ่ายทอดบทเรียนรัฐธรรมนูญผ่านสถานศึกษา องค์กรท้องถิ่น และกลไกการเมือง เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่

การประชุมในครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ และความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญที่ตอบโจทย์ประชาธิปไตยและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง School of Law,MFU

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจแม่จันจับ 7 เยาวชนลักรถจักรยานยนต์

ตำรวจแม่จันรวบ 7 เยาวชนคดีลักรถจักรยานยนต์ สืบสวนลึกพบเชื่อมโยงหลายพื้นที่

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 พันตำรวจเอกเกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน ภ.จว.เชียงราย พร้อมด้วย พันตำรวจโท สาคร ขัตติยะบุตร รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.ภูริวัฒ รุจิรัฐภาส รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.ศุภกรณ์ชัย เดชายิ้มสวัสดิ์ รอง ผกก.สส. สภ.แม่จัน ได้ร่วมกันทำการสอบสวนคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นเยาวชนจำนวน 7 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 14-15 ปี และเชื่อมโยงการก่อเหตุในหลายพื้นที่

คดีเริ่มต้นจากการตรวจยึดรถดัดแปลง

คดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพจำนวน 2 คัน นำส่งพนักงานสอบสวนไว้ที่โรงจอดรถของ สภ.แม่จัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันที่ 16 มกราคม 2568 พบว่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทา-ดำ ทะเบียนเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในของกลางได้หายไปจากโรงจอดรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ที่นำรถออกไปคือ ด.ช.เอ (สงวนนามสกุล)

สืบสวนจนพบผู้ต้องสงสัยและจับกุม

หลังจากตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามตัว โดยในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาบริเวณด้านหลังศูนย์จราจร และเข้าไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ที่โรงเก็บรถของ สภ.แม่จัน ชุดสืบสวนติดตามเส้นทางหลบหนีจนกระทั่งพบว่า ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปยังพื้นที่บ้านแม่คีหัวสะพาน ม.7 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน

ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 19 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 7 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด แบ่งเป็นชาย 5 คน และหญิง 2 คน โดยมีภูมิลำเนาแตกต่างกัน ได้แก่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่, ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด, ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ข้อกล่าวหาและกระบวนการดำเนินคดี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้ร่วมกันพยายามลักทรัพย์และก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

การประสานงานระหว่างพื้นที่

คดีนี้เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานตำรวจในพื้นที่หลายจังหวัด โดยมีการตรวจสอบข้อมูลและเชื่อมโยงเส้นทางหลบหนี รวมถึงประสานข้อมูลกับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งทำให้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

ตำรวจยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย และเตรียมสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภ.แม่จัน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 สร้างความสามัคคีระดับโลก

งานสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 ส่งเสริมความสามัคคีชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ประจำปี 2568 โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อฟื้นฟู ส่งเสริม และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่ให้คงอยู่ต่อไป อีกทั้งเป็นการสร้างความตระหนักในคุณค่าของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแก่ชาติพันธุ์ลาหู่รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยเผยแพร่ แลกเปลี่ยน และเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในประเทศไทยและนานาชาติ

ภายในงานมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม, นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์, นายกสมาคมและผู้บริหารสมาคมลาหู่นานาชาติ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่จาก 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ เวียดนาม จีน ออสเตรเลีย อเมริกา สปป.ลาว และสิงคโปร์

กิจกรรมภายในงาน

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น. โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านจากชาติพันธุ์ลาหู่ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การเต้นรำประเพณี งานฝีมือ และนิทรรศการวัฒนธรรม พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติพันธุ์ในแต่ละประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคีเครือข่าย รวมถึงพี่น้องลาหู่จากทั่วโลกที่ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย รวมถึงสร้างความสามัคคีและปรองดองในหมู่ชาติพันธุ์

ลาหู่ในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรชาติพันธุ์ลาหู่ราว 150,000 คน อาศัยกระจายอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์กว่า 800 หมู่บ้าน จังหวัดที่มีประชากรลาหู่อาศัยอยู่มาก ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงใหม่ และตาก โดยชาติพันธุ์ลาหู่เป็นกลุ่มที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน

นางสาวจิราพร สินธุไพร กล่าวในพิธีเปิดว่า “งานนี้ไม่เพียงส่งเสริมวัฒนธรรมแต่ยังสะท้อนถึงความสามัคคีและการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องลาหู่รุ่นใหม่ที่จะตระหนักถึงคุณค่าของมรดกวัฒนธรรม เพื่อสืบสานและรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไป”

เป้าหมายการจัดงาน

  • อนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่
  • เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในระดับนานาชาติ
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย
  • สร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นใหม่เห็นคุณค่าในวัฒนธรรมดั้งเดิม

งาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยยกระดับเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมลาหู่ในรูปแบบที่หลากหลายและน่าประทับใจ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ พาเชียงรายคว้า 4 ปีติด สุดยอดชุมชนต้นแบบ ยลวิถี

พิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2567

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ณ อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ และผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ในโอกาสนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัลผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง คว้ารางวัลชุมชนต้นแบบยอดเยี่ยม

ส่วนของชุมชนวัดห้วยปลากั้ง อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบประจำปีนี้ ได้รับมอบหมายให้ นางรพีพร ทองดี ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนชุมชน และ นางสาวกนกวรรณ สมสวัสดิ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนชุมชน เข้ารับโล่รางวัล โดยมี พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ

การแสดงนิทรรศการจากชุมชนวัดห้วยปลากั้ง

ชุมชนวัดห้วยปลากั้งได้นำเสนอภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่โดดเด่นของชุมชน อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอและผ้าปักของกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ เช่น กระเป๋า ย่าม พวงกุญแจ และเข็มกลัด รวมถึงอาหารชาติพันธุ์ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมในท้องถิ่น เช่น น้ำพริกข่า น้ำพริกน้ำผัก จิ้นทอด หมูยอ ไข่ต้ม แคปหมู ข้าวงาปิ้ง และการสาธิตตำอ้อย

จังหวัดเชียงราย: 4 ปีแห่งความภาคภูมิใจ

จังหวัดเชียงรายได้รับการยกย่องเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ได้แก่

  • พ.ศ. 2564: ชุมชนวัดท่าข้ามศรีดอนชัย อ.เชียงของ
  • พ.ศ. 2565: ชุมชนบ้านเมืองรวง อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566: ชุมชนวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) อ.เชียงแสน
  • พ.ศ. 2567: ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล

กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมชุมชนต้นแบบให้สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์และวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่นๆ ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น

งานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

‘นครเชียงรายเกมส์’ กรีฑาสูงอายุ สร้างมิตรภาพและสุขภาพดี

จังหวัดเชียงรายเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงชนะเลิศประเทศไทย ครั้งที่ 29 “นครเชียงรายเกมส์”

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงชนะเลิศประเทศไทย ครั้งที่ 29 ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่อ “นครเชียงรายเกมส์” โดยมีแนวคิด “สปิริต สร้างมิตรภาพในเกมส์กีฬา” พร้อมคำขวัญ “กอดเชียงรายสักครั้ง จะรักตลอดไป” ทั้งนี้ มีน้องกอดอุ่นเป็นสัญลักษณ์การแข่งขัน ซึ่งสะท้อนถึงความอบอุ่นและมิตรภาพที่เชียงรายพร้อมมอบให้ผู้เข้าร่วมงาน

การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างจังหวัดเชียงราย สมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย และสำนักงานกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย มีนักกีฬาทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมกว่า 2,000 คน

รายการแข่งขันและไฮไลต์สำคัญ

การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นกีฬาประเภทลู่ 15 รายการ และกีฬาประเภทลาน 8 รายการ โดยแบ่งรุ่นอายุออกเป็น 15 รุ่น ตั้งแต่กลุ่มอายุ 35-39 ปี จนถึงกลุ่มอายุ 105-109 ปี โดยมีนักกีฬาที่อายุมากที่สุดในปีนี้มาจากจังหวัดระยอง อายุ 104 ปี และตัวแทนนักกรีฑาจังหวัดเชียงรายที่อายุมากที่สุด อายุ 97 ปี ถือเป็นไฮไลต์ที่สะท้อนถึงความแข็งแรงและสปิริตของนักกีฬาสูงอายุอย่างแท้จริง

การเตรียมความพร้อมในฐานะเจ้าภาพ

เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปอย่างเรียบร้อย จังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในทุกด้าน เช่น การอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ การต้อนรับนักกีฬาและผู้ติดตาม การดูแลความปลอดภัย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมวัฒนธรรมล้านนาและการประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและนานาชาติ

กิจกรรมพิเศษ

การแข่งขัน “นครเชียงรายเกมส์” ครั้งนี้ยังมีการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม เช่น การแสดงศิลปะล้านนา การจัดตลาดนัดวัฒนธรรมที่รวบรวมสินค้า OTOP และของดีจากชุมชนในจังหวัดเชียงราย รวมถึงกิจกรรมเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่น ดอยแม่สลอง และพิพิธภัณฑ์บ้านดำ เพื่อสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน

ส่งเสริมสุขภาพและมิตรภาพ

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกรีฑาสูงอายุครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้สูงวัย แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมเห็นถึงศักยภาพของผู้สูงอายุ อีกทั้งยังส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนและนักกีฬาจากทั่วประเทศ

เป้าหมายของการแข่งขัน

“นครเชียงรายเกมส์” ไม่ได้มุ่งหวังเพียงการชิงชัยในสนามกีฬา แต่ยังเป็นเวทีที่สร้างความสามัคคีและกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพและการดูแลตนเอง การจัดงานนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาศักยภาพด้านการกีฬาและการจัดงานระดับประเทศของจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ปิดท้ายด้วยคำขวัญ

“กอดเชียงรายสักครั้ง จะรักตลอดไป” คำขวัญที่สะท้อนถึงความอบอุ่นของเมืองเชียงรายที่พร้อมต้อนรับนักกีฬาและผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกอย่างเต็มที่.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ประกวดดาวจรัสฟ้าเชียงราย 2568 ส่งเสริมพลังผู้สูงวัย

จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรมประกวด “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัย มุ่งสร้างสังคมเห็นคุณค่า

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงรายจัดแถลงข่าวกิจกรรมประกวด “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด ผู้สูงอายุสุขภาพดี ชีวีมีสุข” โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ การแสดงศักยภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ รวมถึงกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของผู้สูงวัย

งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ภายในงานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 21 โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม ได้แก่ นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และนางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

การประกวดจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2568 ภายในงานพ่อขุนเม็งรายมหาราชและกาชาด ประจำปี 2568 ณ สนามบินเก่า อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ผู้เข้าประกวดต้องเป็นสุภาพสตรีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีภูมิลำเนาในจังหวัดเชียงราย สุขภาพสมบูรณ์ และแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองล้านนาหรือชุดชาติพันธุ์ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 32,000 บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพาย

ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย

นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า กล่าวถึงนโยบายดูแลผู้สูงอายุแบบบูรณาการ โดยเน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ครอบคลุม การพัฒนาบุคลากรดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และการปรับปรุงระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าการดำเนินงานดังกล่าวช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายในการพัฒนาบุคลากรด้านการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน และการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน

สร้างแรงบันดาลใจและความสุขในสังคม
นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่างานประกวดครั้งนี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพและกำลังใจแก่ผู้สูงวัย ยังแสดงถึงความภาคภูมิใจและศักยภาพของพวกเขาในฐานะส่วนสำคัญของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุ

เชิญเที่ยวงาน ชมวิถีชีวิตล้านนา

ด้านนางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมเยี่ยมชมเชียงราย เมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ โดยเฉพาะกิจกรรม “ดาวจรัสฟ้าเจียงฮาย” ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ และเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้แสดงความสามารถ

เชียงรายมุ่งสู่ความยั่งยืน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพและสร้างกำลังใจแก่ผู้สูงอายุ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของจังหวัดเชียงรายที่ต้องการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และวัฒนธรรมท้องถิ่น

เชียงราย เมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วิถีถิ่นร่วมสมัย เกษตรกรรมมูลค่าสูง สิ่งแวดล้อมสมดุล มุ่งสู่ความยั่งยืน”

ข้อมูลการจัดกิจกรรม

  • วันที่: 30 มกราคม 2568
  • สถานที่: สนามบินเก่า อำเภอเมืองเชียงราย
  • การแต่งกาย: ชุดพื้นเมืองล้านนา หรือชุดชาติพันธุ์
  • รางวัล: เงินรางวัลรวมกว่า 32,000 บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพาย

งานนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน และให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุในฐานะกำลังสำคัญของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

พาณิชย์ปรับกฎค้าข้าว เปิดโอกาสรายย่อยส่งออกง่ายขึ้น

รัฐมนตรีพาณิชย์ปรับกฎระเบียบการค้าข้าว หนุนเกษตรกร-รายย่อย เพิ่มโอกาสส่งออกข้าวเสรี

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงข่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. 2489 ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการลดความเหลื่อมล้ำในอุตสาหกรรมค้าข้าว เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยมุ่งเน้นการทลายทุนผูกขาดและสร้างความยุติธรรมในอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย

มติที่ประชุมเพื่อสนับสนุนการค้าข้าว

คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและเห็นชอบการปรับปรุงกฎระเบียบและเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบการค้าข้าว ดังนี้:

  1. การปรับเงื่อนไขสต๊อกข้าว
    • กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์: ไม่ต้องมีการสต๊อกข้าว
    • ผู้ประกอบการรายย่อย: ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 10 ล้านบาท ปรับลดเงื่อนไขการสต๊อกข้าวจาก 500 ตัน เหลือเพียง 100 ตัน
  2. การปรับค่าธรรมเนียมการขออนุญาต
    • กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์: ยกเว้นค่าธรรมเนียมการขออนุญาต
    • ผู้ประกอบการรายย่อย:
      • บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 10 ล้านบาท ลดค่าธรรมเนียมจาก 50,000 บาท เหลือ 10,000 บาท
      • บริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 10-20 ล้านบาท ลดค่าธรรมเนียมเหลือ 30,000 บาท
    • ผู้ส่งออกข้าวบรรจุหีบห่อ (ไม่เกิน 12 กิโลกรัม): ลดค่าธรรมเนียมจาก 20,000 บาท เหลือ 10,000 บาท

แผนการดำเนินงาน

การปรับลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะออกเป็นกฎกระทรวง โดยต้องผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนมีนาคม 2568

ในอนาคต กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการในระยะที่ 2 และ 3 เพื่อยกเลิกการกำหนดเงื่อนไขสต๊อกและค่าธรรมเนียมทั้งหมด รวมถึงการปรับปรุงระบบการขออนุญาตให้สามารถดำเนินการจบในขั้นตอนเดียว

การมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ

การปรับปรุงกฎระเบียบนี้เกิดขึ้นจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าว ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากเกษตรกร โรงสี ผู้ส่งออก ทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย ซึ่งมองว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าสู่ตลาดส่งออกได้สะดวกขึ้น

เป้าหมายของการปรับปรุงกฎระเบียบ

  1. ลดความเหลื่อมล้ำในอุตสาหกรรมข้าว
  2. ส่งเสริมการค้าข้าวเสรีและเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรสามารถส่งออกข้าวได้เอง
  3. ลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย
  4. สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก

นายพิชัยระบุว่า การปรับปรุงครั้งนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในระยะยาว พร้อมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันผลักดันนโยบายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมข้าวไทย

ภาพรวมของผลประโยชน์

การแก้ไขระเบียบในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังเพิ่มศักยภาพในการส่งออกและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเกษตรกรรมทั่วประเทศ ช่วยให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำในตลาดข้าวโลกได้อย่างยั่งยืน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE

กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ติดตามการดำเนินงานตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ที่จังหวัดเชียงราย

Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเคาะ 61 วันปลอดเผา ลดปัญหา PM 2.5

ที่ประชุมเชียงรายเคาะ “61 วันปลอดการเผา” พร้อมกิจกรรมป้องกันไฟป่า-หมอกควัน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ที่ห้องปฏิบัติงานรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ของจังหวัดเชียงราย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อวางมาตรการควบคุมการเผาและการจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่

สรุปมาตรการสำคัญ

ที่ประชุมมีมติกำหนดห้วงควบคุมการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และกำหนด “ห้วงห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิดโดยเด็ดขาด” ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 ภายใต้ชื่อ “61 วันปลอดการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” เพื่อควบคุมและลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายมีหน้าที่เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านการจัดทำ One Page สาระสำคัญที่เข้าใจง่าย รวมถึงออกประกาศจังหวัดให้ประชาชนรับทราบถึงช่วงเวลาห้ามเผาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน

กิจกรรมสำคัญที่กำหนดในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568

  1. กิจกรรมทำแนวกันไฟ 2 แผ่นดิน
    กำหนดจัด ณ อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อแสดงถึงความร่วมมือระหว่างจังหวัดเชียงรายกับประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ชายแดน
  2. ทอดผ้าป่าระดมทุนป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน
    กิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อสนับสนุนงบประมาณสำหรับใช้ในกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จะจัดขึ้นที่วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย
  3. ประชุมติดตามสถานการณ์การเผาและฝุ่น PM 2.5 อย่างใกล้ชิด
    กำหนดให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทสจ.) และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.) ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ เร่งติดตามสถานการณ์ หากมีแนวโน้มรุนแรงให้จัดประชุมคณะทำงานอย่างเร่งด่วน พร้อมกำหนดการประชุมคณะทำงานทุกสัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

การจัดการปัญหาเชิงรุก

จังหวัดเชียงรายเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนและองค์กรท้องถิ่น พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือและมาตรการรองรับสถานการณ์ หากเกิดเหตุไฟป่าหรือฝุ่น PM 2.5 ระดับรุนแรง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ กล่าวในการประชุมว่า “ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จังหวัดเชียงรายจึงต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงความสำคัญของมาตรการที่กำหนด”

การมีส่วนร่วมของประชาชน

ทางจังหวัดเชียงรายขอความร่วมมือจากประชาชนในทุกพื้นที่ร่วมปฏิบัติตามมาตรการ “61 วันปลอดการเผา” อย่างเคร่งครัด รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงและลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและไฟป่า

ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันไฟป่า หมอกควัน และ PM 2.5 ได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน 1784

เชียงรายเดินหน้าลดฝุ่น-ไฟป่า สร้างชุมชนปลอดมลพิษอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ธนาคารที่ดินเชียงราย หนุนเกษตรกร ยกระดับวิสาหกิจชุมชน

ธนาคารที่ดิน” ลงพื้นที่เชียงราย หนุนเกษตรกร ยกระดับวิสาหกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 นายศรัณยสันฑ์ วีรกุลสุนทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) นำโดยนายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันฯ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานของ “ธนาคารที่ดิน” และพบปะเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยส่วนราชการในพื้นที่ร่วมต้อนรับ

ตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชา

ทีมงานได้เข้าตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีเกษตรกรจำนวน 64 ครัวเรือน บนพื้นที่ทั้งหมด 84 ไร่ ที่นี่ถือเป็นชุมชนต้นแบบในการพัฒนาที่ดินและการดำเนินชีวิตตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นายศรัณยสันฑ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและยินดีที่ได้เห็นความสำเร็จของโครงการดังกล่าว ซึ่งได้ช่วยเหลือเกษตรกรและขยายโอกาสในการพัฒนาพื้นที่เพื่อความยั่งยืน

โมเดลแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน

นายศรัณยสันฑ์ ระบุว่า การบริหารจัดการที่ดินในรูปแบบการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่ธนาคารที่ดินดำเนินการ ถือเป็นโมเดลสำคัญที่สามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ยากจนได้มีสิทธิในที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล โดยเน้นการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ขยายผลและสร้างความยั่งยืน

นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารที่ดินมุ่งมั่นขยายโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ เพื่อกระจายการถือครองที่ดินอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกร และส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่สนับสนุนและผลักดันให้โครงการเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

การดำเนินงานในพื้นที่เชียงรายได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน โดยเน้นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์เกษตร ยกระดับสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาด และเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม

ฝากถึงทุกหน่วยงาน

นายศรัณยสันฑ์ ทิ้งท้ายว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และขอฝากทุกหน่วยงานช่วยกันสนับสนุนธนาคารที่ดิน เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการแก้ไขปัญหาและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในพื้นที่ชนบท.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News