Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไฟไหม้บ้านนักสะสมเครื่องเสียง ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจนหลักฐาน

เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้บ้านที่เชียงราย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 12.46 น. ศูนย์สั่งการบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านในบริเวณถนนวัดใหม่ หน้าค่าย ซอย 3 เขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีรายงานว่าไฟกำลังลุกไหม้ภายในบ้าน และควันพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่มีบ้านชั้นเดียวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบหมายให้ พ.จ.อ.ณัฏฐศรันย์ อินแสนสืบ หัวหน้าสำนักปลัด และนายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย พร้อมด้วยรถดับเพลิงและรถน้ำ พร้อมออกไปยังจุดเกิดเหตุในทันที

การเข้าระงับเหตุครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พ.อ. สิงหนาท โลสุยะ เสธ.มทบ.37/เสธ.ศบภ.มทบ.37 ซึ่งได้นำรถบรรทุกน้ำขนาด 6000 ลิตรจำนวน 2 คัน และรถดับเพลิงขนาด 4,500 ลิตรจำนวน 1 คัน มุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระงับเหตุไฟไหม้ในทันที โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการควบคุมเพลิงในวงจำกัด

รายละเอียดเหตุการณ์และการปฏิบัติการดับเพลิง

จากการสำรวจที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวที่มีไฟกำลังโหมลุกไหม้ภายในบ้าน และมีควันพวยพุ่งออกมาจากตัวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการเปิดประตูม้วนด้านหน้าเพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ และทำการควบคุมเพลิงในวงจำกัด การดำเนินการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรถดูดโคลนที่มีน้ำแรงดันสูง ซึ่งช่วยสนับสนุนการดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองเชียงราย ได้เข้ามาช่วยปิดกั้นการจราจรบริเวณจุดเกิดเพลิงไหม้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การปิดกั้นการจราจรช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุทำได้อย่างไม่มีอุปสรรค

ผลการปฏิบัติและความเสียหาย

จากการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จเมื่อเวลา 13.30 น. โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงตัวบ้านและโครงสร้างหลังคาของบ้านด้วย โดยเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายอภิรมย์ ยาวิชัย อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและบ้านเลขที่ 172/2 หมู่ 2 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย แต่ในขณะเกิดเหตุ เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ในบ้าน

สาเหตุและการตรวจสอบ

ทรัพย์สินที่เสียหายในบ้านส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เช่น เครื่องเสียงและเครื่องเล่นเทป เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นนักสะสมของเก่าที่รักในสิ่งเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจภูธรเชียงราย เพื่อทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป

บทสรุป

เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลนครเชียงรายนี้ได้รับการควบคุมอย่างรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในระหว่างเหตุการณ์ ทรัพย์สินที่เสียหายถูกประเมินว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าและโครงสร้างของบ้าน ขณะนี้การตรวจสอบสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังคงดำเนินการอยู่ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฝึกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

กองทัพอากาศฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทัพอากาศได้จัดการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินควบคุมไฟป่าและหมอกควันประจำปี 2568 โดยมีการจัดฝึกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

ในการฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และโรงพยาบาลเชียงรายราม โดยมีการฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศด้วยอากาศยานจริง ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศและเฮลิคอปเตอร์แบบ H130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกครั้งนี้ใช้สถานการณ์สมมติในการฝึกการแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟป่าหรือหมอกควัน PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฝึกนี้จึงมุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้สามารถใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาในครั้งนี้ในการจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ

ฝูงบิน 416 มุ่งมั่นพัฒนา

การฝึกปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาหน่วยงานและทักษะของข้าราชการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติ ฝูงบิน 416 ของกองทัพอากาศจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่ไฟป่าและหมอกควันมีความรุนแรง การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือและทั่วประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกในครั้งนี้

ฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างมาตรฐานในการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะในกรณีของไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุป

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การฝึกนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และกองทัพอากาศ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ธปท. ยกระดับมาตรการป้องกันบัญชีม้าและภัยทุจริตทางการเงิน

ธปท. ยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าและร่วมรับผิดชอบปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยการยกระดับมาตรการในการจัดการบัญชีม้าและการผลักดันแนวทางการร่วมรับผิดชอบจากทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากภัยทุจริตที่เกิดขึ้น

การยกระดับมาตรการการจัดการบัญชีม้า

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ ธปท. ได้ดำเนินการคือการยกระดับการจัดการบัญชีม้าจากระดับบัญชีไปยังระดับบุคคล ซึ่งจะช่วยให้การปิดบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ปรับปรุงเงื่อนไขในการตรวจจับบัญชีม้าให้เข้มข้นขึ้น โดยพิจารณาพฤติกรรมการโอนของบัญชีม้าและมูลค่าของธุรกรรม เพื่อครอบคลุมการกระทำผิดที่มีลักษณะใหม่ๆ ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน กล่าวว่า ธปท. ได้ปรับมาตรการเพื่อให้สามารถจัดการบัญชีม้าที่ยังไม่ได้รับการแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดบัญชีม้าและลดความเสี่ยงของการเกิดภัยทุจริต

การจัดการบัญชีม้าระดับบุคคล

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การจัดการบัญชีม้าที่มีความเสี่ยงสูงโดยการขยายเงื่อนไขในการระงับการโอนเงินจากบัญชีม้าที่ต้องสงสัย และการปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการใช้บัญชีม้าสำหรับการหลอกลวงทางการเงิน

ธนาคารจะต้องดำเนินการขยายการระงับการโอนเงินและปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ไปยังกรณีของบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง โดยไม่จำเป็นต้องรอการแจ้งจากผู้เสียหาย ทั้งนี้ ยังต้องแจ้งเตือนผู้ใช้บริการเกี่ยวกับความเสี่ยงในการโอนเงินไปยังบัญชีที่อาจเป็นบัญชีม้า เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

การขยายขอบเขตการจัดการบัญชีม้า

ธปท. ได้ขยายการจัดการบัญชีม้าในวงกว้างมากขึ้น โดยกำหนดให้ธนาคารต้องแลกเปลี่ยนรายชื่อบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยระหว่างกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการป้องกันการทุจริตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้จะครอบคลุมไปถึงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางการเงิน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตรวจสอบและดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น

การพัฒนาระบบการตรวจจับบัญชีม้า

เพื่อให้ธนาคารสามารถตรวจจับบัญชีม้าที่มีพฤติกรรมผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ธปท. ได้กำหนดให้ธนาคารต้องพัฒนาระบบการตรวจจับบัญชีม้าและพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ระบบนี้จะช่วยให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล โดยทันทีที่มีการตรวจพบพฤติกรรมที่ผิดปกติ

นอกจากนี้ ธปท. ยังได้เน้นให้ธนาคารร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อปิดช่องโหว่ในเส้นทางการเงินที่มิจฉาชีพอาจใช้ในการหลอกลวง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ธปท. มองว่า การแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินให้ได้อย่างยั่งยืนจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธนาคาร หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนผู้ใช้บริการ เพื่อรับผิดชอบตามมาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลกำหนดไว้อย่างชัดเจน

ธปท. จะประกาศกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของธนาคารที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อใช้ในการพิจารณาความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยุติธรรมและความโปร่งใสในกระบวนการดำเนินการ

บทสรุป

การยกระดับมาตรการในการจัดการบัญชีม้าและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันและลดภัยทุจริตทางการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง ธปท. เชื่อว่าการทำงานร่วมกันและการพัฒนามาตรการอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดความเสียหายในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เปิดให้บริการประชาชนเชียงราย

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตลาดกลางเทศบาลตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมครั้งนี้มีการรวมกลุ่มของคณะบุคลากรทางการแพทย์และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนองพระปณิธานในการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้นและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

การเปิดกิจกรรมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ในกิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งนางวนิดา หล้าอ่อน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว, หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร, ตำรวจ, ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และอาสาสมัคร พอ.สว. พร้อมประชาชนในตำบลป่าก่อดำ ที่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมอย่างดี

การจัดกิจกรรมครั้งนี้เน้นการให้บริการทางการแพทย์ต่างๆ ทั้งการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และการรักษาพยาบาลทั่วไป รวมถึงการมอบสิ่งของและเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

บูรณาการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด, รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, นายอำเภอแม่ลาว และหัวหน้าส่วนราชการยังได้ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ตำบลป่าก่อดำ โดยมอบความช่วยเหลือและดูแลสุขภาพให้แก่ผู้ที่ต้องการการดูแลพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนในท้องถิ่น

การบริการที่เข้าถึงชุมชน

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการให้บริการที่เข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่ม ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพที่จำเป็นและการให้คำแนะนำในการป้องกันโรค รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยหรือจากภาวะที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยรวม ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความห่วงใยจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ

ความสำคัญของการสนับสนุนและการดูแลจากภาครัฐ

การจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะจากหน่วยงานทางการแพทย์และองค์กรต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนการให้บริการในด้านสุขภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ

บทสรุป

การเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานของภาครัฐในการให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

การประชุมแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข

การประชุมแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 โดยรองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมว.มหาดไทย) เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อติดตามปัญหาหมอกควันจากไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมีหน่วยงานต่างๆ และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ เพื่อรับมอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์หมอกควัน

รองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5 และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแม้ในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีอยู่ต่างประเทศ ได้มีการติดต่อประสานงานและเรียกประชุมหารือกับตนเองทุกเวลา เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้

การแต่งตั้งที่ปรึกษากองบัญชาการปภ.ช.

ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งผู้แทนสำคัญหลายท่านเพื่อเป็นที่ปรึกษาของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, รวมทั้ง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะรับผิดชอบในการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5

สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ

อนุทินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะใน 17 จังหวัดภาคเหนือที่มีการเผาวัชพืชและผลผลิตทางการเกษตรอย่างมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ Hotspot ที่มีปัญหาหมอกควันฝุ่น PM 2.5 สูงที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศห้ามเผาและกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาสถานการณ์ โดยใช้ระบบบริหารจัดการแบบ Single Command เพื่อให้การทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานมีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ

การบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเกิดผลอย่างแท้จริง โดยให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันและทำงานอย่างเป็นทีม โดยไม่มุ่งหวังให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการเพียงลำพัง

มูลเหตุสำคัญจากการเผา

อนุทินยังกล่าวต่อว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหมอกควันและมลพิษ PM 2.5 คือการเผาวัชพืชและซากพืชทางการเกษตร หากไม่ให้ประชาชนเผาทำลายซากพืชเหล่านี้ จะช่วยลดมลพิษได้อย่างมาก โดยการเผานั้นไม่ได้มีแค่ผลกระทบในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย จึงมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเกษตรกร

นายอนุทินกล่าวว่า การเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือและทั่วประเทศได้รับการเปลี่ยนแปลง โดยเกษตรกรหันมาผลิตพืชระยะสั้นแทนพืชผลทางการเกษตรระยะยาว เช่น มะม่วง ทุเรียน หรือมังคุด ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการเก็บเกี่ยว ซึ่งทำให้เกิดการเผาเศษวัชพืชมากขึ้น เนื่องจากพืชผลเหล่านี้ไม่ได้ให้ผลทันที และต้องเร่งปลูกพืชใหม่จึงต้องใช้การเผาเป็นวิธีการจัดการที่สะดวกและรวดเร็ว

แนวทางในการลดมลพิษจากการเผา

สำหรับการลดมลพิษจากการเผา การใช้วิธีการใหม่ๆ เช่น การฝังกลบ หรือการแปรสภาพเศษวัชพืชไปเป็นพลังงานชีวภาพ หรืออาหารสัตว์ รวมทั้งการทำปุ๋ยชีวภาพ เป็นทางเลือกที่รัฐบาลสนับสนุน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จำเป็น

ความเสียหายจากหมอกควันและฝุ่น PM 2.5

รองนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความเสียหายจากหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อสถานการณ์เริ่มเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน

มาตรการในการช่วยเหลือชาวบ้าน

การใช้เงินช่วยเหลือเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อชดเชยความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันฝุ่น PM 2.5 โดยรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือในระยะยาว รวมทั้งมาตรการในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในอนาคต

บทสรุป

การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชน เพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการลดมลพิษและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย อทิตาธร – สลักจฤฎดิ์ เดินหน้าขอคะแนน

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย “ทักษิณ” อู้กำเมืองปลุกใจ ปราศรัยคึกคักก่อนเลือกตั้ง ส่วนอีกฝาก “อทิตาธร” ลงพื้นที่หาเสียงเข้มข้น 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่สนาม สิงห์ เชียงราย สเตเดียม ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างคึกคัก

อย่างไรก็ตาม กำหนดการปราศรัยของ นายทักษิณ มีการเลื่อนออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ 09.30 น. เป็น 12.00 น. เมื่อขึ้นเวที นายทักษิณ ได้เริ่มต้นปราศรัยด้วย ภาษาเหนือ (อู้กำเมือง) กล่าวคำขอโทษชาวเชียงรายที่รอท่ามกลางแดดร้อน พร้อมขอบคุณที่อดทนรอ

เชียงรายเปลี่ยนแปลงน้อย ท้องถิ่นต้องร่วมพัฒนา”

นายทักษิณ กล่าวว่า หลังจาก หายไป 17 ปี คิดว่าเชียงรายจะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อกลับมา พบว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันผลักดันให้เชียงรายเติบโต พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะสร้างโอกาสให้เต็มที่ และท้องถิ่นต้องเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา

ฐานรากของประเทศกำลังสึกหรอนายทักษิณ อธิบายว่า การที่ตนให้ความสำคัญกับ การเมืองท้องถิ่น มากขึ้น เป็นเพราะท้องถิ่นคือ หัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเปรียบเทียบว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจขณะนี้ไม่เหมือน วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ที่เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มธุรกิจระดับบน แต่ครั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปรียบเหมือนเสาเข็มบ้านกำลังพังลง จึงต้องอาศัยพลังจากท้องถิ่นและรัฐบาลทำงานเป็นทีม

ตรุษจีนนี้ “ใส่เสื้อแดง กินส้ม”

เนื่องจากวันปราศรัยตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน นายทักษิณ ได้พูดถึงประเพณีจีน โดยถามประชาชนว่า “ตรุษจีนนี้ชอบใส่เสื้อสีอะไร?” ซึ่งชาวเชียงรายตอบว่า “สีแดง” และถามต่อว่า “คนจีนชอบกินอะไร?” ทุกคนตอบว่า “ส้ม” ก่อนจะกล่าวติดตลกว่า

ตรุษจีนนี้ ขอให้พี่น้องใส่เสื้อแดงแล้วกินส้ม จะได้เจริญรุ่งเรือง

ซึ่งประชาชนบางส่วนตะโกนกลับว่า “คายขว้างแล้วเจ้า” หมายถึง ทิ้งไปแล้ว” ซึ่งนายทักษิณตอบกลับว่า “โอ้! ดีจัง

อยากใช้งานผมหรือไม่ ใช้ให้เต็มที่”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายทักษิณ กล่าวอ้อนขอคะแนนเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ และทีมผู้สมัคร ส.จ. พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า

อยากจะใช้งานผมหรือไม่? ใช้ให้เต็มที่เลย ตราบใดที่ผมยังแข็งแรง ยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ ผมจะทำงานให้ประเทศและประชาชนเต็มที่

พร้อมย้ำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยแบบจัดเต็ม และอวยพรให้ทุกคนโชคดีในวันปีใหม่จีน

กำหนดการเดินสายหาเสียงต่อเนื่อง

หลังจากปราศรัยที่เชียงราย นายทักษิณ เดินทางต่อไปยัง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ และเข้าพักค้างคืน ก่อนเดินทางไป จังหวัดลำพูน ในวันถัดไป

อีกฟากผู้สมัครจัดแผนปราศรัยใหญ่ 30 มกราคม ก่อนศึกเลือกตั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับ วันที่ 30 มกราคม 2568 จะเป็นวันสำคัญของการหาเสียงครั้งสุดท้าย โดยอทิตาธร วันไชยธนวงศ์มีกำหนดการจัด เวทีปราศรัยใหญ่ ก่อนเลือกตั้งที่ สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย

โดยช่วงเช้า ทีมงานของนางอทิตาธร จะเดินสายหาเสียงที่ อำเภอเทิง และมีการนัดรวมตัวกันของผู้สนับสนุนจำนวนมากก่อนเข้าสู่เวทีใหญ่ในช่วงค่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปราศรัย นั้นขึ้นอยู่กับหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น กระแสการตอบรับของประชาชน นโยบายของแต่ละผู้สมัคร รวมถึงทิศทางทางการเมืองระดับประเทศที่ส่งผลต่อท้องถิ่น

อทิตาธร” ลั่น! เชียงรายต้องไปต่อ ไม่เป็นเบี้ยทางการเมือง

นางอทิตาธร กล่าวย้ำว่า เชียงรายต้องการผู้นำที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพียง ตัวแทนของพรรคการเมืองระดับประเทศ พร้อมแสดงจุดยืนว่าหากได้รับเลือกตั้ง จะทำงานเพื่อท้องถิ่นเชียงรายโดยไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางการเมืองระดับชาติ

เธอยังระบุว่า เชียงรายต้องไปต่อ ไม่ใช่แค่สนามเล่นของพรรคการเมืองใหญ่ แต่ต้องเป็นของประชาชนทุกคน”

แนวโน้มและกระแสตอบรับของประชาชน

ศึกเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย ในปีนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสนามที่พรรคการเมืองใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างเต็มตัว และมีนายทักษิณ ชินวัตร ลงมาช่วยหาเสียงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม กระแสของกลุ่มผู้สนับสนุนที่เปลี่ยนแปลงท่าที และการที่มีผู้สมัครอิสระที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อาจส่งผลให้ผลการเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนสูง

การเลือกตั้งครั้งนี้ ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรม

ในระหว่างการหาเสียง ทุกพรรคการเมืองและผู้สมัครต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศเตือนว่า หากพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสียง ใช้อิทธิพล หรือกระทำผิดกติกาใดๆ อาจถูกพิจารณาให้ “ใบแดง” หรือ “ใบเหลือง” ได้

ผู้สมัครทั้งหมด รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง จะต้องดำเนินกิจกรรมภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

  1. การเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย มีความสำคัญอย่างไร?
    เลือกตั้ง อบจ. เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่มีอำนาจจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัด
  2. ทักษิณให้ความสำคัญกับท้องถิ่นมากขึ้นเพราะอะไร?
    เขามองว่าท้องถิ่นเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
  3. พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะการเลือกตั้งหรือไม่?
    การแข่งขันยังคงดุเดือด ต้องรอดูผลโหวตของประชาชน
  4. นโยบายของนางสลักจฤฎดิ์มีอะไรเด่น?
    เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวเชียงราย
  5. การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อการเมืองระดับประเทศอย่างไร?
    เป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งทั่วไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงของเสริมท่องเที่ยวด้วยศิลปะ วัฒนธรรม MOU ม.ราชภัฏเชียงราย

พิธีลงนามความร่วมมือวิชาการ วิจัย และวัฒนธรรม เชียงของ มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยศิลปะการแสดง

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้จัดกิจกรรม การนำเสนอผลงานวิจัยและพัฒนาความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์กับท้องถิ่น” เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ อำเภอเชียงของ ให้สอดคล้องกับการเป็นเมืองศิลปะของจังหวัดเชียงราย

ภายในงานมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการ (MOU) ด้าน การวิจัยและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยมี นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปวีณา ลี้ตระกูล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงของ และประชาชนในพื้นที่ที่เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี

พิธีลงนามและกิจกรรมวิชาการครั้งนี้จัดขึ้นที่ พิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ท่าเรือบัค) บ้านหัวเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

การวิจัยเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวผ่านศิลปะวัฒนธรรม

หัวใจสำคัญของงานวิจัยครั้งนี้คือการใช้ ศิลปะการแสดงวัฒนธรรม มาสร้างสรรค์เป็นบทเพลงและผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย เพื่อช่วย ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเชียงของและจังหวัดเชียงราย โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนในพื้นที่

นอกจากนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงงานวิจัยให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน โดยเฉพาะการส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของเชียงของ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเมืองศิลปะแห่งนี้

ผู้แทนหน่วยงานวัฒนธรรมร่วมกิจกรรม

ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวรพล จันทร์คง และ นางสาวกนกวรรณ สุทธะ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ จาก สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม เข้าร่วมงาน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของ การบูรณาการศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นกับงานวิจัย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

MOU นี้จะช่วยพัฒนาเชียงของอย่างไร?

  1. พัฒนาเชียงของให้เป็นเมืองศิลปะและวัฒนธรรม – ขับเคลื่อนแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น
  2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและชุมชน – สนับสนุนการวิจัยที่ตอบโจทย์พื้นที่
  3. ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ – ใช้ศิลปะ วัฒนธรรม และงานวิจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

เชียงของ เมืองศิลปะที่ต้องจับตา

อำเภอเชียงของเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ยาวนาน วิถีชีวิตดั้งเดิม และอยู่ติดแม่น้ำโขง โครงการความร่วมมือนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับเชียงของให้เป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ของจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนต่างให้คำมั่นว่า จะเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เชียงของกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืนในอนาคต

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพัฒนาเชียงของผ่านศิลปะและวัฒนธรรม

  1. โครงการนี้มีเป้าหมายหลักคืออะไร?
    โครงการเน้น วิจัยและพัฒนาความร่วมมือด้านวัฒนธรรม เพื่อใช้ศิลปะและการแสดงวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์และยกระดับเชียงของให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะ
  2. การลงนาม MOU นี้มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างไร?
    ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
  3. พิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ คืออะไร?
    เป็นสถานที่จัดแสดงภาพถ่ายเก่าแก่เกี่ยวกับเชียงของและแม่น้ำโขง โดยสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
  4. การใช้ศิลปะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างไร?
    ศิลปะและการแสดงทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจ วัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน
  5. อำเภอเชียงของมีอะไรน่าสนใจบ้าง?
    เชียงของเป็นเมืองริมโขงที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัดเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ วิถีชีวิตชุมชน และศิลปะร่วมสมัยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาใบไม้ สร้างควันกระทบจราจรและฝุ่น PM2.5

ตำรวจแม่จันจับกุมผู้เผาเศษใบไม้และหญ้าแห้ง ฝ่าฝืนกฎหมายกระทบปัญหาฝุ่น PM2.5

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผู้กำกับการ สภ.แม่จัน ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการเผาในที่โล่งซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและการจราจร

จับกุมรายแรก: พบเผาเศษใบไม้ริมทาง

เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจราจร สภ.แม่จัน ออกตรวจตราพื้นที่รับผิดชอบบริเวณ เขตเทศบาลตำบลสันทราย และพบว่ามีชาวบ้านกำลังก่อไฟเผาเศษใบไม้ข้างทาง ส่งผลให้เกิดควันฟุ้งกระจายและอาจส่งผลต่อการสัญจรของรถยนต์บนถนน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวบุคคลที่กระทำผิด ทราบชื่อภายหลังคือ นายอุดร อายุ 65 ปี ชาวตำบลสันทราย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

หลังจากเจ้าหน้าที่ช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้และทำให้ควันสงบลง จึงได้นำตัว นายอุดร ไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับกุมรายที่สอง: เผาหญ้าแห้งริมถนนสาธารณะ

ในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.นิติการณ์ แก้วรากมุก สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.แม่จัน พร้อมด้วย ร.ต.ท.สมศักดิ์ ทรายหมอ และเจ้าหน้าที่สายตรวจ ได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อไปถึงบริเวณ ริมถนนสายแม่จัน-แม่อาย หมู่ 8 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มควันจากการเผาหญ้าแห้งลอยขึ้นจากข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและพบ นายวิชัย อายุ 63 ปี อยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ

เมื่อตรวจสอบและสอบถาม นายวิชัย ได้ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือเผาหญ้าแห้งเอง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวไปยัง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข้อกล่าวหาและมาตรการทางกฎหมาย

ผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกตั้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฐาน เผาหรือกระทำการใดๆ ภายในระยะ 500 เมตรจากทางเดินรถ ซึ่งก่อให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใดในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการจราจร” โดยเป็นไปตามมาตรการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของ ตำรวจภูธรภาค 5

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.พินัย พ.ศ.2565 โดยมีบทลงโทษเป็นการชำระค่าปรับ

ตำรวจเชียงรายเน้นย้ำเข้มงวด ห้ามเผาเด็ดขาด

ด้าน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้ตำรวจในสังกัดเข้มงวดตรวจตราและป้องกันการเผาในที่โล่งทุกพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละสถานีตำรวจ เนื่องจากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ประชาชนในพื้นที่เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงจึงควร หลีกเลี่ยงการเผาในที่โล่ง และหันมาใช้วิธีการกำจัดขยะหรือเศษพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน เช่น การหมักปุ๋ยหรือการกำจัดผ่านกระบวนการอื่นที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออากาศ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการห้ามเผาในที่โล่ง

  1. การเผาเศษพืชในที่โล่งมีความผิดหรือไม่?
    ใช่ การเผาในที่โล่งโดยไม่มีมาตรการควบคุมอาจผิดกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
  2. โทษของการเผาขยะหรือใบไม้ข้างทางคืออะไร?
    ผู้กระทำผิดอาจถูกปรับตามกฎหมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และข้อบังคับของแต่ละจังหวัด
  3. มีวิธีใดที่สามารถกำจัดเศษพืชโดยไม่ต้องเผา?
    สามารถใช้วิธีหมักเป็นปุ๋ย ทำปุ๋ยอินทรีย์ หรือใช้เครื่องกำจัดขยะชีวภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  4. การเผาหญ้าแห้งหรือขยะกระทบต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
    การเผาทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง
  5. หากพบเห็นการเผาในที่โล่ง ควรแจ้งหน่วยงานใด?
    สามารถแจ้งตำรวจในพื้นที่ หรือสายด่วนสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS TOP STORIES

ปฏิบัติการฟ้าสางเมืองพญาเม็งราย กวาดล้างอาวุธปืนก่อนเลือกตั้ง อบจ.

ปฏิบัติการฟ้าสางเมืองพญาเม็งราย: ปูพรมกวาดล้างอาวุธปืนและอาชญากรรม ก่อนการเลือกตั้ง อบจ.

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ระดมกำลังเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ ปฏิบัติการฟ้าสางเมืองพญาเม็งราย” เพื่อตรวจค้นและกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง รวมถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในหลายจังหวัด ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

เปิดยุทธการปูพรมตรวจค้น 8 จุดทั่วเชียงราย

พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รองผู้บังคับการ บก.สอท.1 รักษาราชการแทนผู้บังคับการ บก.สอท.4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.4 นำหมายค้นของศาลเข้าทำการตรวจค้นจำนวน 8 จุด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ผลการปฏิบัติสามารถตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหลายรายการ รวมถึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มเติม โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อสกัดกั้นอาวุธสงครามที่อาจถูกนำมาใช้ก่อเหตุรุนแรงหรือสร้างความไม่สงบในช่วงเลือกตั้ง

ยึดอาวุธปืนและกระสุนจำนวนมากในหลายพื้นที่

จากการเข้าตรวจค้น จุดที่ 1 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 52/2568 และหมายจับของศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 42/2568 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 โดยสามารถจับกุมชายต้องสงสัยได้จำนวน 2 คน พร้อมของกลาง ได้แก่

  • อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
  • เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด

ในพื้นที่ อำเภอแม่สาย เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเพิ่มเติม ได้แก่

  • อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก
  • อาวุธปืนลูกซองขนาด เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก
  • อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
  • สิ่งเทียมอาวุธปืน (blank gun) 1 กระบอก
  • กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 25 นัด
  • กระสุนปืนลูกซอง 20 นัด
  • กระสุนปืน blank gun 50 นัด
  • กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 200 นัด

นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุมชายต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คน โดยพบว่าผู้ต้องหามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนหรือช่วยเหลือนักการเมืองท้องถิ่นในช่วงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

จับกุมผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์และโพสต์ชักชวนเล่นพนัน

ที่ อำเภอเวียงแก่น เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโพสต์ข้อความทางสื่อสาธารณะและโซเชียลมีเดียเพื่อชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมการพนัน ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนและอุปกรณ์อื่น ๆ ได้แก่

  • อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
  • ซองบรรจุกระสุน (แม็กกาซีน) 1 อัน
  • เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 19 นัด
  • กระเป๋าใส่อาวุธปืน สีชมพู จำนวน 1 ใบ
  • โทรศัพท์มือถือ iPhone 5 สีเทา จำนวน 1 เครื่อง
  • เอกสารโฆษณาชักชวนเล่นการพนัน จำนวน 3 แผ่น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลไปถึงเครือข่ายการพนันออนไลน์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่ม 2 ราย จาก 5 หมายจับ ที่ออกมาก่อนหน้านี้

ตำรวจไซเบอร์เดินหน้ากวาดล้างทั่วประเทศ

สำหรับปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศ ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) ได้เร่งดำเนินการสืบสวน ตรวจค้น และจับกุมเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาวุธปืน และการพนันออนไลน์ โดยขณะนี้สามารถรวบรวมเป้าหมายได้แล้วกว่า 1,000 ราย ก่อนดำเนินการนำกำลังเข้าตรวจค้น

ปฏิบัติการครั้งนี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงในช่วงเลือกตั้ง

ปฏิบัติการ “ฟ้าสางเมืองพญาเม็งราย” ถือเป็นมาตรการป้องกันเหตุอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งเป็นช่วงที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านความมั่นคง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้มงวดตรวจสอบแหล่งที่มาของอาวุธปืน และจับกุมผู้ที่อาจเป็นภัยต่อสังคม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการขยายผลเพิ่มเติมเพื่อหาต้นตอของแหล่งค้าอาวุธผิดกฎหมาย รวมถึงติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ เพื่อให้สามารถสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง

สรุปผลปฏิบัติการ “ฟ้าสางเมืองพญาเม็งราย”

  • ตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
  • ตรวจยึดอาวุธปืนและกระสุนจำนวนมาก
  • จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้หลายราย
  • ปราบปรามการพนันออนไลน์และการชักชวนเล่นพนันผ่านโซเชียลมีเดีย
  • ดำเนินการสืบสวนเป้าหมายทั่วประเทศกว่า 1,000 จุด

ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และลดความเสี่ยงต่ออาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนตำรวจไซเบอร์ บช.สอท. เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยและสงบสุข

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เชียงราย Art Festival 2025 รวมศิลปะ สตรีทแดนซ์ระดับประเทศ

Top North Battleground ศึกสตรีทแดนซ์สุดยิ่งใหญ่ในเชียงราย

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงราย โดยสมาคมขัวศิลปะ จับมือ สถาบัน MY DANCE ACADEMY จัดงาน Top North Battleground ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากกมายจากผู้เข้าร่วมให้เป็นอีกเวทีการแข่งขันของประเทศ และ เป็นอีกในส่วนในเทศกาล Chiangrai Art Festival 2025: Art Camp Art Fest. #4 จัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiangrai Contemporary Art Museum หรือ CCAM) ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ด้วยพื้นที่จัดงานกว่า 10 ไร่ อัดแน่นด้วยกิจกรรมศิลปะ ดนตรี การแสดงร่วมสมัย และการเต้นตลอดเวลา 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 24 – 26 มกราคม 2568 ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน

เทศกาลศิลปะที่เชื่อมโยงศิลปะร่วมสมัยและวัฒนธรรม

เทศกาลนี้ถือเป็นจุดบรรจบที่รวมเอาศิลปะและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน บนเวที CCAM ที่เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดเชียงราย ภายในงานมีผู้เข้าร่วมกว่า 800 คน และนักเต้นที่เข้าร่วมแข่งขันถึง 147 ชีวิตจากหลากหลายรุ่น ซึ่งเป็นการรวมตัวของคนรักเต้นจากทั่วประเทศ

Top North Battleground: การแข่งขันเต้นที่เปิดโอกาสให้ทุกคน

Top North Battleground คือการแข่งขันเต้นระดับโลกที่มุ่งเน้นการสร้างเวทีเปิดกว้างให้นักเต้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือสมัครเล่น รวมถึงเปิดกว้างให้ทีมระดับแชมป์โลกได้มีโอกาสแสดงความสามารถผ่านการเต้นในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเต้นไปกับเสียงดนตรีที่หลากหลาย ตั้งแต่เพลงฮิตกระแสหลักจนถึงเพลงคลาสสิกเหนือกาลเวลา โดยมีการประชันกันแบบตัวต่อตัว ซึ่งไม่จำกัดแนวการเต้น เช่น ป๊อป ล็อกกิ้ง ฮิปฮอป และอีกมากมาย

Wanna be HAPPY: ตัวแทน MY Dance Academy สู่ความภาคภูมิใจ

ทีม Wanna be HAPPY จากสถาบัน MY Dance Academy สามารถคว้ารางวัลอันดับ 3 ในการแข่งขัน Street Dance ด้วยโชว์ที่โดดเด่นและสร้างสรรค์ ทีมนี้ประกอบด้วยนักเต้นมืออาชีพที่มาพร้อมกับพลังและความสามารถที่น่าทึ่ง

รายชื่อนักเต้นและผู้สร้างผลงานที่โดดเด่น MYDA ATHLETES (ADULT) Dancer & Athletes

  1. นายณภัทร บุญประกอบ Popping & House Part Choreography และVisual Directing, Song Editing & Dubbing
  2. นายศุภพิชญ์ กันยะธง Waacking Choreography
  3. วชิรญาณ์ นามวงค์ Locking Part Choreographyและ ภาพรวมโชว์, Stage Craft, Concept Director
  4. ธนภูพรรณ วงค์อะทะชัยLocking Part Choreography
  5. นางสาวศุภกานต์ ปัญญาพล Concept Director, Overall Visual Director, Song Director

ผู้ช่วยโค้ช : ภัทรศยา มาลา

คณะกรรมการตัดสินและผู้จัดงานที่ยกระดับวงการเต้นไทย

การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการเต้น ได้แก่

  1. รณกฤต ไกรกิจราษฎร์ (ครูเน)
  2. มนตรี มกราเจริญมงคล (ครูบอส)
  3. เอกราช ชลกิจ (ครูนิกกี้)
  4. Ryan Licudan (ครูไรอัน)
  5. ณทชา ชัยชนะกิจการ (ครูบอย)
  6. สายเมฆ พึ่งอุดม ตัวแทนจากสถาบัน MY DANCE ACADEMY

สายเมฆ พึ่งอุดม และภัทรศยา มาลา ผู้จัดงาน กล่าวว่า “การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การโชว์ทักษะของนักเต้น แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักเต้นไทยได้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลก และเป็นการส่งเสริมศิลปะการเต้นในฐานะเครื่องมือในการพัฒนาวัฒนธรรมและเศรษฐกิจผ่าน soft power

รางวัลประวัติศาสตร์จาก อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

รางวัลในครั้งนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นถ้วยรางวัลประวัติศาสตร์ที่ออกแบบและลงนามโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งทำให้รางวัลนี้มีคุณค่าทางจิตใจและเป็นที่จดจำสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ผู้สนับสนุนหลักที่ทำให้งานนี้เป็นไปได้

งานนี้นอกจากสำนักข่าวที่ร่วมมามีส่วนร่วมให้กับเทศกาลครั้งนี้อย่างสำนักข่าว นครเชียงรายนิวส์ แล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายองค์กร เช่น สมาคมสตรีทแดนส์ SDA Street Dance Association (SDA, โรงแรมสุขนิรันดร์, โรงแรมเวียงอินทร์, โตโยต้าเชียงราย, สถาบันสอนเต้น MY Dance Academy, Kore Lab Cafe Chiangrai,  เสื้อผ้า HIPHOP JONE 500, Brandyoung Office (บริษัท แบรนด์ยัง) และเซเว่น อีเลฟเว่น

ปิดท้ายด้วยความประทับใจในงานศิลปะร่วมสมัย

Chiangrai Art Festival 2025 เป็นมากกว่างานศิลปะ แต่คือการรวมตัวของผู้คนที่รักในความสร้างสรรค์และความหลากหลาย งานนี้สร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมสำหรับทุกคนที่ได้เข้าร่วม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News