Categories
FEATURED NEWS

‘มนรัตน์’ ผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์ รับรางวัล ต้นแบบฑูตอารยสถาปัตย์แห่งทศวรรษ

ผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์คว้ารางวัล Friendly Design Awards 2024 พร้อมผลักดันแนวคิด “การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล”

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้บริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ขึ้นรับรางวัล Friendly Design Awards 2024 ประเภท ต้นแบบฑูตอารยสถาปัตย์แห่งทศวรรษ และได้ทำหน้าที่พิธีกรหลักในงาน Thailand Friendly Design Expo 2024: มหกรรมอารยสถาปัตย์ นวัตกรรมสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม 2567 ณ ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค-บางนา กรุงเทพฯ

มหกรรมเพื่อการออกแบบที่ครอบคลุมทุกคนในสังคม

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ภายใต้แนวคิด ท่องเที่ยวดี สุขภาพดี สังคมดี สภาพแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตดี” โดยมุ่งเน้นการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกและนวัตกรรมที่ครอบคลุมความต้องการของคนทุกกลุ่มในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือบุคคลทั่วไป

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. การประชุมและระดมความคิดเห็นด้านการออกแบบ “อารยสถาปัตย์”
  2. การจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี Friendly Design
  3. การประกาศรางวัล Friendly Design Awards 2024 (FD Awards)

บุคคลสำคัญร่วมงานและมอบรางวัล

ในพิธีเปิดงาน มี นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นเกียรติและมอบรางวัลให้กับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่มีส่วนร่วมในโครงการ Friendly Design

นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของงานนี้ว่า Friendly Design ไม่ใช่เพียงการออกแบบเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กับการผลักดันนวัตกรรมเพื่อทุกคน

กระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม Friendly Design ที่จะช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมการพัฒนาแนวคิดนี้

นางสาวสุชาดา ยังได้ชื่นชมผลงานจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่นำเสนอผลงานด้าน Friendly Design ที่ช่วยยกระดับการเข้าถึงสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ

การท่องเที่ยวเพื่อทุกคน: Tourism for All

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเข้ารับรางวัล FD Awards ประเภทองค์กรส่งเสริมอารยสถาปัตย์และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ได้กล่าวว่า ททท. มุ่งเน้นการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน พร้อมส่งเสริมแนวคิด “Tourism for All” เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างเท่าเทียม

ททท. ยังได้ผลักดันโครงการต่างๆ เช่น

  • การปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ
  • การจัดฝึกอบรมผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ Friendly Design
  • การสร้างความตระหนักรู้ในสังคมถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวเพื่อทุกคน

ความสำเร็จของผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์

การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2024 สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในฐานะผู้เผยแพร่ข้อมูลที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล

ผู้บริหารยังได้ใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่เท่าเทียม และยืนยันว่าจะนำเสนอข้อมูลที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

มุมมองอนาคต: การออกแบบเพื่อความยั่งยืน

งาน Thailand Friendly Design Expo 2024 ได้แสดงให้เห็นว่า การออกแบบที่คำนึงถึงคนทุกกลุ่มไม่ใช่เพียงแนวคิดที่สวยงาม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมในสังคม

นวัตกรรม Friendly Design ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติในฐานะผู้นำด้านการออกแบบและการพัฒนาที่ยั่งยืน

บทบาทผู้บริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในงาน

การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2024 คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ถือเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ได้สะท้อนถึงความทุ่มเทในการนำเสนอข้อมูลเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอารยสถาปัตย์ในประเทศไทย ผู้บริหารฯ ยังใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาสังคมอย่างเท่าเทียมผ่านการออกแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

งานนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศไทยในการแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมและการออกแบบเพื่อทุกคน พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนและความเท่าเทียมในสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Thailand Friendly Design Expo

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS UPDATE

ราคากาแฟโลกพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี เหตุภัยแล้ง-ฝนหนัก

ราคากาแฟพุ่งสูงทั่วโลก เหตุสภาพอากาศแปรปรวนในบราซิลและเวียดนาม

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 รายงานจาก Trading Economics เผยว่าราคากาแฟทั่วโลกพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในบราซิลและเวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟหลักของโลก โดยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 75% ของการผลิตกาแฟทั่วโลก มีราคาพุ่งทะลุ $3.44 ต่อปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นกว่า 80% ในปีนี้ ขณะที่กาแฟโรบัสต้าราคาสูงถึง $5,694 ต่อเมตริกตันในปลายเดือนพฤศจิกายน

สาเหตุที่ราคาเพิ่มสูง

บราซิลเผชิญภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567 และตามด้วยฝนตกหนักในเดือนตุลาคม ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟได้รับผลกระทบอย่างมาก เวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ก็ประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนในลักษณะเดียวกัน ส่งผลให้ผลผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

ราคากาแฟที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้แบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่ เช่น Nestlé และ Lavazza ต้องปรับราคาสินค้า Nestlé เปิดเผยว่าราคากาแฟสำเร็จรูปในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นถึง 15% ในปีนี้ และบริษัทต้องลดขนาดแพ็คเกจเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค ส่วน Lavazza ยืนยันว่าราคากาแฟจะยังคงอยู่ในระดับสูงจนถึงกลางปี 2568

มุมมองจากเกษตรกร

ในอีกด้านหนึ่ง Will Corby ผู้อำนวยการฝ่ายกาแฟและผลกระทบต่อสังคมจาก Pact Coffee ชี้ว่าราคากาแฟที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นโอกาสให้เกษตรกรในประเทศแหล่งผลิตได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ความนิยมที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าราคาจะพุ่งสูง แต่ความต้องการบริโภคกาแฟทั่วโลกยังคงเติบโต โดยเฉพาะในประเทศจีนที่การบริโภคเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Fernanda Okada นักวิเคราะห์ราคากาแฟจาก S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่าราคากาแฟที่สูงจะยังคงอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากสต็อกของผู้ผลิตและโรงคั่วกาแฟยังอยู่ในระดับต่ำ

การรับมือของแบรนด์กาแฟ

บริษัทกาแฟอย่าง Nestlé และ Lavazza พยายามรักษาความสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วยการไม่ปรับราคามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้องปรับราคาขึ้นในที่สุด

แนวโน้มในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัญหาเรื่องผลผลิตจากแหล่งปลูกหลัก เช่น บราซิลและเวียดนาม อาจส่งผลให้ราคากาแฟยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป หากสภาพอากาศไม่กลับสู่สภาวะปกติ

ราคากาแฟที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อผู้บริโภคทั่วโลก แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญที่เกษตรกรในประเทศแหล่งผลิตจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมกาแฟที่ต้องเผชิญความท้าทายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : theguardian / bbc /irishnews / LOCAL Coffee

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ล่องเรือหรู Bohème สัมผัสแม่น้ำโขงสุดพิเศษในลาว

“Mekong Kingdoms เปิดตัวเรือหรู Bohème สัมผัสประสบการณ์ล่องแม่น้ำโขงสุดหรูในลาว”

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 Mekong Kingdoms บริษัทล่องเรือแม่น้ำสุดหรูชื่อดัง เปิดตัวเรือลำใหม่ล่าสุด Bohème ยาว 164 ฟุต พร้อมเริ่มการเดินทางครั้งแรกวันที่ 9 ธันวาคม 2567 กับเส้นทางไปกลับระหว่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ประเทศลาว ภายในระยะเวลา 6 วัน 5 คืน สัมผัสความหรูหรา วัฒนธรรม และความเงียบสงบในทริปเดียว

การเดินทางสุดพิเศษบน Bohème

นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางด้วยการพักที่โรงแรม Avani+ Luang Prabang Hotel หนึ่งในจุดหมายที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ในหลวงพระบาง บนเรือ Bohème แขกผู้โดยสารจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมงาน 20 คน รวมถึงผู้จัดการเรือ พ่อครัวใหญ่ นักปรุงเครื่องดื่ม และผู้เชี่ยวชาญด้านสปา

ในช่วงเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการดูนกบนดาดฟ้าเรือหรือผ่อนคลายด้วยการนวดในห้องบำบัดเฉพาะทางสองแห่ง ช่วงบ่ายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรม ส่วนยามเย็นเป็นมื้ออาหารหรูริมน้ำ และยังมีกิจกรรมเรียนทำอาหารและค็อกเทลกับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

การผจญภัยบนฝั่งที่น่าจดจำ

เรือ Bohème จะพาผู้โดยสารสำรวจสถานที่สำคัญในลาว เช่น ถ้ำปากอู ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปในห้องหินโบราณ, น้ำตกกวางสี น้ำตกที่งดงามและเป็นที่นิยม รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การทำกระดาษสาและเครื่องปั้นดินเผาในหมู่บ้านดั้งเดิม

หนึ่งในจุดเด่นของทริปคือการเยี่ยมชม ศูนย์อนุรักษ์ช้างไซยะบุรี ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างและเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสัตว์เหล่านี้

ความหรูหราบน Bohème

เรือ Bohème รองรับผู้โดยสารเพียง 26 ท่านในห้องพัก 13 ห้อง ซึ่งมีให้เลือก 3 รูปแบบ:

  • Deluxe Suites (323 ตร.ฟุต): ห้องพักกว้างขวางพร้อมระเบียงส่วนตัว
  • Premier View Suites (280 ตร.ฟุต): มีระเบียง Juliet พร้อมวิวแม่น้ำสุดพิเศษ
  • Royal Suite (646 ตร.ฟุต): ห้องพักหรูหราสูงสุดพร้อมบริการพ่อบ้านส่วนตัว

ราคาและเส้นทางการเดินทาง

เริ่มต้นที่ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 116,000 บาท ต่อคนสำหรับห้อง Deluxe Suite (พักคู่) มี 2 เส้นทางให้เลือก:

  1. Downstream Cruise: เริ่มจากหลวงพระบางไปเวียงจันทน์
  2. Upstream Cruise: เริ่มจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง

เรือ Bohème มอบประสบการณ์ล่องเรือแม่น้ำโขงสุดหรู พร้อมผสมผสานวัฒนธรรมและธรรมชาติของลาวอย่างลงตัว ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : mekongkingdoms

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

อาร์ตทอยไทยระดับโลก ‘ดร.จีรวุฒิ’ สร้างแรงบันดาลใจใหม่

ศิลปะไทยสู่เวทีโลก: บทสัมภาษณ์พิเศษ “ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล” ผู้สร้างสรรค์อาร์ตทอยไทยระดับนานาชาติ

วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับ ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะไทยและการออกแบบที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ ผลงานล่าสุดของเขาคือการสร้างสรรค์ “อาร์ตทอย” ที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัย โดดเด่นในแวดวงศิลปะระดับโลก

ประวัติและรางวัลระดับนานาชาติ

ดร.จีรวุฒิ มีประวัติการศึกษาและความเชี่ยวชาญทางศิลปะที่น่าสนใจ จบปริญญาตรีด้านออกแบบนิเทศศิลป์ ปริญญาโทด้านวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม และปริญญาเอกด้านวิจัยวัฒนธรรม ศิลปกรรม และการออกแบบ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เขาได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เช่น

  • การตีพิมพ์ผลงานใน 3D World Magazine ฉบับที่ 291 ปี 2022
  • รางวัล Staff Pick จากเว็บไซต์ 3dtotal ในปีเดียวกัน
  • รางวัล Excellent Works จากงาน ASIAGRAPH 2023 พร้อมจัดแสดงผลงานที่ไต้หวัน
  • รางวัล Staff Pick Award จาก ZBrushCentral ในปี 2024

แรงบันดาลใจและการเดินทางสู่ความสำเร็จ

ดร.จีรวุฒิ เปิดเผยว่าแรงบันดาลใจมาจากการทำงานด้านศิลปะไทยมานานกว่า 20 ปี โดยมีความตั้งใจที่จะนำเอาเอกลักษณ์ความเป็นไทยไปสู่ทุกสายตาในเวทีโลก โดยเริ่มต้นจากการทำงานพุทธศิลป์และศิลปะไทยดั้งเดิม จากนั้นจึงได้นำเทคนิคดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ

“ผมเริ่มจากการใช้ 3D Technology ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพราะต้องการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยกับสื่อร่วมสมัย เพื่อให้คนรุ่นใหม่สนใจและเข้าใจความงามของศิลปะไทยมากขึ้น” ดร.จีรวุฒิ กล่า

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเดินทางไปศึกษาดูงานศิลปะที่ประเทศจีน ทำให้ได้เห็นถึงความสำเร็จของการพัฒนา “Art Toy” ในชุมชนต่าง ๆ และนำความรู้นั้นมาปรับใช้ให้เข้ากับผลงานของตนเอง

ความสำเร็จของผลงานอาร์ตทอย

ดร.จีรวุฒิ เล่าว่า ผลงานอาร์ตทอยที่สร้างขึ้นมาล่าสุด “นีโอ” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้กับงาน Thailand Friendly Design Expo 2024 เป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการออกแบบ เพราะจะต้องสะท้อนความเป็นไทย และไม่ให้ดูโบราณจนเกินไป

“ความยากอยู่ที่การสร้างสมดุลระหว่างความเป็นไทยกับความเป็นสากล เพื่อให้ผลงานเข้าถึงคนรุ่นใหม่ทั่วโลกได้”

โดยเน้นใช้ลวดลายไทย เช่น ลายกระจังและลายสับปะรด มาประยุกต์ให้เป็นส่วนประกอบของอาร์ตทอย เช่น ล้อแม็กซ์ และองค์ประกอบอื่น ๆ โดยแฝงรายละเอียดที่สะท้อนความละเอียดอ่อนของศิลปะไทยเข้าไป

ผลงานเด่นในปี 2024

หนึ่งในผลงานล่าสุดคือการสร้างอาร์ตทอย “นีโอ” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ โดยมีการออกแบบให้นีโอนั่งบนวีลแชร์ มีท่าทางที่สง่างาม เพื่อสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับความเท่าเทียมในสังคม 

“ผมต้องการให้ทุกคนมองเห็นว่าคนพิการไม่ได้ด้อยกว่าคนทั่วไป พวกเขามีศักยภาพและคุณค่าที่เท่าเทียมกัน”  

นอกจากนี้ การเพ้นท์สีนีโอในแต่ละเวอร์ชัน ยังเปิดโอกาสให้ศิลปินคนอื่น ๆ มาร่วมเติมเต็มความคิดสร้างสรรค์ลงในผลงานด้วย เช่น การออกแบบลวดลายพิเศษให้กับตัวอาร์ตทอย ซึ่งทำให้งานชิ้นนี้เป็นเอกลักษณ์และมีเพียงชิ้นเดียวในโลก

เป้าหมายในอนาคต

ดร.จีรวุฒิ กล่าวว่า มีแผนที่จะพัฒนาอาร์ตทอยไทยให้ก้าวไกลมากขึ้น โดยจะผสมผสานศิลปะไทยเข้ากับงานดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ และทำให้งานศิลปะไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  

“ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่หันมาสนใจศิลปะไทยมากขึ้น และจะพัฒนาผลงานให้หลากหลาย เช่น การออกแบบจิวเวลรี่ที่แฝงลวดลายไทย หรืองานศิลปะที่นำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน”

ความมุ่งมั่นของศิลปินไทย

ท้ายที่สุด ดร.จีรวุฒิ เน้นย้ำว่าความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะพรสวรรค์ แต่เกิดจากความมุ่งมั่นและการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง  

“ศิลปะไทยมีคุณค่าและศักยภาพมากพอที่จะก้าวไกลในระดับโลก สิ่งสำคัญคือเราต้องกล้าที่จะลอง และไม่หยุดเรียนรู้”  

นี่คือเรื่องราวของศิลปินไทยผู้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นตัวแทนของชาติบนเวทีโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่ที่ต้องการนำศิลปะไทยสู่อนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Jeerawut 3D art

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

เที่ยวฐานทหาร ‘เชียงราย’ ดื่มด่ำกาแฟ ชมวิวทะเลหมอก ‘เชียงราย’

“วิวสวย กาแฟเลิศรส” กองกำลังผาเมือง เชิญเที่ยวฐานทหารชมทะเลหมอก เชียงราย

เชียงราย – ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น กองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังผาเมือง ได้เปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในเขตชายแดนไทย-เมียนมา ณ ฐานปฏิบัติการในจังหวัดเชียงราย ที่มีทั้งจุดชมวิวทะเลหมอก ร้านกาแฟ และลานกางเต็นท์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวนี้

จุดท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ

กองกำลังผาเมืองได้พัฒนา 2 สถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีทั้งความงดงามตามธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ชุมชนดังนี้:

  1. จุดชมวิวดอยช้างมูบ
    ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง 20 นาที ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Phamuang Coffee @DoichangMub ร้านกาแฟคุณภาพที่ใช้เมล็ดกาแฟจากชุมชนท้องถิ่น และพื้นที่ลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
  2. จุดชมวิวด่านป่าสัก
    ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาของทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ร้าน Phamuang Coffee Danpasak นำกาแฟคุณภาพสูง เช่น Phamuang Coffee และกาแฟม้าดอย มาบริการให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟแท้ในบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น

สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน

การเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟและสินค้าชุมชน

เชิญชวนสัมผัสธรรมชาติในฤดูหนาว

แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ข้าราชการในสังกัดกองทัพ และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ชมวิวทะเลหมอกที่งดงาม และลิ้มรสกาแฟคุณภาพในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปลอดภัย

อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสธรรมชาติอันงดงามของเชียงรายในฤดูหนาวนี้ พร้อมสนับสนุนชุมชนในพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
  • การเดินทาง: ใช้ถนนหมายเลข 1 และ 1149 เพื่อเข้าถึงสถานที่ทั้งสองแห่ง
  • หมายเหตุ: นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง

สอบถามเพิ่มเติม: Phamuang Coffee Doichangmub

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Phamuang Coffee Doichangmub

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สะท้อนความสูญเสียแชมป์ดริปกาแฟ หลังเหตุรถชนกลุ่มนักปั่นที่เชียงราย

รถชนแชมป์ดริปกาแฟเชียงราย ครอบครัวเรียกร้องความยุติธรรม

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีเหตุการณ์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มนักปั่นจักรยานบนถนนสายสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ทำให้ นายยศธพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของร้านกาแฟ ก๋างโต่งคาเฟ่ (Kang Tong Cafe – Coffee & Roaster Chiang Rai) ซึ่งเป็นแชมป์การแข่งขัน Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 และเคยคว้ารางวัลดริปกาแฟของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อปี 2564 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้แก่ครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต โดยคู่กรณีซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้เข้ามอบตัวในวันถัดมาและถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและชนแล้วหลบหนี

ความสูญเสียที่ไม่อาจทดแทน

น.ส.โสจิลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยถึงความยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญหลังการสูญเสียครั้งนี้ โดยระบุว่า นายยศธพลเป็นเสาหลักของครอบครัวและเป็นผู้สร้างร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงด้วยประสบการณ์และความพยายามกว่า 7-8 ปี

“เขาเป็นคนที่เริ่มต้นจากศูนย์และมุ่งมั่นสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ร้านกาแฟของเรากำลังจะขยายกิจการสร้างโรงคั่วกาแฟ แต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

นอกจากนี้ นายยศธพลยังเป็นที่รักของเพื่อนและชุมชน โดยในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ เขายังนำสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่กลับต้องมาจบชีวิตในขณะที่ออกไปปั่นจักรยานกับเพื่อน ๆ

กระบวนการเจรจาที่ไม่ลงตัว

หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ดำเนินคดีกับคู่กรณีและมีการเจรจาเยียวยาหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ น.ส.โสจิลักษณ์ เปิดเผยว่า คู่กรณีเสนอจำนวนเงินเยียวยาที่ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับความสูญเสียที่ครอบครัวต้องเผชิญ

“เขาเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียน แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบที่เพียงพอ สิ่งที่เสนอมาไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้เลย” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

นอกจากนี้ คู่กรณีและภรรยาซึ่งเป็นครูเหมือนกัน ได้ติดต่อเจรจากับเธออีกครั้ง โดยระบุว่าหากไม่ยอมรับข้อเสนอเยียวยาในครั้งนี้ อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม

เสียงจากครอบครัวผู้เสียชีวิต

น.ส.โสจิลักษณ์ กล่าวว่า นายยศธพลเป็นคนที่มีความสามารถและนิสัยดี เขาได้รับการยกย่องในวงการกาแฟและเป็นที่รักของคนรอบข้าง

“ชีวิตของเขามีคุณค่าและสำคัญมาก เขายังอายุน้อย มีความสามารถ และเป็นที่รู้จักในวงการกาแฟ ฉันหวังว่าคู่กรณีจะคำนึงถึงชีวิตคนอื่นและแสดงความจริงใจมากกว่านี้” เธอกล่าว

ความคืบหน้าด้านการเยียวยา

น.ส.โสจิลักษณ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อศึกษาธิการจังหวัดเชียงรายและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 3 เพื่อร้องขอให้ต้นสังกัดของคู่กรณีช่วยผลักดันการเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

“จนถึงตอนนี้คู่กรณียังไม่แสดงความจริงใจหรือพยายามชดเชยในแบบที่สมเหตุสมผล แม้ว่าจะมีการติดต่อมาบ่อยขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

ข้อคิดและบทเรียนจากเหตุการณ์

กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยและการแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย การแสดงความจริงใจและความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Matichon Online / ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe – Coffee & roaster Chiang Rai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงราย ยึดรถดัดแปลง 506 คัน สร้างชุมชนสงบ

ปฏิบัติการ “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงราย” ยึดจักรยานยนต์ดัดแปลง 506 คัน สร้างความสงบในพื้นที่

วันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ลานหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พร้อมด้วยคณะรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่จากทุกสถานีตำรวจในสังกัด ได้ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลจังหวัดเชียงราย” ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อจัดการกับปัญหากลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่

เนื้อหาและวัตถุประสงค์ของปฏิบัติการ

สืบเนื่องจากเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทและใช้รถจักรยานยนต์ดัดแปลงท่อไอเสียเสียงดัง จนทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความหวาดกลัวและไม่กล้าออกจากบ้านยามค่ำคืน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายจึงได้จัดปฏิบัติการบูรณาการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 และขยายผลต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2567 โดยจะดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 20-25 ธันวาคม 2567

ผลการปฏิบัติการ

ในระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่สามารถยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพและท่อไอเสียเสียงดังรวมทั้งสิ้น 506 คัน โดยในวันแถลงข่าวได้นำของกลางจำนวน 270 คันมาจัดแสดง แบ่งเป็น

  • สภ.เมืองเชียงราย: 80 คัน
  • สภ.แม่จัน: 50 คัน
  • สภ.บ้านดู่: 50 คัน
  • สภ.แม่ยาว: 30 คัน
  • สภ.เวียงชัย: 30 คัน
  • สภ.แม่ลาว: 30 คัน

มาตรการหลังการยึดรถ

พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจในพื้นที่เชียงรายกวดขันและตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่มีการดัดแปลงสภาพอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับให้เจ้าของรถที่ถูกยึดแก้ไขรถให้อยู่ในสภาพเดิมก่อนที่จะสามารถรับรถคืนได้ โดยมีการบันทึกประวัติเจ้าของรถเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

การมีส่วนร่วมของประชาชน

พล.ต.ต.มานพ ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อความเดือดร้อนผ่านสายด่วน 191 หรือแจ้งข้อมูลผ่านเพจออนไลน์ต่าง ๆ โดยตำรวจจะเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ผลกระทบเชิงบวก

ปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน เนื่องจากช่วยลดปัญหาความรำคาญและความหวาดกลัวในพื้นที่ อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เยาวชนหลงผิดและมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายในอนาคต

เป้าหมายในอนาคต

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ และสร้างความสงบเรียบร้อยในชุมชน โดยเฉพาะการป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทและการใช้รถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย

ปฏิบัติการ “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลจังหวัดเชียงราย” ถือเป็นตัวอย่างของการทำงานเชิงรุกของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความสงบในสังคมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายร่วมมือหลายฝ่าย หาทางป้องกันวัยรุ่นทะเลาะวิวาท

การประชุมหลายฝ่ายป้องกันปัญหากลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ต.แม่กรณ์ เชียงราย

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารีย์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองเชียงราย เป็นประธานในการประชุมหลายฝ่าย เพื่อหาแนวทางป้องกันและควบคุมปัญหากลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทในพื้นที่ตำบลแม่กรณ์ โดยมีตัวแทนจากหลายภาคส่วนร่วมประชุม ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย สำนักงานสรรพสามิตจังหวัดเชียงราย ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 และผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่

เหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นต้นเดือนธันวาคม ในระหว่างงานเทศกาลที่จัดขึ้นในพื้นที่ตำบลแม่กรณ์ หลังจากการแสดงดนตรีเสร็จสิ้น มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันจนทำให้มีผู้บาดเจ็บหนัก เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ตรวจสอบพบว่าสาเหตุของเหตุการณ์เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหากันมาก่อนและบังเอิญพบกันในงานเทศกาล ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอมอบตัว และทางตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม

มาตรการจากหน่วยงานและชุมชน

  1. การจัดการด้านความปลอดภัยภายในงาน
    ตัวแทนจากผู้จัดงานชี้แจงว่า การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเป็นไปตามกฎหมาย โดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีจะได้รับการประทับตราที่ริสแบนด์เพื่อป้องกันการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีมาตรการคัดกรองผู้เข้าร่วมงานอย่างเคร่งครัด
  2. บทบาทของชุมชนในการมีส่วนร่วม
    ผู้นำชุมชนได้เสนอให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและดูแลความเรียบร้อยในช่วงที่มีการจัดกิจกรรม เพื่อช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในอนาคต
  3. มาตรการด้านการศึกษา
    นายณรงค์ คำสุขุม รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย กล่าวว่า ทาง สพม.เชียงราย ได้มีศูนย์ความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤติของนักเรียน (พสน.) เพื่อดูแลนักเรียนในช่วงที่มีกิจกรรมในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในโรงเรียน เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท

ความร่วมมือในอนาคต

นายชวาล ผู้จัดการทั่วไปของผู้จัดงานในพื้นที่ กล่าวว่า ทางผู้จัดงานมีแผนที่จะเพิ่มการจัดงานประจำปีจาก 5-6 ครั้งต่อปี เป็น 10 ครั้งในปีหน้า และจะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวางแผนงานจนถึงการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งในด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาระบบการจราจรภายในงาน ซึ่งปัจจุบันใช้เวลาเคลียร์พื้นที่หลังงานจบประมาณ 1-2 ชั่วโมง การมีส่วนร่วมของชุมชนจะช่วยลดปัญหาการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงาน

สรุปผลการประชุม

การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าการแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และผู้จัดงาน เพื่อสร้างระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภ.เมืองเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายยกระดับจัดการน้ำท่วม แก้ปัญหาด้วย PDOSS

เสียงสะท้อนจากท้องถิ่น สู่แนวทางจัดการน้ำท่วมแม่สาย

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการปัญหาน้ำท่วมแม่สาย” ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่มีการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่น โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ ผศ. ดร.ปฐวี โชติอนันต์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ผู้ร่วมเสวนาและหัวข้ออภิปราย

การเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลายท่านร่วมเวที ได้แก่

  • นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย
  • ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง
  • ผู้แทนนายกเทศมนตรีตำบลเวียงพางคำ
  • อ.ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากสำนักงานนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ปัญหาน้ำท่วมและการแก้ไข

นางอทิตาธร เล่าถึงเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงถึง 16 อำเภอจากทั้งหมด 18 อำเภอของจังหวัด เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่นำมาสู่การวางแผนรับมือในอนาคต

ศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (Public Disasters One Stop Service: PDOSS) คือแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย อบจ.เชียงราย เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อภัยพิบัติในอนาคต วัตถุประสงค์หลักของศูนย์นี้ ได้แก่

  1. การพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติให้ทันสมัย
  2. การบริหารจัดการโครงข่ายระบบระบายน้ำ
  3. ฐานข้อมูลสาธารณภัยแบบเปิดเพื่อการใช้งานที่สะดวก
  4. ระบบการเยียวยาแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
  5. ระบบรายงานและรับแจ้งเหตุแบบ Real Time

การประสานความร่วมมือ

นางอทิตาธร ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างแนวทางการป้องกันภัยพิบัติที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการเยียวยาและการลดผลกระทบจากเหตุการณ์ในอนาคต

การตอบสนองและความคาดหวัง

เวทีเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเสนอแนะแนวทางปฏิบัติจริงเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่แม่สายได้รับการป้องกันและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดตั้ง PDOSS ถือเป็นความพยายามที่จะยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในชุมชน ลดความเสียหาย และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

อบจ.เชียงราย พร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมให้กับแม่สายและจังหวัดเชียงรายโดยรวม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล สร้างสุขพัฒนาชุมชนป่าอ้อดอนชัย

ชาวบ้านตำบลป่าอ้อดอนชัยร่วมทอดผ้าป่าขยะ สร้างรายได้พัฒนาชุมชนและทุนการศึกษา

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ชาวบ้านจาก 21 หมู่บ้านในตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล” โดยนำขยะรีไซเคิล เช่น ขวดน้ำพลาสติก กระป๋องอลูมิเนียม กระดาษ และลังเปล่า มาประดับตกแต่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง หรือรถซาเล้ง ให้สวยงาม ก่อนเคลื่อนขบวนกว่า 30 คันไปตามถนนสายต่าง ๆ ในชุมชน

หลังจากการเคลื่อนขบวน ชาวบ้านได้นำขยะรีไซเคิลทั้งหมดไปบริจาคที่ วัดสันมะนะ หมู่ 8 ตำบลป่าอ้อดอนชัย เพื่อร่วมทอดผ้าป่า และนำเงินที่ได้ไปพัฒนาชุมชน สนับสนุนทุนการศึกษา และช่วยเหลือผู้ยากไร้ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง โดยมี พระครูพินิตวิหารการ เจ้าอาวาสวัดสันมะนะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับเกียรติจาก นายสุรฬ์พลฎ์ ดุรงคชยาอนุรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าอ้อดอนชัย นายสุฐาน อ้ายขอดแก้ว กำนันตำบลป่าอ้อดอนชัย รวมถึงผู้นำท้องถิ่นและประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรม

พระครูพินิตวิหารการ กล่าวว่า โครงการธนาคารขยะของวัดสันมะนะดำเนินการมาแล้วกว่า 6 ปี โดยเชิญชวนชาวบ้านเก็บขยะในชุมชนมาร่วมแลกเป็นสิ่งของ หรือเงินปัจจัย เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสามัคคีและสร้างรายได้ให้ชุมชน ขยะที่นำมาแลกจะถูกนำไปรีไซเคิล และรายได้จากกิจกรรมนี้นำไปพัฒนาวัด ชุมชน และสนับสนุนทุนการศึกษา ซึ่งในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100,000 บาท

ในปีนี้ การทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดย นายมนตรี แก้วสอาด ผู้จัดการแผนก Facility Management พร้อมทีมผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ได้ร่วมกิจกรรมทอดผ้าป่าขยะครั้งนี้ด้วย โดยบริจาคเงินสมทบทุนจำนวน 5,000 บาท และขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติกน้ำหนัก 55 กิโลกรัม

รายได้จากการทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลครั้งนี้ จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้แก่ สนับสนุน กองทุนหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลป่าอ้อดอนชัย สำหรับออกหน่วยเยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง และจัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้เยาวชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว

โครงการทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวบ้านและภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้กิจกรรมนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะในชุมชน แต่ยังสร้างรายได้และความสามัคคีในชุมชน รวมถึงสร้างจิตสำนึกการรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชนอื่น ๆ ที่สนใจนำไปปรับใช้ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News