Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดสัมมนาพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมผลักดัน

เชียงรายขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมสัมมนาพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาวิชาการภายใต้โครงการ “เสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาและนครเชียงรายในอนาคต” ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีผู้ร่วมงานสำคัญ ได้แก่ ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ และสื่อมวลชน

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสัมมนา

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการสร้างแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และยกระดับจังหวัดเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

การสัมมนาได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านต่างๆ เช่น

  • การส่งเสริมการท่องเที่ยว
  • การพัฒนาการค้าชายแดน
  • การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นเมืองต้นแบบที่สมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาศักยภาพเขตเศรษฐกิจพิเศษให้รองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว

แผนฟื้นฟูหลังอุทกภัยและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายภายหลังการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสนอแผนงานต่อจังหวัดเชียงรายและรัฐบาล

แนวทางพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

การสัมมนาเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายในฐานะเมืองต้นแบบที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ

  • การพัฒนาการค้าชายแดนและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอและความร่วมมือ

ข้อเสนอที่ได้จากการสัมมนาจะถูกนำไปพิจารณาและดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายในระยะยาว โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนพัฒนาเชียงรายให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับชาวเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงแสนเปิดกาดอิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น

เชียงแสนจัดงาน “กาดอิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา” ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านวัฒนธรรมท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์หน้าโรงเรียนสามวัยวัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้มีพิธีเปิดงาน “กาดอิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา และกิจกรรมข่วงวัฒนธรรมสร้างสรรค์” ภายใต้โครงการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนักวิชาการด้านวัฒนธรรม ได้แก่ นางสาวณพิชญา นันตาดี นางกัลยา แก้วประสงค์ นายจิรัฏฐ์ ยุทธนประวิช นายอภิชาต กันธิยะเขียว และนายวรพล จันทร์คง ที่เข้าร่วมในงานนี้อย่างพร้อมเพรียง

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของงาน

งานนี้จัดขึ้นเพื่อสืบสานและเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนบ้านสบคำ วัดพระธาตุผาเงา รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจวัฒนธรรมสร้างสรรค์ โดยการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมเข้ากับกิจกรรมการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ ภายในงานยังมีการจัดแสดงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตพื้นบ้านเพื่อสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่นในหมู่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

กิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจ

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น

  • การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ได้แก่ การเต้นบาสโลบ การขับทุ้ม การตีกลองหลวง และการแสดงความสามารถพิเศษของเด็กและเยาวชน
  • การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทำหัตถกรรมและงานฝีมือ
  • การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (CPOT) และสินค้าในชุมชน

นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและบริการจากกลุ่มชุมชนต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และเป็นโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมเชียงแสนอย่างใกล้ชิด

ผู้มีเกียรติในพิธีเปิด

งานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นอกจากนี้ยังมีนายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง นายสุเทพ ล้อสีทอง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ องค์กร และเครือข่ายวัฒนธรรมในพื้นที่ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดครั้งนี้

ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานคึกคัก

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน มีประชาชนจากชุมชนบ้านสบคำ ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 200 คน เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ งาน “กาดอิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา” ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่แสดงออกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและเศรษฐกิจในชุมชนอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 สืบสานวัฒนธรรมไทยใหญ่

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 เสริมสร้างความสามัคคี-กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย” ประจำปี 2567 ครั้งที่ 28 ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีนายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมในพิธี พร้อมด้วยนายเชิดชาย ชาลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทอดไทย ผู้กล่าวรายงานการจัดงาน นอกจากนี้ยังมีนายอานนท์ ขันคำ ปลัดอาวุโส อำเภอแม่ฟ้าหลวง นายปิติ อ่วยยื่อ กำนันตำบลเทอดไทย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เผยแพร่วัฒนธรรมไตย-ส่งเสริมการท่องเที่ยว

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 เพื่อสืบสานและเผยแพร่ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตดั้งเดิมของพี่น้องชาวไทยใหญ่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในกลุ่มประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน รวมถึงสานสัมพันธ์อันดีระหว่างชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง

เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยใหญ่ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญต่อไป

กิจกรรมภายในงาน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2567 โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยใหญ่ เช่น

  • การแสดงวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ 7 ชนเผ่า
  • การแสดงชุดชนเผ่าไทยใหญ่
  • นิทรรศการภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตชนเผ่าไทยใหญ่
  • การแข่งขันกีฬาพื้นเมือง
  • การแสดงดนตรีพื้นบ้านไทยใหญ่
  • การแสดงรำนก-รำโต
  • การแสดงจากนักร้องชนเผ่าไทยใหญ่

กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อการจัดงานครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง

เป้าหมายสำคัญ: อนุรักษ์วัฒนธรรมและสร้างรายได้ชุมชน

นางอทิตาธรกล่าวในพิธีเปิดว่า งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทยใหญ่ ให้คงอยู่คู่ชุมชนไทยใหญ่ และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการท่องเที่ยวและการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยไม่เพียงเป็นโอกาสสำหรับชาวไทยใหญ่ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ มอบบัตรประชาชน 72 ชาติพันธุ์ เชียงราย ลดขั้นตอนเหลือ 5 วัน

นายกรัฐมนตรีมอบบัตรประชาชนให้กลุ่มชาติพันธุ์ 72 ราย ชูความสำเร็จในการเร่งกระบวนการลดปัญหาสถานะทางทะเบียน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ตัวแทนบุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 72 ราย โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 2,000 คน

ในงานนี้มีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม ได้แก่ นายประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ เช่น UNHCR และองค์การยูนิเซฟ ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ด้วย

นโยบายให้สัญชาติ: ความหวังของกลุ่มชาติพันธุ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวในพิธีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานะทางทะเบียนของกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มดำเนินการสำรวจและขึ้นทะเบียนกลุ่มเป้าหมายมาตั้งแต่ปี 2527 ตามมติคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ เช่น บุคคลต้องมีชื่อในทะเบียนบ้าน มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก พำนักอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง

“วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่พี่น้องชาติพันธุ์ทั้ง 72 คน ได้รับบัตรประชาชน และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่รอคอยมานาน รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง และจะจัดสรรทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้าน” น.ส.แพทองธารกล่าว

การลดขั้นตอนการขอสัญชาติ: ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

ในอดีต กระบวนการขอสัญชาติและบัตรประชาชนของผู้ที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทยใช้เวลานานถึง 270 วัน ขณะที่ผู้ที่เกิดในประเทศไทยต้องรอประมาณ 180 วัน แต่ปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ที่ลดระยะเวลาดำเนินการเหลือเพียง 5 วัน เพื่อสร้างความหวังให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และลดความซับซ้อนของกระบวนการ

“มาตรการใหม่นี้ไม่ได้ลดเพียงขั้นตอน แต่ยังเพิ่มกลไกตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อให้กระบวนการเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริม

บรรยากาศในงาน: ความหวังและความสุขของผู้ได้รับบัตร

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรประชาชนครั้งแรก ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรในครั้งนี้มาจากหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ อาข่า ลาหู่ และลีซู พวกเขาแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลที่ช่วยให้พวกเขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะพลเมืองไทย

หนึ่งในตัวแทนผู้ได้รับบัตรกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานาน ผมดีใจที่ในที่สุดก็ได้รับบัตรประชาชน เพราะมันหมายถึงความเท่าเทียมในฐานะคนไทยและอนาคตที่มั่นคงขึ้น”

ปัญหาที่รอการแก้ไข: เป้าหมายต่อไปของรัฐบาล

แม้จะมีความคืบหน้าในครั้งนี้ แต่ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อีกเกือบ 500,000 คน ที่ยังไม่ได้รับบัตรประชาชนและยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหานี้ โดยเน้นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิที่พึงมี และจะเร่งผลักดันให้ปัญหานี้หมดไปโดยเร็วที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว

ความสำคัญของการให้สัญชาติ

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปิดท้ายว่า การมอบสัญชาติไทยและบัตรประชาชนไม่ได้เป็นเพียงการให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่บุคคล แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในฐานะประชาชนที่มีความภาคภูมิใจ

“สัญชาติไทยคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการมีส่วนร่วมในชุมชน เราจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างมั่นใจ

ในอนาคต การดำเนินงานด้านนี้ยังต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความเท่าเทียมในสังคมไทยอย่างแท้จริง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

นายกฯ แพทองธาร ลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนขุดลอกแม่น้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย

แพทองธารลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนขุดลอกแม่น้ำและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. บริเวณคันดินตลาดสายลมจอย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการลงพื้นที่

แผนขุดลอกแม่น้ำและมาตรการแก้ปัญหาอุทกภัย

นายกรัฐมนตรีรับฟังแผนการดำเนินงานจากผู้บริหารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กระทรวงกลาโหม และกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยแผนงานแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

  1. แผนระยะเร่งด่วน (1 ปี)

    • ขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก รวมระยะทาง 59 กิโลเมตร
    • รื้อถอนสิ่งกีดขวางลำน้ำและสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว
  2. แผนระยะกลาง (1-3 ปี)

    • สร้างโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมและตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำ
    • ศึกษาและออกแบบโครงการขุดคลองผันน้ำ
  3. แผนระยะยาว (3-5 ปี)

    • จัดการพื้นที่รับน้ำชั่วคราวหรือแก้มลิง
    • สำรวจและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมระบุว่างบประมาณต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ให้น้อยที่สุด

ตรวจเยี่ยมพื้นที่และพบปะประชาชน

หลังจากตรวจคันดินบริเวณตลาดสายลมจอย นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งเป็นประธานพิธีเปิดงาน “ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา” ที่จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีการส่งมอบมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้ประชาชน

การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา

นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติในพื้นที่ฝั่งเมียนมา 3 จุด และฝั่งไทย 1 จุด เพื่อใช้ในการเตือนภัยน้ำท่วม รวมถึงการสำรวจแนวทางสร้างพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำสายระยะทาง 3.96 กิโลเมตร และขุดลอกลำน้ำเพิ่มเติม

สถานการณ์ในพื้นที่และการค้าชายแดน

นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สาย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก บรรยากาศการค้าขายกลับมาคึกคัก

ประเด็นปัญหาเรือประมงไทย

ระหว่างการสัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีเรือประมงไทยที่เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่เมียนมา โดยระบุว่าขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการประท้วงและขอให้ปล่อยตัวคนไทยโดยเร็วที่สุด

ความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาภาคเหนือและภาคใต้
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคเหนือจะนำไปปรับใช้กับการช่วยเหลือภาคใต้ โดยระบุว่ารองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุอุทกภัย และรัฐบาลพร้อมลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ส่งมอบมาตรการช่วยเหลือประชาชน

งาน “ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา” มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในกระทรวงการคลังที่จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้แสดงถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กระทรวงพาณิชย์ผลักดันสินค้าชุมชนเชียงราย คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ลงพื้นที่เชียงราย ดันสินค้าชุมชน-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ตลาดโลก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่ YAYO FARM บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะและหารือร่วมกับผู้ประกอบการในโครงการส่งเสริมสินค้าชุมชนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยได้รับการต้อนรับจากนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เร่งเสริมแกร่งสินค้าชุมชน เชื่อมตลาดด้วยแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญา

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายผลักดันสินค้าชุมชนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเน้นการรวบรวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ เช่น ชา กาแฟ และของใช้อุปโภคบริโภคต่างๆ มาเชื่อมโยงสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ของตัวเอง พร้อมทั้งจัดนักออกแบบมืออาชีพมาให้คำแนะนำด้านการออกแบบแพ็กเกจจิ้งและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

“กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่พูดคุยเพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมงบประมาณไว้สนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สินค้าชุมชน สินค้า SME ของเชียงรายและภาคเหนือเติบโตแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะชาและกาแฟที่มีชื่อเสียงในระดับโลก” นายนภินทร กล่าว

เสริมแกร่งการท่องเที่ยวผ่านสินค้าท้องถิ่น เชื่อมโยงเส้นทางชา-กาแฟ

ด้านนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นจากแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนภูเขา เช่น ผ้าทอพื้นเมือง รวมถึงชาและกาแฟซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมตชาและกาแฟ เช่น ดอยช้าง ดอยผาฮี้ ดอยผาแม่มอญ และปางขอน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงมีโอกาสดื่มชาและกาแฟจากแหล่งปลูกโดยตรง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

“ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 เราจะมีโปรโมชั่นพิเศษเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาพักค้างที่เชียงราย พร้อมสิทธิ์รับส่วนลดจากร้านคาเฟ่ที่ร่วมรายการ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น” นายวิสูตร กล่าว

เชียงราย: ศูนย์รวมศักยภาพผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์

เชียงรายไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ยังเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพในด้านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สามารถเติบโตในตลาดโลกได้ ผลิตภัณฑ์อย่างชาและกาแฟซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สามารถเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงความโดดเด่นทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของคนท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ การสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบที่เชื่อมโยงสินค้าชุมชนเข้ากับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

สรุป

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมสินค้าชุมชน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทรัพย์สินทางปัญญาและการตลาดสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนเชียงรายให้ก้าวสู่เวทีระดับโลกในฐานะจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพด้านสินค้าและการท่องเที่ยวสร้างสรรค์.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News