Categories
SPORT

สราวุฒิ-เพชรดารินทร์ คว้าแชมป์ ทัวร์ ออฟ ล้านนา 2024

สราวุฒิ-เพชรดารินทร์ คว้าแชมป์จักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ล้านนา 2024” สร้างประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะ

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 การแข่งขันจักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ล้านนา 2024” เดินทางมาถึงสเตจสุดท้าย โดยการแข่งขันสเตจที่ 8 นี้เริ่มต้นจากศาลากลางเก่าจังหวัดเชียงราย มุ่งหน้าสู่ อำเภอเชียงแสน ผ่านสามเหลี่ยมทองคำ ก่อนเข้าเส้นชัยที่ หอฝิ่น ในระยะทาง 60 กิโลเมตรสำหรับนักปั่นหญิง และ 80 กิโลเมตรสำหรับนักปั่นชาย ซึ่งปิดท้ายการแข่งขันด้วยความเข้มข้นและบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น

การแข่งขันในรุ่นทั่วไปชายเริ่มต้นด้วยความเร็วสูงตั้งแต่กิโลเมตรแรก โดยนักปั่นทีมชาติไทย “เฟรม” ธนาคาร ไชยยาสมบัติ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม สปรินท์เข้าเส้นชัยในเวลา 1.53.15 ชั่วโมง คว้าชัยในสเตจสุดท้าย แต่แชมป์รวมของรุ่นนี้ตกเป็นของ สราวุฒิ สิริรณชัย นักปั่นทีมชาติไทยเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ ที่ครองตำแหน่งผู้นำตั้งแต่สเตจที่ 3 และสามารถรักษาอันดับได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยเวลารวม 10.47.58 ชั่วโมง

ในรุ่นหญิงโอเพ่นเอ “แพร” เพชรดารินทร์ สมราช นักปั่นทีมชาติไทยชุดโอลิมปิก 2024 แสดงความสามารถด้วยการคว้าแชมป์เวลารวมด้วยสถิติ 9.43.48 ชั่วโมง จากการแข่งขัน 8 สเตจ สร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนกีฬาจักรยานชาวไทย

รางวัลพิเศษที่โดดเด่น

การแข่งขันครั้งนี้ยังมีรางวัลพิเศษเพื่อยกย่องนักกีฬาที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่

  • รางวัล MVP ชาย: ตกเป็นของอดีตนักปั่นทีมชาติไทย “เก่ง” ธวัชชัย จีระเดชาธรรม ผู้คว้าแชมป์เวลารวมในรุ่นอายุ 40 ปี
  • รางวัลมิสทัวร์ ออฟ ล้านนา: มอบให้แก่ “น้องอิ้งค์” สุพรรณิการ์ จันทร เจ้าของเหรียญทองแดงเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย 2024

ผลการแข่งขันประจำวันสเตจที่ 8

  • รุ่นชายโอเพ่นบี

    1. อภิสิทธิ์ สุพรรณ์ – 1.54.13 ชม.
    2. กีรติ สุขประสาท – 1.54.13 ชม.
    3. พงศ์พล อมรปิยะกฤษฐ์ – 1.54.13 ชม.
  • รุ่นอายุ 40 ปี

    1. ธวัชชัย จีระเดชาธรรม – 2.00.56 ชม.
    2. ศักย์ศรณ์ จำนงค์ศรี – 2.00.56 ชม.
    3. เสรี เรืองศิริ – 2.00.56 ชม.
  • รุ่นอายุ 50 ปี

    1. ออนดรู เดวิส – 2.00.58 ชม.
    2. ฮัส แคนดี้ – 2.00.58 ชม.
    3. มานะชัย เดชาสิริบูรณ์ – 2.02.02 ชม.
  • รุ่นหญิงโอเพ่นเอ

    1. ชนิภรณ์ บัตริยะ – 1.46.03 ชม.
    2. อิสริยา ชูพุทธพงษ์ – 1.46.34 ชม.
    3. จุฑามาศ อริยะปพน – 1.46.16 ชม.
  • รุ่นหญิงโอเพ่นบี

    1. กฤติกา ศิลาพัฒน์ – 1.46.27 ชม.
    2. อิสริยา ชูพุทธพงษ์ – 1.46.34 ชม.
    3. ยุวดี ภูสีน้ำ – 1.46.42 ชม.

การปิดฉาก “ทัวร์ ออฟ ล้านนา 2024”

งานปิดการแข่งขันจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่ หอฝิ่น อำเภอเชียงแสน โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปิด งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักปั่นรุ่นใหม่ในอนาคต

ทัวร์ ออฟ ล้านนา 2024 ไม่เพียงเป็นการแข่งขันกีฬา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือของ 4 จังหวัดในล้านนาตะวันออก และการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างชื่อเสียงให้กับภาคเหนือของไทยในระดับนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI LIFESTYLE

“พุทธรักษ์ ดาษดา” เปิดแลนด์มาร์ก ศิลปะธรรมชาติ ที่ 7-Eleven หอนาฬิกา

พุทธรักษ์ ดาษดา: ศิลปินเชียงรายผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจากธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ชื่อของ อิ๋ม พุทธรักษ์ ดาษดา ศิลปินอิสระชาวอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ยังคงก้องในวงการศิลปะอย่างต่อเนื่อง เธอสำเร็จการศึกษาจากคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สาขาทัศนศิลป์ และในรอบสิบปีที่ผ่านมา พุทธรักษ์ได้สร้างชื่อเสียงจากผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะการนำธรรมชาติที่อยู่รอบตัวมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน

เอกลักษณ์งานศิลปะที่สะท้อนธรรมชาติและวิถีชีวิต

งานของพุทธรักษ์มีเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในเชียงราย เธอเคยจัดนิทรรศการเดี่ยวหลายครั้ง และแสดงผลงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น นิทรรศการ The Magical Land ที่ถ่ายทอดความมหัศจรรย์ของวิถีชีวิต ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรม โดยมีสัญลักษณ์เด่นคือ:

  • ดอกกาสะลอง: สัญลักษณ์ประจำจังหวัดเชียงราย
  • ชาและกาแฟ: แทนผลผลิตเกษตรสำคัญของชุมชน
  • โต: สัตว์เลี้ยงมงคลตามความเชื่อของชาวไทยใหญ่ สื่อถึงความศรัทธาและความรุ่งเรือง
  • หญิงสาวดอกบัวดอง: แทนวิถีชีวิตของผู้คนที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน

จุดเริ่มต้นของศิลปินเชียงราย

พุทธรักษ์เล่าว่า การเติบโตในอำเภอแม่จัน ซึ่งมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างสรรค์งานของเธอ ความรักในศิลปะของเธอเริ่มจากการเฝ้ามองพี่สาวที่ชื่นชอบการเขียนหนังสือและวาดรูป จนกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เธอหลงใหลในงานศิลปะตั้งแต่วัยเด็ก

“พี่สาวเขาเขียนหนังสือสวยมาก ฉันชอบแอบดูและเขียนตาม พอถามพี่สาวว่าทำไมถึงชอบเขียน ก็ได้คำตอบว่ามันคือความสุข จากนั้นฉันก็เริ่มวาดและเขียนเรื่อยมา” พุทธรักษ์กล่าว

แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและชุมชน

เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน พุทธรักษ์กล่าวว่า ธรรมชาติที่อยู่รอบตัว รวมถึงวัฒนธรรมและการเกษตรในเชียงรายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เธอนำพืชพันธุ์ ดอกไม้ สัตว์ และเรื่องราวในชุมชนมารังสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความงามและเอกลักษณ์ของพื้นที่

“เชียงรายมีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และชา-กาแฟที่คนรู้จัก ฉันจึงนำองค์ประกอบเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน” เธอกล่าว

จุดเช็กอินใหม่ใจกลางเชียงราย

ล่าสุด พุทธรักษ์ได้สร้างแลนด์มาร์กศิลปะแห่งใหม่ที่ 7-Eleven สาขาหอนาฬิกา เชียงราย ผลงานชิ้นนี้สะท้อนถึงความงามของเชียงรายในมิติที่หลากหลาย พร้อมเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกับผลงานที่เป็นจุดเช็กอินใหม่ของเชียงราย

พุทธรักษ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า งานศิลปะที่เธอสร้างขึ้นไม่ใช่เพียงเพื่อการชื่นชม แต่ยังต้องการส่งต่อความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด และปลุกจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีคุณค่า

สนับสนุนศิลปะท้องถิ่น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและถ่ายรูปกับผลงานของเธอได้ที่ 7-Eleven สาขาหอนาฬิกา เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมเปิดให้ชมฟรี โดยสามารถค้นหาตำแหน่งได้ผ่าน Google Maps: คลิกที่นี่

เชียงรายไม่เพียงแต่เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นบ้านของศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจผ่านงานศิลปะที่งดงามและทรงคุณค่าอย่างพุทธรักษ์ ดาษดา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

เชียงรายจัดใหญ่ เทศกาลกาแฟชาล้านนา 2024 รับปีใหม่

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024” เชื่อมโยงวัฒนธรรม-เศรษฐกิจรับปีใหม่

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 โดยภายในงานมีผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 50 ร้านค้า จากกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมแสดงสินค้าและบริการ อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจตลอดทั้งงาน

ไฮไลต์งาน: กิจกรรมมากมายที่ไม่ควรพลาด

  1. การแข่งขันระดับชาติด้านชาและกาแฟ

    • สุดยอดแหล่งผลิตชาและเมล็ดกาแฟ
    • การแข่งขันลาเต้อาร์ตและแคมเปญร้านค้า
    • อะเมซซิ่งไทยแลนด์ดริ้งค์
  2. กิจกรรมวัฒนธรรมและดนตรี
    การแสดงสดจากศิลปินชื่อดัง อาทิ วงมิลค์ เดอะวอยซ์, จ๊ะโอ๋ AF12, อ้อม รัตนัง และ ดีเจ เอิง ที่เติมเต็มบรรยากาศด้วยเสียงเพลงและความสนุกสนาน

  3. ส่งเสริมการค้าและเครือข่ายธุรกิจ
    นิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟ กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการค้าการลงทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

  4. โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ร่วมงาน
    ซื้อสินค้าภายในงานครบ 3 ร้าน รับฟรี แก้วเก็บอุณหภูมิ จำนวนจำกัดเพียง 100 ใบ/วัน

ความสำคัญของชาและกาแฟล้านนาตะวันออก

พื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2 มีทรัพยากรธรรมชาติที่โดดเด่น ตั้งแต่ภูมิประเทศที่สมบูรณ์ อากาศที่เย็นสบาย ไปจนถึงแหล่งน้ำต้นกำเนิดบริสุทธิ์ ทำให้สามารถผลิตชาและกาแฟคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ งานครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองและเชื่อมโยงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ชวนจิบกาแฟ ชิมชา รับปีใหม่

งาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024” เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 16.00 น. – 22.00 น. ทุกวัน จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 ณ สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศงานที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและวิถีชีวิตล้านนาได้อย่างเต็มอิ่ม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

  • โทรศัพท์: 098-5973823 (เวลาทำการ 09.00-16.00 น.)
  • Facebook: Eastern Lanna Coffee & Tea Festival
  • LineOA: @easternlanna

“จิบชากาแฟ ให้ตาสว่าง รับปีใหม่ มาแล้วจะรู้ อยู่แล้วคุณจะหลงรัก!”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Eastern Lanna Coffee & Tea Festival

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดตักบาตรดอกไม้ครั้งยิ่งใหญ่ ฉลองงานดอกไม้งามปีที่ 21

พิธีตักบาตรดอกไม้หนึ่งเดียวในล้านนา และเปิดงานเชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 21

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีตักบาตรดอกไม้ หนึ่งเดียวในล้านนา

พิธีตักบาตรดอกไม้ หนึ่งเดียวในล้านนา

พิธีเริ่มต้นด้วยขบวนแห่อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 องค์จาก 9 วัดในอำเภอเมืองเชียงราย ประดิษฐานบนรถบุษบก 9 คัน สร้างโดยศิลปินจากหลากหลายจังหวัด ใช้เวลากว่า 9 ปีในการสร้าง และจะนำออกแสดงให้ประชาชนชมเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ในพิธีมีทั้งประชาชนชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมอย่างคึกคัก ร่วมตักบาตรดอกไม้เพื่อความเป็นสิริมงคล

พระสงฆ์และสามเณรออกรับบิณฑบาตรดอกไม้ โดยมีประชาชนจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความศรัทธาและความงดงามของราชรถและดอกไม้ ทำให้พิธีครั้งนี้เป็นที่ประทับใจของผู้ร่วมงานอย่างยิ่ง

เปิดงานเชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 21

หลังจากพิธีตักบาตรดอกไม้ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานเชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 21 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

งานเชียงรายดอกไม้งามปีนี้จัดขึ้นในพื้นที่ใหม่ที่มีความกว้างกว่า 70 ไร่ ริมแม่น้ำกก โดยมีจุดเด่นคือสวนดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายสีสัน สลับกับสายหมอกบางเบาที่แต่งแต้มบรรยากาศฤดูหนาวให้สดชื่นและสวยงาม

ในงานยังมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น เทศกาลดนตรีในสวน การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการจัดสวนดอกไม้ในสไตล์ล้านนา เหมาะสำหรับการพักผ่อนและดื่มด่ำกับธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมงานได้ฟรี

พัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย หรือที่เรียกกันว่า “พัทยาน้อย” ได้รับการพัฒนาโดยเทศบาลนครเชียงรายร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นพื้นที่ออกกำลังกายและแลนด์มาร์กใหม่ของเชียงราย มีเส้นทางเดินริมน้ำยาวกว่า 10 กิโลเมตร

เทศกาลดอกไม้ สัญลักษณ์ของเชียงราย

เชียงรายดอกไม้งามเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่นักท่องเที่ยวรอคอยทุกปี ด้วยความงดงามของดอกไม้เมืองหนาวและการตกแต่งในบรรยากาศล้านนา เป็นสถานที่ที่สร้างความประทับใจและความทรงจำดี ๆ ให้ผู้มาเยือน

หน้าหนาวปีนี้ ใครยังไม่มีแผน แนะนำให้แวะมาชมงานเชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 21 ที่จะมอบความสุขและโมเมนต์อันน่าจดจำให้กับทุกคนที่มาเยือน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

จิตอาสาเชียงราย รำลึกพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

กิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เชียงราย รำลึกพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันปราบดาภิเษก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วันที่ 28 ธันวาคม 2567

ภายในงานมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชน และจิตอาสาทุกภาคส่วนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง ทุกคนร่วมแรงร่วมใจบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เช่น การพัฒนาภูมิทัศน์ เก็บกวาดเศษขยะและวัชพืช รวมถึงล้างดินโคลนในบริเวณลานกิจกรรมและพื้นที่โดยรอบศาลากลางจังหวัด เพื่อฟื้นฟูพื้นที่หลังได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา

ความสำคัญของวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้ทรงเป็นมหาราชผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทย พระองค์ทรงทำสงครามเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและได้รับชัยชนะทุกครั้ง นอกจากพระราชกรณียกิจด้านการเมืองและการศึกสงครามแล้ว พระองค์ยังทรงฟื้นฟูเศรษฐกิจ การคมนาคม การศึกษา และบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น การนิพนธ์บทละครและการรวบรวมพระไตรปิฎก

วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปีจึงเป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อันเป็นวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์และมีพระราชสมัญญานามว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ความสำคัญของโครงการจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”

โครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความจงรักภักดีและความสามัคคีของคนในชาติ กิจกรรมในวันนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แต่ยังส่งเสริมจิตสำนึกในความสำคัญของการทำความดีและการตอบแทนคุณแผ่นดิน

ประชาชนและจิตอาสาที่เข้าร่วมต่างแสดงความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสืบสานปณิธานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อความสุขของปวงชนชาวไทย

การจัดกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการร่วมมือร่วมใจระหว่างภาครัฐและประชาชน ที่พร้อมเดินหน้าสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเป็นสุขอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดกิจกรรมลดอุบัติเหตุปีใหม่ 2568 สร้างเมืองปลอดภัย

จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติและเปิดศูนย์ปฏิบัติการลดอุบัติเหตุปีใหม่ 2568

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ ประจำปี 2567 และพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ชมรมเหยื่อเมาและขับ และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

รำลึกภัยสึนามิ-วันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ

กิจกรรมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อรำลึกถึงภัยพิบัติรุนแรงเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิในประเทศไทย ซึ่งสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 26 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เพื่อกระตุ้นเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์

เปิดศูนย์ปฏิบัติการและรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ 2568

ในการนี้ จังหวัดเชียงรายได้จัดพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ซึ่งจะดำเนินการระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 ภายใต้แนวคิด “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงสามปีย้อนหลัง

ภายในงาน นายประเสริฐได้อ่านสารจากนายกรัฐมนตรีเนื่องในวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พร้อมรับมอบสิ่งของและอุปกรณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการ

ปล่อยขบวนรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย

หนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์ของงานคือการปล่อยขบวนรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยหน่วยงานทุกภาคส่วนเข้าร่วมเดินรณรงค์ไปตามเส้นทางในพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน

เป้าหมายและความพร้อมรับมืออุบัติภัย

จังหวัดเชียงรายเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ด้วยมาตรการสำคัญ ได้แก่ การตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะและผู้ขับขี่ การตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้เรื่องการป้องกันสาธารณภัยและการดูแลสุขภาพในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทาง

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดเชียงรายในการลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล โดยเน้นการสร้างความตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพื่อให้เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ปลอดภัย และปราศจากอุบัติเหตุที่ไม่พึงประสงค์

จังหวัดเชียงรายเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

แนวโน้มท่องเที่ยวไทย 2568: ลดจ่าย-เพิ่มคุ้มค่า

แนวโน้มการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2568: การปรับตัวและกลยุทธ์ธุรกิจท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 SCB EIC เผยข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในปี 2568 พบว่า ชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดการใช้จ่าย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต่างประเทศที่คาดว่าจะลดลงมากกว่าการท่องเที่ยวในประเทศ

แนวโน้มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทย

SCB EIC รายงานว่า การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศยังคงเป็นที่นิยม เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ที่จะเลิกใช้จ่ายเพียง 9% ซึ่งต่ำกว่าการใช้จ่ายในด้านอื่น เช่น เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ กลุ่มที่มีสถานะการเงินมั่นคง เช่น กลุ่มที่ไม่มีภาระหนี้และรายได้ดี มีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ในขณะที่กลุ่มการเงินเปราะบางกว่า 50% มีแนวโน้มลดหรือยกเลิกแผนท่องเที่ยว

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศอยู่ที่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อวัน ขณะที่การท่องเที่ยวต่างประเทศมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยขั้นต่ำที่ 10,000 บาทต่อคนต่อวัน โดยกลุ่ม LGBTQIA+ และกลุ่มวัยทำงานมีแนวโน้มใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มอื่น

วิธีปรับตัวของนักท่องเที่ยวไทย

นักท่องเที่ยวไทยใช้ 4 วิธีในการปรับตัวด้านการท่องเที่ยว ได้แก่

  1. ลดความถี่ในการท่องเที่ยว
  2. ลดการช้อปปิ้งสินค้า
  3. เลือกที่พักราคาประหยัด
  4. ชะลอแผนการท่องเที่ยว

การปรับตัวเหล่านี้แตกต่างกันตามช่วงอายุ เช่น กลุ่มวัยรุ่น/วัยเริ่มทำงานเลือกลดค่าใช้จ่ายด้านความสะดวกสบาย ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยปรับแผนมาท่องเที่ยวในประเทศหรือเลือกกรุ๊ปทัวร์ที่คุ้มค่า

กลยุทธ์สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในปี 2568

  1. เจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อดี
    ธุรกิจควรมุ่งเน้นการดึงดูดกลุ่มที่มีรายได้ดีและคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่ตอบโจทย์

  2. เพิ่มความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ
    การสร้างความคุ้มค่าให้ตรงกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในแต่ละกลุ่ม เช่น การนำเสนอกิจกรรมที่เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น หรือบริการพิเศษที่เหมาะกับผู้สูงวัย

  3. บริหารต้นทุนเพื่อเสนอแพ็กเกจราคาประหยัด
    การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และ Automation ในการบริหารจัดการ รวมถึงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน เช่น การใช้พลังงาน Solar Cell หรือรถยนต์ไฟฟ้า

สรุปผลการสำรวจ

ในปี 2568 แม้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยจะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ แต่การท่องเที่ยวยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยม ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถตอบสนองความต้องการด้วยการปรับตัวและนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าและความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : SCB EIC

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มปี 2568 เติบโต 4.6% พร้อมความท้าทาย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 spacebar รายงานว่าแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยในปี 2568 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 657,000 ล้านบาท เติบโต 4.6% แต่เป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากปี 2567 สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ยังคงได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

แนวโน้มการเติบโตของตลาด

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า การใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม ของนักท่องเที่ยวถือเป็นอันดับ 2 ของการใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทาง โดยร้านอาหารไทยกว่า 482 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับในมิชลินไกด์ ก็ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเติบโตของมูลค่าตลาดส่วนหนึ่งยังเกิดจากการ ปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยเพิ่มรายได้ต่อครั้งต่อคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ การขยายสาขาใหม่ในพื้นที่ศักยภาพ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี รวมถึงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้น ก็มีส่วนกระตุ้นให้จำนวนร้านอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น

การแข่งขันที่รุนแรง

ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 มีการแข่งขันรุนแรงในทุกระดับราคา ประเทศไทยมีร้านอาหารกว่า 6.9 แสนแห่ง หรืออัตราส่วน 9.6 ร้านต่อประชากร 1,000 คน ผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงให้เห็นว่า การหมุนเวียนเปิด-ปิดกิจการ มีจำนวนร้านอาหารที่ปิดตัวเพิ่มขึ้นถึง 89% (YoY) ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 สะท้อนถึงการแข่งขันที่เข้มข้น

แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในปี 2568

  1. ร้านอาหารบริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants)
    คาดว่าจะเติบโต 2.9% หรือมีมูลค่ารวมประมาณ 213,000 ล้านบาท ร้านบุฟเฟต์ยังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า

  2. ร้านอาหารบริการจำกัด (Limited Service Restaurants)
    คาดว่าจะเติบโต 3.8% หรือมีมูลค่ารวม 93,000 ล้านบาท การขยายตัวของกลุ่มร้านพิซซ่า ไก่ทอด และร้าน Quick Service เพิ่มมากขึ้น

  3. ร้านอาหารข้างทาง (Street Food)
    คาดว่าจะเติบโต 6.8% หรือมีมูลค่ารวม 266,000 ล้านบาท ได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว

แนวโน้มธุรกิจร้านเครื่องดื่ม

ในปี 2568 คาดว่ามูลค่าตลาดร้านเครื่องดื่มจะอยู่ที่ 85,320 ล้านบาท เติบโต 3.2% การขยายแฟรนไชส์และการเปิดตัวเมนูใหม่ช่วยกระตุ้นการบริโภค

ความเสี่ยงและความท้าทาย

  • ต้นทุนสูงขึ้น
    ทั้งค่าแรง วัตถุดิบ เช่น นมผง เนย ชีส และค่าสาธารณูปโภค ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ
  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
    มาตรฐานใหม่ของผู้บริโภคเน้น ความแปลกใหม่+ประสบการณ์+สุขภาพ+ราคาสมเหตุสมผล

ข้อสรุป

ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มยังคงมีศักยภาพเติบโต แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายมิติ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวทั้งในด้านกลยุทธ์และนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพ : พันดาว 1000 Stars

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

‘อนาคตข้าวไทย’ วางยุทธศาสตร์ สร้างคุณค่า เจาะตลาดโลก

นโยบายข้าวไทย: เส้นทางใหม่สู่ความยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 Forbes Thailand ได้รายงานข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ นโยบายข้าวไทย ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม การปรับตัวและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ของประเทศไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ภาครัฐและทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้กับข้าวไทย

ความท้าทายใหม่ของข้าวไทยในยุคโลกเปลี่ยนแปลง

รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า การกำหนดทิศทางของข้าวไทยในระบบเศรษฐกิจต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การสนับสนุนเกษตรกรให้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับการสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้จริง นอกจากนี้ ภาครัฐควรเปลี่ยนบทบาทจากการเน้นปริมาณการส่งออกไปสู่การสร้างคุณค่าในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวในเชิงอุตสาหกรรม หรือข้าวที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

ข้าวไทยกับบทบาทใหม่ในเศรษฐกิจโลก

ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา ที่ปรึกษาและนักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของข้าว โดยประเทศไทยต้องพัฒนายุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเชื่อมโยงข้าวเข้ากับ Soft Power เช่น การสร้างเรื่องราว (Storytelling) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยกลายเป็นสัญลักษณ์ของวิถีชีวิตคนไทย

งาน Thailand Rice Fest 2024 กับมุมมองใหม่

ในงาน Thailand Rice Fest 2024 มีการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาข้าวไทย โดยผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน รศ.ดร.ศิวเรศ อารีกิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การพัฒนาข้าวไทยต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เช่น การใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม

การวางตำแหน่งและสร้างคุณค่าให้กับข้าวไทย

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องว่าประเทศไทยควรหยุดเน้นการแข่งขันด้านปริมาณการส่งออกและหันมาเน้นการเพิ่มคุณค่าของข้าว เช่น การผลิตข้าวที่ตอบโจทย์ด้านโภชนาการ การสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และพลังงานชีวภาพ นอกจากนี้ ข้าวยังสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เรียนรู้เรื่องสุขภาพและวัฒนธรรมผ่านข้าวไทย

สรุป

การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้าวไทยต้องมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างคุณค่าใหม่ให้ข้าวไทยก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในเวทีโลกอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2568 ส่องเทรนด์เศรษฐกิจไทย

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2568 เผยเทรนด์เศรษฐกิจไทย สะท้อนโอกาสและความท้าทาย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ประจำปี 2568 โดยมีการวิเคราะห์ปัจจัยสนับสนุนและบั่นทอนเศรษฐกิจไทย พร้อมประเมินทิศทางการฟื้นตัวในปีหน้า

10 ธุรกิจดาวร่วง ปี 2568

  1. ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD หรือ VDO
  2. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
  3. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น CD, DVD, Thumb Drive
  4. บริการส่งหนังสือพิมพ์
  5. ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
  6. ธุรกิจถ่ายเอกสาร
  7. ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมที่ไม่มีการออกแบบใหม่
  8. ธุรกิจรถยนต์มือสอง
  9. ร้านขายเครื่องเล่นเกม
  10. ธุรกิจผลิตกระดาษและร้านโชห่วย

10 ธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568

  1. ธุรกิจแพทย์และความงาม, Cloud Service, Cyber Security
  2. ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ยูทูบเบอร์ รีวิวสินค้า อินฟลูเอนเซอร์
  3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และซอฟต์พาวเวอร์ไทย เช่น ซีรีส์, ภาพยนตร์, สื่อออนไลน์
  4. งานคอนเสิร์ต, มหกรรมแสดงสินค้า, ธุรกิจจัดอีเวนต์ และธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  5. ธุรกิจสายมู, เงินด่วน, ประกันภัย, ประกันชีวิต
  6. บริการแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน และสถานบันเทิง
  7. คลินิกกายภาพบำบัด, บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า, รถยนต์อีวี, ธุรกิจสัตว์เลี้ยง
  8. ธนาคาร, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ, ธุรกิจท่องเที่ยว
  9. ธุรกิจโลจิสติกส์, เดลิเวอรี, ทนายความ, ตลาดนัดกลางคืน
  10. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, พลังงานทดแทน

ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2568

  1. การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
    • แรงหนุนจากฟรีวีซ่า
    • แคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025”
  2. การลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก
    • Amazon, Google, Microsoft
  3. ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    • ไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตร BRICS ยกระดับบทบาทบนเวทีโลก
  4. นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
    • ช่วยกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่าย

ปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจ

  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ราคาพลังงานโลกที่ผันผวน
  • การเมืองภายในประเทศที่ไม่แน่นอน
  • ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง

หนี้ครัวเรือนปี 2568

นายธนวรรธน์ คาดการณ์ว่า หนี้ครัวเรือนจะลดลงจาก 89% เป็น 85% ต่อ GDP เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของรัฐบาลผ่านโครงการ “คุณสู้เราช่วย”

สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568

เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี โดยเติบโตในกรอบ 2.8-3.2% มีโอกาสจากธุรกิจดาวรุ่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดโลก ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

งานสำรวจนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ภาคธุรกิจไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างทันท่วงที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News