Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

“Bath & Body Works” เปิดตัวสาขาใหม่ ที่ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’

Bath & Body Works เปิดตัวสาขาใหม่ในเชียงราย พร้อมเผยกลยุทธ์ความสำเร็จระดับโลก

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 Bath & Body Works แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผลิตภัณฑ์ความหอมระดับโลก ได้เฉลิมฉลองการเปิดสาขาใหม่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดยมี คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ คุณสุทธิกร งาคม Area Manager ของแบรนด์ พร้อมเหล่าเซเลบริตี้และกลุ่ม Top Spender เข้าร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของ Bath & Body Works

Bath & Body Works ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 โดยเริ่มจากร้านเล็ก ๆ ในเมืองบอสตัน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของ “กลิ่น” ที่โดดเด่น

จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวธรรมดา ๆ Bath & Body Works ได้สร้างชื่อด้วยการใช้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ความทรงจำในวัยเด็ก และประสบการณ์ส่วนตัวมาพัฒนากลิ่นใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้แบรนด์มีรายได้มากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

ในช่วงปีแรก ๆ Bath & Body Works สามารถขยายสาขาจากร้านค้าเพียง 1 แห่งไปสู่ 500 แห่ง ภายในเวลาเพียง 6 ปี และปัจจุบันมีสาขากว่า 1,800 แห่งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมถึงแฟรนไชส์อีกกว่า 450 สาขาในตลาดต่างประเทศ

เปิดประสบการณ์ใหม่กับ Bath & Body Works เชียงราย

Bath & Body Works สาขาเซ็นทรัล เชียงราย นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท อาทิ

  • ชาวเวอร์เจล
  • บอดี้โลชั่น
  • น้ำหอม
  • เครื่องหอมสำหรับบ้าน
  • เทียนหอม

พร้อมโปรโมชั่นฉลองเปิดร้านใหม่ที่น่าตื่นเต้น

  • ซื้อสินค้าใดก็ได้ 2 ชิ้น แถมฟรีอีก 2 ชิ้น
  • เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,200 บาท รับส่วนลดเพิ่มอีก 10%

โปรโมชั่นพิเศษนี้มีระยะเวลาเพียง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567

กลยุทธ์การเติบโตที่สร้างความแตกต่าง

Bath & Body Works มีความโดดเด่นด้วยการพัฒนากลิ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทน้ำหอมชั้นนำ เช่น Firmenich และ Givaudan ในการออกแบบและพัฒนากลิ่นที่สามารถดึงดูดใจลูกค้าได้อย่างยาวนาน

Gina Boswell ซีอีโอคนปัจจุบันของแบรนด์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2022 ได้ผลักดันให้ Bath & Body Works ขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผู้ชายและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำยาซักผ้า และผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน โดยตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มลูกค้าชายเป็นตัวเลขสองหลัก

นอกจากนี้ Boswell ยังเน้นการสร้างคอลเล็กชันตามเทศกาลที่ตอบโจทย์ตลาดโลก โดยทีมงานได้เดินทางไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น ลอนดอน ปารีส และโตเกียว เพื่อศึกษาแนวโน้มและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

ความสำคัญของกลิ่นที่เหนือกว่า

หนึ่งในความสำเร็จของ Bath & Body Works คือการเข้าใจว่ากลิ่นสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำให้กับผู้ใช้ โดยแบรนด์มุ่งเน้นการสร้างกลิ่นที่หลากหลาย ซึ่งบางกลิ่นได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ บางกลิ่นมาจากวัฒนธรรม หรือแม้แต่ความคิดถึงในวัยเด็ก

ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม เช่น เทียนหอมและเครื่องหอมสำหรับบ้าน ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

สรุป: Bath & Body Works เซ็นทรัล เชียงราย

Bath & Body Works ไม่ใช่เพียงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดูแลตัวเองของผู้บริโภคทั่วโลก การเปิดสาขาที่เชียงรายในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังเป็นการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษให้กับลูกค้าในภาคเหนือ

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหอมและผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก สามารถเยี่ยมชมได้ที่ Bath & Body Works ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“สัมผัสความหอมที่แตกต่าง พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด!”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AUTOMOTIVE

เปิดตัว MINI Countryman S ALL4 ใหม่ ประกอบในไทย พร้อมพลังรุ่นใหญ่!

เปิดตัว All NEW MINI Countryman S ALL4 (U25) ในไทย พร้อมนวัตกรรมและความหรูหรา

กรุงเทพฯ, 28 พฤศจิกายน 2567 – MINI Thailand ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “All NEW MINI Countryman S ALL4 (U25)” ที่มีการประกอบในประเทศไทย พร้อมนำเสนอในราคาที่เป็นทางการ 2,599,000 บาท สำหรับรุ่น Classic และ 2,799,000 บาท สำหรับรุ่น Hightrim ความพิเศษของรุ่นนี้คือการกลับมาประกอบในไทยอีกครั้ง ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและเสนอราคาที่ดีให้กับผู้บริโภคไทยได้มากยิ่งขึ้น

สมรรถนะและดีไซน์

All NEW Countryman S ALL4 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่ผลิตพละกำลังได้สูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการขับขี่ที่ดุดันด้วยเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.4 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 228 กม./ชม.

รุ่นใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมในทุกมิติ ทั้งความยาว 4,433 มม., กว้าง 1,843 มม. และสูง 1,656 มม. โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสถึงความหรูหราและสะดวกสบายด้วยห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมด้วยสีตัวถังใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงิน Slate Blue, สีเขียว Smokey Green, และอื่นๆ อีกทั้งยังมีรุ่น Classic ที่มีล้อขนาด 18 นิ้ว และรุ่น Hightrim ที่มีล้อทูโทนขนาด 19 นิ้ว

สมรรถนะและดีไซน์

All NEW Countryman S ALL4 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่ผลิตพละกำลังได้สูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการขับขี่ที่ดุดันด้วยเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ทำให้สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.4 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 228 กม./ชม.

รุ่นใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมในทุกมิติ ทั้งความยาว 4,433 มม., กว้าง 1,843 มม. และสูง 1,656 มม. โดยผู้ใช้สามารถสัมผัสถึงความหรูหราและสะดวกสบายด้วยห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมด้วยสีตัวถังใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงิน Slate Blue, สีเขียว Smokey Green, และอื่นๆ อีกทั้งยังมีรุ่น Classic ที่มีล้อขนาด 18 นิ้ว และรุ่น Hightrim ที่มีล้อทูโทนขนาด 19 นิ้ว

ความต่างที่น่าสนใจ

รุ่น Hightrim โดดเด่นด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา และเบาะนั่งแบบ John Cooper Works Sport ส่วนรุ่น Classic เน้นความสปอร์ตเช่นกัน แต่มีการตั้งค่าสำหรับการขับขี่ที่สะดวกสบายมากขึ้น ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบ Dynamic Stability Control (DSC) และ Dynamic Brake Control (DBC) ซึ่งช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

All NEW MINI Countryman S ALL4 (U25) ไม่เพียงแต่นำเสนอสมรรถนะที่ดีเยี่ยม แต่ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายและของผู้ขับขี่ ทำให้การเดินทางทุกครั้งเป็นไปอย่างสบายและปลอดภัย โดยเสนอการรับประกันตัวรถนาน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการบำรุงรักษาฟรีนาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร รถยนต์รุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ MINI ในการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพและสมรรถนะเหนือชั้นในทุกการเดินทาง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบทุนการศึกษา เติมโอกาสให้เยาวชนขาดทุนทรัพย์

อบจ.เชียงรายมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่เยาวชนในพื้นที่ อ.พาน อ.ป่าแดด อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ โรงเรียนบ้านโป่งนก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือและทุนการศึกษา ตามโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า

“อบจ.เชียงราย ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชน โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอนาคตของจังหวัดเชียงราย”

บุคคลสำคัญร่วมงานและสนับสนุนโครงการ

ในพิธีดังกล่าว มีบุคคลสำคัญในวงการการศึกษาและการปกครองเข้าร่วมหลายท่าน ได้แก่

  • นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย
  • นายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย
  • นายเอกชัย จันทาพูน รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
  • นายวีระเดช โรจนคีรีสันติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสันสลี
  • นายอนุชา กาบสนิท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโป่งนก
  • นางกฤติกา คงชม ผู้อำนวยการโรงเรียนปางมะกาด

พร้อมด้วยผู้นำท้องที่และท้องถิ่น รวมถึงคณะครู นักเรียน และผู้ปกครองในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแสดงความขอบคุณและร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา

โครงการทุนการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต

อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 5,000,000 บาท สำหรับโครงการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พาน, อ.ป่าแดด, อ.แม่สรวย, และ อ.เวียงป่าเป้า

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ที่สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561

การสนับสนุนที่ครอบคลุม

โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และช่วยให้นักเรียนสามารถศึกษาเล่าเรียนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนในพื้นที่มีความมุ่งมั่นในเส้นทางการศึกษา โดยการจัดสรรเงินทุนได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและโปร่งใสตามงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ

ความสำคัญของการศึกษาในระดับท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชีวิตคนในสังคม อบจ.เชียงรายจะมุ่งมั่นในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนในพื้นที่ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และสามารถพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน”

โครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับการศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“เชียงราย” จัดประชุมสำคัญ พร้อมเปิดตัว ‘มหกรรมไม้ดอก’

การประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายครั้งที่ 11/2567 พร้อมประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 11/2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พิธีมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติ

ในช่วงก่อนเริ่มการประชุม มีพิธีมอบโล่เกียรติคุณและเข็มกลัดเชิดชูเกียรติ “รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ประจำปี 2567 ให้แก่นางสาวเทียนรุ่ง เครือนพรัตน์ จากโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมแสดงความยินดี

การแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการใหม่

ในที่ประชุมมีการแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตำแหน่งเดิมผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และผู้บริหารอื่น ๆ รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานที่สำคัญในจังหวัด

การหารือเรื่องสำคัญในที่ประชุม

ในที่ประชุมมีการรายงานและพิจารณาเรื่องสำคัญ ดังนี้:

  • การเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรี: นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567
  • พิธีวันสำคัญ: การจัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ วันที่ 7 ธันวาคม 2567
  • การประชาสัมพันธ์งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 21 และมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024: งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 ในธีม “The Magical Garden” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  • การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP: ประชาสัมพันธ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่
  • การรายงานภาวะเศรษฐกิจ: สรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังและการค้าชายแดนของจังหวัดเชียงราย

ประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวในที่ประชุมว่า มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 จะจัดขึ้นในธีม “The Magical Garden” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยงานนี้จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่:

  1. สวนไม้งามริมน้ำกก อ.เมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568
  2. พื้นที่อำเภอแม่สาย ได้แก่ วัดถ้ำเสาหินพญานาคและหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568

งานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Social Impact Tourism” ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเชียงราย ช่วยเชียงราย”

การรณรงค์หยุดความรุนแรงในครอบครัว

บริเวณด้านหน้าห้องประชุม มีการตั้งบูทรณรงค์หยุดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัว โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย หวังสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความรักในครอบครัว

สรุป

การประชุมในครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าของงานในจังหวัดเชียงราย พร้อมวางแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ที่มีกิจกรรมสำคัญหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE TOP STORIES

รมช.เกษตรฯ หนุนส่งออกโคเนื้อ เชียงรายสู่ตลาดโลก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เยี่ยมชมท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อเชียงราย

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่สำคัญของประเทศไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพเมียนมา

การสนับสนุนการส่งออกปศุสัตว์ไทย

ปัจจุบันท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนมีบทบาทสำคัญในการส่งออกโค กระบือ และสุกร โดยในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีการส่งออกโคจำนวน 424 ตัว กระบือ 95 ตัว สุกร 42,894 ตัว และลูกสุกร 8,055 ตัว รวมถึงซากสุกร 919,553 กิโลกรัม ซากไก่ 573,942 กิโลกรัม และซากโค 1,400 กิโลกรัม

นายอิทธิ ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการผลักดันการส่งออกสัตว์และผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้ใส่ใจดูแลสุขภาพสัตว์ ฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน และหลีกเลี่ยงการใช้สารเร่งเนื้อแดง

เยี่ยมชมเครือข่ายโคเนื้อล้านนา

ในช่วงบ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สวนลุงดี อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของเครือข่ายโคเนื้อล้านนา ซึ่งริเริ่มโดยนายนเรศ รัศมีจันทร์ ประธานเครือข่ายฯ โดยเครือข่ายฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อบีฟมาสเตอร์ให้มีคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย

เครือข่ายฯ ได้ดำเนินการพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อตั้งแต่การนำตัวอ่อนพันธุ์บีฟมาสเตอร์จากต่างประเทศ มาย้ายฝากและเลี้ยงดูจนได้พ่อพันธุ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการรีดน้ำเชื้อแจกจ่ายให้เกษตรกรในเครือข่ายกว่า 800 รายในพื้นที่ภาคเหนือ

นายนเรศ ได้กล่าวถึงความสำเร็จในการสร้างตลาดรองรับโคขุน โดยการจัดตั้งคอกกลางเพื่อรับซื้อโคจากสมาชิกเครือข่ายในราคารับประกัน ก่อนนำไปขุนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุนคุณภาพในแบรนด์ ลานนาบีฟ ซึ่งจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงในร้านอาหาร “สวนลุงดี”

ปัญหาและแนวทางแก้ไขในอุตสาหกรรมโคเนื้อ

นายนเรศ ระบุว่า อุตสาหกรรมโคเนื้อในประเทศไทยยังคงเผชิญปัญหาหลายประการ เช่น การแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกับเนื้อโคนำเข้า การขาดมาตรฐานและการตรวจสอบย้อนกลับ ต้นทุนการผลิตสูง และการสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่เพียงพอ

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เครือข่ายฯ ได้เสนอแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น

  1. การพัฒนาพันธุกรรมและการเลี้ยงดูที่มีประสิทธิภาพ
  2. การสร้างระบบผลิตเนื้อกล่อง (Boxed Beef)
  3. การจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System)
  4. การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร
  5. การกระตุ้นการบริโภคเนื้อโคในประเทศ

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้รับทราบสถานการณ์และราคาเนื้อโคในปัจจุบันซึ่งน่าเห็นใจผู้เลี้ยงโคและผู้ประกอบการ ขอให้กำลังใจส่วนปัญหาต่างๆที่นำเสนอ จะได้นำไปปรึกษาเพื่อช่วยกันแก้ไขต่อไป

ตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์เชียงราย

จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ เพื่อรับฟังข้อมูลและตรวจเยี่ยมโครงการสถานกักกันสัตว์สำหรับส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ด่านกักกันสัตว์แห่งนี้มีความสามารถในการกักสัตว์ชนิดโค-กระบือจำนวน 200-300 ตัว และเป็นจุดพ่นยาฆ่าเชื้อยานพาหนะขนส่งสัตว์

นายอิทธิ  ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้มาดูสถานที่กักกันสัตว์ เพื่อดูสถานที่ที่จะก่อสร้างที่กักกันสัตว์ ก่อนที่จะส่งออก และฝากถึงผู้เลี้ยงโคกระบือ ช่วยดูแลโค กระบือ ไม่ให้เกิดโรค ต้องพยายามฉีดวัคซีนให้ครบ และอย่าใช้สารเร่งเนื้อแดง พร้อมขอบคุณเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ และสุกรที่ให้ความร่วมมือกับทางกรมปศุสัตว์ด้วย สินค้าส่งออกที่สำคัญของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ได้แก่ เมล็ดถั่วและธัญพืช  เบียร์  สินค้าอุปโภค บริโภคและรถยนต์  สำหรับการส่งออกสัตว์และซากสัตว์ ตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มีการส่งออกสัตว์ ได้แก่ โค  424  ตัวกระบือ 95 ตัว สุกร  42,894 ตัว ลูกสุกร 8,055 ตัว การส่งออกซากสัตว์ สุกร 919,553 กิโลกรัม  ไก่ 573,942 กิโลกรัม และโค 1,400 กิโลกรัม

ปัจจุบัน ด่านกักกันสัตว์เชียงรายมีแผนการขยายพื้นที่เพื่อสร้างสถานกักกันสัตว์ปลอดโรคเพิ่มเติม โดยมีพื้นที่ขออนุญาตใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ประมาณ 37 ไร่ เพื่อรองรับการส่งออกสัตว์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สรุปและข้อเสนอแนะ

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร กล่าวปิดท้ายว่า การพัฒนาการส่งออกสัตว์และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ให้เกษตรกร พร้อมยืนยันว่าจะผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาที่ได้รับฟังจากเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยต่อไป

สำหรับด่านกักกันสัตว์เชียงราย มีสถานที่ปฏิบัติงานจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย ปฏิบัติงานด้านสารบัญ อำนวยการ และการตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์เข้า – ออก เขตด่านศุลกากรแม่สาย และท่าปศุสัตว์เชียงแสน ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน เป็นจุดตรวจสอบส่งออกสัตว์มีชีวิต ชนิด โค กระบือ สุกร และเป็นที่ตั้งของจุดทำความสะอาดยานพาหนะขนส่งสัตว์ และด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ใช้เป็นสถานที่กักกันสัตว์ซึ่งสามารถกักสัตว์ชนิด โค – กระบือ ได้จำนวน 200 ถึง 300 ตัว ซึ่งที่อำเภอเชียงของ สามารถส่งออก โค กระบือ สุกร และแพะมีชีวิต ซากสัตว์ และอาหารสัตว์ ผ่านทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย และส่งออกสัตว์ปีก ซากสัตว์ และอาหารสัตว์ ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านทางท่าเรือผาถ่าน ตำบลเวียง 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ มอบรางวัลดิจิทัลยอดเยี่ยมปี 2567 สร้างอนาคตวงการสื่อ

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จับมือพันธมิตร จัดงานประกาศรางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องมรกต ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำจัดงาน “รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ครั้งที่ 10” (Digital News Excellence Awards 2024) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาวงการข่าวดิจิทัล สนับสนุนการผลิตข่าวที่มีคุณภาพและยึดมั่นในจริยธรรมวิชาชีพสื่อสารมวลชน

การร่วมมือเพื่อความสำเร็จของวงการข่าวดิจิทัล

กิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, Cofact (ประเทศไทย), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact (ประเทศไทย) กล่าวว่า วิกฤตการณ์ในวงการสื่อยังคงเป็นโอกาสสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ สื่อจำเป็นต้องพัฒนาทักษะการตรวจสอบข้อมูลอย่างแม่นยำ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากประชาชน

การเสวนาสร้างมุมมองใหม่ในวงการสื่อ

ภายในงานมีการจัดเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “Thailand Digital Newsroom 2025” ซึ่งเน้นถึงการปรับตัวของวงการข่าวในยุคดิจิทัล รวมถึงบทบาทของ AI ในการสร้างเนื้อหาข่าว

คุณฤทธิกร มหาคชาภรณ์ บรรณาธิการบริหาร ไทยรัฐออนไลน์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว วงการสื่อ เคยเผชิญกับดิจิทัล ดิสรัปชั่น ทำให้วงการสื่อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่สำหรับปีหน้าการมาของ AI ในฐานะคนทำข่าวต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมว่าจะเรียนรู้และใช้ AI อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ
 
“ในแง่มุมของประเด็นข่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ภายในประเทศหรือต่างประเทศ ล้วนแต่มีกระทบวนกลับมาที่เรื่องเดียวกัน คือ เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน และในปี 2568 เราพยายามมุ่งหน้าสู่ Quality Content เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน เพื่อนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น”
 
การมาของ AI จะต้องปลดคนอีกหรือไม่
คุณคณิศ บุณยพานิช บรรณาธิการบริหารด้านข่าวสืบสวน ThaiPBS กล่าวว่า การมาของ AI เราเห็นพัฒนาการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มมีการพูดถึงการใช้ให้ AI เขียนข่าว การผลิตภาพ ในฐานะเจ้าของกิจการอาจจะตั้งคำถามว่า การมาของ AI จะต้องปลดคนอีกหรือไม่ แต่ในฐานะคนทำข่าว เราอาจจะมีคำถามแตกต่างกันออกไป คือ เราจะวางแผนยืมมือ AI มาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์กับการทำข่าวที่มีคุณภาพ
 
“การเกิดขึ้นของ AI อาจจะมาทดแทนพวกเราได้บางเรื่อง แต่เราก็สามารถนำนักข่าวไปทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ หรือทำเรื่องที่สื่อทั่วไปทำไม่ได้ เช่นการทำข่าวที่มีคุณภาพมากกว่าการนำเสนอข่าวอย่างฉาบฉวย ซึ่งอาจจะดีกว่าการหยิบคลิปไวรัลมานำเสนอข่าว ไม่เช่นนั้นเราอาจจะถึงคราวล่มสลายของคนทำสื่อ หากเราไม่ปรับตัว”
อนาคตเราปฏิเสธ AI ไม่ได้แน่ ๆ
คุณณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว THE STANDARD กล่าวว่า ทิศทางในอนาคตเราปฏิเสธ AI ไม่ได้แน่ ๆ และเชื่อว่าวงการสื่อก็ไม่เคยต้องหยุดปรับตัว เพราะหลายครั้งเราเผชิญหน้ากับพายุที่โหมกระหน่ำใส่ตลอด การมาของ AI ก็เป็นพายุอีกลูกที่กำลังเข้ามากระแทกเราอย่างหนัก เป็นโจทย์ที่แต่ละองค์กรต้องศึกษาและปรับตัวให้ทัน
 
คุณณัฏฐา กล่าวอีกว่า ในปีที่กำลังจะถึงนี้ เราเริ่มวางแผนการทำงานในเชิงลึก ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะการทำงานของนักข่าว หากดูพฤติกรรมของคนรับสื่อ อาจจะเห็นว่าคนสนใจข่าวชาวบ้าน ข่าวกระแสสังคม แต่ในทางกลับกันคนยังคาดหวังให้สื่อนำเสนอประเด็นข่าวที่สะท้อนปัญหา และสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคม
 
“นอกจากการจับสัญญาณโลก สิ่งที่เราจับตาในปีหน้า คือ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น ในฐานะสื่อสารมวลชนต้องนำสิ่งเหล่านี้มานำเสนอให้ประชาชนรับรู้ในวงกว้าง ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการหาวิธีนำเสนอให้เข้าถึงคนได้อย่างถูกต้อง”
ในอนาคตจะเป็น Niche Market มากขึ้น
รองศาสตราจารย์ พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล นักวิจัย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปี 2568 อาจเป็นปีที่ไม่น่าสดใสของวงการสื่อ แต่เชื่อว่าพื้นที่สื่อออนไลน์ยังเป็นโอกาสที่สำคัญในการทำงาน และปัจจุบันคนต้องการสื่อที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 
“คนทำข่าวอาจจะต้องตีโจทย์ให้ออกว่า คนอ่านข่าวของเราเป็นอย่างไร ในอนาคตจะเป็น Niche Market มากขึ้น เช่น ข่าวเศรษฐกิจที่เราพบว่ามีการเน้นเรื่องลงทุนมากขึ้น แต่สิ่งที่เราขาดอยู่คือ ประเด็นข่าวเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับนโยบาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างผลกระทบโดยตรงให้กับประชาชน”
รณรงค์ให้สื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้อง
คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact (ประเทศไทย) กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตก็อาจจะมีโอกาส หากมีความคิดสร้างสรรค์และทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เราเชื่อว่ายังเป็นโอกาสทองของคนทำสื่อในการครองใจคนที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ขณะเดียวกันเรามีองค์กรที่ต้องการสนับสนุนให้สื่อทำงานที่มีคุณภาพมากมาย เรื่องนี้เป็นโจทย์ขององค์กรสื่อที่อาจจะต้องออกแบบหน่วยงานให้รองรับทั้งการผลิตเพื่อธุรกิจ รวมถึงการรองรับหน่วยงานที่ยังทำหน้าที่สื่อสารมวลชนได้อย่างมีอิสระ
 
“อยากเอาใจช่วยคนทำสื่อทุกคนในวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น ขณะเดียวกันอยากรณรงค์ให้สื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้อง นอกเหนือจากการนำเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหว เราอยากให้เน้นเรื่องการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างระหว่างสื่อกับอินฟลูเอ็นเซอร์ได้อีกด้วย”
 

การประกาศรางวัลที่สะท้อนความมุ่งมั่น

รางวัลในปีนี้แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่

  1. ข่าวเชิงสืบสวนยอดเยี่ยม
  2. ข่าวจากประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม
  3. ข่าวส่งเสริมสังคมยอดเยี่ยม
  4. ข่าวในรูปแบบวิดีโอยอดเยี่ยม
  5. ข่าวในรูปแบบอินโฟกราฟิกยอดเยี่ยม
  6. ภาพข่าวออนไลน์ยอดเยี่ยม

ในปีนี้ยังมีรางวัลพิเศษสำหรับ “ผู้ผลิตข่าวดิจิทัลรุ่นเยาว์ยอดเยี่ยม” ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงศักยภาพด้านข่าวดิจิทัล

รางวัลประเภทผู้ผลิตข่าวดิจิทัลรุ่นเยาว์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567
รางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล
ชื่อข่าว: เดิมพันชีวิตติดพนันออนไลน์ (https://www.facebook.com/share/v/64f4ZLStCofm3Rmv/?mibextid=Ls6BEq)
ชื่อสถาบัน: มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: Carbon Credit ช่วยวิกฤตโลกเดือด เปลี่ยนต้นไม้เป็นรายได้! (https://www.facebook.com/share/v/VHSJYtbyvN5FFEoX/)
ชื่อสถาบัน: สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
 
ชื่อข่าว: “วิกฤตบุหรี่ไฟฟ้า: เยาวชนไทยกำลังเผชิญอะไร”
ชื่อสถาบัน: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
 
รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567 (Digital News Excellence Awards 2024) มีดังนี้
ประเภทข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวออนไลน์เชิงสืบสวนยอดเยี่ยม
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: น้ำตาแห่งเมียนมา (https://www.youtube.com/watch?v=h4y5bByWw4k)
ชื่อองค์กร: บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (PPTV HD36)
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: Scam City นรกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมที่เข้าถึงคนไทยได้ทุกหลังคาเรือน (https://www.youtube.com/watch?v=8kpsSn7IMW4&t=226s)
 
ชื่อองค์กร: บริษัท เดอะ สแตนดาร์ด จำกัด
ชื่อข่าว: ซีรีส์ผลงานงานสื่อ : ลอกคราบ ‘ไอโอ’ ชายแดนใต้ (https://www.the101.world/…/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81…/)
ชื่อองค์กร: บริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์ จำกัด
 
ประเภทข่าวออนไลน์จากประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม (News Development from Social Media Agenda)
 
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: “ขนมไทย…ถูกไปป้ะ ?” (https://theactive.net/data/value-of-thai-desserts/)
ชื่อองค์กร: องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: เหยียดนมโรงเรียน ทำไม? พฤติกรรม ที่ตอกย้ำความไม่เท่าเทียม (https://tnnthailand.com/news/tnnexclusive/164212/)
ชื่อองค์กร: บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด
 
ชื่อข่าว: ลิงโลกเก่าในเมืองใหม่: ลิงลพบุรี ปัญหา ‘ลิงแก้แห’ ที่ควรแก้ได้ (https://www.the101.world/the-monkeys-of-lopburi/)
ชื่อองค์กร: บริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์ จำกัด
 
ประเภทข่าวออนไลน์ส่งเสริมสังคมยอดเยี่ยม (Social Development News)
 
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: ชุดผลงาน Spotlight เรื่อง ‘เด็กนอกสายตา’ (https://www.the101.world/category/left-behind-children/)
ชื่อองค์กร: บริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: ราตรีสีนีออน กับกฎหมายสีเทาๆ: เปิดโลก Sex Workers สู่ความหวังที่จะได้รับการคุ้มครอง (https://thematter.co/social/lives-of-sex-workers/224672)
ชื่อองค์กร: บริษัท วิธิตา กรุ๊ป จำกัด (The Matter)
 
ชื่อข่าว: รีไซเคิลบนดิน-ความสูญสิ้นของสายน้ำ: ‘โรงงานรีไซเคิลคลองกิ่ว’ ความผิดแทบทุกตารางนิ้วที่กฎหมายกลายเป็นเศษกระดาษ (https://www.the101.world/recycle-factory-klong-kiew/)
ชื่อองค์กร: บริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์
 
ประเภทข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบคลิปวิดีโอยอดเยี่ยม (Video Clip News)
 
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: Scam City นรกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมที่เข้าถึงคนไทยได้ทุกหลังคาเรือน (https://www.youtube.com/watch?v=8kpsSn7IMW4&t=226s)
ชื่อองค์กร: บริษัท เดอะ สแตนดาร์ด จำกัด
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: สารคดี”น้ำตาเมียนมา” (https://youtu.be/h4y5bByWw4k?si=_vPB6Pfp6qoZAOIC)
ชื่อองค์กร: บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (PPTV HD36)
 
ชื่อข่าว: สรุปให้ จุดเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ที่มีมานับพันปี (https://www.youtube.com/watch?v=FM4KJNsYpks)
ชื่อองค์กร: บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (Spring News)
 
ประเภทข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบอินโฟกราฟิกยอดเยี่ยม (Infographic News)
 
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: เมื่อฉันดื่มชาเย็น 10 แบรนด์ 30 แก้วจนกลายเป็น Data (https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340)
ชื่อองค์กร: บริษัท วิธิตา กรุ๊ป จำกัด (The Matter)
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: คู่มือก่อนตาย: เพราะความตายไม่ใช่เรื่อง ‘น่ากลัว’ แต่เป็นเรื่อง ‘น่าเตรียม’ (https://teroasia.com/news/262881)
ชื่อองค์กร: บริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
 
ชื่อข่าว: หรือสาววายจะครองโลก? จิกหมอนฟินจนตาพร่ากับ DATA ซีรีส์วายในรอบ 10 ปี (https://thematter.co/entertainment/data-series-y/216129)
ชื่อองค์กร: บริษัท วิธิตา กรุ๊ป จำกัด (The Matter)
 
ประเภทภาพข่าวออนไลน์ยอดเยี่ยม (Photo Journalist)
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล
ชื่อข่าว: โซ่ข้อกลาง (https://drive.google.com/open…)
ชื่อองค์กร: บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (PPTV HD36)
 
รางวัลชมเชย 2 รางวัล
ชื่อข่าว: เอเลี่ยนคางดำ (https://drive.google.com/open…)
ชื่อองค์กร: บริษัท เดอะ สแตนดาร์ด จำกัด
ชื่อข่าว: สุดเอื้อม (https://drive.google.com/…/19KvOaWlumtFzO…/view…)
ชื่อองค์กร: บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด (เดลินิวส์ออนไลน์)

ความสำเร็จของงานและมุมมองจากคณะกรรมการ

คณะกรรมการตัดสินต่างเห็นพ้องถึงคุณภาพที่พัฒนาขึ้นของผลงานในปีนี้ เช่น อาจารย์ ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “ผลงานที่ส่งเข้าประกวดสะท้อนถึงความตั้งใจและความสามารถในการเจาะลึกประเด็นต่าง ๆ ของทีมข่าว”

ในด้านภาพข่าวและอินโฟกราฟิก คุณกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเล่าเรื่องผ่านภาพและข้อมูลมีการพัฒนาอย่างน่าประทับใจ แต่ยังต้องปรับปรุงในแง่ของการนำเสนอที่เข้าใจง่าย”

ก้าวสู่อนาคตของวงการข่าวดิจิทัล

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ยืนยันที่จะเดินหน้าสนับสนุนวงการข่าวให้พัฒนายิ่งขึ้น โดยเน้นการนำเสนอข่าวที่มีคุณภาพ สร้างสรรค์ และส่งเสริมจริยธรรม เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน

งานในครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการประกาศผลรางวัล แต่เป็นเวทีที่กระตุ้นความคิดและพลังสร้างสรรค์ให้กับคนทำสื่อในการปรับตัวและพัฒนาผลงานให้ตอบโจทย์คนยุคใหม่อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

“SME Academy On Tour เชียงราย เสริมแกร่งธุรกิจยุคดิจิทัล”

สสว. จัด Roadshow “SME Academy On Tour” เชียงราย เสริมศักยภาพผู้ประกอบการยุคดิจิทัล

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำโดยนางสาวธนัฏฐ์ภร บุญธรธนาทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนองค์ความรู้และระบบให้บริการ SMEs พร้อมคณะ จัดกิจกรรม “Roadshow SME Academy On Tour” ภายใต้โครงการ “เรียนรู้ธุรกิจฟรี กับ Academy 365” เพื่อเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SME ในยุคดิจิทัล ณ ห้องประชุมดอยตุง บอลรูม โรงแรม The Riverie by Katathani จังหวัดเชียงราย

เปิดงานโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

พิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากนาย นรศักดิ์ สุจสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก

ส่งเสริมองค์ความรู้ผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล

นางสาวธนัฏฐ์ภร บุญธรธนาทรัพย์ เปิดเผยว่า สสว. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในหลายมิติ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและสนับสนุน SME ให้สามารถเข้าถึงบริการจากภาครัฐในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของผู้ประกอบการ

“ปัจจุบัน สสว. พัฒนาองค์ความรู้และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการของรัฐได้สะดวกขึ้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น SME CONNEXT+, SME ONE ID, SME Academy365, SME COACH, และ ระบบ BDS ซึ่งช่วยยกระดับธุรกิจและแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดได้” นางสาวธนัฏฐ์ภร กล่าว

เทคโนโลยีเพื่อ SME ไทย

แพลตฟอร์มและเครื่องมือที่ สสว. พัฒนาขึ้น ได้แก่

  1. SME CONNEXT+: แอปพลิเคชันสำหรับการเข้าถึงข้อมูลและบริการของรัฐ
  2. SME Academy365: ศูนย์รวมองค์ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะในการดำเนินธุรกิจ
  3. ระบบจัดซื้อจัดจ้าง THAI SME: สนับสนุนให้ SME มีโอกาสเข้าถึงตลาดของภาครัฐ

นอกจากนี้ สสว. ยังจัดให้มีบริการอบรมผ่านช่องทางออนไลน์และให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน เพื่อช่วยผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจของตนเอง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ

กิจกรรมเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ

กิจกรรมภายในงาน “SME Academy On Tour” ที่จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย

  • การให้คำปรึกษาเฉพาะด้านกับผู้เชี่ยวชาญ
  • การสัมมนาเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับตัวในยุคดิจิทัล
  • การแนะนำเครื่องมือดิจิทัลที่สนับสนุนการทำธุรกิจ

งานนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการในพื้นที่จะได้เพิ่มพูนความรู้และทักษะ เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐ

เสริมยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย

นางสาวธนัฏฐ์ภร กล่าวเสริมว่า “การสร้างความเข้มแข็งให้กับ SME ไทยเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน”

เสียงตอบรับดีเยี่ยม

ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมแสดงความพึงพอใจกับโอกาสที่ได้รับ และมองว่าการเข้าถึงความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล จะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

การจัดงานครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ สสว. ในการผลักดันให้ SME ไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่การแข่งขันในตลาดโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

สามารถติดตามกิจกรรมและบริการของ สสว. ได้ที่

  • เว็บไซต์: www.sme.go.th
  • แอปพลิเคชัน: SME CONNEXT+

สรุป

กิจกรรม “SME Academy On Tour” ที่จัดขึ้นในจังหวัดเชียงรายเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนา SME ไทย ผ่านการส่งเสริมองค์ความรู้และการสนับสนุนเครื่องมือดิจิทัล เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ตำรวจเชียงรายสกัดขบวนการนำพาชาวจีนเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย

ตำรวจท่องเที่ยวเชียงรายจับกุมขบวนการนำพาต่างด้าวชาวจีนเข้าประเทศ

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย นำโดย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนวินท์ พวงมะลิ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ขยายผลกรณีที่ชายชาวจีน 1 คนถูกทำร้ายร่างกายและขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย

การตรวจสอบเบื้องต้นและหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเริ่มต้นจากการสอบปากคำชายชาวจีนผู้เสียหาย พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนพ่อขุน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบข้อมูลที่ชี้ว่ามีรถยนต์ต้องสงสัย 2 คันเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยรถทั้งสองคันมีความเคลื่อนไหวที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งใกล้สนามกีฬากลางเชียงราย เจ้าหน้าที่จึงวางแผนขยายผลและเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

การจับกุมขบวนการนำพาต่างด้าว

ในเวลา 03.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คันกำลังออกจากโรงแรมม่านรูด จึงเข้าตรวจสอบ พบชายคนขับรถหนึ่งคนพยายามวิ่งหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมในที่สุด ภายในรถพบชาวจีน 3 คน แบ่งเป็นชาย 1 คนและหญิง 2 คน ซึ่งไม่สามารถแสดงเอกสารการเข้าเมืองได้ รวมถึงชายชาวไทยอีก 1 คนที่ให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างให้นำพาชาวจีนมาจากพื้นที่อำเภอเชียงแสนไปยังจังหวัดลำปาง

การตรวจค้นเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นในห้องพักของโรงแรมม่านรูดดังกล่าว และพบชายชาวจีนอีก 1 คนที่ไม่มีเอกสารการเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องสงสัยทั้งหมด โดยชายชาวไทย 2 คน อายุ 34 ปี และ 44 ปี ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ส่วนชาวจีนทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

เครือข่ายนำพาต่างด้าวทำงานเป็นขบวนการ

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการนำพาชาวจีนเข้าประเทศมีการทำงานเป็นขบวนการเริ่มต้นจากชายแดน อำเภอเชียงแสน โดยจะลักลอบนำพาชาวจีนเข้าประเทศ จากนั้นนำตัวมาพักไว้ตามโรงแรมม่านรูดในตัวเมืองเชียงราย ก่อนรอเวลาเพื่อขนส่งไปยังจุดหมายปลายทาง เช่น จังหวัดลำปาง โดยผู้ต้องสงสัยชาวไทย 2 คนให้การว่าได้รับค่าจ้างคนละ 6,000 บาทต่อการนำพาชาวจีน 1 คน

ผลกระทบและการดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและป้องกันการลักลอบนำพาต่างด้าวเข้าประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว

การทำงานของตำรวจท่องเที่ยว

การจับกุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และการปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกของตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ รวมถึงการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการลักลอบนำพาต่างด้าวอย่างเป็นระบบ

สรุป

 การจับกุมขบวนการนำพาชาวจีนในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของตำรวจท่องเที่ยวในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยในพื้นที่ โดยเฉพาะการลักลอบนำพาต่างด้าวซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้การดำเนินคดีและเพิ่มความเข้มงวดจะช่วยป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ของดีเมืองแม่สาย 2567 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างสีสันการท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด 2567 คึกคัก ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวแม่สาย

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 20.00 น. ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงาน “ของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด ประจำปี 2567” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย โดยมีนายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอแม่สาย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ไฮไลต์ในงานของดีเมืองแม่สาย 2567

งานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยรวบรวมกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของอำเภอแม่สายและจังหวัดเชียงราย อาทิ

  1. การประกวดรำวงย้อนยุค
    การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เน้นการอนุรักษ์เอกลักษณ์พื้นบ้านให้คงอยู่ พร้อมกับการแสดงฝีมือของชุมชนในพื้นที่

  2. การประกวดนางงามเหนือสุดแดนสยาม (Miss Maesai)
    การประกวดนางงามที่เปิดโอกาสให้หญิงสาวในพื้นที่แสดงความสามารถและความงาม พร้อมชูเอกลักษณ์ของอำเภอแม่สาย

  3. การประกวดนางฟ้าจำแลง
    เวทีสำหรับการแสดงความสามารถของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับและความสนใจจากผู้ร่วมงาน

  4. การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงไทใหญ่
    การแข่งขันที่เปิดโอกาสให้คนในชุมชนและเยาวชนได้แสดงความสามารถด้านดนตรี และเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทใหญ่เข้ากับงานท้องถิ่น

  5. อาหารและสินค้านานาชาติ 4 ภาค
    โซนจำหน่ายอาหารและสินค้าท้องถิ่นที่สะท้อนความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย รวมถึงอาหารจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาและลาว

  6. สวนสนุกจากต่างประเทศและการแสดงศิลปินชื่อดัง
    ความสนุกสนานจากสวนสนุกขนาดใหญ่ และการแสดงสดจากนักร้องแนวหน้าของประเทศไทย สร้างบรรยากาศให้คึกคักตลอดทั้งคืน

การจัดงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาดในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย หลังจากที่พื้นที่นี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายก อบจ.เชียงราย ร่วมสนับสนุนและผลักดันชุมชน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวระหว่างการพบปะประชาชนในงานว่า “การจัดงานนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้แสดงศักยภาพของคนแม่สาย และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีโอกาสสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตไปพร้อมกัน”

การตอบรับจากประชาชนและนักท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมียนมาและลาวที่เดินทางข้ามพรมแดนมาร่วมงาน ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อการกุศล เช่น การระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และสนับสนุนการศึกษาในพื้นที่

งานกาชาดที่เต็มไปด้วยสีสันและความหมาย

ในส่วนของงานกาชาด ประจำปี 2567 มีการจัดบูธกิจกรรมเพื่อการกุศล การออกร้านจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มแม่บ้านและชุมชน และการจำหน่ายสลากกาชาดเพื่อหารายได้สนับสนุนกิจกรรมทางสังคม

ภาพรวมและความสำคัญของงาน

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด ประจำปี 2567 ไม่เพียงแต่สร้างความสุขและความบันเทิงให้กับผู้ร่วมงาน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคได้อย่างยอดเยี่ยม งานนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมมือของคนแม่สายในการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในอนาคต

งานจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

“สมรสเท่าเทียมไทย จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 4 ล้านคน”

ไทยพร้อมรับกฎหมายสมรสเท่าเทียม คาดดึงดูดนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดของแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว Agoda (อโกด้า) ซึ่งประเมินถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกัน โดยกฎหมายดังกล่าวมีกำหนดเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่รับรองกฎหมายดังกล่าว และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันและเนปาล

ดึงดูดนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี

จากการประเมินของ Agoda คาดการณ์ว่าการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคนต่อปี หรือราว 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 69,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 2 ปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้

กระจายรายได้ทั่วทุกภาคส่วน

รายได้จากการท่องเที่ยวดังกล่าวจะกระจายไปยังหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย อาทิ การจองที่พัก การบริการอาหารและเครื่องดื่ม การจับจ่ายซื้อสินค้า และการเดินทางภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว

สร้างงานกว่า 152,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังส่งผลดีต่อการสร้างงาน โดยคาดว่าจะสามารถสนับสนุนการจ้างงานเพิ่มอีก 152,000 ตำแหน่ง โดยในจำนวนนี้ 76,000 ตำแหน่ง จะเกิดขึ้นโดยตรงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอีก 76,000 ตำแหน่ง จะกระจายไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ยังคาดว่าผลเชิงบวกจากกฎหมายดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยเพิ่มขึ้น 0.3%

ดันไทยสู่เจ้าภาพ WORLD PRIDE 2030

รัฐบาลไทยยังตั้งเป้าหมายในการเสริมสร้างยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน “WORLD PRIDE 2030” ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศระดับโลก โดยมีตัวอย่างจากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่เป็นเจ้าภาพในปี 2023 สามารถสร้างรายได้สูงถึง 185.6 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท

สนับสนุนความหลากหลาย เสริมเศรษฐกิจไทย

“รัฐบาลพร้อมสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ รวมถึงเสริมภาพลักษณ์ความเปิดกว้างของประเทศไทยในเวทีโลก” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

เดินหน้าสู่อนาคตที่เท่าเทียม

การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แต่ยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ไทยกำลังเดินหน้าสู่อนาคตที่เท่าเทียมและเปิดกว้าง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Agoda (อโกด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News