Categories
NEWS UPDATE

ไปรษณีย์ไทยปรับค่าบริการใหม่ เริ่ม 1 ม.ค. 2568

ไปรษณีย์ไทยเตรียมปรับค่าบริการใหม่ เริ่ม 1 ม.ค. 2568 เพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยเตรียมปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์พื้นฐานใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการดำเนินงานระยะที่ 2 หลังจากการปรับขึ้นค่าบริการครั้งแรกเมื่อปี 2565 เนื่องจากไปรษณีย์ไทยไม่ได้ปรับอัตราค่าบริการมานานกว่า 18 ปี โดยการปรับอัตราค่าบริการในครั้งนี้เป็นไปตามกฎกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

รายละเอียดอัตราค่าบริการใหม่

สำหรับอัตราค่าบริการที่ปรับขึ้นใหม่ในปี 2568 นี้ ครอบคลุมบริการหลายประเภท ได้แก่

  • จดหมายประเภทซอง
  • จดหมายประเภทหีบห่อ
  • จดหมายประเภทซองลงทะเบียน
  • จดหมายประเภทหีบห่อลงทะเบียน
  • ของตีพิมพ์
  • ไปรษณียบัตร
  • พัสดุไปรษณีย์

โดยในพิกัดแรกของจดหมายที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม จะมีราคาอยู่ที่ 5 บาท ส่วนบริการ EMS ในประเทศและบริการอื่น ๆ ของไปรษณีย์ไทยจะยังคงคิดค่าบริการในอัตราเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการอีโคโพสต์ ซึ่งเป็นบริการส่งแบบประหยัดและสามารถตรวจสอบสถานะได้ แทนการส่งจดหมายลงทะเบียน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังสามารถติดตามสถานะการจัดส่งได้

พัฒนาบริการรองรับภาคประชาชนและธุรกิจ

ดร.ดนันท์ ระบุว่า ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญกับการรองรับผู้ใช้บริการทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจเป็นหลัก โดยได้พัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร และเตรียมยกระดับบริการที่ช่วยให้สามารถส่งเอกสารและจดหมายในรูปแบบดิจิทัล เช่น บริการ Prompt Post ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนการส่งจดหมายจากรูปแบบ Physical เป็น Digital นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำอัตราค่าบริการราคาพิเศษสำหรับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ฝากส่งเอกสารและจดหมายในปริมาณมากเพื่อให้บริการในราคาที่คุ้มค่าและประหยัดยิ่งขึ้น

โปรโมชันพิเศษสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

เพื่อส่งเสริมการใช้งานในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ไปรษณีย์ไทยยังได้จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้ค้าที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม LINE Shopping ซึ่งเป็นการเสริมสร้างช่องทางการขนส่งที่สะดวกสบายและคุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์ ที่ต้องการลดต้นทุนในการส่งสินค้าถึงลูกค้า

การปรับขึ้นอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ครั้งนี้แสดงถึงความพยายามของไปรษณีย์ไทยในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ไปรษณีย์ไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ศปช. ย้ำข่าวน้ำท่วมแม่สายซ้ำไม่จริง เตือนเฝ้าระวังฝนใต้

ศปช.ย้ำข่าวลือ “ฝนหนักต้นน้ำแม่สายอาจท่วมซ้ำ” ไม่จริง ยืนยันสภาพอากาศแห้งแล้ว

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) ย้ำว่า ข่าวลือเรื่องฝนหนักต้นน้ำแม่สายจะทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่นั้นไม่เป็นความจริง แม้ว่าจะมีฝนตกบ้างตามสภาพอากาศที่แปรปรวน แต่เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวและปริมาณน้ำในลำน้ำต่าง ๆ อยู่ในระดับต่ำ จึงไม่ส่งผลกระทบหนัก นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนอากาศแปรปรวนในประเทศไทยตอนบนไปจนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยในภาคเหนืออาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่ดูแลสุขภาพและระวังอัคคีภัยที่อาจเกิดจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง

ข่าวลือฝนตกหนักที่แม่สาย ยืนยันไม่มีผลกระทบน้ำท่วมซ้ำ

ข่าวลือที่ว่าลมฝ่ายตะวันตกจะทำให้เกิดฝนตกหนักในต้นน้ำของอำเภอแม่สาย และอาจทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำรอยนั้น กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า แม้ในช่วงนี้จะยังคงได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตกอยู่บ้าง แต่มีลมตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาปกคลุม ซึ่งไม่ก่อให้เกิดฝนหนักถึงขั้นน้ำท่วม การทดสอบแบบจำลองสภาพอากาศพบว่าโอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักนั้นน้อยมากและไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในลุ่มน้ำต้นน้ำแม่สาย

ฝนตกหนักในภาคใต้ เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าใน 13 จังหวัด

ขณะที่สถานการณ์ในภาคใต้ยังคงต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักในหลายพื้นที่ เช่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และอื่น ๆ รวม 13 จังหวัด โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่พร้อมติดตั้งป้ายเตือนประชาชนที่สัญจรในเส้นทางที่มีความเสี่ยง

แผนช่วยเหลือและโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำ ศปช. ระบุว่า การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดโอนเงินเยียวยาผ่านระบบพร้อมเพย์ในวันพุธที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมกว่า 3 หมื่นครัวเรือน รวมเป็นเงินช่วยเหลือที่ได้รับอนุมัติแล้ว 1,695,653,000 บาท

เตรียมรับมือภัยแล้งตั้งแต่เนิ่นๆ รัฐบาลเร่งแผนการจัดการน้ำ

ในด้านการรับมือกับภัยแล้ง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อวางแผนการเตรียมพร้อมรับมือฤดูแล้งปี 2567/68 ในจังหวัดนครราชสีมา โดยรัฐบาลได้วาง 8 มาตรการเพื่อเฝ้าระวังและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การสำรวจแหล่งน้ำสำรอง การจัดการน้ำในอ่างลำตะคอง และการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการใช้น้ำอย่างมีคุณค่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจับมือ 9 อปท. ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วม ยกระดับคุณภาพชีวิต

เชียงราย จับมือ 9 อปท. พัฒนาเมือง ฟื้นฟูหลังน้ำท่วมเพื่อคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายร่วมกับเทศบาลนครเชียงรายและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 9 แห่ง ในเขตอำเภอเมืองเชียงราย ร่วมประชุมหารือพัฒนาเมืองเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ณ ห้องประชุมดาวน์ทาวน์ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 จังหวัดเชียงราย โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ และนายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุมและเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาเมือง

ความร่วมมือเพื่อพัฒนาเมืองเชียงราย ยกระดับคุณภาพชีวิต

การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการร่วมมือกันพัฒนาเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยเฉพาะการพัฒนาสวนสาธารณะริมแม่น้ำกก ซึ่งครอบคลุมระยะทางยาวกว่า 20 กิโลเมตร การพัฒนาพื้นที่ริมน้ำกกจะทำให้เกิดสถานที่ออกกำลังกายและพักผ่อนสำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย พร้อมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและ 9 อปท. ในครั้งนี้ เป็นการเตรียมการพัฒนาเมืองให้มีการจัดการขยะมูลฝอย การปรับปรุงภูมิทัศน์ที่สวยงาม การส่งเสริมอาชีพ การจัดการศึกษา และการป้องกันน้ำท่วม โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นเมืองน่าอยู่และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในอนาคต

การฟื้นฟูเมืองเชียงรายหลังน้ำท่วมและแผนการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

นายวันชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบใน 52 ชุมชนของเชียงราย การฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญที่เทศบาลนครเชียงรายให้ความสำคัญ โดยมีการวางแผนระยะยาวในการจัดการน้ำและการป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำกก นอกจากนี้ยังมีการเตรียมแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจในชุมชนฟื้นตัวและเจริญเติบโตไปพร้อมกัน

ลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาเมืองระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและ 9 อปท.

ในการประชุมครั้งนี้ นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการพัฒนาเมือง โดยมีเทศบาลนครเชียงรายเป็นผู้นำ พร้อมด้วยเทศบาลตำบลบ้านดู่ เทศบาลตำบลแม่ยาว เทศบาลตำบลสันทราย เทศบาลตำบลท่าสาย เทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย เทศบาลตำบลดอยฮาง องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ องค์การบริหารส่วนตำบลรอบเวียง และองค์การบริหารส่วนตำบลริมกก ความร่วมมือนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตอำเภอเมืองเชียงราย และสร้างเชียงรายให้เป็นเมืองที่พร้อมตอบสนองความต้องการของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

ต่างชาติลงทุนในไทย 9 เดือน พุ่ง 1.3 แสนล้าน

9 เดือนแรกปี 67 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.3 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นยังคงอันดับหนึ่ง

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 134,805 ล้านบาท โดยญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 74,091 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของมูลค่าการลงทุนต่างชาติทั้งหมด

การลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในปี 2567

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงให้เห็นว่า ในปี 2567 จำนวนการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 โดยมีนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตจำนวน 636 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 493 ราย ส่วนการลงทุนที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 50,792 ล้านบาท หรือ 60%

ในขณะเดียวกัน การจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2567 มีการจ้างงานคนไทยจำนวน 2,505 ตำแหน่ง ลดลงจากปีก่อนซึ่งมีจำนวนการจ้างงานถึง 5,703 ตำแหน่ง

5 อันดับประเทศที่ลงทุนสูงสุดในไทย

นักลงทุนต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่

  1. ญี่ปุ่น มีจำนวน 157 ราย คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 74,091 ล้านบาท
  2. สิงคโปร์ มีจำนวน 96 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 12,222 ล้านบาท
  3. จีน มีจำนวน 89 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 11,981 ล้านบาท
  4. สหรัฐอเมริกา มีจำนวน 86 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 4,147 ล้านบาท
  5. ฮ่องกง มีจำนวน 46 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 14,116 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น

ในปี 2567 นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มขึ้นถึง 109% จากปีก่อน โดยในปีนี้มีนักลงทุนต่างชาติใน EEC จำนวน 207 ราย คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 39,830 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม ออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ ซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาซอฟต์แวร์

นักลงทุนใน EEC ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดยังคงเป็นญี่ปุ่นด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 13,191 ล้านบาท ตามด้วยจีนที่ลงทุน 7,227 ล้านบาท และฮ่องกงที่ลงทุน 5,219 ล้านบาท

ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ดึงดูดนักลงทุนจากสิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย

ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ของไทยยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยมูลค่าการลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์มอยู่ที่ 11,721 ล้านบาท และซอฟต์แวร์ 16,675 ล้านบาท โดยนักลงทุนชั้นนำในธุรกิจนี้มาจากสิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย

แนวโน้มและเป้าหมายการลงทุนของประเทศไทยในอนาคต

การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยมอบให้แก่นักลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี วัตถุดิบที่เพียงพอ และภาคอุตสาหกรรมที่พร้อมรองรับการลงทุน รัฐบาลมีเป้าหมายในการขยายตลาดการลงทุนใหม่ รักษาตลาดเดิม และกระตุ้นการลงทุนในประเทศให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

ไทยทุ่ม 3 พันล้าน ขยายสนามบินรองรับนักท่องเที่ย

AOT นำระบบ Biometric เพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสาร พร้อมแผนขยายสนามบินรองรับการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้เริ่มใช้ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System) ที่ใช้เทคโนโลยี Facial Recognition เพื่อระบุตัวตนผู้โดยสาร โดยระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้พาสปอร์ตและบัตรขึ้นเครื่องจากจุดตรวจสัมภาระจนถึงประตูขึ้นเครื่อง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลารอคิวและเพิ่มความสะดวกในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่

แผนการใช้งานระบบ Biometric รองรับผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ

ในระยะแรก ระบบ Biometric จะพร้อมให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้โดยสารจะสามารถลงทะเบียนยินยอมใช้ข้อมูลทางชีวภาพในการระบุตัวตนเพื่อเข้าสู่ระบบการระบุข้อมูลได้ตั้งแต่เคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่ง AOT คาดว่าการใช้ระบบ Biometric จะช่วยให้ผู้โดยสารประหยัดเวลารอคิวและมีเวลาเพียงพอสำหรับการเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษี รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนในสนามบิน

ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ระบบนี้จะเริ่มให้บริการแก่ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถใช้งานระบบ Facial Recognition ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งได้ครบทุกส่วน

รายงานจาก Nikkei โดย Kosuke Inoue เปิดเผยว่า ไทยกำลังวางแผนขยายสนามบิน 6 แห่งด้วยงบประมาณเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 97,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองการเติบโตของนักท่องเที่ยวในอนาคต ภายในปี 2575 ไทยคาดหวังให้สนามบินทั้ง 6 แห่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 246.5 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่รองรับได้เพียง 116 ล้านคน

การขยายรันเวย์และการใช้ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ในสนามบิน

ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในไทย ได้เริ่มเปิดใช้รันเวย์ที่สามเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้น-ลงจากเดิม 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบิน ซึ่งจะช่วยให้ระบบขนส่งทางอากาศสามารถรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทาง AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการขยายสนามบิน ยังวางแผนติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในสนามบินทั้ง 6 แห่ง โดยผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนข้อมูลชีวภาพที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ทำให้สามารถผ่านด่านต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ตหรือบัตรขึ้นเครื่องตั้งแต่จุดตรวจสัมภาระไปจนถึงประตูขึ้นเครื่อง

รายได้ที่ฟื้นตัวของ AOT หนุนการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

AOT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย มีรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศในปีงบประมาณ 2566 โดยรายได้เพิ่มขึ้น 170% มาอยู่ที่ 48.4 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังการระบาดของ COVID-19 การขยายสนามบินครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของ GDP ของไทย การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการระบาดของ COVID-19 และเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ไทยได้เตรียมยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศและภูมิภาคเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ความท้าทายและความเสี่ยงของการขยายสนามบินและสถานการณ์การเมืองในประเทศ

แม้ว่าแผนการขยายสนามบินจะสอดคล้องกับเป้าหมายทางการท่องเที่ยวของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนที่อาจเกินความจำเป็น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงมกราคมถึงกันยายนปีนี้ยังคงอยู่ที่ประมาณ 80% ของจำนวนก่อนเกิดการระบาดในปี 2562 นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยยังเป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว

ประเทศไทยมีประวัติการยกเลิกหรือเลื่อนโครงการโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งปลดนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ก็เผชิญกับคดีทางกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : asia.nikkei.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดรับสมัครแรงงานไทยไปอิสราเอล โอกาสดีรายได้สูง

 

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ได้เปิดการรับสมัครรอบที่ 2 สำหรับแรงงานไทยที่สนใจไปทำงานในประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับชาวเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องการงานที่มีรายได้ดีในต่างประเทศ ครั้งนี้ นายจ้างชาวอิสราเอลได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงรายเพื่อทำการสัมภาษณ์และทดสอบฝีมือของแรงงานไทยโดยตรง

การรับสมัครงานในครั้งนี้จัดขึ้นโดยบริษัทจัดหางานวิ ดรากอน จำกัด ซึ่งได้รับโควต้าจากกรมแรงงานให้จัดส่งแรงงานกว่า 2,000 คนไปทำงานในอิสราเอลตามกฎหมาย โดยแรงงานที่เปิดรับสมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด คือ เพศชาย อายุระหว่าง 25-45 ปี และมีความเชี่ยวชาญในสายงานช่าง เช่น ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างฉาบปูน กระเบื้อง รวมถึงพนักงานขับรถบรรทุกหนักและรถแบคโฮ ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ ณ อาคารไม้ที่ตั้งอยู่ทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างครบถ้วนทั้งหมายเลขโทรศัพท์ ไลน์ และเว็บไซต์เพื่อความสะดวกของผู้สมัคร

สถานการณ์สู้รบในอิสราเอล-เลบานอนยังคงน่ากังวล

อย่างไรก็ตาม ความสนใจในการไปทำงานในอิสราเอลยังคงมีอยู่แม้ว่าสถานการณ์ในภูมิภาคนี้จะไม่สงบ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X เพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบบริเวณชายแดนระหว่างอิสราเอลและเลบานอน โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 4 รายและบาดเจ็บ 1 ราย จากเหตุยิงจรวดบริเวณเมืองเมตูลาใกล้ชายแดนอิสราเอล-เลบานอน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดโจมตีเข้าไปในพื้นที่ภาคเหนือของอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 รายในพื้นที่นิคมเกษตรกรรมใกล้เมืองเมตูลาและเมืองไฮฟา

รายงานล่าสุดระบุว่า ผู้เสียชีวิต 4 คนที่เป็นคนไทยมีรายชื่อดังนี้ (1) นายอรรคพล วรรณไสย จังหวัดอุดรธานี (2) นายประหยัด พิลาศรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (3) นายธนา ติจันทึก จังหวัดนครราชสีมา และ (4) นายกวีศักดิ์ ปาปะนัง จังหวัดนครราชสีมา ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือ นายฉัตรชัย ศิลป์ประเสริฐ จังหวัดชัยภูมิ

แรงงานไทยในอิสราเอลยังเป็นที่ต้องการสูง

แม้ว่าจะมีสถานการณ์ความขัดแย้งอยู่ในพื้นที่นี้ แรงงานไทยยังคงได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของนายจ้างในอิสราเอลสูง นาย Marius Savescu วิศวกรหัวหน้าของ Stone Group Company เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยในอิสราเอลประมาณ 20,000 คน และในปีนี้ทางอิสราเอลต้องการแรงงานไทยเพิ่มเติมอีกประมาณ 3,000-4,000 คน เนื่องจากแรงงานไทยมีฝีมือ ขยัน และอดทน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ตอบสนองความต้องการของนายจ้างในภาคการก่อสร้าง

นอกจากนี้ นาย Marius ยังเสริมว่าในปี 2568 อาจมีความต้องการแรงงานไทยเพิ่มขึ้นอีก 10,000 คน โดยเขายืนยันว่าแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานจะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักและการรักษาพยาบาลฟรี รวมถึงมีรายได้เสริมเพิ่มเติมนอกจากเงินเดือนปกติ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับแรงงานไทยที่ต้องการพัฒนาชีวิตของตนเองและครอบครัว

แรงบันดาลใจจากศิลปินตลกที่ส่งแรงใจให้แรงงานไทย

ด้าน “น้ากล้วย เชิญยิ้ม” ศิลปินตลกชื่อดัง ได้ส่งกำลังใจให้แรงงานชาวเชียงรายที่มาร่วมสมัครงานในครั้งนี้ โดยกล่าวว่าเขาเห็นด้วยกับการส่งเสริมให้แรงงานไทยมีโอกาสทำงานในต่างประเทศที่ถูกกฎหมายและได้รับค่าตอบแทนที่ดี ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องแรงงานมีโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตได้ แม้ว่าการรับสมัครงานไปอิสราเอลจะเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากชาวเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงในภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Somkoul Rasee

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
HEALTH

ตำรายาแก้โรค มะเร็งหายใน 6 วัน ไม่เป็นความจริง

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567  ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตามที่มีข้อมูลเรื่องตำรายาแก้โรคมะเร็งหายใน 6 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีการแนะนำตำรายาแก้โรคมะเร็งหายใน 6 วัน ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากการสืบค้นตามหลักองค์ความรู้ทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนแล้วพบว่า
1.สมุนไพร “ปั่วกี่ไน๊” คือ สมุนไพรจีนที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scutellaria borboto D. Don เป็นตัวยาที่มีรสขมเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ดับพิษร้อน แก้อักเสบ ช่วยห้ามเลือด รักษาอาการเจ็บคอ
2.สมุนไพร “แป๊ะฮ่วยจั่วจิเฉ่า” คือ สมุนไพรจีนที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sclerommitnion diffusum (Wild) R. J. Wang เป็นตัวยาที่มีรสขมเย็น ช่วยดับร้อน ถอนพิษ ขับปัสสาวะ ขับเลือด ระงับปวด ขับเสมหะ

ซึ่งในปัจจุบันสมุนไพรทั้งสองชนิดดังกล่าว เป็นสมุนไพรจีนใช้ในการเข้าตำรับยาแก้ร้อนในทั่วไป ซึ่งยังไม่พบงานวิจัยในการนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ในปัจจุบันสมุนไพรทั้งสองชนิดดังกล่าว เป็นสมุนไพรจีนใช้ในการเข้าตำรับยาแก้ร้อนในทั่วไป ซึ่งยังไม่พบงานวิจัยในการนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ENVIRONMENT

มลพิษทางอากาศ จุดเริ่มต้น สร้างสัมพันธ์อินเดีย-ปากีสถาน

ความร่วมมือทางสภาพอากาศ: มลพิษทางอากาศเป็นโอกาสในการสานสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและปากีสถาน

วิกฤตมลพิษที่เชื่อมสองประเทศคู่ปรับ

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 รายงานจากอัลจาซีราระบุว่ามลพิษทางอากาศที่รุนแรงในพื้นที่ทั้งสองด้านของชายแดนอินเดียและปากีสถานกำลังสร้างโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างอินเดียและปากีสถาน

การเริ่มต้นเจรจาผ่านวิกฤตมลพิษ

ในปากีสถาน นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐปัญจาบ นางสาวแมร์ยาม นาวาซ ได้แสดงความตั้งใจที่จะพบปะกับรัฐมนตรีของรัฐปัญจาบในอินเดียเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือกับวิกฤตมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั้งสองประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในลาฮอร์และนิวเดลี ซึ่งติดอันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดในโลกในช่วงเวลาล่าสุด

ความสำคัญของการแก้ไขปัญหามลพิษแบบร่วมมือกัน

ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เสื่อมโทรมและค่ามลพิษที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองประเทศต่างเห็นพ้องว่าการร่วมมือกันเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รัฐบาลปากีสถานวางแผนที่จะจัดประชุมภูมิภาคเกี่ยวกับสภาพอากาศในลาฮอร์ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาแบบร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน

ปัญหาจากฝุ่นละออง PM2.5 และสาเหตุที่มาจากทั้งสองประเทศ

ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งมีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ถือเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมากและแพร่กระจายจากทั้งการทำกิจกรรมของมนุษย์และธรรมชาติในทั้งสองประเทศ ด้วยอัตราค่าฝุ่นละอองที่สูงเกินระดับที่ปลอดภัย อากาศที่เสื่อมสภาพได้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด

การเผาหญ้าทางการเกษตร: ต้นเหตุสำคัญของมลพิษ

ในฤดูกาลปลูกพืชใหม่เกษตรกรในทั้งสองประเทศมักเผาซากพืชเพื่อเคลียร์พื้นที่ส่งผลให้เกิดควันและฝุ่นที่เป็นมลพิษในอากาศ แม้จะมีการวิจารณ์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น การลดจำนวนการเผาเพื่อบรรเทามลพิษยังเป็นเรื่องที่ต้องการการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและประชาชน

การล็อกดาวน์เพื่อสีเขียว: มาตรการควบคุมมลพิษในลาฮอร์

เพื่อลดผลกระทบของมลพิษ รัฐบาลปากีสถานได้ประกาศ “ล็อกดาวน์สีเขียว” ในเมืองลาฮอร์ โดยมีการระงับกิจกรรมเชิงพาณิชย์และการก่อสร้างบางส่วน ทั้งนี้เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองในอากาศ

การเคลื่อนย้ายมลพิษข้ามพรมแดน: ลมตะวันออกที่ส่งผลกระทบต่อปากีสถาน

ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน สภาพอากาศที่เย็นขึ้นและลมจากทิศตะวันออกมีแนวโน้มพัดพามลพิษจากอินเดียมาทางปากีสถาน ทำให้ลาฮอร์มีค่ามลพิษสูงขึ้นอีกครั้ง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดการมลพิษแบบข้ามพรมแดน

ความพยายามระดับภูมิภาคในการแก้ปัญหา

ปากีสถานและอินเดียได้ร่วมมือกับประเทศในเอเชียใต้ผ่าน “ปฏิญญามาเล” ที่มุ่งหวังสร้างกรอบการจัดการมลพิษระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการดำเนินการยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย การสร้างความเข้าใจและร่วมมือกันยังเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดมลพิษ

ทางออกที่ชัดเจน: การลงทุนเพื่อพลังงานสะอาดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชน

ในท้ายที่สุด การลดมลพิษอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียใต้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งในด้านพลังงานสะอาดและการจัดการของเสียจากการเกษตร ซึ่งต้องใช้การลงทุนมหาศาลและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : aljazeera / By 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เที่ยวบินปฐมฤกษ์ Air Asia กัวลาลัมเปอร์-เชียงราย เริ่มแล้ว

ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ Air Asia กัวลาลัมเปอร์-เชียงราย เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยว High Season

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Air Asia เที่ยวบิน AK 871 ที่บินตรงจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยมีนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้บริหาร ททท. และหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสนี้

คณะผู้โดยสาร นักบิน และลูกเรือของเที่ยวบินปฐมฤกษ์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ โดยมีการมอบพวงมาลัยดอกไม้และของที่ระลึกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดประตูการท่องเที่ยวสู่เชียงรายอย่างเป็นทางการ

เชียงรายเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวต้อนรับ High Season หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่

จังหวัดเชียงรายผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังจากประสบกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมา การเปิดรับเที่ยวบินตรงจากกัวลาลัมเปอร์ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วง High Season ซึ่งเชียงรายได้เตรียมกิจกรรมและงานเทศกาลท่องเที่ยวมากมาย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น งานประเพณีลอยกระทงยี่เป็งนครเชียงราย กิจกรรม Mae Salong Trail งานมหกรรมดอกไม้อาเซียน งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม และงานเคาท์ดาวน์เชียงราย 2025

หลากหลายกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น

เชียงรายได้จัดเตรียมกิจกรรมท่องเที่ยวที่ผสมผสานทั้งกีฬา วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างหลากหลาย เพื่อสร้างสีสันให้กับฤดูท่องเที่ยว นับตั้งแต่ประเพณีการลอยกระทงที่งดงามในวิถีล้านนาไปจนถึงการจัดแสดงดอกไม้นานาพันธุ์ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในงานมหกรรมดอกไม้อาเซียนและเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม ที่คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมเชียงราย และช่วยกระจายรายได้หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น

การเปิดเที่ยวบินตรงจากกัวลาลัมเปอร์มายังเชียงรายในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสทางการท่องเที่ยว แต่ยังแสดงถึงความพร้อมของเชียงรายในการเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ทั้งในด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าหลงใหล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘โฮงยาไทย’ จัดประชาพิจารณ์ โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX”

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนในชื่อ “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” ที่ห้องประชุมเสม พริ้งพวงแก้ว ชั้น 4 อาคารโภชนาการ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีแพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการ ภาคประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการประชาพิจารณ์

วัตถุประสงค์และความสำคัญของโครงการ

โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” เกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการที่จอดรถที่เพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงโรงพยาบาล โครงการนี้ถูกออกแบบเพื่อดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนบนพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ขั้นตอนการดำเนินโครงการและการคัดเลือกเอกชนลงทุน

ขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการนี้ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน คณะอนุกรรมการสวัสดิการจัดทำโครงการฯ ได้เสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสวัสดิการ ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการสรรหาเอกชนเข้ามาลงทุนและทำสัญญานิติกรรม เงื่อนไขการเช่าพื้นที่ราชพัสดุขนาด 2.5 ไร่ จะกำหนดสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยการเช่านี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และค่าตอบแทนที่ระบุไว้ตามระเบียบราชการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นประโยชน์แก่ส่วนราชการ

การประสานงานกับกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย

เนื่องจากโครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนนี้ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสนามบินฝูงบิน 416 เชียงราย จึงต้องได้รับการอนุมัติจากกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินโครงการ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จะมีการประสานงานกับกองทัพอากาศในการพิจารณาความปลอดภัยของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขตปลอดภัยทางทหาร

การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ประชาพิจารณ์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดสรรทรัพยากรและการวางแผนโครงการที่โปร่งใส เพื่อให้ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยความราบรื่นและเกิดประโยชน์แก่ประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE