Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบเงินสร้างบ้านใหม่ “เวียงแก่น”

เชียงรายเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินสไลด์ ล่าสุดจังหวัดเชียงรายได้เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือเพื่อสมทบค่าก่อสร้างบ้านให้กับผู้ที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า “การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย เราหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูบ้านเรือนกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ”

สำหรับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นอกจากอำเภอเวียงแก่นแล้ว

ยังมีอีก 2 อำเภอที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งรวมแล้วมีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 43 ครัวเรือน ด้วยวงเงินรวม 1,940,000 บาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที”

สำหรับยอดเงินบริจาคของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และล่าสุดได้รับเงินบริจาคจากบริษัท ไทยยามาฮ่า ร่วมกับสินธานีกรุ๊ป เพิ่มเติมอีก 200,000 บาท

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ล้านนาตะวันออกฟื้น! ชวนเที่ยวงานใหญ่ Consumer Fair

ภาคเหนือตอนบน 2 ฟื้นตัวหลังวิกฤติน้ำท่วม จัดงานใหญ่กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ภายหลังจากที่ภาคเหนือตอนบน 2 ได้เผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ในวันนี้ กลุ่มจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ได้ร่วมกันประกาศความพร้อมในการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการจัดงาน Consumer Fair and Road Show เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวล้านนาตะวันออก

ภาคเหนือฟื้นตัวแล้ว พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในการแถลงข่าวว่า “แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากภัยธรรมชาติ แต่ชาวล้านนาตะวันออกก็มีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูและพัฒนาภูมิภาคให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง งาน Consumer Fair and Road Show นี้ ถือเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญของจังหวัด”

งาน Consumer Fair and Road Show: สุดยอดโปรโมชั่นและวัฒนธรรมล้านนา

งาน Consumer Fair and Road Show จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลบางนา และเซ็นทรัล เวสต์เกต โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ

  • ตลาดสินค้า OTOP: พบกับสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด
  • มุมอาหารรสเด็ด: ลิ้มลองรสชาติอาหารเหนือรสเด็ดที่ปรุงสดใหม่
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรม: ดื่มด่ำกับการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์และความเป็นมาของชาวล้านนา
  • โปรโมชั่นพิเศษ: โรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวต่างนำเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยวสุดคุ้ม
  • กิจกรรม Business Matching: เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวได้พบปะกับนักลงทุนและขยายธุรกิจ

เป้าหมายของการจัดงาน:

  • ฟื้นฟูเศรษฐกิจ: กระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
  • ส่งเสริมวัฒนธรรม: สร้างความตระหนักถึงมรดกทางวัฒนธรรมของล้านนาตะวันออก และส่งเสริมการอนุรักษ์
  • เชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยว: สร้างเครือข่ายและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์ล้านนา

การจัดงานครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมของภาคเหนือตอนบน 2 ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการฟื้นฟูและพัฒนาภูมิภาคให้กลับมาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘เชียงราย’ เตรียมรับมือน้ำท่วม! วางแผนป้องกันภัยรอบด้าน

เชียงรายเร่งวางแผนรับมืออุทกภัย หลังฝนตกหนัก

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมด่วนเพื่อวางแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย, ชลประทานจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

ประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาหารือในที่ประชุม ได้แก่:

  • สถานการณ์น้ำท่วมในอดีต: ที่ประชุมได้ทบทวนสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2567 โดยวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสม ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำลาว แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง
  • การเตรียมความพร้อม: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การสร้างอ่างเก็บน้ำ การสร้างเขื่อน และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน: ที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมของครัวเรือนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ

  • มาตรการเชิงโครงสร้าง: การปรับปรุงสภาพลำน้ำ การใช้อ่างเก็บน้ำ เขื่อน และพนังกั้นน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม
  • มาตรการไม่ใช้โครงสร้าง: การจัดการใช้สอยที่ดิน การวางผังเมือง การควบคุมสิ่งปลูกสร้าง และการให้ความรู้แก่ประชาชน
  • การเฝ้าระวังและเตือนภัย: การติดตั้งระบบเฝ้าระวังน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงที

เป้าหมายสูงสุดของการประชุมครั้งนี้คือ

การวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างครอบคลุม เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อให้จังหวัดเชียงรายสามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

Agoda เผยท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เที่ยวไทย

ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวของไทยกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากหันมาเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว

Agoda ชี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่ค้นหาที่พักในไทย

จากข้อมูลของ Agoda พบว่าการค้นหาที่พักในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 25% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นกลุ่มหลัก

นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีอัตราการเติบโตของการค้นหาที่พักสูงถึง 21% 22% และ 21% ตามลำดับ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีนโยบายยกเว้นวีซ่า เช่น อินเดีย จีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และซาอุดีอาระเบีย ก็มีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย

แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวไทยกันมากขึ้น แต่คนไทยเองก็ยังคงนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยโตเกียวเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือโอซาก้าและซัปโปโร

เวียดนามและจีน กลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่น่าสนใจ

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว เวียดนามก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 5% และเมืองดานังก็กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน ส่วนประเทศจีนก็มีการเติบโตของการค้นหาที่พักอย่างรวดเร็วถึง 206% ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นวีซ่าและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวภายในประเทศคึกคัก กรุงเทพฯ ยังคงเป็นอันดับ 1

สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกรุงเทพมหานครยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือพัทยา และหัวหิน/ชะอำ

Agoda มั่นใจว่าการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวเต็มที่

Agoda มองว่าการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปี 2568 และคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะสูงกว่า 39 ล้านคน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้

5 อันดับประเทศจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยมมากที่สุด

1.ญี่ปุ่น

2.เวียดนาม

3.เขตปกครองพิเศษฮ่องกง

4.จีน

5.มาเลเซีย

 

5 อันดับเมืองจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยมมากที่สุด

1.โตเกียว

2.โอซาก้า

3.โซล

4.ไทเป

5.ฮ่องกง

 

5 อันดับกิจกรรมที่คนไทยนิยมมากที่สุดในต่างประเทศ

1.ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ (สิงคโปร์)

2.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ (สิงคโปร์)

3.ดิสนีย์แลนด์ (ฮ่องกง)

4.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (สิงคโปร์)

5.ตั๋วท่องเที่ยวรอบโอซาก้า (ญี่ปุ่น)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อโกด้า (Agoda)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลักไทย กวาดรายได้ 1.35 ล้านล้าน

กระทรวงการท่องเที่ยวเผยนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 29 ล้านคน สร้างรายได้ 1.35 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในปี 2567 ว่า มีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 3 พฤศจิกายน รวม 29,080,399 คน ซึ่งสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 1.35 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนยังคงครองแชมป์อันดับ 1 มีจำนวนมากถึง 5,756,998 คน ตามมาด้วยมาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย

นักท่องเที่ยวกลุ่ม Long Haul และ Short Haul ฟื้นตัวดี

สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากในทุกกลุ่มตลาด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long haul) จากยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย มีจำนวนเข้ามา 243,204 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.85 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบหลายเดือน โดยเฉพาะตลาดรัสเซียและเยอรมันที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 คน นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short haul) จากประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินเดีย และสิงคโปร์ ก็มีอัตราการเดินทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาลดิวาลี ส่งผลให้ในสัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 701,962 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 20.10

นักท่องเที่ยวจีน มาเลเซีย รัสเซีย และอินเดีย มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

5 อันดับแรกของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ มาเลเซีย (123,121 คน) จีน (96,756 คน) รัสเซีย (41,397 คน) อินเดีย (40,956 คน) และเกาหลีใต้ (32,593 คน) ซึ่งทั้ง 5 ประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.24 รัสเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.41 และจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.58

ปัจจัยที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ High Season กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การเพิ่มจำนวนที่นั่งการเดินทางเข้าไทยระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 รวมถึงการยกเว้นการใช้บัตร ตม.6 ในด่านทางบกและการกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการ Ease of traveling ที่ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการเข้าเมืองและกระตุ้นการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดไป

จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว จึงคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดไป โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระยะไกลจากยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย ขณะเดียวกันตลาดในเอเชีย เช่น จีนและมาเลเซียยังมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยกระทรวงการท่องเที่ยวตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไทยอย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / Flow Chiangsaen

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS

CPFC จับมือ IKEA-ดีแคทลอน ปฏิวัติร้านสะดวกซื้อใหม่ในเชียงใหม่

CPFC จับมือ IKEA และ Decathlon สร้างมิติใหม่ของร้านสะดวกซื้อในเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ CPFC ร่วมกับ CP AXTRA, CP All และ TRUE ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ IKEA และ Decathlon สองยักษ์ใหญ่ในธุรกิจรีเทลระดับโลก เปิดตัว “ฟิวเจอร์ คอนวีเนียนซ์ สโตร์” (FCS) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของร้านสะดวกซื้อบนทำเลหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน นำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เข้าถึงง่ายและสะดวกสบาย คาดว่าร้านนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการขยายสาขาในอนาคตทั่วประเทศ

แนวคิดและเป้าหมายของความร่วมมือ

คุณปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CPFC กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้เน้นการผสมผสานความเชี่ยวชาญของทุกฝ่าย ทั้ง CPFC และพันธมิตรระดับโลกอย่าง IKEA และ Decathlon เพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ให้กับธุรกิจร้านสะดวกซื้อ นอกจากการนำเสนอสินค้าคุณภาพจาก IKEA และ Decathlon แล้ว ยังเน้นการออกแบบร้านที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมในชุมชนท้องถิ่น ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

โมเดล FCS ร้านสะดวกซื้อแห่งอนาคต

โมเดล FCS ของ CPFC ที่จะเริ่มต้นเปิดให้บริการในต้นปี 2568 ณ แม็คโคร สาขาหางดง เชียงใหม่ จะเป็นร้านสะดวกซื้อที่แตกต่างจากร้านทั่วไป โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้บริโภคนอกเขตกรุงเทพฯ และเน้นการพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เข้าถึงง่ายในชุมชน โดยเป็นการผสานแนวคิดรีเทลล้ำสมัยเข้ากับการสร้างความยั่งยืนและความสะดวกสบายแก่ผู้คนในชุมชน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของโครงการ

เกี่ยวกับซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น (CPFC)

CPFC เป็นผู้นำในด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการให้อยู่ในมาตรฐานคุณภาพสูงสุด โดย CPFC มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่น่าอยู่ สะดวกสบาย และยั่งยืนผ่านนวัตกรรมที่ทันสมัย นอกจากนี้ CPFC ยังให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาฯ แบบมิกซ์ยูสและโครงการที่ตั้งอยู่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยเน้นพัฒนาโครงการที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและผลักดันความเจริญในประเทศ

แผนการขยายและอนาคตของ FCS ทั่วประเทศ

หลังจากที่สาขาหางดงเปิดทำการ CPFC มีแผนที่จะขยายโมเดล FCS ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่เป็นมิตรกับชุมชน นำเสนอบริการที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่าง CPFC, IKEA และ Decathlon ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้กับการช้อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อ แต่ยังเป็นการผสานพลังเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด ลดขยะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (ซีพีเอฟซี)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

นายกฯ ไทยเสนอพัฒนาภูมิภาค GMS ด้วยนวัตกรรมยั่งยืน

นายกฯ ย้ำพัฒนาไทยด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืนในเวที GMS

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ครั้งที่ 8 ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยมีนายกรัฐมนตรีจากจีน กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เข้าร่วมการประชุม ในหัวข้อ “การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมของไทย” นายกฯ ยืนยันว่าไทยจะเดินหน้าพัฒนาด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างสังคมเท่าเทียม พร้อมยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

ไทยเน้นการพัฒนาแบบยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายกรัฐมนตรีได้เน้นถึงแนวทางการพัฒนาของไทยด้วยนวัตกรรมที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน พร้อมการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยเชื่อว่าการพัฒนานวัตกรรมจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนานี้ตั้งเป้าที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างเท่าเทียม

ยกย่อง 4 นวัตกรรมจากจีน และเชื่อมโยงสู่การพัฒนายุคใหม่

นายกรัฐมนตรีไทยยังได้ยกย่อง 4 สิ่งประดิษฐ์สำคัญของจีนในอดีต ได้แก่ เข็มทิศ ดินปืน กระดาษ และการพิมพ์ ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงมนุษยชาติ และย้ำว่าปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพจะช่วยผลักดันให้การพัฒนาในภูมิภาคเป็นไปอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

ตัวอย่างความก้าวหน้าของไทยในด้านนวัตกรรม

  1. นวัตกรรมการเกษตร – นายกฯ ชูแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อยกระดับการเกษตรแบบดั้งเดิมของไทยสู่การเกษตรสมัยใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าผลผลิต ทำให้ราคาพืชผลมีเสถียรภาพ ส่งเสริมรายได้ของเกษตรกรและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด
  2. นวัตกรรมการเงิน – ไทยได้พัฒนาเทคโนโลยีการเงินแบบไร้รอยต่อ ภายใต้โครงการ ASEAN Payment Connectivity ที่ช่วยให้สามารถชำระเงินระหว่างประเทศผ่าน QR Code ได้สะดวก ลดภาระค่าธรรมเนียมและเพิ่มประโยชน์ให้ประชาชนในภูมิภาค GMS
  3. การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา – รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุนการวิจัยในภาครัฐและเอกชน ผ่านมาตรการภาษีและพัฒนาทักษะบุคลากร โดยเชื่อว่าการลงทุนในนวัตกรรมจะช่วยสร้างเศรษฐกิจและสังคมให้แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว

การสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างครอบคลุม

น.ส.แพทองธาร ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการพัฒนาแบบยั่งยืน ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกระดับ ทั้งในภาคการเกษตร การเงิน และการวิจัย โดยคาดหวังว่าภายในปี 2573 ภูมิภาค GMS จะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านนวัตกรรมที่ยั่งยืนได้

ไทยพร้อมร่วมมือเพื่อพัฒนาภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันถึงความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับประเทศสมาชิก GMS ในการพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่จะยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การประชุมสุดยอดผู้นำอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ครั้งที่ 8 ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
WORLD PULSE

ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยและการค้าโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ชัยชนะของทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงในอนาคต

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์ ผู้บริหารงานวิจัยจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 พร้อมทั้งพรรครีพับลิกันคว้าคะแนนเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ทำให้สามารถผลักดันนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกและไทยยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

นโยบายเร่งด่วนที่คาดหวังในช่วง 100 วันแรกของทรัมป์

หลังจากการสาบานตนในเดือนมกราคม 2568 คาดว่านโยบายเร่งด่วนของทรัมป์จะประกอบไปด้วยมาตรการปรับเพิ่มภาษีศุลกากรขาเข้า ลดภาษีเงินได้สำหรับนิติบุคคลและครัวเรือน การต่ออายุมาตรการลดภาษีที่ประกาศใช้ในปี 2560 รวมถึงมาตรการสนับสนุนพลังงานฟอสซิลในประเทศ ซึ่งมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แม้ว่าในระยะสั้นอาจเกิดความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับในเชิงบวก

ผลจากชัยชนะของทรัมป์ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันที โดยแตะระดับ 105.44 เพิ่มขึ้น 1.95% จากวันก่อนหน้า นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 10 ปีของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นใกล้ระดับ 4.50% ขณะเดียวกันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตอบรับในเชิงบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์เพิ่มขึ้นกว่า 1,300 จุดในวันที่ 6 พฤศจิกายน

ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

แม้ว่ามาตรการต่าง ๆ ของทรัมป์อาจสร้างผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาว แต่ในระยะสั้นเศรษฐกิจอาจต้องเผชิญกับภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อสูง) จากอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและการกีดกันแรงงานอพยพ ด้านเศรษฐกิจไทย ในระยะสั้นอาจได้อานิสงส์จากการเร่งนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ เพื่อทดแทนสินค้าจากจีน แต่ในระยะยาวไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มภาษีสินค้าส่งออกที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ

แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตและการแข่งขันในตลาดไทย

ในอนาคต ไทยอาจได้รับผลบวกจากการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการบางรายมายังอาเซียน แต่คาดว่าโอกาสในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังอาจต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งอัตราภาษีของสหรัฐฯ การตรวจสอบที่เข้มงวด และความพร้อมด้านเทคโนโลยีในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิปและเทคโนโลยี AI ซึ่งไทยยังขาดความพร้อมในด้านพลังงานสะอาดและแรงงานที่มีทักษะสูง

สินค้าไทยต้องเผชิญการแข่งขันจากจีนที่รุนแรงขึ้น

สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มของไทยมีแนวโน้มเผชิญการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจีน เนื่องจากสินค้าจีนมีการผลิตที่เกินความต้องการภายในประเทศ อีกทั้งการเจอกำแพงภาษีจากประเทศตะวันตก ทำให้จีนต้องหาตลาดใหม่ในการระบายสินค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก

ชัยชนะของทรัมป์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างพลังให้พรรครีพับลิกันในสหรัฐฯ แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยในหลายแง่มุม ทั้งการส่งออก การแข่งขัน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ENVIRONMENT

แบบจำลองคณิตศาสตร์ใหม่ ช่วยสัตว์ปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม

แบบจำลองคณิตศาสตร์ใหม่เผยกลไกการเรียนรู้ของสัตว์และการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 Sanjana Gajbhiye นักเขียนประจำเว็บไซต์ Earth.com รายงานเกี่ยวกับการศึกษาใหม่ที่ได้พัฒนาแบบจำลองคณิตศาสตร์เพื่อหาความเร็วในการเรียนรู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ งานวิจัยนี้ได้รับการพัฒนาโดยนักวิจัยจาก Complexity Science Hub (CSH) และสถาบัน Santa Fe Institute โดยแบบจำลองนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเรียนรู้ของสัตว์กับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อัตราการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

การศึกษาพบว่าอัตราการเรียนรู้ของสิ่งมีชีวิตควรปรับให้สอดคล้องกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งหมายความว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียนรู้ช้าเกินไปอาจไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ทัน ในขณะที่สิ่งมีชีวิตที่เรียนรู้เร็วเกินไปอาจรับข้อมูลที่ไม่สำคัญเกินไป ทำให้เปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

ตามคำกล่าวของ Eddie Lee นักวิจัยหลังปริญญาเอกจาก CSH เขาอธิบายว่า “อัตราการเรียนรู้ที่เหมาะสมจะเพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมเอง หรือสิ่งมีชีวิตปรับพฤติกรรมให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม” การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องรักษาความสมดุลระหว่างการเรียนรู้ที่เร็วและช้า เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม

ผลกระทบของความพยายามทางจิตใจและภาระทางเมตาบอลิซึม

งานวิจัยยังกล่าวถึงความสำคัญของ “ภาระทางจิตใจ” หรือปริมาณความพยายามทางจิตใจที่จำเป็นในการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิตที่ต้องรับมือกับข้อมูลมากเกินไปอาจไม่สามารถแยกแยะข้อมูลที่สำคัญได้ดี ซึ่งแบบจำลองนี้ได้เสนอว่าอัตราการเรียนรู้ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตรู้สึกท่วมท้นกับข้อมูลและช่วยให้พวกเขาสามารถจัดสรรทรัพยากรในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับต้นทุนด้านเมตาบอลิซึม งานวิจัยยังระบุว่าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอายุสั้น เช่น แมลง ต้องคำนึงถึงต้นทุนการเรียนรู้และการจดจำที่สูงกว่า ในขณะที่สัตว์ขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาว เช่น ช้าง จะมีต้นทุนเมตาบอลิซึมที่สำคัญมากกว่า แต่จะสามารถเก็บข้อมูลได้นานขึ้นเนื่องจากโครงสร้างสังคมหรือความต้องการทางปัญญาที่มากขึ้นในกลุ่มสังคมของมัน

บทเรียนสำคัญสำหรับการเรียนรู้ของมนุษย์

แม้ว่าการวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ แต่หลักการที่ได้ยังมีความหมายสำคัญต่อการเรียนรู้ของมนุษย์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเร็วในการเรียนรู้ที่เหมาะสมนี้อาจช่วยให้นักการศึกษาและนักวิจัยออกแบบหลักสูตรหรือโปรแกรมการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ของนักเรียนและพนักงาน โดยหลีกเลี่ยงการทำให้พวกเขารู้สึกท่วมท้นกับข้อมูล นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาองค์ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ในระยะยาว

การสร้างช่องว่างที่มีประโยชน์กับสิ่งแวดล้อม

แบบจำลองนี้ยังกล่าวถึงแนวคิดที่เรียกว่า “การสร้างช่องว่าง” (Niche Construction) ซึ่งบางสิ่งมีชีวิต เช่น บีเวอร์ สามารถปรับสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เกิดความได้เปรียบทางวิวัฒนาการได้ เช่น การสร้างเขื่อนที่ช่วยสร้างแหล่งน้ำที่มั่นคงและเป็นที่อยู่อาศัยให้กับตนเองและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การสร้างช่องว่างนี้จะให้ผลดีก็ต่อเมื่อประโยชน์ที่ได้ยังคงอยู่ภายในกลุ่มของสิ่งมีชีวิตนั้น หากสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์จากช่องว่างที่สร้างขึ้น อาจทำให้กลยุทธ์นี้ไม่ประสบผลสำเร็จ

แบบจำลองคณิตศาสตร์ใหม่ ช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของการปรับตัว

งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the Royal Society B Biological Sciences ซึ่งชี้ให้เห็นถึงกลไกเชิงปริมาณในการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเรียนรู้และอายุขัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตั้งแต่จุลินทรีย์จนถึงมนุษย์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : earth.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

กรมอุตุเตือนฝนหนัก-ลมหนาว เฝ้าระวังฝนตกหนัก 6-7 พฤศจิกายน

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนภาคเหนือรับมือฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงช่วงต้นพฤศจิกายน

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กรมอุตุนิยมวิทยาออกพยากรณ์อากาศ 10 วันล่วงหน้า โดยคาดว่าในช่วงวันที่ 6-8 พฤศจิกายน ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงจากมวลอากาศเย็นปานกลางที่เริ่มแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้มาจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอากาศเย็นลง และในบางพื้นที่อาจพบฝนฟ้าคะนองปะปน

เตือนเกษตรกรเตรียมรับมือผลกระทบจากความชื้นสูง

เนื่องจากการเข้าสู่ฤดูหนาวในปีนี้อาจยังมีฝนปะปนในช่วงต้น ทำให้เกษตรกรในภาคเหนือควรเตรียมป้องกันผลผลิตที่อาจได้รับผลกระทบจากความชื้นสูง นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่ยอดดอยและยอดภูในภาคเหนือจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดตลอดจนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ โดยในช่วงเช้าอากาศจะเย็น ในขณะที่กลางวันอาจร้อนขึ้นเนื่องจากเมฆน้อย

พายุโซนร้อนหยินซิ่งเคลื่อนตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย

ช่วงวันที่ 8-13 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยายังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนหยินซิ่ง (Yinxing) ซึ่งขณะนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นและกำลังเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมประเทศไทย พายุนี้จึงยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยในขณะนี้ แต่การเฝ้าระวังยังคงดำเนินต่อไป

ภาคใต้ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน

ในช่วงวันที่ 6-10 พฤศจิกายน ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ต้องระวังฝนตกหนัก ฝนสะสม และคลื่นลมแรงที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ผู้เชี่ยวชาญเตือนระวังน้ำท่วมซ้ำในแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ออกมาเตือนประชาชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ โดยเฉพาะในอำเภอปางมะผ้าและอำเภอปาย ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักจะส่งผลให้น้ำไหลหลากในพื้นที่สูง โดยแนะนำให้ย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและไม่ควรประเมินความรุนแรงของธรรมชาติต่ำเกินไป พร้อมเน้นถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความเสียหาย

คำแนะนำสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงอากาศแปรปรวน

ประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคใต้ รวมถึงเตรียมรักษาสุขภาพในช่วงที่อุณหภูมิลดลง สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนไปเยือนพื้นที่ที่มีอากาศหนาวหรือบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ ขอให้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวและตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง

การเฝ้าระวังในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการเตรียมพร้อมและป้องกันความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา / รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE