Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายลุยป้องฝุ่น PM2.5 ปี 2568 สร้างสุขภาพดีทั่วจังหวัด

เชียงรายเตรียมพร้อมรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 2568: สสจ.เชียงรายจับมือภาคีเครือข่ายดูแลสุขภาพประชาชน

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.เชียงราย) ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนอย่างครอบคลุม

การดำเนินมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5

ในปีที่ผ่านมา สสจ.เชียงรายได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในการแจกจ่าย หน้ากากอนามัย N95 ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางจำนวนกว่า 232,000 ชิ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และโรคหอบหืด นอกจากนี้ ทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน 12,162 ราย เพื่อดูแลและเฝ้าระวังอาการของผู้ป่วย

นพ.วัชรพงษ์ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับ อสม. ในการตรวจเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง โดยไม่เพียงแค่แจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่นเท่านั้น แต่ยังมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุด

นวัตกรรมเพื่อป้องกันฝุ่นภายในบ้าน

เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 สสจ.เชียงรายได้ส่งเสริมการติดตั้งอุปกรณ์สร้าง แรงดันบวกภายในบ้าน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้ามาภายในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ “มุ้งปลอดฝุ่น” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการสัมผัสกับฝุ่นละอองโดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศ

บริการคลินิกมลพิษและการจัดห้องปลอดฝุ่น

สสจ.เชียงรายยังได้ให้บริการ คลินิกมลพิษ ผ่านสถานพยาบาลและระบบออนไลน์กว่า 1,234 ครั้ง นอกจากนี้ยังจัดทำ ห้องปลอดฝุ่นระดับ 2 และระดับ 3 (ระบบกรองอากาศและแรงดันบวก) ในสถานพยาบาล สถานศึกษา และศูนย์เด็กเล็กทั่วจังหวัดกว่า 2,400 ห้อง พร้อมเชิญชวนร้านค้าและสถานบริการเอกชนกว่า 119 แห่ง เข้าร่วมโครงการห้องปลอดฝุ่นเพื่อให้บริการประชาชน

คัดกรองสุขภาพเจ้าหน้าที่และอาสาดับไฟป่า

นอกจากการดูแลประชาชนแล้ว สสจ.เชียงรายยังได้ดำเนินการ คัดกรองสุขภาพของเจ้าหน้าที่และอาสาดับไฟป่า จำนวน 4,429 ราย เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพร่างกายพร้อมปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย รวมถึงการสนับสนุนให้ประชาชนสร้าง ห้องปลอดฝุ่นในบ้านด้วยตนเอง ซึ่งมีประชาชนกว่า 352 ราย เข้าร่วมสร้างพื้นที่ปลอดฝุ่นอย่างง่ายในบ้าน

เชิญชวนประชาชนร่วมมือเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5

นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดการเผาขยะและวัสดุการเกษตร รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อให้จังหวัดเชียงรายสามารถลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สรุป

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายยังคงเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพของประชาชนให้ปลอดภัยจากฝุ่นละออง โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและสุขภาพดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายมอบเงินช่วยเหลือ ฟื้นฟูบ้านหลังน้ำท่วมและดินถล่ม

จังหวัดเชียงรายมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูบ้านเรือนหลังเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่ม

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง และ อำเภอแม่สาย โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี แทน นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ที่ว่าการอำเภอแม่ฟ้าหลวง

การมอบเงินช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูบ้านเรือน

ในพิธีครั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้มอบเงินช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูบ้านเรือนจำนวน 7 หลังคาเรือน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 410,000 บาท จากนั้นคณะทำงานได้เดินทางต่อไปยัง อำเภอแม่สาย เพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 32 หลังคาเรือน รวมเป็นเงิน 1,380,000 บาท

หลักเกณฑ์การพิจารณาการช่วยเหลือ

คณะทำงานได้พิจารณาการจัดสรรเงินช่วยเหลือตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ โดยคำนึงถึงความเสียหายของบ้านเรือนจากอุทกภัยและดินถล่มที่เกิดขึ้น โดยคณะทำงานได้ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องก่อนการมอบเงิน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสมและโปร่งใส

สถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายได้ประสบกับสถานการณ์ อุทกภัยและดินโคลนถล่ม ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2567 ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงได้จัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูบ้านเรือน

เงินกองทุนที่ได้รับมาจากการสนับสนุนของภาคเอกชน องค์กร และประชาชน ได้ถูกนำมาใช้เพื่อ สมทบค่าก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือในชุมชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในพื้นที่

แผนการช่วยเหลือและการฟื้นฟูในระยะยาว

ทางจังหวัดเชียงรายมีแผนการดำเนินการฟื้นฟูบ้านเรือนและพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังมีการวางแผน ป้องกันภัยพิบัติในอนาคต เพื่อให้ชุมชนสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอีก

สรุป

การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จในการร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐและประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการยืนยันถึง ความสามัคคีของชุมชน ที่พร้อมจะก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แม่สรวยเปิดแหล่งน้ำพุร้อน ทองทิพย์ หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เปิดตัวโครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” แม่สรวย สร้างเมืองสุขภาพสู่ Chiangrai Wellness City

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร โดย ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร ได้เปิดตัว โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์หมู่บ้านทองทิพย์ ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขานรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาเป็น Chiangrai Wellness City

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างความร่วมมือหลายภาคส่วน

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้มีการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ โดยมี นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์ กับศักยภาพในการพัฒนาสุขภาพ

โครงการนี้มุ่งหวังให้ น้ำพุร้อนทองทิพย์ ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 54 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่สำหรับการบำบัดสุขภาพ โดยสามารถใช้แช่ตัว แช่เท้า และมีผลบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจากการตรวจวิเคราะห์โดยกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกพบว่าน้ำแร่ที่นี่มี ค่า pH 8.2 และสามารถดื่มได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน

กิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวและสุขภาพ

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าเยี่ยมชม พร้อมทั้งมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพหลากหลาย เช่น การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร และบริการจากกลุ่มแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ เช่น เมือง คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) ในสาธารณรัฐเช็ก และเมือง เบปปุ (Beppu) ในประเทศญี่ปุ่น

ขยายโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ เปิดเผยว่าในอนาคตโครงการนี้จะขยายเพื่อสร้าง Golden Immortal Wellness and Healthy Living บนพื้นที่กว่า 425 ไร่ โดยเชิญชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Chiangrai Wellness City ของจังหวัด และผลักดันให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับสากล

ประวัติศาสตร์และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำพุร้อนทองทิพย์

หมู่บ้านทองทิพย์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี โดยเล่ากันว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเคยพักแรมที่บริเวณนี้ก่อนจะครองเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งได้อัญเชิญ พระเจ้าทองทิพย์ มาประดิษฐานไว้ ณ บริเวณนี้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่อดีตถูกใช้โดยหมอแผนโบราณสำหรับการรักษาโรคและการบำบัดสุขภาพ โดยปัจจุบันได้พัฒนาให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง

บทสรุปและเป้าหมายในอนาคต

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเชียงรายและประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของ องค์การบริหารการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (อพท.) โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์ แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE

พิธีสมโภชผ้ากฐินพระราชทาน ณ วัดหนองแวง ขอนแก่น

พิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 ณ วัดหนองแวง จังหวัดขอนแก่น: ร่วมสืบสานประเพณีและความสามัคคีของชุมชน

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดพิธี สมโภชผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2567 ณ วัดหนองแวง พระอารามหลวง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อสืบสานประเพณีทางพุทธศาสนาและสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานผ้าพระกฐิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลกฐินในปีนี้

ผู้นำพิธีทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส

พิธีในครั้งนี้มี พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นและเจ้าอาวาสวัดหนองแวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงวัฒนธรรมและผู้แทนจากหน่วยงานราชการในจังหวัดขอนแก่น อาทิ นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยประชาชนเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

กิจกรรมที่จัดขึ้นในพิธี

พิธีสมโภชครั้งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่สร้างความประทับใจและความสามัคคีในชุมชน โดยมีการจัดขบวนแห่องค์ผ้าพระกฐินพระราชทานอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญดังนี้:

  1. ขบวนแห่องค์ผ้าพระกฐินพระราชทาน: ขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่และเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีประชาชนจากชุมชนใกล้เคียงเข้าร่วมอย่างคึกคัก
  2. พิธีเปิดการแสดงสมโภช: การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่จัดขึ้นเพื่อสมโภชองค์ผ้าพระกฐิน ซึ่งสร้างบรรยากาศแห่งความปลื้มปิติและความเป็นสิริมงคล
  3. การถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์: พิธีถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความเคารพต่อพระองค์
  4. พิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้: ถวายความเคารพและรับผ้าพระกฐิน พร้อมทั้งการถวายเครื่องบริวารแด่เจ้าอาวาสวัดหนองแวง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ในพิธีครั้งนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และนักวิชาการวัฒนธรรมจากจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมเพื่อสนับสนุนการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ นอกจากนี้ยังมี นางพรทิวา ขันธมาลา นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ และ นายเอกณัฏฐ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ที่ร่วมลงพื้นที่เพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในความสำคัญของประเพณีดังกล่าว

ความสำคัญของพิธีสมโภชผ้าพระกฐิน

พิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทานนี้ เป็นการสืบสานประเพณีทางพุทธศาสนาที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศไทย และเป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นการถวายบุญเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ ทั้งนี้ การทอดถวายผ้าพระกฐิน ยังถือเป็นการสนับสนุนให้วัดและพระสงฆ์ได้รับการบำรุงรักษาและพัฒนาทางด้านศาสนาอย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

พิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างความประทับใจและเสริมสร้างความศรัทธาของประชาชนชาวขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียง การร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและประชาชนทั่วไป เป็นตัวอย่างของการรักษาและสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมร่วมฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ กระตุ้นเศรษฐกิจยั่งยืน

การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูจังหวัดเชียงรายหลังภัยพิบัติ: ร่วมมือสร้างนวัตกรรมเชิงนโยบาย

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) ได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำ ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย สำหรับฟื้นฟูจังหวัดเชียงรายหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ โดยการประชุมจัดขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ วิสต้า จ.เชียงราย มี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

ความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับ The Active ภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ThaiPBS) และ หอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ โดยเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติภายใต้แนวคิด Build Back Greener Chiang Rai: RESILIENCE DEVELOPMENT WHITE PAPER การประชุมครั้งนี้มุ่งหวังที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกโดยใช้แนวทางที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

ผลกระทบจากอุทกภัยต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

จากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดเชียงราย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งในภาคการค้า การลงทุน ปศุสัตว์ เกษตรกรรม และสุขภาวะของประชาชน ความเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้กลับมาเป็น ประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ได้อย่างเต็มศักยภาพโดยเร็วที่สุด

การเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟู

ในการประชุมครั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้เน้นถึงความสำคัญของการ บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเสนอให้มีการออกแบบและปรับปรุงผังเมือง การจัดการเส้นทางน้ำ และการดูแลป่าไม้ เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในอนาคต

แนวทางการแก้ไขระยะสั้นและระยะยาว

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น นางอทิตาธรแนะนำให้ใช้แนวทาง Social Impact Tourism หรือ การท่องเที่ยวเพื่อสังคม โดยการเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมจังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาว นางอทิตาธรเสนอให้จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSSS) เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการจัดการปัญหาภัยพิบัติและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทบาทของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการฟื้นฟูจังหวัดเชียงราย

การประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสนอแนวทางในการฟื้นฟู โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง เช่น การปรับปรุงระบบสื่อสาร การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม และการส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น

บทสรุป

การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนา จังหวัดเชียงราย ให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ นายก อบจ. เชียงรายย้ำว่า การร่วมมือกันของทุกหน่วยงาน จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กสทช. จัดประชุมรับฟังสิทธิการสื่อสาร พัฒนาเชียงราย

กสทช. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เน้นสิทธิและเสรีภาพการสื่อสารของประชาชน

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 กสทช. ร่วมกับ กตป. และมหาวิทยาลัยบูรพา จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในเรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารของประชาชน โดยมี พลเรือเอก ประสาน สุขเกษตร ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. กสทช. เป็นประธานเปิดงาน

วัตถุประสงค์ของการประชุม

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (Public Hearing) และติดตามผลการดำเนินงานของ กสทช. ในการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงการสื่อสาร โดยเน้นให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเสนอแนะและให้ความเห็นได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กตป. ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. และที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพาเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานในปี 2567

กลุ่มเป้าหมายในการประชุม

การประชุมในวันนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ หน่วยงานราชการ, สื่อมวลชน, ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการผลิต, บุคลากรจากสถาบันการศึกษา, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ผู้ด้อยโอกาส, ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, ผู้นำชุมชน, กลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการสื่อสารของประชาชน

ประเด็นปัญหาและข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่

ในที่ประชุม พลเรือเอกประสาน ได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนซึ่งมักประสบปัญหาจากการ ลักลอบส่งสัญญาณจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้เกิดการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากมิจฉาชีพ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรเข้ามาหลอกลวงประชาชน

พลเรือเอกประสานยังกล่าวถึงกรณีที่มีการใช้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งช่วยให้มิจฉาชีพสามารถติดต่อกับเหยื่อในประเทศไทยได้จากต่างประเทศ เช่น การใช้สัญญาณผ่านระบบของ อีลอน มัสก์ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะในเขต คิงโรมัน ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเป็นความท้าทายที่ กสทช. ต้องเผชิญและแก้ไขอย่างเร่งด่วน

แนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหา

เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบใช้คลื่นความถี่ ทาง กสทช. ได้เสนอให้จัดตั้ง ศูนย์บัญชาการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยรวบรวมทีมตำรวจ อัยการ ธนาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิด น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย ทาง กสทช. ยังได้เข้ามาดูแลเรื่องการสื่อสารโดยการส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลให้คลื่นสัญญาณใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤต

บทสรุป

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ กสทช. และ กตป. ในการรับฟังความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงการสื่อสาร โดยเน้นให้การสื่อสารเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนในยุคดิจิทัล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS

Cyber Booster เปิดตัวโครงการ สร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ทั่วไทย

เปิดตัวโครงการ Cyber Booster ถึงเวลาฉีดวัคซีน#สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ 5 หน่วยงานร่วมผนึกกำลัง ป้องกันประชาชนจากภัยร้ายออนไลน์

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ,รายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ในรายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 

โครงการที่ผลิตและเผยแพร่สื่อเตือนภัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้ภัยไซเบอร์ ซึ่งมีจุดริเริ่มมาจากสถานการณ์สังคมไทยปัจจุบันที่ต้องเผชิญปัญหาที่มาจากภัยไซเบอร์ การแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ และ การลักลอบใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายนำมาข่มขู่ให้เกิดความกลัวและยอมทำตามที่มิจฉาชีพต้องการ 

ซึ่งจากปัญหาและผลกระทบดังกล่าว โครงการ Cyber Booster จะเข้ามาสร้างการตระหนักรู้ในภัยไซเบอร์ในช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมภูมิคุ้มกันต่อมิจฉาชีพแก่ประชาชน รวมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ช่องทางการช่วยเหลือจากภาครัฐให้ประชาชนทราบผ่านชุดคลิปวิดีโอจำนวน 17 เรื่องที่จัดทำขึ้น  

นำโดย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (IDMB)ร.ต.อ.นนทพัทธ์ อินทรศวร ผู้กองวิน และ หมวดแพนด้า ร.ต.ท.หญิง กานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ ทีมกากีนั้งทีวี พ.ต.ต.พากฤต กฤตยพงษ์,  ร.ต.อ.พิชพงศ์ โสมกุล,  ร.ต.อ.หญิง พิชญากร สุขทวี ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT) พร้อมทั้ง คุณธิดารัตน์ อนันตรกิตติ ผู้ดำเนินรายการ สถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
 

ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ความจริงแล้วคนไทยมีความตระหนักในเรื่องการใช้สื่อมานาน รู้ว่าสื่อจะเป็นช่องทางที่สร้างประโยชน์และทำให้เกิดความเสียหาย ต้องยอมรับว่าวันนี้ทุกคนอยู่กับเครื่องมือสื่อสารมากกว่าสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตแต่แม้จะมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ให้ระวังมิจฉาชีพอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ถูกหลอก ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนว่าไม่ใช่ความปกติ ฉะนั้นสังคมไทยถึงเวลาที่จะต้องมาร่วมกันคิดหาทาง และยกระดับการป้องกัน

 

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมให้สื่อสร้างสิ่งดี ๆ เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชนผ่านการจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่จะต้องเพิ่มความเข้มงวดไปพร้อมกับ หน่วยงานประชาสัมพันธ์ที่จะต้องช่วยกันรณรงค์ต่อเนื่อง

 

“อย่าคิดว่าเรื่องอาชญากรรมออนไลน์เป็นเรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง วันนี้เรามาเริ่มจุดประกายเชิญชวนให้ทุกคนการสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์” ดร.ธนกร กล่าว

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (IDMB) ระบุว่า ที่ผ่านมาตำรวจพยายามทำหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อสู้กับมิจฉาชีพ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพเองมีพัฒนาการต่อไปไม่หยุดยั้ง เปรียบเหมือนตำรวจที่อยู่ในสงครามสู้กับมิจฉาชีพ 5G 

 

และยิ่งปัจจุบันความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการปราบปรามเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะคนร้ายพยายามใช้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือประเทศที่ 3 เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ เช่น กลุ่มคนร้ายประเทศ A ใช้ฐานที่ตั้งประเทศ B โดยมีลูกทีมเป็นคนประเทศ C  

 

แต่ในวันนี้ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ Cyber Booster ทำให้เรามีความหวัง ทุกคนในที่นี้และที่กำลังจะร่วมมือกันในอนาคต กำลังสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันร่วมกัน

 

“คนไทยที่ถูกหลอกส่วนมากจะอายและไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัว ในฐานะตำรวจขอให้ผู้ที่เสียหายเดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ออกมาแจ้งความเพื่อเป็นตัวอย่างและภูมิคุ้มกันให้คนอื่น ๆ” พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว

ขณะที่ คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์  กล่าวว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนร้ายเองก็ร่วมเรียนรู้ไปกับข่าวสาร สิ่งสำคัญที่เราต้องทำในฐานะสื่อคือ ต้องเรียนรู้ก้าวไปข้างหน้าและพยายามกระจายข้อมูลวิธีการและรูปแบบของคนร้ายไปสู่ภาคประชาชน 

 

ในสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ที่ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 50 สื่อชั้นนำ ทั้งสื่อใหม่และสื่อดั้งเดิม ทุกหน่วยพร้อมที่จะกระจายข้อมูล  ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

 

“ยุคนี้เราปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้ การสร้างภูมิคุ้มกันเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกัน” คุณนันทสิทธิ์ กล่าว

ด้านคุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล่าวว่า บทบาทของภาคเอกชนในการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ยังสามารถขยายและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีก แม้ว่าขณะนี้หลายภาคส่วนจะพยายามสร้างความตระหนักรู้แล้ว แต่เนื้อหาที่เป็นข่าวภัยไซเบอร์ยังคงต้องถูกนำเสนอในหลากหลายช่องทางและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้รับสารมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนใช้งานประจำ 

 

“Tellscore มองว่าการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ให้ข้อมูลในช่องทางที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างใกล้ชิด สามารถสร้างอิทธิพลให้คนเข้าใจและเห็นความสำคัญของภัยไซเบอร์ได้มากขึ้น” คุณสุวิตา กล่าว

สามารถติดตามข่าวสารของ โครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์   และช่องทางการเผยแพร่ชุดคลิปวิดีโอ ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ดังนี้

 

Facebook / Tiktok / Youtube

– กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

– สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 

– รายการสถานีประชาชน 

– สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

– ตำรวจสอบสวนกลาง CIB 

– สืบนครบาล IDMB

– Saranitet Police

– KhakinangTV กากีนั้งทีวี

– POLICETV

– Tellscore

บทสรุป

โครงการ Cyber Booster เป็นก้าวสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนไทยในการเผชิญหน้ากับภัยไซเบอร์ การร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยเสริมสร้างการรับรู้และการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนทุกคนควรร่วมกันตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และเรียนรู้วิธีการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดชุดคลิปวิดีโอจากโครงการ Cyber Booster ได้ที่เว็บไซต์ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หรือโครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ผ่านทางช่องทางหลัก https://www.sonp.or.th/ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ENVIRONMENT

สัตว์ป่าสวม GPS ช่วยโลกสีเขียว ปฏิวัติวงการอนุรักษ์

สัตว์ป่าสวม “GPS”: เทคโนโลยีติดตาม ช่วยพิทักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Animal Tracking Goes Hi-Tech: Saving Biodiversity with Tiny GPS)

7 พฤศจิกายน 2567 ในยุคที่ความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกกำลังลดลงอย่างน่าเป็นห่วง นักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมหาศาล แม้จะมีข้อมูลปริมาณมหาศาลอยู่ในมือ แต่การทำความเข้าใจภัยคุกคามที่แตกต่างกันไปของแต่ละสายพันธุ์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ดร. สก็อตต์ ยานโค นักนิเวศวิทยาสัตว์ป่าจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เน้นย้ำถึงความจำเป็นของข้อมูลที่เจาะจงมากขึ้น เพื่อระบุสาเหตุเบื้องหลังการลดลงของประชากรสัตว์ป่า ซึ่งหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะสูญพันธุ์ได้ ในงานวิจัยล่าสุดที่ร่วมกับ ดร. ไบรอัน วีคส์ นักนิเวศวิทยาสัตว์ป่าวิวัฒนาการ แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน และทีมวิจัยนานาชาติ ดร. ยานโค ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เปลี่ยนไปของเทคโนโลยีติดตามสัตว์ป่า ซึ่งกำลังปฏิวัติวงการอนุรักษ์

ความหลากหลายทางชีวภาพ: หัวใจสำคัญของระบบนิเวศ

ความหลากหลายทางชีวภาพเปรียบเสมือนรากฐานที่สำคัญของระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เป็นเสมือนใยแห่งชีวิตที่เชื่อมโยงพืช สัตว์ และจุลชีพเข้าด้วยกัน ความหลากหลายนี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่มาของอาหาร น้ำ อากาศที่สะอาด ไปจนถึงการพักผ่อนหย่อนใจ ดร. ยานโค ชี้ให้เห็นว่าความหลากหลายทางชีวภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่ป่าฝนเขตร้อนอันห่างไกล แม้แต่สวนหลังบ้านของเราก็มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญเช่นกัน การทำความเข้าใจรูปแบบความหลากหลายทางชีวภาพเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนากฎหมายที่มีประสิทธิภาพ คุ้มครองระบบนิเวศ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบาด รวมถึงความล้มเหลวทางการเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ในที่สุด งานวิจัยของ ดร. ยานโค มุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลจากเทคโนโลยีติดตามสัตว์ป่าเพื่อคาดการณ์และป้องกันปัญหาเหล่านี้

จากการติดตามแบบดั้งเดิม สู่ยุคของ “GPS จิ๋ว”

การติดตามสัตว์ป่าถือเป็นวิธีการสำคัญที่ใช้ในงานวิจัยด้านนิเวศวิทยามาช้านาน ในอดีต นักวิจัยมักใช้เครื่องหมายง่ายๆ เช่น ป้ายแหวนขาโลหะสำหรับนก หรือปลอกคอสัญญาณวิทยุสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างไรก็ตาม วิธีการเหล่านี้มีข้อจำกัด เนื่องจากนักวิจัยจำเป็นต้องติดตามจับสัตว์ซ้ำๆ เพื่อบันทึกข้อมูล ซึ่งเป็นการรบกวนสัตว์ และใช้เวลานาน ส่งผลให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดและต่อเนื่องน้อย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีติดตามอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ อุปกรณ์ติดตามเหล่านี้คล้ายคลึงกับเทคโนโลยี GPS ในสมาร์ทโฟน แต่มีขนาดเล็กกระทัดรัด ช่วยให้นักวิจัยติดตามตำแหน่งและพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้ในพื้นที่กว้างไกลขึ้น เป็นเวลานานขึ้น ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์เหล่านี้เผยให้เห็นรายละเอียดที่ไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ พฤติกรรม และปฏิสัมพันธ์ของสัตว์ป่ากับสภาพแวดล้อม

ข้อมูลจากการติดตามสัตว์: กุญแจสำคัญสู่การอนุรักษ์ที่แม่นยำ

เทคโนโลยีการติดตามสัตว์ไม่ได้เพียงแค่บอกจำนวนประชากร แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่ล้ำลึกกว่านั้น นักวิจัยสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงของการลดลงของประชากรสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย หรือปัจจัยอื่นๆ ข้อมูลที่ได้จากการติดตามสัตว์มีความละเอียดสูง ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจผลกระทบที่ชัดเจนของปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ และนำไปสู่การวางแผนการอนุรักษ์ที่ตรงจุด

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะเพียงแต่ระบุว่าการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นสาเหตุของการลดลงของประชากรสัตว์ป่า ข้อมูลจากการติดตามสามารถระบุพื้นที่เฉพาะที่การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราการรอดชีวิตของสัตว์ป่าได้ ด้วยข้อมูลที่แม่นยำนี้ นักนิเวศวิทยาสามารถออกแบบมาตรการอนุรักษ์ที่ตรงกับปัญหาเฉพาะของแต่ละพื้นที่ได้

เทคโนโลยีติดตามรุ่นใหม่: เปิดโลกแห่งความเป็นไปได้

เทคโนโลยีการติดตามสัตว์ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ GPS ขนาดเล็กน้ำหนักเบาถูกนำมาใช้ติดตามสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น กวางเอลก์หรือช้าง สำหรับสัตว์ขนาดเล็ก นักวิจัยใช้อุปกรณ์ติดตามขนาดจิ๋วที่เก็บข้อมูลไว้ในตัว และสามารถดึงข้อมูลออกมาได้ภายหลัง นอกจากนี้ ยังมีระบบติดตามดาวเทียมขนาดเล็กที่ช่วยให้นักวิจัยติดตามสัตว์ขนาดเล็กได้โดยไม่ต้องจับซ้ำ

อุปกรณ์ติดตามรุ่นใหม่เหล่านี้ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่สามารถวัดปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และความดันอากาศ บางอุปกรณ์ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการตาย ซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อสัตว์อยู่นิ่งนานเกินไป เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศัยเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างละเอียด

สร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยข้อมูล

ดร. ยานโคเชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีการติดตามสัตว์จะนำไปสู่การวางแผนการอนุรักษ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยการระบุสาเหตุที่แท้จริงของการลดลงของประชากรสัตว์ป่า นักอนุรักษ์สามารถพัฒนากลยุทธ์ที่ตรงเป้าหมายเพื่อปกป้องสายพันธุ์ที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคาม

เทคโนโลยีติดตามสัตว์เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติได้ดีขึ้น และช่วยให้เราสามารถดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : earth.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลเร่งซ่อมสะพานแม่ฟ้าหลวงหลังน้ำท่วม สะพานขาดตัดเส้นทาง

เทศบาลนครเชียงรายเร่งซ่อมแซมสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงหลังเกิดความเสียหายจากอุทกภัย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก ทำให้โครงสร้างพื้นฐานหลายแห่งได้รับความเสียหาย หนึ่งในนั้นคือสะพานถนนแม่ฟ้าหลวง ชุมชนน้ำลัด ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย ที่คอสะพานทรุดตัวเสียหายจนไม่สามารถสัญจรได้

สะพานชั่วคราวเสียหายจากน้ำหนักเกิน

เพื่อแก้ไขปัญหาการสัญจรในเบื้องต้น เทศบาลนครเชียงรายได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งสะพานเครื่องหนุนมั่นแบบเร่งด่วน (MFB) เพื่อใช้เป็นทางเชื่อมชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ได้พบว่ามีรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถทัวร์ที่มีน้ำหนักเกินกำหนด 10 ตัน ฝ่าฝืนเข้ามาใช้สะพาน ทำให้สะพานชั่วคราวเกิดความเสียหายและเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน จึงจำเป็นต้องยกเลิกการใช้งานสะพานชั่วคราวดังกล่าว

เทศบาลฯเร่งดำเนินการซ่อมแซมสะพาน

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมสะพานให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด โดยได้มอบหมายให้ผู้รับเหมาเข้าดำเนินการก่อสร้างในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 45 วัน

นายรุ่งธรรม ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่า “ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างนั้น เราจะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงจนถึงระดับที่เหมาะสมก่อน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม โดยเฉพาะงานฐานรากของโครงสร้าง เพื่อความแข็งแรงของคอสะพานและเชื่อมต่อตัวสะพาน” การรอให้ระดับน้ำลดลงจะช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถตรวจสอบสภาพพื้นที่และวางแผนการดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลกระทบต่อประชาชนและการดำเนินชีวิต

การเสียหายของสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนน้ำลัดและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตลาด

การแก้ไขปัญหาในระยะยาว

เทศบาลนครเชียงรายตระหนักถึงความสำคัญของการซ่อมแซมสะพานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และได้วางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้สะพานมีความแข็งแรงทนทานและสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว

การดำเนินการซ่อมแซมสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลนครเชียงรายในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ต.ริมกก 2,429 ราย

อบจ.เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังอุทกภัย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุสาธารณภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก

อบจ.เชียงรายลงพื้นที่เยียวยาผู้ประสบภัย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะได้ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในตำบลริมกก จำนวน 2,429 ราย เข้าร่วมรับการช่วยเหลือ

การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

การดำเนินการช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนของ อบจ.เชียงราย ที่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ อาทิ ค่าเครื่องนุ่งห่ม ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ ค่าเครื่องครัว และค่าเครื่องนอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

เป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตผู้ประสบภัย

นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “เราเข้าใจดีว่าเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก อบจ.เชียงรายจึงเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด”

แผนการช่วยเหลือในระยะยาว

นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว อบจ.เชียงรายยังได้วางแผนที่จะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในระยะยาว โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ เพื่อบูรณาการการทำงานและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัยทั่วทั้งจังหวัด

สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อบจ.เชียงรายก็ได้เตรียมการที่จะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาจากความรุนแรงของความเสียหายและความต้องการความช่วยเหลือของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูชุมชน

การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยและความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการดูแลพี่น้องประชาชน และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูชีวิตกลับมาให้ดีขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE