Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย ผนึกกำลัง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เชียงรายเดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในการนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายหลักคือการนำเอาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย: ผู้ขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในฐานะหน่วยงานทางวิชาการ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาโครงการ โดยจะนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของตลาด

ชุมชนท้องถิ่น: ผู้สร้างสรรค์และผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง

ชุมชนท้องถิ่นทั้งสามแห่ง ได้แก่ ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว โดยนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยการนำเสนอเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชน จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

โครงการนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อจังหวัดเชียงราย ดังนี้

  • การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก: สร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น
  • การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม: ช่วยอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
  • การสร้างงาน: สร้างโอกาสทางการงานให้กับคนในชุมชน
  • การพัฒนาการท่องเที่ยว: ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

บทสรุป

โครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยั่งยืน โดยการนำเอาศักยภาพของชุมชนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI

เชียงรายจัดงานใหญ่ สืบสานวัฒนธรรมล้านนา

สำนักงานวัฒนธรรมเชียงรายร่วมจัดงานเทศกาล “จิสีสาย ก๋องหลัวปูจา เผาตี๋นก๋า วันตาแม่พระเจ้า” ฟื้นฟูวัฒนธรรมล้านนา

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ วัดดอนไชย ตำบลศรีดอนไชย อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จัดงานเทศกาลวัฒนธรรมท้องถิ่นภายใต้ชื่อ “จิสีสาย ก๋องหลัวปูจา เผาตี๋นก๋า วันตาแม่พระเจ้า” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีของชุมชนบ้านแม่ลอยหลวง โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูและสืบสานคุณค่าทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อสร้างความตระหนักถึงมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน

การขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ววน.) และหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายเป็นผู้ดำเนินการวิจัยเพื่อศึกษาและส่งเสริมทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนบ้านแม่ลอยหลวง งานวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรทางวัฒนธรรมในการสร้างรายได้และพัฒนาชุมชน

กิจกรรมภายในงานเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา

เทศกาลนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดดอนไชย โดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การประกวดโคมแขวนล้านนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณี ยี่เป็ง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของชาวล้านนา กิจกรรมการประกวดนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมถึงการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนบ้านแม่ลอยหลวง

การสาธิตและการแสดงผลิตภัณฑ์จากทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น

ในงานยังมีกิจกรรมสาธิตการทำ แตะดอกไม้ ขนมเทียน ฝางประทีป และงานหัตถศิลป์พื้นบ้านที่ใช้ในเทศกาลยี่เป็ง ซึ่งเป็นการนำเสนอภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและเด็กที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมการทำงานหัตถศิลป์พื้นบ้านนี้

นอกจากนี้ยังมีการแสดงสินค้าจากทุนวัฒนธรรม เช่น ผ้าทอพื้นเมือง และ ผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถขยายตลาดและเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการแสดงมหรสพและการละเล่นพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคเหนือ

ปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์วัฒนธรรมผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน รวมถึงเด็กและเยาวชนที่แต่งกายด้วยชุดล้านนาอย่างสวยงาม ทั้งนี้ยังมีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมประกวดและผู้ที่แต่งกายล้านนางดงาม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ได้เข้าร่วมงานและกล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานนี้ว่า “การอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นถือเป็นการรักษามรดกของชาติ และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว”

ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชน

โครงการนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนตำบลศรีดอนไชย และวัดดอนไชย โดยมีพระครูโสภิตชัยสาร เจ้าอาวาสวัดดอนไชย เป็นผู้ประสานงานหลักในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น

FAQs

  1. งานเทศกาล “จิสีสาย ก๋องหลัวปูจา” จัดขึ้นเมื่อไหร่?
    จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดดอนไชย อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

  2. วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้คืออะไร?
    เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมล้านนา รวมถึงส่งเสริมการสร้างรายได้จากทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น

  3. ใครเป็นผู้สนับสนุนงานนี้?
    ได้รับการสนับสนุนจาก ววน. และ บพท. พร้อมความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

  4. กิจกรรมที่จัดขึ้นในงานมีอะไรบ้าง?
    ประกอบด้วยการประกวดโคมแขวนล้านนา นิทรรศการ การสาธิตหัตถศิลป์ และการแสดงมหรสพพื้นบ้าน

  5. การเข้าร่วมงานมีค่าใช้จ่ายหรือไม่?
    ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน ประชาชนสามารถเข้าร่วมได้ฟรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เริ่มปี 2568 กระตุ้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ เริ่ม 1 ม.ค. 2568

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดันนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อต้อนรับปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มกำลังซื้อและสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวม

เตรียมจัดตั้งคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีชุดใหม่

ในขั้นตอนการดำเนินการ กระทรวงแรงงานได้เร่งรัดการจัดตั้งคณะกรรมการค่าจ้างหรือบอร์ดไตรภาคีชุดใหม่ เพื่อทดแทนคณะกรรมการชุดเดิมที่กำลังหมดวาระ โดยจะมีการเสนอรายชื่อกรรมการฝ่ายรัฐที่ยังว่างอยู่ 2 คน ให้กับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ รายชื่อที่เสนอจะรวมถึงอดีตผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นนายอัครุตม์ สนธยานนท์ รองปลัดกระทรวงการคลัง และว่าที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานคนใหม่ เพื่อร่วมทำงานกับฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง

เป้าหมายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน

กระทรวงแรงงานมีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายนี้ โดยตั้งเป้าหมายให้เริ่มใช้ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั่วประเทศให้ทันวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนคาดหวังของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล ในขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ยังเร่งรัดให้คณะกรรมการค่าจ้างชุดใหม่จัดประชุมในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับแต่ละจังหวัด

“ตอนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้รับทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และจะเสนอที่ประชุม ครม.ได้ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเร่งประชุมคณะกรรมการไตรภาคี โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อสรุปได้ภายในเดือนธันวาคม 2567” แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงานกล่าว

ข้อยกเว้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

แม้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ แต่รัฐบาลก็ได้พิจารณาถึงความยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงอย่างรวดเร็ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงได้มอบหมายให้มีการช่วยเหลือและให้เวลาธุรกิจกลุ่มนี้ในการปรับตัวก่อน 1 ปี เพื่อให้สามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้

กระบวนการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี

หลังจากที่ ครม. เห็นชอบรายชื่อคณะกรรมการที่กระทรวงแรงงานเสนอ คณะกรรมการค่าจ้างจะเริ่มนัดประชุมครั้งแรกในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งการประชุมอาจต้องมีหลายรอบเพื่อพิจารณารายละเอียดจากคณะอนุกรรมการค่าจ้างระดับจังหวัด

การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้นับเป็นครั้งสำคัญที่รัฐบาลตั้งใจผลักดันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแรงงานไทย แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า ยังต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุม ครม. ในวันที่ 19 พฤศจิกายน เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายและสามารถบังคับใช้ได้ทันเวลา

รัฐบาลเร่งเดินหน้าเพื่อให้ทันปีใหม่ 2568

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงปีใหม่ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา

สรุปประเด็นสำคัญ

  • รัฐบาลเตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ เริ่ม 1 มกราคม 2568
  • จัดตั้งคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีชุดใหม่ เสนอ ครม. พิจารณาวันที่ 19 พฤศจิกายน
  • ขึ้นค่าแรงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมยกเว้นธุรกิจขนาดเล็กเพื่อให้ปรับตัว

FAQs

  1. การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเริ่มเมื่อไหร่?
    เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

  2. ทำไมรัฐบาลถึงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ?
    เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแรงงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ

  3. ธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบอย่างไร?
    ธุรกิจขนาดเล็กอาจได้รับการผ่อนผันในการปรับขึ้นค่าแรง เพื่อให้มีเวลาปรับตัว

  4. คณะกรรมการไตรภาคีมีหน้าที่อะไร?
    พิจารณาและกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ

  5. มาตรการนี้มีผลทั่วประเทศหรือไม่?
    ใช่ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่อาจได้รับการผ่อนผัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงแรงงาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ENVIRONMENT

นิวเดลีสั่งปิดโรงเรียนประถมสู้ฝุ่นพิษ PM2.5 กระทบการเดินทาง

กรุงนิวเดลีเผชิญวิกฤตฝุ่น PM2.5 สั่งปิดโรงเรียนประถมและห้ามก่อสร้างเพื่อลดมลพิษ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 กรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ได้ประกาศมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงขึ้น ทางการสั่งให้โรงเรียนระดับประถมทุกแห่งยุติการเรียนการสอนแบบพบหน้าและหันไปใช้การเรียนออนไลน์ทันทีจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังประกาศห้ามการก่อสร้างที่ไม่จำเป็นในเมืองหลวง พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้ถ่านหินในการให้ความร้อน เพื่อช่วยลดมลพิษที่กำลังทวีความรุนแรง

การประกาศของหัวหน้ารัฐบาลนิวเดลีเพื่อต่อสู้กับมลพิษ

Atishi หัวหน้าคณะรัฐมนตรีกรุงนิวเดลี ซึ่งใช้ชื่อเดียว เปิดเผยบนแพลตฟอร์มโซเชียล X (เดิมคือ Twitter) ว่า “เนื่องจากระดับมลพิษที่เพิ่มสูงขึ้น โรงเรียนประถมทุกแห่งในกรุงนิวเดลีจะเปลี่ยนเป็นการเรียนออนไลน์ จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม” พร้อมกับมาตรการอื่น ๆ ที่จะเริ่มมีผลในเช้าวันศุกร์ เช่น การฉีดพ่นน้ำเพื่อลดฝุ่นบนท้องถนน และการใช้รถกวาดฝุ่นแบบเครื่องกล

สถานการณ์อากาศที่เลวร้ายลงในภาคเหนือของอินเดีย

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่ตอนเหนือของอินเดีย โดยเฉพาะกรุงนิวเดลี ประสบกับปัญหามลพิษที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝุ่นพิษและหมอกควันหนาทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ส่งผลให้อนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงอย่างทัชมาฮาลซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงนิวเดลีไปประมาณ 220 กิโลเมตร ถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน เช่นเดียวกับศาสนสถานสำคัญของศาสนาซิกข์อย่าง Golden Temple ในเมืองอัมริตสาร์

ปัญหาการจราจรและเที่ยวบินล่าช้า

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เที่ยวบินในกรุงนิวเดลีประสบปัญหาล่าช้าอย่างมาก โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามการบิน Flightradar24 ระบุว่า 88% ของเที่ยวบินขาออกและ 54% ของเที่ยวบินขาเข้าล่าช้า เนื่องจากทัศนวิสัยที่ลดลงอย่างมาก บางเที่ยวบินถึงขั้นต้องเบี่ยงเบนเส้นทางเพราะหมอกควันปกคลุมสนามบิน จนไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะทางเกินกว่า 300 เมตร

ฝุ่น PM2.5 ระดับอันตราย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

จากการวัดระดับมลพิษในวันพุธ พบว่าค่าฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดผ่านปอดนั้น อยู่ในระดับที่เกินคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกถึง 50 เท่า ทำให้มีเด็กจำนวนมากเข้าโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลีด้วยอาการหอบหืดและโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ แพทย์ Sahab Ram จากภูมิภาค Fazilka ในรัฐปัญจาบกล่าวว่า “มีเด็กที่มาพบแพทย์ด้วยอาการภูมิแพ้ ไอ และหวัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการหอบหืดเฉียบพลัน”

อากาศที่หนาวเย็นและลมสงบยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง

ทางเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า อุณหภูมิต่ำสุดของกรุงนิวเดลีในวันพฤหัสบดีลดลงเหลือ 16.1 องศาเซลเซียส จาก 17 องศาเซลเซียสในวันก่อนหน้า ความชื้นสูงและลมที่เบาลงเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝุ่นพิษสะสมอยู่ในอากาศและทำให้มลพิษอยู่ในระดับ “รุนแรง” ซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่ในช่วงวันศุกร์ ก่อนจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นระดับ “แย่มาก” โดยมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ระหว่าง 300-400

ศาลสูงอินเดียสั่งให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหามลพิษ

เมื่อเดือนที่แล้ว ศาลสูงสุดของอินเดียได้มีคำสั่งว่าการมีอากาศบริสุทธิ์เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยสั่งให้ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษอย่างจริงจัง

สถานการณ์มลพิษในละฮอร์ ประเทศปากีสถาน

ขณะเดียวกัน กรุงละฮอร์ เมืองหลวงของจังหวัดปัญจาบ ประเทศปากีสถาน ก็ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกตามการจัดอันดับของ IQAir เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางการปากีสถานยังพยายามหาวิธีในการสร้างฝนเทียมเพื่อลดมลพิษในเมืองนี้ โดยทางการได้จัดตั้ง “ศูนย์ควบคุมหมอกควัน” ขึ้นมาเพื่อรับมือกับปัญหานี้โดยเฉพาะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ทำไมกรุงนิวเดลีต้องปิดโรงเรียนประถม?
    เนื่องจากระดับฝุ่น PM2.5 สูงขึ้นจนอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเด็ก ๆ จึงต้องเปลี่ยนเป็นการเรียนออนไลน์เพื่อความปลอดภัย

  2. PM2.5 คืออะไรและทำไมถึงอันตราย?
    PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจและมะเร็ง

  3. มาตรการอื่น ๆ ของนิวเดลีในการลดมลพิษคืออะไร?
    มาตรการรวมถึงการห้ามก่อสร้างที่ไม่จำเป็น ฉีดพ่นน้ำลดฝุ่น และการใช้เครื่องกวาดถนน

  4. สถานการณ์มลพิษในละฮอร์เป็นอย่างไร?
    ละฮอร์ก็ประสบปัญหามลพิษอย่างหนัก ทำให้ทางการต้องเร่งหาวิธีแก้ไข รวมถึงการพิจารณาฝนเทียม

  5. อินเดียมีมาตรการใดบ้างในการแก้ปัญหามลพิษระยะยาว?
    ศาลสูงอินเดียกำหนดให้รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจังในการรักษาสิทธิของประชาชนในการมีอากาศบริสุทธิ์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : aljazeera

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ประเพณีลอยกระทงสันกลางเชียงราย ส่งเสริมวัฒนธรรมและความสามัคคี

งานประเพณีลอยกระทงตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 20.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประเพณีลอยกระทงตำบลสันกลาง ประจำปี 2567 ณ บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ว่าที่ร้อยตรี ปภาวิน ปวงใจ เลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายสุรเชษฐ วงศ์น้อย สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอพาน เขต 2 ร่วมงานครั้งนี้ด้วย

ภายในงานมีคณะผู้บริหารตำบลสันกลาง ได้แก่ นายอลงกรณ์ ดีน้อย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง นายภัทราวุธ ชุ่มอินจักร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง และนายศรีวรรณ์ วงศ์จินา กำนันตำบลสันกลาง ร่วมให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนที่มาร่วมงานอย่างอบอุ่น

การจัดงานประเพณีลอยกระทงตำบลสันกลางปีนี้ มุ่งส่งเสริมเยาวชนและประชาชนทุกวัยให้ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญนี้ ซึ่งเป็นประเพณีที่มีการสืบสานมาแต่โบราณเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณแม่น้ำลำคลองที่ให้ชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ โดยกิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่า พร้อมกับสร้างความสามัคคีในชุมชนและเสริมสร้างจิตสำนึกในการรักษาประเพณีวัฒนธรรมไทยให้ยั่งยืน

กิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย:

  1. การประกวดกระทง – ประชาชนและนักเรียนในพื้นที่ได้มีโอกาสแสดงความสามารถในการประดิษฐ์กระทงที่สวยงามและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  2. การประกวดหนูน้อยนพมาศ – เพื่อส่งเสริมความน่ารักและการเรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีของไทยให้กับเยาวชน
  3. การประกวดโคมไฟเครื่องแขวน – เป็นการนำเสนอศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ซึ่งแสดงถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าร่วม
  4. การแข่งขันชกมวยไทย – กิจกรรมกีฬาที่สร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมงาน
  5. เวทีดนตรีรำวง – เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความรื่นเริงและสนุกสนานให้กับประชาชนผู้มาร่วมงาน

งานประเพณีลอยกระทงในปีนี้จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทยที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากจะเป็นการแสดงถึงความกตัญญูต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและเกิดความสามัคคีในการร่วมกิจกรรมที่สร้างความสุขและความสนุกสนานให้กับทุกคนที่เข้าร่วมงาน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวในพิธีเปิดงานว่า “การจัดงานลอยกระทงในปีนี้เป็นโอกาสที่ดีให้กับเยาวชนและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาติไทย เราหวังว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นที่ประทับใจและจดจำของผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน และส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงคุณค่าของประเพณีที่มีความสำคัญเช่นนี้”

นอกจากนี้ งานครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ความงดงามของวัฒนธรรมล้านนาให้กับคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

โดยสรุป งานประเพณีลอยกระทงตำบลสันกลางครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่สำคัญของไทย แต่ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชน และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน ทั้งนี้ งานจะดำเนินไปจนถึงช่วงค่ำของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายกวาดล้างร้านลักลอบขายน้ำกระท่อมให้เยาวชน

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากครูและผู้ปกครอง ว่ามีร้านจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเรียนและหลังเลิกเรียน มักมีนักเรียนและนักศึกษามารวมตัวกันที่ร้านดังกล่าวเพื่อดื่มน้ำกระท่อมและสูบบุหรี่ไฟฟ้า

การลงพื้นที่และการตรวจสอบ

การดำเนินการครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ โดยนำทีมโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมงานจากกองอาสารักษาดินแดนและตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านต้องสงสัย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย บริเวณบ้านเลขที่ 14 หมู่ 8 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าจริง และพบว่ามีเด็กนักเรียนในชุดนักเรียนและชุดพละเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยสั่งน้ำกระท่อมมาดื่มในร้าน

การตรวจค้นและจับกุม

ต่อมาเวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างของหลังแรกเปิดเป็นร้านกาแฟที่มีการแอบขายน้ำกระท่อม ส่วนอีกหลังเป็นจุดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยภายในร้านมีผู้ใช้บริการกว่า 30 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนักเรียนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 9 คน กำลังดื่มน้ำกระท่อมอยู่

จากการสอบถามพนักงานของร้าน พบว่ามีการต้มน้ำกระท่อมในร้านแล้วบรรจุใส่แกลลอนขนาด 6 ลิตร จากนั้นนำมาผสมกับน้ำอัดลมและยาอเลอร์ยิ่น ซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการแพ้และคัดจมูก เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและรสชาติ ก่อนที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในราคาแก้วละ 50 บาท และหากต้องการเพิ่มรสชาติด้วยน้ำหวานจะคิดเพิ่มเป็นแก้วละ 60 บาท

ของกลางที่ตรวจพบ

จากการตรวจค้นพบของกลาง ได้แก่:

  • น้ำกระท่อมในแกลลอน 6 ลิตร จำนวน 4 แกลลอน
  • ยาอเลอร์ยิ่น จำนวน 54 ขวด
  • บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 40 ชิ้น
  • น้ำกระท่อมบรรจุขวดและหม้อสำหรับต้มน้ำกระท่อม

ดำเนินคดีตามกฎหมาย

หลังจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามใบอนุญาตในการจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้า แต่เจ้าของร้านไม่สามารถแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ จึงถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางทั้งหมดและส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้เป็นการร่วมมือของหน่วยงานหลายฝ่ายในจังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสอบและปราบปรามการจำหน่ายสารเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อเยาวชนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปราศจากสิ่งมอมเมาให้แก่ชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช รณรงค์วันเบาหวานโลก

รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช จัดกิจกรรมรณรงค์วันเบาหวานโลก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง

วันเบาหวานโลก: ความสำคัญและที่มา

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก เพื่อเป็นการระลึกถึงการค้นพบอินซูลิน ซึ่งเป็นการรักษาโรคเบาหวานที่สำคัญ และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวานและวิธีการป้องกัน

กิจกรรมรณรงค์ที่โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช

โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานแก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

โรคเบาหวาน: ภัยเงียบที่คุกคาม

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ไต ตา ประสาท และหัวใจ โดยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และมักเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมและการขาดการออกกำลังกาย

อาการของโรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • หิวบ่อย กระหายน้ำ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • น้ำหนักลดหรือเพิ่มอย่างรวดเร็ว
  • แผลหายช้า
  • มองไม่ชัด

การป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน

การป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ และธัญพืช ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนัก

ความสำคัญของการตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการค้นหาโรคเบาหวานในระยะเริ่มต้น เพราะหากตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ข้อความจากผู้เชี่ยวชาญ

พ.ต. พาทิศ ธนาบริบูรณ์ อายุรแพทย์ รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช กล่าวว่า “โรคเบาหวานเป็นโรคที่สามารถป้องกันและควบคุมได้ หากเราใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย จะช่วยให้เราสามารถมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”

บทสรุป

การจัดกิจกรรมรณรงค์วันเบาหวานโลกของโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของสังคมไทย การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจสุขภาพและการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

มทบ.37 ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 นำโดย พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนชาวเชียงราย ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชดำริในการคิดค้นโครงการฝนหลวงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและช่วยเหลือพสกนิกร

พระราชดำริอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี แห่งการกำเนิดโครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้นวิจัยหาวิธีการทำฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

โครงการฝนหลวง พระราชทาน

โครงการฝนหลวงเป็นโครงการอันเกิดจากพระราชดำริ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนตกตามต้องการ โครงการนี้ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย

ความสำคัญของโครงการฝนหลวง

โครงการฝนหลวงมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตทางการเกษตรและคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ โครงการฝนหลวงยังเป็นตัวอย่างของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวง

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวงนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบสภาพอากาศและการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

บทบาทของมณฑลทหารบกที่ 37

มณฑลทหารบกที่ 37 ได้ให้การสนับสนุนโครงการฝนหลวงมาโดยตลอด โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฝนหลวง เช่น การร่วมปฏิบัติการทำฝนหลวง การให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฝนหลวงแก่ประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การสืบสานพระราชปณิธาน

การจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวงในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฝนหลวง และร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลแม่ยาวเร่งซ่อมอ่างเก็บน้ำและฝายหลังอุทกภัย

เทศบาลตำบลแม่ยาว เร่งตรวจซ่อมโครงสร้างสาธารณูปโภคหลังอุทกภัยหนัก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาว ได้มอบหมายให้ นายวรวุฒิ บัววัฒนา รองปลัดเทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมเจ้าหน้าที่กองช่าง ลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมการซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ของตำบล โดยเฉพาะที่ หมู่ 8 บ้านทรายมูล ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วม

ในช่วงเช้าของวัน นายวรวุฒิและทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อควบคุมการซ่อมแซมคันอ่างเก็บน้ำบ้านทรายมูล ซึ่งถูกน้ำท่วมจนคันดินพังเสียหาย ทีมงานได้ดำเนินการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงของคันอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้สามารถรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยมีการใช้รถแมคโครในการวางท่อระบายน้ำเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำล้นในอนาคต

จากนั้น เวลา 11.00 น. – 12.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง ได้ลงพื้นที่พร้อมทีมบริหารเพื่อตรวจสอบงานซ่อมแซมฝายน้ำล้นที่บ้านสองแควพัฒนา และบ้านหนองผักหนาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก ฝายน้ำล้นที่ชำรุดถูกซ่อมแซมเพื่อฟื้นฟูระบบการจัดการน้ำให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง ทั้งนี้ ฝายดังกล่าวเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำคัญที่ใช้สำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภคของชุมชนในพื้นที่บริวารของบ้านห้วยขมนอก หมู่ที่ 10

ในช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. – 14.00 น. นายอภิรักษ์ พร้อมด้วยผู้อำนวยการทรัพยากรธรณีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสำรวจปัญหาดินสไลด์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านลอบือและบ้านพนาสวรรค์ รวมถึงโรงเรียนผาขวางวิทยา จากเหตุฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดดินสไลด์หลายจุด ส่งผลให้ถนนในชุมชนและทางเข้าสถานศึกษาได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจความเสี่ยงและวางแผนซ่อมแซมเพื่อให้การเดินทางของประชาชนและนักเรียนกลับมาเป็นปกติ

นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้เป็นการเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เทศบาลตำบลแม่ยาวได้วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคอย่างเร่งด่วน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรงบประมาณและเครื่องจักรสำหรับการซ่อมแซม นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการซ่อมแซม

ทั้งนี้ ทางเทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมายังสำนักงานเทศบาลเพื่อเร่งประสานงานและให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนต่อไป

การตรวจสอบและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลในการดูแลและให้บริการประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนสามารถฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลตำบลแม่ยาว 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

CPALL โชว์ผลประกอบการพุ่ง! รายได้เพิ่ม กำไรเติบโตต่อเนื่อง

CPALL รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 6.6 โดยการเติบโตนี้มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และศูนย์การค้า ซึ่งได้แรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายไตรมาส รวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยอดขายเติบโตจากกลยุทธ์ O2O และการขยายสาขา

CPALL ยังคงมุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ O2O (Online-to-Offline) เพื่อเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ 7-Delivery และ All Online ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 11 ของรายได้รวม ส่งผลให้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3 นี้ CPALL ได้เปิดร้านสะดวกซื้อสาขาใหม่ถึง 199 สาขา ทำให้จำนวนสาขารวมทั่วประเทศอยู่ที่ 15,053 สาขา โดยเป็นร้านสาขาบริษัท 7,671 สาขา และร้าน SBP อีก 7,382 สาขา

ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 730,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 จากปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 18,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตของกำไรเกิดจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มร้านสะดวกซื้อและศูนย์การค้า

การขยายสาขาและการลงทุนเพื่ออนาคต

ในปี 2567 CPALL วางแผนใช้เงินลงทุนระหว่าง 12,000-13,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบประมาณในการเปิดสาขาใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท และปรับปรุงร้านเดิม 2,900-3,500 ล้านบาท เพื่อรักษาการเติบโตและรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งในเมืองและชุมชนชนบท

สรุปข้อมูลสำคัญ

  • ไตรมาส 3/2567 รายได้รวม 241,282 ล้านบาท
  • งวด 9 เดือนแรกปี 2567 รายได้รวม 730,233 ล้านบาท
  • เปิดสาขาใหม่ไตรมาส 3 เพิ่ม 199 สาขา รวมสาขาทั่วประเทศ 15,053 สาขา
  • กำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 18,167 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE