Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย 4 ปีติดสุดยอดชุมชนต้นแบบ หลัง‘ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง’ ได้รับเลือก

 

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แสดงความยินดี “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง“ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกให้ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ภายใต้การนำของ พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ด้วยบารมีทานแผ่ขยายในวงกว้าง ประกอบกับความเป็นอัตลักษณ์ด้านพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เรื่อง ผลการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในทุกมิติ จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง

ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วกระทรวงวัฒนธรรมขอประกาศผลการคัดเลือก 10 สุดธอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมขน ผลวิถี” ประจำปีกประมาณ พ.ศ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ชุมชนบ้านชากแง้ว ตำบลหัวยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
  2. ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  3. ชุมชนวัดศรีสุพรรณ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  4. ชุมชนวัดพระธาตุแช่แห้ง (บ้านหนองเต่า) ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
  5. ชุมชนหัวบ้าน (ถนนสู้ศึก) ตำบลประระจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  6. ชุมชนบ้านทะเลน้อย ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
  7. ชุมชนบ้านถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
  8. ชุมชนวัดศรีคุนเมือง (เชียงคาน) ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  9. ชุมชนวัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
  10. ชุมชนเขมราษฎร์ธานี ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

โดยจังหวัดเชียงราย ได้คัดเลือก” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “ 4 ปีติดต่อกันแล้วซึ่ง

  • พ.ศ. 2567 ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566 “ชุมชนคุณธรรมวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ)” หมู่ ๕ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน
  • พ.ศ. 2565 ชุมชนคุณธรรมบ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2564 ชุมชนคุณธรรมบ้านศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI

ครม.ตั้งศูนย์อำนวยการอุทกภัย ใช้งบฯ ทดลองจ่าย 20 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยมองว่าน้ำท่วมเป็นปัญหาซ้ำซากเรื้อรังมานานจากหลายปัจจัย ทั้งการบริหารจัดการน้ำ การกักเก็บน้ำ การไม่มีที่รองรับน้ำในภาคเหนือ ทำให้มีปัญหาน้ำท่วมหนักทุกปี ต้องช่วยเหลือผู้ที่ลำบากทุกปี

โดยเฉพาะในปีนี้ (2567) มีมวลน้ำปริมาณมาก สถานการณ์ฝนตกมีความแตกต่างจากที่ผ่านมา มีภาวะฝนตกเป็นจุดๆ จากปัญหาโลกร้อน ซึ่งปัญหานี้นับวันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีการวางแนวทางการบริหารจัดการ คือ

1.ต้องมีการบริหารจัดการไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนหลังน้ำลด

3.การแก้ปัญหาระยะยาว โดยบรรจุเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ เมื่อมีคณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศก็จะบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้รองรับสถานการณ์ได้ทัน

รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้คาดการณ์สถานการณ์บางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว แต่บางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เช่น จังหวัดสุโขทัย ซึ่งยอมรับว่าเป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนระบายสู่จังหวัดต่างๆ ถือว่าค่อนข้างหนัก คันกั้นน้ำไม่สามารถรับได้ จึงเกิดกรพังทลาย คันกั้นน้ำยังมีปัญหาการเวนคืนที่ดิน รักษาการนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว 

และนำมาสู่การตั้งศูนย์แก้ปัญหาให้มีเอกภาพ จึงตั้งเป็นศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย มีอำนาจหน้าที่และการใช้งบประมาณที่ชัดเจน โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน

ส่วนองค์ประกอบที่เหลือคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยแบ่งภารกิจออกเป็น 2 ส่วน คือ 

1.การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ การแจ้งเตือน ให้ทราบข่าวว่าน้ำจะมาประมาณ ไหน ไม่ให้เกิดความตระหนก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนวณและยืนยันว่าจะไม่ถึงสถานการณ์ปี 2554 โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ จะเป็นผู้ดูแล 

2.การดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นหลักในการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน

สำหรับงบประมาณที่ใช้จะใช้จากงบประมาณกลาง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งบางจังหวัดมีการประกาศพื้นภัยพิบัติจะใช้งบทดลองจ่าย จำนวน 20 ล้านบาท หากไม่เพียงพอต้นสังกัดจะขอมาที่งบกลาง แต่เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วการดำเนินการทุกอย่างจะต้องรวดเร็วตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“หน้าที่มีทั้งการป้องกัน แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟู ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในรายจังหวัด เช่น จังหวัดน่านสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู ส่วนจังหวัดที่น้ำยังมาไม่ถึงจะป้องกันอย่างไร เช่น จังหวัดนครสวรรค์ หรือต่ำกว่านั้น ก็ต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขไม่ใช่ทำงานเชิงรับ” รองเลขาธิการนายกฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ยอดผลิต-ขาย-ส่งออก ยานยนต์ร่วง ชี้เหตุจากหนี้ครัวเรือนในไทยยังพุ่ง

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผย ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2567 มีทั้งสิ้น 124,829 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 16.62% เพราะผลิตขายในประเทศลดลงถึง 40.85% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม ยอดผลิตกลับเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ 7.34% ส่งผลให้ 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2567) รวมแล้วผลิตได้ 886,069 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.28%

ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 46,394 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ที่ 2.66% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 20.58% เพราะการเข้มงวดในการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะรถกระบะและรถบรรทุก จากความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ของ GDP ของประเทศ และเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำในอัตรา 1.5% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จากงบประมาณรายจ่ายปีที่ล่าช้า

ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 354,421 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกัน 23.71%

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนกรกฎาคม 2567 ส่งออกได้ 83,527 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 6.22% และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ 22.70% เพราะปัญหาการขนส่งไปตะวันออกกลางและยุโรปจากสงครามอิสราเอลกับฮามาส จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 56,397.87 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ 16.56% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 602,567 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 5.39%

ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,332 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว 20.68%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ส่งออกไทย 7 เดือนแรกปี 67 ไทย ยังขาดดุลการค้าที่ 231,556.5 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผย ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกรกฎาคม และ 7 เดือนแรกของปี 2567 โดยชี้ข้อมูลระบุว่า การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่า 25,720.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (938,285 ล้านบาท) ขยายตัว 15.2% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 5-8% นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 

โดยการส่งออก 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค. 2567) ขยายตัว 3.8% มูลค่า 171,010.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.8% ขณะที่การนำเข้า 7 เดือนแรก มูลค่า 177,626.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.4%  โดยรวม ไทยยังขาดดุลการค้าที่ 6,615.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นายพูนพงษ์ ยังมั่นใจว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-2% และมีโอกาสสูงที่จะขยายตัวได้ในกรอบบน ซึ่งจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกที่กำลังปรับตัวดีขึ้น แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาตร์ที่ยืดเยื้อ และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้า หลังการเลือกตั้งในปลายประเทศสำคัญ

“ส่งออกเดือนกรกฎาคม ขยายตัวในทุกกลุ่มสินค้า ทั้งเกษตร ตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรม ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลก ตามเทคโนโลยีดิจิทัล และการส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญ ที่จะได้รับประโยชน์ในด้านราคาที่สูงขึ้น จากภาวะอุปทาน (Supply) ในตลาดโลกที่น้อยลง แต่ยังคงมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ ค่าระวางเรือของโลกสูงขึ้นจากเดือนมิถุนายน และสินค้าส่งออกสำคัญบางรายการ ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันของสินค้าใหม่ที่เข้ามาทดแทนสินค้าเดินชมในตลาดโลกมากขึ้นเรื่อยๆ” นายพูนพงษ์ กล่าว

สำหรับสินค้าเกษตร มีมูลค่าการส่งออก 2,245.6 ล้านดอลล่าร์ กลับมาขยายตัว 3.7% โดยสินค้าที่ขยายตคัวดีได้แก่ ยางพารา, ข้าว, ไก่สด แช่เย็น-แช่แข็ง และแปรรูป ส่วนอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่าส่งออก 2,118.3 ล้านดอลล่าร์ กลับมาขยายตัว 14.6% โดยสินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์, อาหารสัตว์เลี้ยง, อาหารทะเลกระป๋อง-แปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่าส่งออก 20,254.2 ล้านดอลล่าร์ ขยายตัว 15.6% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง 

ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ ขยายตัวได้ดี ตามภาพรวมเศรษฐกิจคู่ค้าที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลัก อาทิ สหรัฐฯ, จีน, อาเซียน (5), กลุ่ม CLMV และสหภาพยุโรป ส่วนตลาดสวิสเซอร์แลน์ ขยายตัวสูงที่สุด 517.5% ตามด้วยเอเชียใต้ ขยายตัว 29.5% และสหรัฐ ขยายตัว 26.3% ส่วนจีน อยู่อันดับสิบ ที่ขยายตัว 9.9%

ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ภาพรวมส่งออกไทยปีนี้ คาดว่า จะทำได้ตามเป้าหมาย 1-2% แม้ว่า เงินบาทแข็งอาจมีผลกระทบกับคำสั่งซื้อใหม่ในช่วงปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้าอยู่บ้าง ซึ่งผู้ส่งออกต้องพิจารณาปัจจัยค่าเงินให้ดี ก่อนตกลงทำสัญญาซื้อขายสินค้า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มรภ.เชียงราย CRRU Connect ที่เรียนดีๆ ของคนรุ่นใหม่

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จัดงานวันขอบคุณสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย “CRRU Thank You Day 2024” เพื่อเป็นการขอบคุณเครือข่ายสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย รวมถึงจัดแสดงผลงานและแถลงผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายในรอบปี พ.ศ.2567 โดยภายในงานได้จัดให้มีพิธีมอบโล่รางวัลผู้สนับสนุนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งประกอบด้วย โล่รางวัลโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษามาเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมากที่สุด 10 อันดับแรก ประจำปีการศึกษา 2567 และโล่รางวัลนักศึกษาและศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายบนสื่อสังคมออนไลน์

ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้แถลงผลการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย “CRRU Connect : ที่เรียนดีๆ ของคนรุ่นใหม่ มหาวิทยาลัยของทุกคน” โดยได้รับเกียรติจากเครือข่ายสื่อมวลชน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรและภาคเอกชน ผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ณ ลานกิจกรรมหน้ากองการสื่อสารองค์กรฯ อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
 
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงจากนักศึกษา รวมถึงการจัดนิทรรศการสาธิตและแสดงผลงานของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร ในการขับเคลื่อนโครงการวิจัย และโครงการพัฒนาท้องถิ่น เช่น การยกระดับคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็ก การพัฒนานวัตกรรมชุมชนด้วยวิศวกรสังคม การขับเคลื่อนชุมชนดิจิทัล การสร้างสรรค์ผลงานของนักศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ในพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารล้านนาตะวันออก (Eastern Lanna Food Valley)
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

“กรุงไทย” ห่วงใยประชาชน ส่งมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานเขตเชียงราย และ สำนักงานภาคเชียงใหม่ เร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ใน อ. เวียงแก่น อ.ขุนตาล และ อ.เทิง จ.เชียงราย และขอเป็นกำลังใจ ให้ผู้ประสบภัยทุกๆ ท่าน ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี

 

ซึ่งนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ได้เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีพของลูกค้าประชาชนในพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยภาคธนาคารมีความห่วงใยและพร้อมเคียงข้างผู้ประสบภัยน้ำท่วม จึงเร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่น้ำท่วม ครอบคลุมการลดภาระในการผ่อนชำระหนี้สิน และการสนับสนุนทางการเงินเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย ได้ประสานธนาคารสมาชิกในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเร่งด่วน ซึ่งบางธนาคารได้มีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ขณะที่ธนาคารอื่นๆ พร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยแต่ละธนาคารจะพิจารณาความช่วยเหลือให้สอดคล้องสถานการณ์ของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจและดำรงชีพต่อไปได้อย่างปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่แต่ละธนาคารกำหนด

 

สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ที่ธนาคารที่เป็นลูกค้า ผ่านทางสาขา เจ้าหน้าที่หรือฝ่ายงานที่ดูแลสินเชื่อ หรือ Call Center ของแต่ละธนาคารได้ทันที

 

นอกจากนี้ทางธนาคารกรุงไทยขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกท่าน เคียงข้างคนไทยเพื่อผ่านพ้นวิกฤติการณ์ครั้งนี้ โดยเปิดให้ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม บริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เลขที่ 000-0-60128-4 ธนาคารกรุงไทย สาขานานาเหนือ สำหรับผู้ที่ประสงค์ขอใบเสร็จ กรุณาส่งหลักฐานการบริจาค พร้อมชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และเบอร์โทรติดต่อ เพื่อรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ แฟกซ์ 0-2054-6544 หรือ E-mail : donation@friendsofpa.or.th เบอร์โทร 0-2054-6546

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานเขตเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เปิดกรุสมบัติหมื่นล้าน ดร.ถวัลย์ ดัชนี“สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย”

 

เปิดตัวปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่จะพาดำดิ่งสู่โลกศิลปะ และทะยานสู่โลกอนาคตไปพร้อม ๆ กันกับสุดยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะครั้งแรกของโลก ART INVESTMENT CENTER ”The next level of passion investment” ศูนย์กลางการลงทุนด้านศิลปะ และของสะสมล้ำค่าแบบครบวงจร ที่จะเชื่อมทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน กับสุดยอดแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ระดับ The Ultimate Luxury Platforms พร้อมบริการครบจบทุกมิติในหนึ่งเดียวแบบ ONE-STOP SERVICE & ALL IN ONE SOLUTION OFFLINE / ONLINE / MOBILE ด้วยความร่วมมือระหว่าง ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER ร่วมมือกับสุดยอดพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางออก เพื่อสร้างโอกาสที่ไม่เคยมีทางเลือก เพื่อเชื่อมโยงทุกเครือข่ายเพิ่มส่วนต่อขยาย สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มในผลงานศิลปะ และของสะสมล้ำค่า ส่งเสริมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กลายเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนจากทั่วโลก “มาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบเก่า ด้วยการสร้างระบบนิเวศใหม่” เพื่อเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ปักหมุดหมายให้ประเทศไทยเป็น “กรุสมบัติ ชั่วนิรันดร์ แห่งเอเชีย”

พร้อมร่วมชมนิทรรศการครั้งสำคัญ เพื่อฉลองวาระพิเศษในโอกาสความสัมพันธ์ครบรอบ 12 ปี ระหว่าง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ และ สยามพิวรรธน์ กับ “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class ที่หาชมยาก พร้อมเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดเฉพาะในงานนี้เท่านั้น! ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน

งาน Grand Opening ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กับการแสดงชุดเภรีกำนาทเฟือนฟ้าไหวตะวัน โดยคณะ Tiger Drumเปิดตัวคฑาสุริยคราสจักราวตาร กุญแจแห่งจักรวาล สร้างโดยศิลปิน อัฐพล คำวงษ์ ผู้สร้างโกศบรรจุอัฐิของอาจารย์ถวัลย์ นำแสดงโดย คณะ The Thais พร้อมทั้งมีแขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการ ศิลปิน และนักสะสมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เมื่อในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา

ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER เปิดเผยถึงสุดยอดนวัตกรรมแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด “ART INVESTMENT CENTER” ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการตกผลึกของปัญหาที่ไม่เคยมีทางออกที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบเก่าได้ แต่เราสามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ให้ดีขึ้นได้ ผมต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยั่งยืนให้กับวงการ โดยใช้ประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิต บวกกับการเตรียมโครงการนี้เป็นเวลาหลายปีในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ในรูปแบบ The Ultimate Luxury Platforms เพื่อเชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในแบบ OFFLINE และ ONLINE ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือประมูลผลงานศิลปะที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มแรกของโลกที่กล้าการันตีของแท้ 100% ทุกชิ้นงานที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มนี้ เพราะเรามีการทำงานร่วมกับพันธมิตร และหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชนในการตรวจสอบร่วมกัน อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ในการจดแจ้งลิขสิทธิ์ของศิลปิน และมีการทำใบรับรองถึงสองชั้น ถือเป็นกุญแจสองดอก ทั้งในโลกจริง และโลกบล็อกเชน จากนั้นจึงจะมีการ Invitation ชิ้นงานขึ้นมาบนแพลตฟอร์มต่อไป

“เราไม่ได้หวังเป็นธุรกิจใหญ่ที่ทำกำไร แต่เราสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางแก้ เราจึงจำเป็นต้องแก้ตั้งแต่ระดับโครงสร้าง โดยการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร เพื่อให้เป็น “แพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด” และเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ผ่าน 6 บริการหลัก ได้แก่ 1.ซื้อ 2.ขาย 3.แลกเปลี่ยน 4.ให้เช่า 5.บริจาค และ 
6.สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เน้นการซื้อ-ขายอย่างเดียว แต่เรามีความหลากหลายที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น “ทุกพื้นที่คือพื้นที่แห่งศิลป์” โดยสามารถให้เช่าผลงานของศิลปิน เพื่อนำไปประดับตามโครงการธุรกิจ โรงแรม โรงพยาบาล เรสซิเด้นท์ คอนโด หมู่บ้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ และทำ E-Catalog ไว้ให้ และถ้ามีผู้สนใจซื้อ ทาง AIC ก็แบ่งผลกำไร 10% ให้กับโครงการ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และช่วยศิลปินได้มากมายเป็นต้น

นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือศิลปินให้มีพื้นที่ในการแสดงผลงานของตัวเอง และช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดนิทรรศการศิลปะ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการจัดแสดงนิทรรศการในแต่ละครั้ง เราจะผลงานนำขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ให้อีก 30 วัน สามารถเข้าชมบนโทรศัพท์มือถือได้ตลอด 24ชม. ที่สามารถชมได้ทุกที่บนโลก และยังมีบริการ Museum on mobile เป็นบริการพิเศษที่ส่งตรงถึงบ้านโดยเราจะนำผลงานศิลปะไปส่งให้พิจารณาถึงบ้าน พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา โดยในส่วนของการขายทุกผลงานที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม AIC จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับของทุกชิ้น โดยใช้หลักการ “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ของทุกชิ้นจะถูกหักรายได้ 35% โดยหัก 5% นำไปบริจาคสาธารณะกุศล  และ 10% นำไปแบ่งให้พันธมิตรที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งองคาพยพ ส่วนอีก 20% จะถูกใช้เป็นค่าบริหารจัดการแพลตฟอร์ม หรือสำหรับใครที่อยากนำผลงานศิลปะหรือของสะสมที่มีมาปล่อยเช่าหรือแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มก็สามารถทำได้เช่นกัน ในส่วนของ Digital Asset หรือ การลงทุนรูปแบบใหม่ในทรัพย์สินดิจิทัล ปัจจุบัน AIC มีโครงการความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ โทเคน เอกซ์ เพื่อพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะให้ก้าวไปอีกขั้น ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้” 

และในโอกาสพิเศษเพื่อร่วมฉลองวาระพิเศษครบรอบ 12 ปี ที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ (Baandam Museum) ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ สร้างสรรค์ผลงานด้านทางศิลปวัฒนธรรมมากว่าทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็น การจัดงานเปิดตัว โครงการเหรียญสุริยะภูมิจักรวาล ในปี 2555 – 2556, Immersive Art of Thawan Duchanee ในปี 2563 และ Thailand Digital Arts Festival ในปี 2565 ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นท่ามกลางอาณาจักรสยามพิวรรธน์

โดยครั้งนี้เป็นการแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญ  “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์ และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะ ระดับ Masterpiece ศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class หลากแขนง นำเสนอในมุมมองใหม่ โดยเล่าเรื่องราวผ่านวัตถุจัดแสดง เช่น “ตำนานเทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์ จิตวิญญาณแห่งตะวันออก” จัดแสดงศาสตราวุธแห่งจิตวิญญาณ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และสุดยอดประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา รวมสุดยอดรถยนต์คลาสสิค มอเตอร์ไซค์คลาสสิค ในตำนาน และซุปเปอร์คาร์ลิมิเต็ดหายาก และอื่นๆ อีกมากมาย 

สำหรับนิทรรศการ “The Eternal Treasure of Asia : สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” จัดแสดงให้ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด โดยภายในนิทรรศการประกอบด้วย 

ศิลปะสร้างโลก ความรักปรากฏรูป ผลงานศิลปะระดับตำนาน ที่ไม่เคยนำมาจัดแสดงที่ไหนมาก่อน อาทิ ผลงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ ”มารผจญ“ และภาพผลงานชุด “หนุมาน” ผลงานชุดสุดท้ายของถวัลย์ ดัชนี, ประติมากรรมรูปปั้นศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะไทยร่วมสมัย ผลงานปั้นของอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ ผู้ที่อาจารย์ศิลป์เรียกว่า “ลูก” 

ศรัทธา ประติมา ปาฏิหาริย์ พลังแห่งวัตถุมงคลล้ำค่า มรดกทางภูมิปัญญาของสยามประเทศ “The Spirit of Siam” จัดแสดงพระเครื่องและเครื่องรางหายาก มรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมองค์สำคัญ อาทิ สุดยอดมีดหมอด้ามแกะ เทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์, สุดยอดพระขรรค์เขาควายเผือกหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี, สุดยอดท้าวเวสสุวรรณวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ และท้าวเวสสุวรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

เทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์แห่งจิตวิญญาณ จัดแสงดาบสำคัญในประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของวิถีแห่ง Bushido อาทิ ชุดเกราะมังกร ตระกูลซามูไร ยานางิซาวะ ดาบโอดาจิ ดาบเทพเจ้ามังกร ถูกตีขึ้นใน ศตวรรษที่ 18 เพื่อถวายเทพเจ้า แห่ง โทโยคาวะอินาริ (วัดเมียวกอนจิ) ศาลเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ 1ใน 3 ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น จาก Japanese Sword Museum Thailand

ประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา  รวมสุดยอดยานยนต์ ทั้งเรือ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค และซุปเปอร์คาร์ น่าสะสม อาทิ เรือสปีดโบ้ทสุดคลาสสิก แบรนด์ Century เรือวินเทจ ปี 1954 เครื่อง V8, มอเตอร์ไซด์ Vincent (Black shadow) ปี 1953 ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 230 กม. / ชม. ซึ่งถือเป็นไฮเอนด์ของมอเตอร์ไซด์คลาสสิก, Ariel มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์อังกฤษที่หายากและมีความสวยงาม, รถยนต์ Rolls-Royce “ลักษณ์ประทับ” เปิดประทุน ปี 1951 ซึ่งเป็นรุ่นที่หายาก, รถยนต์ Porsche 356A ปี 1958, รถซุปเปอร์คาร์  Ferrari Light Weight version “The Racing DNA” รุ่น Ferrari 360 Challenge Stardare,  Ferrari 430 Scuderia, Ferrari 458 Speciale, Fiat Abarth 695 TributoFerrari เป็นต้น

คฑาสุริยะศราสจักราวตาร  ผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ แรงบันดาลใจจากกุญแจไขจักรวาล สู่ประติมากรรมโลหะล้ำค่า สร้างขึ้นครบรอบ 12 ปี     

แหวนพยัคฆินราชตะปบชาติอาชาไนย เปิดตัว Thawan X Parcthai ที่นำแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะกับงาน High Jewelry มาหลอมรวมไว้เป็นหนึ่งเดียว

ห้ามพลาด! การแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญที่นักสะสมงานศิลป์และคนรักงานอาร์ต “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” ชมกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 กันยายนนี้ เท่านั้น!!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สยามพารากอน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ในอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมกิจกรรม “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 และหารือเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 โดยชุมชนวัดห้วยปลากั้งได้รับการคัดเลือกเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งได้รับคำแนะนำจากพระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายและเจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้กับการดำเนินงานอื่นๆ ต่อไป

โครงการ “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ที่วัดห้วยปลากั้งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชน โดยมีกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ผู้คนในชุมชนได้แสดงความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างความสามัคคีและการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น

ในส่วนของโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” นายพิสันต์ ได้นำเสนอว่า ชุมชนวัดห้วยปลากั้งมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบของชุมชนที่ใช้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวบ้าน โดยการดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนอีกด้วย

การจัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนวัดห้วยปลากั้งเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน ทั้งนี้ กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความบันเทิงให้กับชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการศึกษาและการเรียนรู้ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืนได้อีกด้วย

การเดินทางมาของคณะนายพิสันต์จึงไม่เพียงแต่เป็นการติดตามผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานราชการกับชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันในหลากหลายมิติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย จัดโครงการเยาวชนยุคใหม่ต่อต้านการใช้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’

 
 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ณ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย “กลุ่มต้นกล้าความดี” ครั้งที่ 18 กิจกรรม “เยาวชนยุคใหม่ต่อต้านการใช้บุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีเยาวชนจากกลุ่มเครือข่ายเยาวชนอำเภอเชียงของและสภานักเรียนโรงเรียนเชียงของวิทยาคมเข้าร่วมพิธีและเป็นผู้เรียนรู้ในการอบรมครั้งนี้.

นางสุภาวดี ทวีชัย ผู้แทนกลุ่มต้นกล้าความดี รายงานในการเปิดงานว่า การแพร่กระจายของบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชนนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในแนวทางเชิงรุกที่จะทำให้เยาวชนได้ตระหนักถึงภัยจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและสร้างบรรทัดฐานใหม่ในสังคมที่ไม่ยอมรับต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว.

กิจกรรมที่จัดขึ้นรวมถึงการบรรยายโดยนายวรวัติ กิติวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงของวิทยาคม และนายอดิเรก พรมเสน ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลวิทยาศาสตร์และสถิติเกี่ยวกับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพ โดยมุ่งเน้นที่โทษของสารเคมีต่าง ๆ ที่มีในบุหรี่ไฟฟ้าและความเสี่ยงที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจและหัวใจ.

การพัฒนาเครือข่ายเยาวชน “กลุ่มต้นกล้าความดี” เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างเครือข่ายสนับสนุนที่เข้มแข็งในการดูแลกันและกันในชุมชน และร่วมมือกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากสิ่งเสพติดรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมทางสังคมและการพัฒนาความเป็นผู้นำในหมู่เยาวชน เพื่อให้พวกเขาสามารถมีบทบาทอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘ทักษิณ’ ลงพื้นที่ ‘เชียงราย’ เผยไทย มีปัญหาซ้ำซาก ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ที่จ.เชียงราย นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ถึงท่าอากาศยานเเม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทันทีที่เดินทางมาถึง ประชาชนที่มาเฝ้ารอ พร้อมกับบอกเหตุผลที่มาช้า ซึ่งจากเดิมมีกำหนดการณ์มาถึงในเวลา 10.00 น. เเต่ล่าช้าไปกว่า 2 ชั่วโมง เพราะเครื่องบินเสีย จึงต้องเปลี่ยนมานั่งเครื่องบินอีกลำเเทน 

จากนั้นนายทักษิณพร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอเทิง (บขส.) จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งเป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม เพื่อมอบถุงยังชีพและยาเวชภัณฑ์ พร้อมพบประประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม  จากนั้นได้เดินทางต่อเพื่อเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่บ้านปางค่า ตำบลตับเต่า ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันเกิดความเสียหายอย่างหนัก พร้อมกันนี้ได้เยี่ยมชม ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix it จิตอาสา จากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกเชียงราย ที่ไปจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ต่อจากนั้นได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัย บริเวณหลังที่ว่าการอำเภอเทิง โดยการนั่งเรือเข้าไปมอบถุงยังชีพและยาเวชภัณฑ์ ให้ผู้ประสบภัย ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด เเก่ผู้ประสบภัย 

โดยนายทักษิณ กล่าวทักทายประชาชนเป็นภาษาเหนือว่า “ตลอดระยะเวลา 17 ปี ที่ตนเองต้องไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ รู้สึกทราบซึ้งใจที่พี่น้องไม่เคยลืมผม ดังนั้นผมก็จะไม่ทิ้งพี่น้องเช่นกัน วันนี้จึงต้องมาเเอ่วหาพี่น้อง ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับ เเละขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา รัฐบาลกำลังตั้งใจอย่างเต็มที่ หากใครได้รับผลกระทบอย่างหนักหรือบ้านพัง ให้ประสาน สส.ในพื้นที่ ซึ่งเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย” 


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำว่า ประเทศไทยมีปัญหาซ้ำซาก ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง การแก้ไขปัญหาจะต้องดำเนินการทั้งระบบ อย่างน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ ต้องมีอ่างเก็บน้ำ ต้องมีแก้มลิง หรือฝายชะลอน้ำ ซึ่งจะช่วยให้น้ำไม่ท่วมหนัก นอกจากจะต้องจัดการภายในประเทศแล้ว กับประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องมีการคุยกันเพื่อจัดการน้ำทั้งระบบ แม่น้ำโขงก็ต้องคุยกับทางจีนว่าควรจะมีมาตรการร่วมกันอย่างไร เพื่อไม่ให้การปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาซ้ำเติมปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ตอนล่าง การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบแม้จะต้องใช้วงเงินงบประมาณสูงแต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้ปัญหาเรื่องน้ำได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง 


ส่วนปัญหาที่มีการมองกันว่าน้ำท่วมปีนี้อาจจะกลายเป็นน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 นั้น นายทักษิณ บอกว่า นายกอิ๊งค์ (แพทองธาร ชินวัตร) เล่าให้ฟังว่า คณะรัฐมนตรีที่รักษาการอยู่ ได้พูดคุยกับกรมชลประทานแล้วในเรื่องของการพร่องน้ำในเขื่อนต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับน้ำจากทางเหนือ ซึ่งการพร่องน้ำเตรียมไว้ก่อนเช่นนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพเหมือนปี 2554 ที่ไม่ได้พร่องน้ำไว้ก่อน ปีนี้คนกรุงเทพจึงสบายใจได้ว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 อย่างแน่นอน 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News