Categories
WORLD PULSE

ไทย-จีน-ลาว-พม่า-กัมพูชา-เวียดนาม 6 ประเทศ แม่น้ำโขง ปราบยาเสพติด

 

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งได้เชิญทางป.ป.ส.ประเทศไทย เข้าร่วม พร้อมกับผู้แทน ประเทศจีน เมียนมา เวียดนาม และ ประเทศกัมพูชา

 

พลตรี คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว เป็นประธานกล่าวต้อนรับและเปิดประชุม
โดยการจัดการประชุมครั้งนี้เพื่อแสดงความร่วมมือของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันต่อต้านยาเสพติดสากล 26 มิถุนายน 2567 และเป็นการกระชับมิตรภาพ ความสามัคคี และความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติด ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงทั้ง 6 ประเทศ
 
 
พลตรี คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง กล่าวว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศต่างๆ ได้ร่วมกันจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567 ที่นครเวียงจันทน์ สปป. ลาว และ มีคณะผู้แทนของเราเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหายาเสพติดถือเป็นอันตรายร้ายแรงและได้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางจากเมืองสู่ชนบทในระดับต่างๆ
 
 
จนเป็นสาเหตุของเกิดปัญหาความยากจนและอาชญากรรมประเภทต่างๆ ในสังคม จำนวนคดียาเสพติด นักโทษ ผู้ติดยา รวมทั้งจำนวนยาเสพติดแต่ละประเภทมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกันการเคลื่อนย้าย ขนส่ง ค้าขาย และผลิตยามีลักษณะเป็นเครือข่ายมีวิธีการหลายรูปแบบที่ซับซ้อน
 
 
“สปป.ลาวและประเทศที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำของเราได้รับผลกระทบโดยตรงและเผชิญกับปัญหายาเสพติด ปัจจุบันยาเสพติดมีผลกระทบร้ายแรงต่อทุกเพศทุกวัยและทุกชนชั้นทั่วทั้งสังคม ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษา ผู้ค้า คนงาน คนว่างงาน ไปจนถึงข้าราชการจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์ที่ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมถดถอย ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม” พลตรี คำกิ่ง กล่าว
 
 
หลังจากนั้นที่ประชุมได้ให้ผู้แทนทั้ง 6 ประเทศ ได้กล่าวถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพคิดของตนเอง และจะได้รวบรวมข้อมูลของแต่ล่ะประเทศเพื่อนำไปสู่การร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกกฯ แจ้งความผู้จัดกิจกรรมวิ่งดอยช้างเทรล 2024

 
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ประจำจุดสกัดชาพันปี บ้านใหม่พัฒนา ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวยจังหวัดเชียงราย พบว่ามีกลุ่มบุคคลเข้ามาเตรียมสถานที่โดยการกางเต็นท์และจัดโต๊ะบริเวณลานกางเต็นท์ หน้าสำนักงานจุดสกัดชาพันปี เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าวทราบว่าเข้ามาดำเนินการจัดสถานที่ เพื่อเป็นจุดเช็คระยะและจุดพักนักกีฬาในกิจกรรมวิ่งเทรล ดอยช้างเทรล 2024 ซึ่งจะมีการวิ่งผ่านเข้าเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก บริเวณต้นชาพันปีและสันดอยกิ้งก่า จึงได้รายงานให้นายพิทยา สะศรีสังข์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษหัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ทราบ
 
 
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจึงได้สั่งการให้นายนรินทร์ แสงวงศ์ พนักงานพิทักษ์ป่าหัวหน้าจุดสกัดชา พันปี ดำเนินการแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดเช็คระยะและจุดพักนักวิ่งว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2563 และหากยังมีการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
 
 
ต่อมาเวลาประมาณ 00.55 ของวันที่ 23 มิถุนายน 2567 พบว่ายังมีการจัดกิจกรรม และมีนักวิ่งทำการวิ่งเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ได้รับอนุญาต คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงไม่ให้เกิดการปล่อยประละเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจึงมอบ หมายให้นายกมล แฝงบุปผา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำกก เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่สรวย
ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2567
 
 
อนึ่ง ในปีพ.ศ. 2565 คณะผู้จัดเดียวกันนี้ ได้เคยขออนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวกับทางอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกแล้วมาครั้งหนึ่ง และได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมได้ แต่ในครั้งนี้ไม่มีการประสานล่วงหน้าแต่อย่างใด
ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2563
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เชียงรายทอล์ค

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำร่องการใช้เทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกลดูแลผืนป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้มอบทุนสนับสนุนจำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ (MFLF) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกลที่สามารถติดตามการบุกรุกป่าไม้และพัฒนาแบบจำลองที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดและขยายผลในภูมิภาคอื่น ๆ ในขั้นต้นเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเฝ้าติดตามสังเกตการณ์ไร่กาแฟในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (DTDP) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาบนที่ราบสูงในจังหวัดเชียงราย  โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะบริหารจัดการไร่กาแฟซึ่งปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ และเฝ้าติดตามการขยายตัวของป่าเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการบุกรุกป่า พร้อมทั้งยกระดับโครงการคาร์บอนเครดิตซึ่งใช้วิธีการทางธรรมชาติ (nature-based carbon credit) ของทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งเป็นโครงการคาร์บอนเครดิตซึ่งใช้วิธีการทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นางดีปาลี คันนา รองประธาน สำนักงานภูมิภาคเอเชีย มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์  กล่าวว่า “การสนับสนุนเทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกลของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนที่อยู่ในแนวหน้าของการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่ (emerging technology) ความริเริ่มนี้มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน เสริมสร้างความเป็นผู้นำในท้องถิ่น กระตุ้นตลาดคาร์บอนให้มีสีสัน และยกระดับมาตรฐานตลาดคาร์บอนเครดิตให้มีความยั่งยืนโปร่งใส”

ด้วยทุนสนับสนุนนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะพัฒนาแอปพลิเคชันที่ผ่านการทดสอบภาคสนามในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งครอบคลุมหมู่บ้าน 29 แห่งและผู้อยู่อาศัยจำนวน 12,682 ราย แอปพลิเคชันนี้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการแยกความแตกต่างระหว่างป่าเศรษฐกิจและป่าอนุรักษ์ เนื่องจากต้นกาแฟนั้นมักปลูกใต้ร่มเงา จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันไม่ให้ไร่กาแฟขยายไปสู่เขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ซึ่งจะเป็นการทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ในระยะยาว เทคโนโลยีนี้จะช่วยปกป้องป่าอนุรักษ์ โดยส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและป้องกันการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ทรงคุณค่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง นอกจากนี้ ศักยภาพในการคัดแยกระหว่างพื้นที่ป่าเศรษฐกิจและป่าอนุรักษ์จะช่วยทำให้โครงการคาร์บอนเครดิตภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุงนั้นมีความแม่นยำโปร่งใสยิ่งขึ้น

Maisie Williams tươi tắn rạng rỡ trong chuyến sang Việt Nam dự sự kiện ngày 24/6. Không khí tràn đầy hứng khởi khi người hâm mộ háo hức chào đón cô. Maisie bày tỏ lòng biết ơn về sự tiếp đón nồng nhiệt và những trải nghiệm văn hóa độc đáo mà cô gặp được. Trong suốt cả ngày, có thể thấy rõ sự nhiệt tình của cô ấy; cô giao lưu với các nghệ nhân địa phương, nếm thử các món ăn truyền thống của Việt Nam và tham gia các hội thảo văn hóa nhằm nêu bật di sản phong phú của khu vực. Niềm hạnh phúc của cô được thể hiện rõ qua những nụ cười thường trực và những tương tác sôi nổi, cho thấy chuyến thăm này là điểm nhấn đáng nhớ trong chuyến du lịch của cô.

ทั้งนี้ ทีมงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะเข้าไปทำงานร่วมกับชุมชนที่ปลูกกาแฟเพื่อสนับสนุนการใช้เทคนิคการสำรวจระยะไกลและการพัฒนาโซลูชันที่นำโดยชุมชนเพื่อจุดประสงค์การอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งจะสามารถช่วยลดต้นทุนการพัฒนาโครงการ ยกระดับความพยายามในการอนุรักษ์ป่าไม้ และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับชุมชนอื่นๆ นอกพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงเพื่อขยายผลโครงการอนุรักษ์ป่าไม้ต่างๆ ทั่วประเทศ

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีประสบการณ์มากกว่า 50 ปีในการดำเนินงานด้านการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน รวมถึงการปลูกป่าและการอนุรักษ์ป่า ทั้งนี้ โครงการล่าสุดคือการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งช่วยให้ชุมชนขายคาร์บอนเครดิตจากกิจกรรมอนุรักษ์ป่าไม้ โดยมีภาคเอกชนเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ  โดยโครงการดังกล่าวช่วยกระจายจากภาคเอกชนกว่า 60% สู่ชุมชนโดยตรง ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้จดทะเบียนป่าชุมชนประมาณ 312,500 ไร่กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเป็นระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิตของประเทศ ทำให้โครงการนี้เป็นโครงการคาร์บอนเครดิตซึ่งใช้วิธีการทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

องค์ความรู้จากการดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับชุมชนในการพัฒนาเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลนี้ จะถูกนำมาใช้เป็นกรณีศึกษาและในกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้เกิดการขยายผลต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ และพืชพันธุ์ชนิดอื่นๆ ทุนสนับสนุนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรที่มีความโดดเด่นในด้านความเป็นผู้นำและการสร้างผลกระทบเชิงบวกในการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน อันถือเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างตลาดคาร์บอนที่มีความโปร่งใสและยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์มุ่งเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน และการเงิน เพื่อแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศ การดำเนินงานนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีเกิดใหม่ในการส่งเสริมโอกาสการเข้าถึงและแข่งขันในตลาดให้กับโครงการหรือความริเริ่มที่นำโดยชุมชนท้องถิ่น อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม

หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.maefahluang.org/en/homepage/ และ https://www.rockefellerfoundation.org/

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ / มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เสริมสิริมงคลป้ายทะเบียนเลขสวย “ค้าขายม่วนล้ำ” จัดประมูล 31 ส.ค. 67

 
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 67 ที่ลานพระธาตุดอยตุง ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะสงฆ์ประกอบพิธีอธิษฐานจิตเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ป้ายทะเบียนรถเลขสวย ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง หมวดอักษร ขค จำนวน 301 หมายเลข ซึ่งหมายถึง “ค้าขายม่วนล้ำ เงินคำไหลค่อน” โดยการทำพิธีดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลกับป้ายทะเบียน และส่งให้ถึงผู้ที่ประมูลเป็นเจ้าของป้ายทะเบียนเลขสวย ซึ่งพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ยังได้ทำพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเจิมป้ายทะเบียนเลขสวยอีกด้วย 
 
 
ในช่วงทำพิธีถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก (ตามความเชื่อของชาวล้านนา) เพราะบริเวณโดยรอบองค์พระธาตุดอยตุง มีหมอกฝนสีขาวลอยปกคลุม จนคล้ายฤดูหนาว และอากาศยังหนาวเย็นตลอดเวลา ไม่มีแสงแดดหรือฝนตกลงมาแต่อย่างใด ส่วนป้ายทะเบียนเลขสวยนั้น ลวดลายยังเป็นการออกแบบเดิมที่สวยงาม โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย เป็นผู้ออกแบบ โดยได้นำเอาภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.เชียงราย เช่น ภูชี้ฟ้า ดอยนางนอน หอนาฬิกา ฯลฯ มาประกอบในป้ายอย่างสวยงาม โดยมี นายอนุวัฒน์ วงศ์จำรัส ขนส่งจังหวัดเชียงราย นางชลีพร เลานันท์ หัวหน้าฝ่ายทะเบียนรถ นำคณะเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประกอบพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
 

         ทางด้าน นายอนุวัฒน์ วงศ์จำรัส ขนส่งจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย หมวด ขค ซึ่ง หมายถึง “ค้าขายม่วนล้ำ เงินคำไหลค่อน” โดยจะมีการเปิดประมูลทะเบียนเลขสวยในครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่ผ่านทาง www.tabienrod.com ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป พร้อมกัน 2 ช่องทาง คือการประมูลทางวาจา (เคาะไม้) ณ โรงแรมเดอะริเวอร์รี บายกะตะธานี เชียงราย โดยใช้วิธียกป้ายเสนอราคา (Bidding Card) และการประมูลผ่านอินเตอร์เน็ต WWW.TABIENROD.COM หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 053-152076 เพื่อเป็นการจัดการประมูลนำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ซึ่งจะนำไปใช้สำหรับการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ต่อไป
 

        สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อลงทะเบียนได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย โทร 053-152 076 สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงรายสาขาอำเภอเทิง โทร 053-795 222  สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงรายสาขาอำเภอพาน โทร 053-795 222 และ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงรายสาขาอำเภอเวียงป่าเป้า โทร 053-781 493 หรือ โทรศัพท์สายด่วน 1584 และสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ เพจประมูลทะเบียนสวยเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ภารกิจกู้ภัยถ้ำหลวง ครบรอบ 6 ปี จิ๊กซอว์ แห่งความสำเร็จ

 

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เป็นประธานเปิดงาน 6 ปี กู้ภัยถ้ำหลวง รวมใจเป็นหนึ่งเดียว โดยมีนายปัณณวิชช์ ภูริรักษ์พิติกร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) นำหัวหน้าส่วนราชการ ทีมหมูป่าอะคาเดมี และประชาชน เข้าร่วมงาน เพื่อรำลึกถึงผู้เสียสละให้กับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และเคยเป็นผู้บัญชาการในเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีจำนวน 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงระหว่างวันที่ 23 มิ.ย.-10 ก.ค.2561 นาวาตรีสมาน กุนัน (จ่าแซม) เรือโทเบรุต ปากบารา รวมถึงนายดวงเพชร พรหมเทพ (น้องดอม นักฟุตบอลทีมหมูป่า)

 

โดยในช่วงเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตร พระสงฆ์จำนวน 90 รูป พิธีบวงสรวงเจ้าแม่นางนอน และพิธีร่วมแสดงไว้อาลัยให้กับผู้เสียสละในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการ เลี้ยงไก่ แห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการแสดงเหตุการณ์กู้ภัย เวทีเสวนา หัวข้อ “จิ๊กซอว์แห่งความสำเร็จภารกิจกู้ภัยถ้ำหลวง” (Jigsaw.Beyond Heroics Decoding the Tham Luang Cave Rescue) การฉายวีดิทัศน์ สารคดีเหตุการณ์กู้ภัยถ้ำหลวง การแสดงสืบสานและเผยแพร่อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการจำหน่ายสินค้าชุมชน

 

ทั้งนี้วันที่ 23 มิถุนายน ถือเป็นวันที่เริ่มต้นของปฏิบัติการค้นหา และกู้ภัยครั้งประวัติศาสตร์ โดยได้รับความร่วมแรงร่วมใจ ความสามัคคี จากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ประกอบกับความเชื่อ ความศรัทธาและกำลังใจจากทั่วโลก ที่หล่อหลอมรวมรวมจิตใจในการปฏิบัติภารกิจ ทำให้สามารถช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิต ได้อย่างปลอดภัย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

มกอช.เจรจาญี่ปุ่นขอยกเลิก การจำกัดสาย พันธุ์ส้มโอ-มะม่วงไทย

 

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นประธานฝ่ายไทย ในการเจรจาด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและความปลอดภัยอาหาร ร่วมกับคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมการข้าว และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนระดับสูงของญี่ปุ่นจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ (MHLW) สำนักงานกิจการผู้บริโภค (CAA) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ในการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมในความร่วมมือด้านความปลอดภัยอาหาร ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ครั้งที่ 14

 

นายพิศาล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเจรจาขอให้ญี่ปุ่นยกเลิกการจำกัดสายพันธุ์ส้มโอของไทยที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2562 โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้แจ้งยอมรับข้อมูลทางวิชาการและผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร และได้แจ้งยืนยันกรอบเวลาการดำเนินงานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นตกลงที่จะเร่งจัดทำเงื่อนไขการนำเข้าส้มโอทุกสายพันธุ์ของไทยไปยังญี่ปุ่นด้วยวิธีการอบไอน้ำเพื่อเสนอให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณา พร้อมแจ้งว่าจะเร่งกระบวนการในลำดับถัดไปในการหาข้อสรุปร่วมกันต่อเงื่อนไขการส่งออกและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของฝ่ายญี่ปุ่นให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่การประกาศอนุญาตนำเข้าส้มโอทุกสายพันธุ์จากประเทศไทยต่อไป
 
 
ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยยังใช้แนวทางเดียวกันในการเจรจาเพื่อขอส่งออกมะม่วงไปยังญี่ปุ่นโดยไม่จำกัดสายพันธุ์ จากเงื่อนไขเดิมที่ส่งออกได้เพียง 7 สายพันธุ์ ได้แก่ เขียวเสวย โชคอนันต์ หนังกลางวัน น้ำดอกไม้ พิมเสนแดง แรด และมหาชนการ โดยฝ่ายญี่ปุ่นยืนยันว่าจะเริ่มพิจารณาข้อมูลมะม่วงของไทยทันทีหลังจากที่พิจารณาเงื่อนไขของส้มโอเสร็จสิ้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือหารือกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของทั้งสองประเทศ และผลักดันการเปิดตลาดร่วมกัน อาทิ มะม่วงของไทย ส้มของญี่ปุ่น โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้แสดงความขอบคุณฝ่ายไทยเช่นเดียวกันที่จะเร่งพิจารณาเงื่อนไขอนุญาตนำเข้าส้มสายพันธุ์ยูสุและคัมควอทของญี่ปุ่นเพิ่มเติมไปพร้อมกัน
 
 
ทั้งนี้ การประชุมคณะอนุกรรมการพิเศษร่วมในความร่วมมือด้านความปลอดภัยอาหาร ภายใต้กรอบ JTEPA ยังครอบคลุมการหารือโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกัน ซึ่งครั้งนี้ MAFF และ MHLW ได้ตกลงที่จะดำเนินความร่วมมือและประสานงานกับฝ่ายไทยต่อไปในทั้ง 5 โครงการที่ฝ่ายไทยเสนอ ได้แก่ มาตรการควบคุมการนำเข้าและการเรียกคืนสินค้าเกษตรและอาหาร การแปรรูปและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์นม การวิจัยและควบคุมคุณภาพวัคซีนสำหรับสัตว์ และการควบคุมกำกับเทคโนโลยีชีวภาพอาหาร โดยจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของไทยและและผูกความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
 
 
ผลสัมฤทธิ์ของการเจรจาครั้งนี้ ถือเป็นการลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้า ที่จะนำไปสู่การขยายการส่งออกส้มโอไทยไปสู่ญี่ปุ่น และสร้างโอกาสทางการค้าของผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนส้มโอของไทย โดย มกอช. และกรมวิชาการเกษตรพร้อมจะผนึกกำลัง ผลักดันและดำเนินงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับญี่ปุ่นในเรื่องนี้ ให้ประเทศไทยสามารถส่งออกส้มโอทุกสายพันธุ์ไปยังญี่ปุ่นได้โดยเร็วที่สุด
“มกอช. มีความพร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานของไทยทุกภาคส่วน เพื่อเป็นทีมไทยในการเจรจาผลักดันให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทยสามารถขยายการส่งออก มีความสามารถในการแข่งขัน และได้รับการยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล” เลขาธิการ มกอช. กล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดทุ่งทานตะวันเวียงเชียงรุ้ง เลี้ยงขุนน้ำ ฟังธรรมปลาช่อน ขุนน้ำบ้านโป่ง

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 10.30 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงานโครงการส่งเสริมจารีตประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

 

กิจกรรมเลี้ยงขุนน้ำ (ฟังธรรมปลาช่อน) ณ ขุนน้ำบ้านโป่ง หมู่ 1 ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง โดยมีนายสมภพ ทิศอุ่น นายก อบต.ทุ่งก่อ กล่าวรายงาน นายปภาณ นัยติ๊บ รองประธานสภา อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อบต.ทุ่งก่อ และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ นายก นก ยังได้เสนอแนวทางในการพัฒนาให้พื้นที่ ต.บ้านโป่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน บูรณาการกับการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยการขอความร่วมมือทุกๆ ครัวเรือนในพื้นที่ ให้ปลูกดอกทานตะวันเป็นแนวนำสายตาให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอดการเดินทางตั้งแต่เข้าชุมชน จนถึงขุนน้ำบ้านโป่ง เพื่อดึงดูดความน่าสนใจระหว่างการเดินทาง
 
 
ด้วยวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันของชาวล้านนาที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม หนึ่งในประเพณี ที่ชาวล้านนาถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษก็คือ “ประเพณีเลี้ยงขุนน้ำ (ฟังธรรมปลาช่อน)” ซึ่งในแต่ละหมู่บ้านจะมีแหล่งน้ำที่สำคัญเพื่อใช้อุปโภคและบริโภค และในทุกๆ ปีจะมีการทำพิธีเลี้ยงขุนน้ำ (ฟังธรรมปลาช่อน) เพื่อเป็นการขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล และขอให้มีน้ำใช้อุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กเยาวชน ผู้สูงอายุและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และสืบสานประเพณีอันดีงามสืบไป และในปีนี้ทางผู้นำพร้อมกับพี่น้องประชาชนบ้านโป่ง ทั้ง 3 หมู่บ้าน ได้ปลูกดอกทานตะวันเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของบ้านโป่ง ทั้ง 3 หมู่บ้านต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯ เชียงราย ลงพื้นที่ไฟไหม้วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย

 
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 67 จากกรณีที่เกิดไฟไหม้วิหารหลวงลายคำ ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณ ม.11 ต.บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย กลางดึกคืนที่ผ่านมา โดยในวันนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานตรวจพิสูจน์สาเหตุของเพลิงไหม้ โดยในพื้นที่วิหารมีเศษกระเบื้องหลังคาร่วงมากองเต็มเกลื่อนไปหมด ไฟไหม้พระพุทธรูปสำคัญ หุ่นขี้ผึ้งภาพจิตรกรรม โดนเผาวอดทั้งหมด เซิร์ฟเวอร์ บันทึกภาพกล้องวงจรปิดภายในวิหารที่อยู่บริเวณด้านหลังพระประธาน ทำให้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุและประเมินเบื้องต้นความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท  โดยที่วิหารหลวงลายคำ วัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้มีการนำเอาเชือกกั้นแนวมากั้นพื้นที่ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในวิหาร โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมารอดูการทำงานของเจ้าหน้าที่กันอย่างไม่ขาดสาย
 

        นายยา ศรีทา อายุ 73 ปี อดีต ผญบ.บ้านใหม่แสงแก้ว เปิดเผยว่า วิหารที่ถูกไฟไหม้แห่งนี้ตนมีส่วนร่วมในการบุกเบิกตั้งแต่ต้น โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 ปัจจุบันมีอายุกว่า 16 ปี มีของมีค่าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระแสงแก้วโพธิญาณ ซึ่งเป็นพระประธานในวิหาร หุ่นขี้ผึ้งบูรพาจารย์ และของมีค่าอย่างอื่น รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท แต่ความรู้สึกสูญเสียของชาวบ้านประเมินค่าไม่ได้
 

       ด้านพระทศพร กิตติธโร รักษาการณ์แทนเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วฯ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดจึงออกมาดู ก็พบว่ามีไฟลุกไหม้วิหาร ก็เลยโทรแจ้ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับ โดยทางพระเณรมาช่วยดับไฟ ด้วยแต่ไฟได้ลุกลามไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะวิหารก่อสร้างมา 10 กว่าปี และตอนเกิดเหตุก็เป็นช่วงเวลากลางดึก ตอนนี้ได้แจ้งครูบาอริยชาติซึ่งติดกิจนิมนต์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้รับทราบแล้ว ซึ่งท่านก็ได้รับทราบและได้กำชับใช้ลูกศิษย์ตั้งสติ ทำใจกับสิ่งที่เกิดไปแล้ว และตั้งมั่นกับสิ่งที่จะทำในอนาคต โดยเหตุการณ์เกี่ยวกับไฟไหม้ครั้งนี้ พระครูบาอริยชาติได้พูดเตือนพระลูกวัดและลูกศิษย์ตั้งแต่ช่วงวันพระใหญ่ที่ผ่านมา ท่านบอกกลัวไฟจะไหม้วิหาร แต่ตอนนั้นคนที่ได้ยินก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจริง
 

        นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งรายงานเหตุจากนายอำเภอประมาณตีหนึ่ง โดยในเบื้องต้นทราบว่าไฟลุกไหม้ตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืน ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้และมูลค่าเสียหายทั้งหมด ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ พฐ. ได้ทำงานเพื่อหาบทสรุปก่อน และตนก็ได้สั่งการให้โยธาธิการและผังเมือง และสำนักพุทธฯ มาตรวจสอบความเสียหายในวันจันทร์ เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว สำหรับใครที่ต้องการจะมาเที่ยวที่วัดแสงแก้วในช่วงนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงามน่าสนใจอีกมากมาย สามารถมาเที่ยวกันได้ตามปกติ 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ป.ป.ส. จัดประกวดคลิปวิดีโอสั้น ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 24 ล้านบาท

 

ป.ป.ส. เชิญชวนเยาวชนทั่วประเทศร่วมกิจกรรมสื่อสาร สร้างสรรค์ รู้เท่าทัน ยาบ้า (Be Smart Say No to Drugs) ส่งผลงานประกวดคลิป วิดีโอสั้น ภายใต้คอนเซปต์ “How to say no to Yaba ?” ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 24,000,000 ล้านบาท

 

สำนักงาน ป.ป.ส. จัดกิจกรรมสื่อสาร สร้างสรรค์ รู้เท่าทันยาบ้า (Be Smart Say No to Drugs) ประกวดคลิปวิดีโอสั้น (ความยาวไม่เกิน 1 นาที) ผ่านแพลตฟอร์มติ๊กต็อก (TikTok) ภายใต้คอนเซปต์ “How to say no to Yaba ?” ชิงเงินรางวัลรวมทุกระดับกว่า 24 ล้านบาท

 

โดยขอเชิญชวนน้องๆ เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 13 – 19 ปี ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า ในสถานศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ โดยการประกวดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ (1) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่า (ทีมละ 2-5 คน)  และ (2) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ทีมละ 2-5 คน) โดยในแต่ละทีมจะต้องอยู่สถานศึกษาเดียวกัน สำหรับการคัดเลือกผลงานจะเริ่มคัดเลือกตั้งแต่ระดับอำเภอจำนวน 878 อำเภอ แล้วคัดเลือกทีมชนะเลิศแต่ละอำเภอ มาแข่งขันเป็นตัวแทนของจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ามาตัดสินในระดับประเทศต่อไป

 

ทั้งนี้ ทีมตัวแทนระดับจังหวัดจะได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างสรรค์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียจากอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เช่น พ่อมดติ๊กต๊อก, โค้ดดี้ เสือร้องไห้, หนุ่ย แบไต๋ และอื่น ๆ โดยสามารถนำความรู้นี้มาพัฒนาต่อยอดเพื่อชิงชนะเลิศในการแข่งขันระดับประเทศ

 

กิจกรรมสื่อสาร สร้างสรรค์ รู้เท่าทัน ยาบ้า (Be Smart Say No to Drugs) เริ่มเปิดรับผลงานตั้งแต่วันนี้ – 20 ก.ค. 2567 โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือส่งผลงานที่เว็บไซต์ www.besmartsaynotodrugs.com หรือ Facebook : Be Smart Say No to Drugs / Tiktok : besmartsaynotodrugs  

 

กิจกรรมนี้ มุ่งหวังที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับเยาวชน ให้ห่างไกลจากยาบ้า และรับรู้ถึงโทษพิษภัยผลกระทบจากการใช้ยาเสพติด การใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้จึงถือเป็นเครื่องมือหลักในการที่จะช่วยสื่อสาร และเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการเข้าถึงเยาวชน ได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องการที่จะให้เยาวชน รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และสร้างสรรค์สื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ทั้งนี้ ผลงานที่ได้รับรางวัล สำนักงาน ป.ป.ส. จะนำมาใช้ในการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อสร้างกระแสให้เยาวชนห่างไกลจากยาบ้า พร้อมทั้ง ดำเนินการตามแผนงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 

 

เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนมีทักษะการใช้ชีวิตให้ห่างไกลเสพติด พร้อมทั้งรู้เท่าทันโทษพิษภัยยาบ้า สามารถใช้ชีวิตและเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพเป็นกำลังพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์ วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง

 
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่ พระวิหารแก้ว วัดพระสิงห์พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พร้อมด้วย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำภาคเอกชน และพุทธศาสนิกชน ร่วมประกอบพิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์พระสิงห์ ประจำเมืองเชียงราย โดยมี ดร.ปัณณวิชญ์ พิบูลธนาภิรมย์ เป็นผู้อัญเชิญน้ำสรงประทาน ในโอกาสที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาตคญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานน้ำสรงเพื่อสรงถวายพระพุทธสิหิงค์ ในพิธีเลี้ยงสังเวยเทดาอารักษ์พระสิงห์ประจำเมืองเชียงราย ปีที่ 6

 

ชาวล้านนาได้มีความเชื่อต่อกันมาว่า เทวดาอารักษ์เมืองมีหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองให้สงบสุขร่มเย็น ปราศจากสิ่งชั่วร้าย จึงได้มีการประกอบพิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์ขึ้น โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 โดยพิธีประกอบไปด้วย พิธีโองการบวงสรวงเครื่องสังเวยเทวดาอารักษ์ และถวายเครื่องสักการะ จากนั้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 9 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และอ่านประกาศประทานน้ำสรง จากนั้น พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ อัญเชิญน้ำสรงประทานสมเด็จพระสังฆราช ขึ้นประกอบพิธีถวายน้ำสรงพระพุทธสิหิงค์ โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ และดร.ปัณณวิชญ์ พิบูลธนาภิรมย์ ร่วมถวายน้ำสรงพระพุทธสิหิงค์ ตามลำดับ

 

วัดพระสิงห์เชียงราย (พระอารามหลวง) เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงรายมาแต่โบราณ ด้วยในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ พระพุทธรูปสำคัญของประเทศไทย ปัจจุบันวัดพระสิงห์มีสถานภาพเป็นพระอารามหลวงประจำจังหวัดเชียงราย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ (หรือพระสิงห์) จำลองศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง 37 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 66 เซนติเมตร ทั้งนี้ พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมประเพณีอันดีงาม ความเป็นสิริมงคล และเป็นการสร้างความสามัคคี สร้างขวัญกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนชาวเชียงราย ก่อให้เกิดความตระหนักสำนึกรักถิ่นกำเนิดให้อยู่คู่กับชาวล้านนาจังหวัดเชียงรายสืบไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News