Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯเชียงราย พร้อมการเลือก สว. สนามกีฬากลางจังหวัดเป็นที่สมัคร

 

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัด นายอาคม สุขพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.เชียงราย และ คณะกรรมการระดับจังหวัด นายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย หัวหน้ากลุ่มงาน พร้อมด้วยพนักงานของสำนักงานเป็นคณะทำงาน กกต.เชียงราย ร่วมแถลงข่าว การจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ที่ชั้น 3 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย ศูนย์ราชการ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย

 

ทั้งนี้ นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย พร้อมด้วยสื่อมวลชนทุกแขนง ร่วมรับฟังในการแถลงข่าว การจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ส่วนของจังหวัดเชียงราย

 

โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้เป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครในระดับผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งแต่ระดับ อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ ต้องศึกษาอย่างละเอียดเพราะถือว่าเป็นสิ่งใหม่ของประเทศไทย ก่อนการรับสมัคร สว. จะเริ่มขึ้น
 
 

ด้าน นายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้เป็นการเลือกแบบทั่วไป ตามกฏหมายกำหนด ซึ่งการเลือกมีการเลือก 3 ระดับ คือ อำเภอ จังหวัด และ ประเทศ โดยการสมัครจะรับสมัครในวันที่ 20-24 พฤษภาคม 2567 ณ สำนักทะเบียน ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยจังหวัดเชียงรายมี 18 อำเภอ และขณะนี้มีผู้ที่สนใจสมัครรับเลือก สว. ไปขอรับเอกสารแล้วรวม 108 ราย ตั้งแต่วันที่ 10-14 พ.ค.2567 และหลังจากนี้จะมีการประชุมผู้สนใจสมัครรับเลือกฯ ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ซึ่งจะใช้ห้องประชุมอาคารคชสาร ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย และเชื่อว่าจะมีผู้ที่สนใจสมัครมารับฟังประมาณ 200 คน

 

“ทั้งนี้ในการเลือก สว. ครั้งนี้จะมีด้วยกัน 2 รอบ ในทุกระดับ ทั้งในระดับ อำเภอ จังหวัด และประเทศ ซึ่งจะเป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครรับเลือก สว. ที่มาจาก กลุ่มอาชีพ 20 กลุ่มตามที่กฏหมายกำหนด ซึ่งผู้สมัครรับเลือก สว. จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนสมัคร รวมทั้งการได้มาซึ่งคะแนน” นายชูชาติ กล่าว

 

ส่วนการสมัครับเลือก สว. จะเสียค่าสมัครคนละ 2,500 บาท โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันสมัคร มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เกิดในอำเภอที่สมัคร มีชื่อหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก ทำงานหรือเคยทำงานในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า2 ปีการศึกษา

 

ผู้สมัครรับเลือก สว. ไม่สามารถหาเสียงได้ แต่สามารถแนะนำตัวตามแบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร โดยระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 กำหนด ให้มีข้อความและข้อมูลดังนี้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร ประวัติการศึกษาของผู้สมัคร ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร ไม่เกิน 5 บรรทัด ทั้งนี้ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต. กำหนด.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

Eco Living เฟอร์ฯไม้สไตล์มินิมอล “WASABI SERIES” by อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์

 

ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนเมือง การแต่งบ้านที่ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย กับดีไซน์เรียบง่าย อบอุ่น คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ หลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิต จึงเป็นที่มาของดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง WASABI SERIES” (วาซาบิ) by อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นการผสานเสน่ห์งานไม้ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ให้ความอบอุ่น ผ่อนคลายในสไตล์มินิมอล 

 

WASABI SERIES” ดีไซน์จากแนวคิดCity / Art / Craft / Earth”  Things To Make You Connect With Nature ผ่านการตีความจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเมืองปัจจุบัน สู่การเชื่อมโยงชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยนำกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติจากไม้ยางพารา (Eco Living) เข้ามาเพิ่มสมดุลการใช้ชีวิตภายในบ้านสู่โหมดสุขสงบ ผ่อนคลาย และยังช่วยฮีลใจในวันที่เหนื่อยล้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

คุณกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเลือกกำหนดเทรนด์การแต่งบ้านตามความชอบได้เอง ด้วยเหตุนี้ ILM จึงได้พัฒนาเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง “WASABI SERIES” ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ความเรียบง่าย  เบาตา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยสไตล์มินิมอลที่สามารถใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องกลัวตกเทรนด์ รวมถึงดีไซน์ฟังก์ชันที่ลงตัวกับทุกการใช้งาน  ซึ่งในซีรีย์นี้มีไอเทมให้เลือกแต่งบ้านครบทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็น ชุดห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ชุดครัว-ชุดโต๊ะอาหาร และโต๊ะทำงาน รวมกว่า 20 ไอเทม และด้วยดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายจึงสามารถ Mix & Match ให้เข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ เช่น สไตล์ Japandi, Modern, Tropical, Scandinavian, Nordic นอกจากดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ครบความต้องการแล้ว บริษัทฯ ยังยึดแนวทางการปฏิบัติด้านความยั่งยืน โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรไม้อย่างรู้ค่า  สนับสนุนการสร้างรายได้แก่เกษตรกรสวนยาง โดยเรารับซื้อไม้ยางพาราที่หมดอายุ (ไม่สามารถผลิตน้ำยางได้)  เพื่อนำมาสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์แนวใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสู่การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างยั่งยืน

จุดเด่น “ชุดห้องนอน WASABI”  เป็นการนำวัสดุหลักจากไม้ยางพารามาผสานเข้ากับดีเทลคลื่นกระจกลอนให้ดูเทรนด์ดี้ ที่ภายนอกดูโปร่งแสง แต่ไม่โปร่งใสยังซ่อนความเป็นส่วนตัวไว้อยู่ เพิ่มลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์กับ   งานคราฟท์การเซาะร่องที่เป็นเอกลักษณ์จากช่างฝีมืองานไม้ ให้สัมผัสได้ถึงความ Cozy นอกจากนี้ยังให้ความสะดวกสบายกับระบบ Soft Close เพื่อเปิด-ปิด หน้าบานและลิ้นชัก ให้นุ่มเบา ไร้เสียงรบกวน และยังช่วยถนอมเฟอร์ฯ เพื่อการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ส่วน “ตู้เสื้อผ้า” จัดสรรการจัดเก็บแบบรู้ใจนักช้อปเสื้อผ้า ด้วยราวแขวนเสื้อผ้าถึง 2 ชั้น

“ชุดห้องนั่งเล่น WASABI” ได้รวบรวมไอเทม รวม 10 ไอเทม ประกอบด้วย โซฟา อาร์มแชร์ เดย์เบด โต๊ะคอนโซล โต๊ะกลาง โต๊ะข้าง ตู้วางทีวี ตู้ไซด์บอร์ด โดยคุมโทนสีโทนอ่อน เช่น สีเทา น้ำตาล เอิร์ธโทน ใช้สัมผัสที่เบาสบายตา เมื่อปะทะกับแสง-เงา ภายในบ้านก็จะเพิ่มบรรยากาศ Cozy ซึ่งแต่ละไอเทมสามารถเลือกให้แมทช์กันกับการจัดวางและใช้งานได้กับทุกห้องของบ้านหรือแม้แต่คอนโด 

 

“โต๊ะทำงาน WASABI” ที่ดีไซน์สไตล์มินิมอล 2 ดีไซน์ สำหรับ โต๊ะทำงานเน้นจัดเก็บ เสริมตู้ด้วยสเต็ปจัดเก็บให้ทำงานได้ไม่สะดุด และ โต๊ะทำงานเน้นจัดวางเบาๆ ด้วยถาดวางอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ขยับเคลื่อนซ้าย-ขวาได้

“ชุดครัวสำเร็จรูป – ชุดโต๊ะอาหาร WASABI” ยังคงเน้นเสน่ห์งานไม้ยางพารา สำหรับ ชุดครัวสำเร็จรูป รวมฟังก์ชันจัดเก็บครบในสไตล์ญี่ปุ่น ส่วน ชุดโต๊ะทานอาหาร เก๋ที่การซ่อนดีไซน์การเก็บอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องปรุง ตรงคานใต้โต๊ะ ลดความเกะกะได้ดี  ส่วน เก้าอี้ ดีไซน์ให้สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา พนักพิงสูงโค้งโอบรับหลังพอดี พร้อมเบาะนั่งบุหนาพิเศษให้รู้สึกสบาย นอกจากดีไซน์และฟังก์ชัน “WASABI SERIES” ยังคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยภายในบ้าน เช่น การออกแบบเพิ่มช่องว่างให้พอดีกับโรบอทเข้าไปทำความสะอาดได้  รองรับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่เน้นความรวดเร็ว สะดวกสบาย แบบ Smart Living

และเพื่อร่วมฉลองเปิดเฟอร์นิเจอร์ซีรีย์ใหม่ เมื่อช้อป WASABI SERIES ครบ 15,000 บาท รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม “Wasabi Sushi Bento” กับ “เชฟประเทือง ศรีสุข” ดีกรีแชมป์ 2 สมัย จากเชฟกระทะเหล็ก ณ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์  สาขาพัทยา 11-12 พ.ค. นี้, สาขาเกษตร-นวมินทร์ 25-26 พ.ค. นี้, สาขาเชียงใหม่ 1-2 มิ.ย.นี้ และ สาขาภูเก็ต 18-19 พ.ค. นี้ สามารถช้อป WASABI SERIES ได้แล้วที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ดูตัวอย่างสินค้าคลิก  https://www.youtube.com/watch?v=ucVKgoEKBDI&list=PLppj5yQKkDis35e2ELoJtPbTTIGwxSuDh 

ช้อปออนไลน์ที่ https://bit.ly/44nwES4  สอบถามโทร.1379

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

‘แม็คซ์ฟู๊ด’ ผู้ส่งออกไอศกรีมเบอร์ 1 เอเชีย ปลูกสับปะรดเพิ่ม 1,000 ไร่ ที่เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของไทยและการเติบโตของบริษัทฯ ว่า ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยถึงมูลค่าการส่งออกไอศกรีมของไทยปี 2566 อยู่ที่ 148.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก สอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ ไอศกรีมผลไม้ และ โมจิไอศกรีม โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเกือบ 99% และขายในประเทศเพียง 1% ทำให้ในปีที่ผ่านมา (2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมสูงถึง 340 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% แต่ยังน้อยกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท

 

จากปัญหาการไม่เพียงพอของผลไม้สดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตและกำลังการผลิตของโรงงานเต็มแล้ว ส่งผลให้มีสินค้าค้างส่งแก่ลูกค้าถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาท แต่ปีนี้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้วแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิต การบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบ ด้วยการลงทุนปลูก จัดหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ เพิ่ม และสต๊อกผลไม้เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ตลอดปี ทำให้จะสามารถส่งผลิตภัณฑ์ไอศกรีมแก่ลูกค้าได้ในทุกคำสั่งซื้อ ทั้งคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ คำสั่งซื้อใหม่ และรองรับลูกค้าใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขึ้น

 

โดยการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตนั้น มีการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นการขยายโรงงานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกับเครื่องจักรและสายการผลิตไอศกรีมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สามารถลดเวลาในการผลิตไอศกรีมผลไม้ 1 ลูก จากเดิมที่ใช้เวลา 3 วัน เหลือเพียงแค่ 10 นาที ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตจากปีละ 340 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 9 ล้านชิ้นต่อปี เป็น 720 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 18 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งโรงงานใหม่จะเสร็จสิ้นและดำเนินการผลิตได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

 

ส่วนการแก้ปัญหาด้านวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิตนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีแผนระยะยาวในการป้องกัน โดยลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการปลูกสับปะรดจำนวน 1,000 ไร่ ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งสับปะรดเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตภัณฑ์ไอศกรีมผลไม้ในลูกสับปะรดที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา โดยคาดว่าจะได้ผลผลิตช่วงปลายปีนี้ประมาณ 1 ล้านลูก และจะเพิ่มเป็น 6 ล้านลูกในปีต่อๆ ไป พร้อมกันนั้นยังได้สร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บวัตถุดิบทำให้สต๊อกวัตถุดิบเพิ่มได้มากถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ ประมาณ 1 ล้านชิ้น ทำการปรับปรุงการบริหารจัดการด้านการจัดซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้รับซื้อและจัดเก็บผลไม้ในฤดูกาลที่มีผลผลิตมากได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป และถือเป็นการช่วยเกษตรกรทางอ้อมอีกด้วย

 

ส่วนด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายนั้น ยังคงเน้นตลาดส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในลูกผลไม้ของเรายังคงครองอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลี ส่วนประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มีการเน้นทำตลาดเพื่อสร้างความรู้จักมากขึ้น แต่ตลาดที่น่าสนใจ มีศักยภาพสูงและเป็นประตูบานสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีกำลังการซื้อสูงและเชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบอาหรับและแอฟริกาได้ ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ มีการบริโภคสูง ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ทางบริษัทฯ ได้เริ่มมีการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายบ้างแล้วและผลตอบรับเป็นไปด้วยดี คาดว่าจะสามารถพัฒนาต่อไปเป็นตลาดสำคัญของเราได้ นอกจากนั้นยังได้เริ่มมีการเปิดตลาดใหม่กับทางอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตร คาดว่าจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้ประมาณปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป ประกอบด้วย ไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีสัดส่วนสูง 80% โมจิไอศกรีม 15% และ ไอศกรีมผลไม้แท่ง 5% ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยขนาด 210 กรัม มี 6 รสชาติ ประกอบด้วยสับปะรด เสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ซึ่งไอศกรีมชนิดถ้วยจะเป็นคนละตลาดกับไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ แต่ยังเน้นตลาดส่งออกเช่นเดิม โดยจะเริ่มจำหน่ายในเกาหลีก่อน

สำหรับจุดเด่นของไอศกรีมชนิดถ้วย คือ การเจาะเข้าสู่ฐานผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง รีเทล ซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN นอกจากนั้นยังเปิดกว้างในการรับจ้างผลิต (OEM) แบบครบวงจร โดยลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมพัฒนาสูตรกับเรา โดย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จะดูแลเรื่องการผลิต บรรจุ พร้อมส่งออกไปยังปลายทางให้ได้อีกด้วย ซึ่งจากการขยายการลงทุนโรงงานใหม่ แหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะสูงแตะ 400 ล้านบาท

 

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป สามารถเยี่ยมชมได้ที่งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 บูธ 1KK59 วันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถหาข้อมูล รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่ www.maxfoodgroups.com/ หรือ โทร 099-6246266

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

‘อทิตาธร’ ร่วมยินดีกับนักกีฬา บาสเกตบอล TOA 3×3

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย แสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัล ในรายการแข่งขันบาสเกตบอล “TOA 3X3 BASKETBALL ALL THAILAND 2024“ ณ ประตูท่าแพ จ. เชียงใหม่ ในวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้รับรวม 3 รางวัล ได้แก่ 

ชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีหญิง ได้แก่ 

  1. เด็กหญิงเพลงพิณ ไตรแสง 
  2. เด็กหญิงมะลิ อินทยศ 
  3. เด็กหญิงพาขวัญ สงวนศรี 
  4. เด็กหญิงกรภัค ดีน้อย 

รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีชายได้แก่ 

  1. นายเบนจามิน ซันนี่ สลาวจ์เตอร์ 
  2. นายกุนที ครุฑไทย 
  3. นายตะวันฉาย มาบุตร 
  4. นายไชยพงศ์ ภาสน์ประวิตร 

 

รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีชาย ได้แก่ 

  1. เด็กชายกัญจน์ ดอนเมือง 
  2. เด็กชายกันตณพิชญ์ ศิระกมลโรจน์ 
  3. เด็กชายชินกฤต ธรานิศร 
  4. ด็กชายกวีวัฒณ์ ถูกจิตต์เสฎฐี 

 

และสำหรับทีมที่ชนะเลิศจะได้ไปแข่งขันต่อในรอบประเทศ Grand Final เพื่อชิงตั๋วไปดูการแข่งขัน บาสเกตบอล 3×3 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 27-29 ก.ค. 2567 ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ นายก นก ได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมส่งเสริมและผลักดันการแข่งขันกีฬาของเยาวชน ซึ่งถืออีกหนึ่งนโยบายในการพัฒนาของ อบจ.เชียงราย ที่จะสร้างโอกาสและสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชนมีพื้นที่สร้างสรรค์โดยใช้กีฬานานาชนิด ในการค้นหาสร้างเยาวชนช้างเผือกด้านกีฬาสู่สากลกีฬาประจำท้องถิ่น กีฬาคนพิการ รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนทั่วไปทำกิจกรรมเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ วางรากฐานเรื่องกีฬามาตั้งแต่ท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มุ่งสู่การเป็นนักกีฬาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ ระดับสากล และนักกีฬาอาชีพต่อไป

 

บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA ร่วมกับ สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เปิดศึกการแข่งขันดวลบาสฯ 3 คน ยอดฮิต TOA 3×3 Basketball All Thailand 2024 ปลุกกระแสบาส 3×3 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พร้อมลุยจัด 10 สนามทั่วไทยตามมาตรฐานสากล เน้นเอนเตอร์เทนเมนต์ให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น ประเดิมสนามแรก 26 – 27 เมษายน 2567 นี้ที่ จ.ชลบุรี ทีมผู้ชนะรุ่น 12-14 ปี ชิงตั๋วรางวัลพิเศษ บินลัดฟ้าไปชมการแข่งขันบาสเกตบอลแมตช์ระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรม CSR ทาสี ตีเส้น มอบสนามบาสให้ชุมชนทั้ง 10 จังหวัด พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ ส่งไอเดียทาสีสนาม ชิงเงินทุนการศึกษารวมกว่า 150,000 บาท สานต่อนโยบายภาครัฐในการลงนาม MOU สนับสนุนสมาคมกีฬาบาสฯ เพื่อร่วมส่งเสริม พัฒนา และขับเคลื่อนวงการกีฬาให้เป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศ โดยมี นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA นายนิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอล แห่งประเทศไทย และนายปิยพงศ์ พิรุณ เลขาธิการสมาคมกีฬาบาสฯ ร่วมแถลงข่าวเปิดศึกการแข่งขันบาสเกตบอล TOA 3×3 Basketball All Thailand 2024 ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567

 

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เปิดเผยว่า ตามที่ TOA ได้ร่วมกับ สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 12 ปี ด้วยมุ่งหวังส่งเสริมให้เยาวชนไทย หันมาออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส ห่างไกลยาเสพติด และพัฒนาวงการกีฬาบาสไทยให้มีชื่อเสียงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกีฬาบาสฯ 3×3 ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในเยาวชน จนทำให้รายการแข่งบาส TOA 3×3 ออล ไทยแลนด์ ในปีที่ผ่านมาได้รับกระแสการตอบรับอย่างท่วมท้น ในปีนี้จึงได้ยกระดับการจัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3 คน ที่บวกเอนเตอร์เทนเมนต์ให้มีสีสันมากขึ้น เพื่อให้เยาวชนในต่างจังหวัด ได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันในมาตรฐานระดับสากล พร้อมสานต่อกิจกรรม CSR “ทาสี ตีเส้น” ส่งมอบสนามบาสให้ชุมชน10 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดออกแบบสนามบาสเกตบอลตามจังหวัดที่เราไปจัดการแข่งขัน ชิงเงินทุนการศึกษารวมกว่า 150,000 บาท 

“ซึ่งในวาระที่ ทีโอเอ ครบรอบ 60 ปี เราจึงมอบรางวัลพิเศษ พาเยาวชนทีมที่ชนะเลิศ รุ่น U12 และ U14 รวม 3 ทีม 12 คน บินลัดฟ้าไปชมการแข่งขันบาสเกตบอลแมตช์ระดับโลก นัดชิงชนะเลิศรายการ 3×3.EXE PREMIER 2024 PLAYOFFS ปลายเดือนกันยายนนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมอบประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยได้สานฝันสู่การเป็นนักกีฬาระดับอาชีพ และพัฒนาวงการกีฬาไทยไปสู่ระดับสากลอีกด้วย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ชาวตำบลนางแลกว่า 70 ครัวเรือน ยื่นขอพิสูจน์ครอบครองที่ดินเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายสุชาติ สมประสงค์ กำนันตำบลนางแล พร้อมด้วย นางเตียนทอง เรือนคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 และนายไพโรจน์ ทวีสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านใหม่นางแล หมู่ที่ 17 พร้อมด้วยประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อยื่นขอพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคล กว่า 70 ครัวเรือน ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินในที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินมายาวนาน ทั้งนี้ชาวบ้านขอยืนยันว่าพวกตนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่มาหลายชั่วอายุคน มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองการอยู่อาศัยและประกอบอาชีพมาก่อน ขณะที่บางรายก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ ต่างได้รับความเดือดร้อนต้องประกอบอาชีพโดยไม่ได้มีกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ให้ชาวบ้านได้เอกสารสิทธิ์แต่อย่างใดเพื่อยืนยันการถือครองที่ดินในปัจจุบัน เสนอต่อนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดยมี นายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับเรื่องเพื่อพิจารณานำเสนอรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตามลำดับขั้นตอน

 

จากกรณีดังกล่าว ประชาชนในพื้นที่ต้องการดำเนินการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินที่ประชาชนครอบครองอยู่ตามเอกสารที่กฎหมายกำหนด ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการมีประชาชนมีส่วนร่วมขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินของประชาชน โดยมีรายชื่อประชาชนบ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 และบ้านใหม่นางแล หมู่ที่ 17 ที่ขอพิสูจน์สิทธิ์ครอบครองที่ดินในเขตที่ดินของรัฐ (สปก.) ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติมีคำสั่งที่ 1/2564 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่งตั้งณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) ให้มีอำนาจและหน้าที่ในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกประเภท ซึ่งประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมายาวนาน และถูกประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนางแล ตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลริมกก และตำบลบ้านดู่ นับตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2537 เป็นต้นมา 
 
 
แม้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินจะถูกประกาศให้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินแต่ประชาชนทั้งหมดไม่ประสงค์ขอรับการจัดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย หรือกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในรูปแบบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เนื่องจากเชื่อมั่นว่า ได้มาทำประโยชน์ในที่ดินก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรกผ่านมามากกว่า 10 ปี จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้มาดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน แต่ปรากฎว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินและเมื่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติมีคำสั่งที่ 1/2564 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) ให้มีอำนาจและหน้าที่ในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกประเภท และได้กำหนดมาตรการเรื่องการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐไว้อย่างชัดเจน 
 
 
จึงได้ศึกษารายละเอียดและได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับที่ดิน เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ครอบครองทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องมาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรกหมู่บ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 ก่อตั้งหมู่บ้านมาก่อน พ.ศ. 2460 โดยปรากฎวัตถุพยานเป็นที่ประจักษ์คือการก่อตั้งวัดนางแลใน มีรายชื่อเจ้าอาวาสและผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนับตั้งแต่ พ.ศ. 2460 เป็นต้นมา ที่สามารถพิสูจน์ได้จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของราชการได้การครอบครองที่ดินปรากฎชัดเจนในภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2513 ให้รักษาป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท ไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวร และได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2521 
 
 
 
และประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนางแล ตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลริมกก และตำบลบ้านดู่ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2537มีข้อโต้แย้งสิทธิครอบครองที่ดินประกอบด้วย พยานบุคคล พยานวัตถุ และภาพาถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ที่ถ่ายภาพพื้นที่นั้นไว้เป็นครั้งแรกจากเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ได้รับการรับรองจากกรมแผนที่ทหาร โดยเป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายขึ้น ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2497 วันที่ 30 มกราคม 2513 และวันที่ 15 มกราคม 2519 ตลอนจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่พร้อมสำหรับการพิสูจนฒสิทธิ์ฯ ดังนั้นจึงเรียนมายังประธานอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) จังหวัดเชียงราย เพื่อขอใช้สิทธิ์ตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ขอพิสูจน์การครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินว่าได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรก
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

จับบัญชีม้าเงินหมุนเวียน 9 ล้าน พบเงินเข้าออกมีชื่อ ‘คนจีน’ เพียบ

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.สอบสวนกลาง พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.4 ปคม. สั่งการให้ พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 ตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ชานนท์ รัตนประทีป สว.ฯ พ.ต.ท.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ทล.5ฯ และตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย เจ้าหน้าที่ ตม.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หนองฉาง จ.อุทัยธานี นำหมายจับของศาล จ.อุทัยธานี ที่ 235/2566 ฐาน ยักยอกเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดด้วยประการใดๆ และ อีก 4 หมายจับ คือ ตามหมายจับศาล จ.พิมาย จ.นครราชสีมา 73/2566 หมายจับศาล จ.สุพรรณที่302/2566,หมายจับศาลแขวงสุพรรณที่ 153/2566,หมายจับศาลจ.นนทบุรีที่ 586/2566 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน รวม 5 หมายจับ

 

เข้าทำการจับกุมตัว นายวิทยา อายุ 32 ปี ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากที่ผู้ต้องหารายนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา ได้เพียง 2 วัน ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ไม่เคยถูกจับตามหมายนี้มาก่อน
 
 
ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหา ได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยไคร้ และขายให้กับ นายปิยะพงษ์ ในราคา 3,500 บาท ซึ่งเป็นเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ตามหมายจับกว่า 60 หมายจับ
โดยนายวิทยา เปิดเผยว่า พอตนเองทราบว่า นายปิยะพงษ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว จึงได้หลบหนีไปที่ต่างๆ และได้วนกลับมาที่บ้านของตนเองเป็นบางครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม แต่ในครั้งนี้ได้มาถูกจับกุมที่บ้านพักดังกล่าว
 
 
อย่างไรก็ตาม นายวิทยา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมว่า ตนได้รับข้อความผ่าน SMS และทางอีเมล์ ที่ตนผูกไว้กับบัญชี แจ้งเตือนวงเงินเข้าออกหมุนเวียนกว่า 8-9 ล้านบาท ส่วนมากพบเป็นชื่อคนจีนทั้งหมด ที่มีการโอนเข้าและโอนออกไป ตนจึงทราบว่าบัญชีที่ตนขายไปนั้น ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีนนำไปใช้ก่อเหตุ
 
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิทยา มาทำบันทึกควบคุม ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย และนำส่งมอบตัวให้ตำรวจทางหลวงเชียงราย ควบคุมตัวส่งต่อให้ชุดสืบสวน สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ต่อไป.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

CP All มอบทุนการศึกษาวิชาชีพสายสื่อมวลชน ให้กับสมาชิกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา คุณธานี ลิมปนารมณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และรศ.ดร.จินตวีร์ เกษมศุข คณบดี คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) ร่วมมอบทุนการศึกษาวิชาชีพสายสื่อมวลชน หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต ปีการศึกษา 2567 ให้กับสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ซึ่งในปีนี้ผู้ผ่านการคัดเลือกได้รับทุนฯ 
 
 
ได้แก่ นายกันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจ มีเดียแบรนด์ส คอนเท็นต์ สตูดิโอ (MBCS Thailand) บริษัท – ไอพีจี มีเดีย แบรนด์ส ประเทศไทย : IPG Mediabrands Thailand โดยมี คุณชนิดา จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมเป็นเกียรติ ที่อาคาร Convention Hall สถาบันการจัดการปัญญภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม)
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

บพข. หนุน ม.มหิดล และมจท. พร้อมร่วมมือเอกชน เปิดตัวโครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 – ครั้งแรกของประเทศไทยในการก้าวสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล (Accessible Thailand Wellness Tourism: ATWT) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมจากสื่อมวลชนและภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ด้วยฐานงานวิจัยแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สนับสนุนทุนวิจัยโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)  จัดขึ้น ณ SIRIRAJ H SOLUTIONS ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต บริเวณชั้น 5 อาคาร ICS Lifestyle Complex

 

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) กล่าวว่า โครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลในครั้งนี้ จะเป็นการนำเสนอโครงการวิจัยในรูปแบบใหม่ของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนอย่างแท้จริง บนรากฐานแก่นแท้ของ “ความเป็นไทย” ผ่านการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ที่ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย

 

โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลด้วยการเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการต่อยอดการพัฒนาการตลาด โดย ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม สังกัด มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจาก กองทุน ววน. ซึ่งได้มอบทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้ร่วมทุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท นัตตี้ส์ แอดเวนเจอร์ส์ จำกัด และ บริษัท แพน โฟ จำกัด  ในการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มุ่งเป้า เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นเมืองต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยมีพื้นที่ในการวิจัยภายในประเทศไทยด้วยกัน 3 จังหวัดดังนี้ 1) จังหวัดกรุงเทพฯ 2) จังหวัดนครปฐม 3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศเป้าหมายทางการตลาด คือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์  และกลุ่มเป้าหมายทางตลาดแบ่งเป็น 3กลุ่มดังนี้ 1) กลุ่ม Wheelchair กรุงเทพฯ 2) กลุ่มผู้สุงอายุ  3) ผู้พิการทางสายตา

 

ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในมิติต่างๆอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการวิจัยและการพัฒนาในส่วนของ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล” ยังคงเป็นความต้องการเพื่อให้มั่นใจได้ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถมีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากการบริการในด้านนี้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการทั้งภายในและต่างประเทศ สร้างความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับ Wellness Tourism พัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการข้อมูลด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อการเข้าถึงของคนทั้งมวล และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล

 

ด้านคุณนิธิ สืบพงษ์สังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัตตี้ แอดเวนเจอร์ จำกัด ในฐานะภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของภาคเอกชนที่ได้มีการดำเนินงานการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปี เริ่มจากเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้พานักท่องเที่ยวยุโรปที่บกพร่องทางการมองเห็นเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย ออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้รับประสบการณ์เทียบเท่ากับนักท่องเที่ยวทั่วไป มองเห็นการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้สนับสนุนการดำเนินงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลที่ได้จากผลการวิจัยไปขายจริงในงาน ITB 2024


โดยภายใต้การดำเนินงานของโครงการจะมีกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบที่ออกแบบและนำเสนอให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอันน่าประทับใจเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโครงการนี้ ได้แก่ การจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล การเผยแพร่สูตรอาหารบำบัดสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การจัดเทศกาลดนตรีนานาชาติ “Szense Music Festival” ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ (2567) และการพัฒนาเว็บไซต์ที่ง่ายต่อการใช้งานเพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการเพื่อนักท่องเที่ยวผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ ตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ATWT

 

สำหรับการจัดงานเพื่อเปิดตัวโครงการ Accessible Thailand Wellness Tourism (ATWT) ในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะให้ทุกภาคส่วนได้เห็นศักยภาพและความพร้อมของการให้บริการทางการดูแลสุขภาพในระดับแนวหน้าของ SIRIRAJ H SOLUTIONS และโรงพยาบาลในเครือข่ายของศิริราช อีกทั้งได้รับข้อมูลจากบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อการจัดทำแผนการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางของการทำการตลาดเพื่อสื่อสารที่ครอบคลุมในทุกกิจกรรมของโครงการ ATWT

 

นอกจากนี้ โครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ยังได้ถูกกำหนดให้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศ โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 100 คนภายในปีพ.ศ. 2567 และมีผลลัพธ์ด้านการเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทสำหรับผู้ประกอบการอย่างน้อย 1 รายภายในปีพ.ศ. 2568 และ 9 รายภายในปีพ.ศ. 2570

 

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ของจังหวัดหลักอย่างกรุงเทพมหานครและภูเก็ต รวมถึงจังหวัดเมืองรองด้านการท่องเที่ยวอย่างเช่น นครปฐม ผ่านการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและการขยายโอกาสทางธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หากกล่าวถึงมิติด้านสังคม ATWT ยืนยันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ชุมชนท้องถิ่นได้พัฒนาทักษะ และมีความเข้าใจต่อการบริการที่ให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในด้านความเท่าเทียมของมนุษย์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของพื้นที่ให้บริการ

 

ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ การตรวจสุขภาพ การแพทย์แผนไทย และบริการการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล อีกทั้ง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งมักจะเดินทางพร้อมครอบครัวหรือผู้ดูแล รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ทางเพจเฟสบุ๊ค https://facebook.com/atwt.project หรือเว็บไซต์ของโครงการที่ https://atwt.in.th/

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อ้างอิงข้อมูลเบื้องต้นจาก Press Release โดย บริษัท ไนน์ตี้ไนน์ คอมมิวนิเคชั่น เอเจนซี่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สร้างฝายดินซีเมนต์ ช่วย อ.เวียงป่าเป้า ป้องกันปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วม

 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นางรัชนีกร วงษา ส.อบจ.เชียงราย อ.เวียงป่าเป้า เขต 1 ลงพื้นที่พบปะ และให้กำลังใจ นายมงคล ศรีธิ หัวหน้าฝ่ายสำรวจ บุคลากรสำนักช่าง อบจ.เชียงราย ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ที่อาสามาร่วมทำกิจกรรม สร้างฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์) ณ ฝ่ายต้นน้ำดินซีเมนต์ บ้านลังกา ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า
 
 
โดยฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์) เป็นฝายชะลอน้ำชั่วคราว แต่มีความแข็งแรง กักเก็บน้ำได้ดี ที่สำคัญใช้ต้นทุนต่ำ ก่อสร้างได้เร็ว จึงเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ป้องกันปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี ทางสำนักช่าง อบจ.เชียงราย จึงได้ร่วมมือกับ ชมรมช่างจังหวัดเชียงราย ได้จัดสร้างฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์)เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ตามโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน ของสำนักช่าง อบจ.เชียงราย ในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2567 ณ บ้านลังกา ต. บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า และวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ณ พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย
 
 
ตำบลบ้านโป่งเป็นตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเวียงป่าเป้าทางทิศใต้  ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้า 4 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ตั้งบ้านเรือนอยู่เขตพื้นที่ราบ ตามแนวทางหลวงสายเชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรมีจำนวน 2 หมู่บ้าน และลึกเข้าไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของทางหลวงสาย เชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร มีจำนวน 4 หมู่บ้านและตั้งบ้านเรือนอยู่บนพื้นที่สูงห่างจากที่ตั้งของตำบลไปทางทิศตะวันตกตามทางหลวงสายอำเภอเวียงป่าเป้า-อำเภอพร้าวประมาณ 25 กิโลเมตรจำนวน1 หมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านชาวเผ่ากะเหรี่ยงและลีซอ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร

 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อำเภอเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และ คณะสมาชิกวุฒิสภาในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร (Center Of Therapeutic Radiology and Oncology) โดยมีพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา ได้สวดอนุโมทนา พร้อมเจิมป้าย และประพรมน้ำพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวรายงาน ทั้งนี้แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นำผู้บริหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริจาคสมทบทุนสร้างศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร เข้าร่วมพิธี

 

ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวว่า โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 758 เตียง รับผิดชอบประชากรผู้ป่วยโรคมะเร็งจังหวัดเชียงราย-พะเยา รวมถึงประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย จากฐานข้อมูลทะเบียนมะเร็งของโรงพยาบาลเชียงรายฯ พบว่ามะเร็งที่พบบ่อยในประชากรเพศชาย สามอันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง และมะเร็งปอด ซึ่งในเพศหญิงสามอันดับแรก ได้แก่มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ส่วนมะเร็ง ที่เป็นสาเหตุการตายสูงสุดของจังหวัดเชียงราย อันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งปอด รองลงมาคือ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ โดยจากข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยมะเร็งของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา จะมีประมาณ 2,400ราย/ปี โดยมีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยการฉายรังสีประมาณ 1,200 ราย/ปี และกล่าวต่อไปว่า 

 

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สามารถให้การรักษาโรคมะเร็งด้วยการผ่าตัด และการให้ยาเคมีบำบัด แต่ยังขาดการรักษาด้วยรังสีรักษา ซึ่งเป็นการรักษาที่สามารถลดการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง และบรรเทาอาการของโรคในระยะแพร่กระจายได้ โดยผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาด้วยรังสีรักษา จำเป็นต้องเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จังหวัดลำปาง เป็นส่วนใหญ่ผู้ป่วยเข้ารับการฉายแสงโรงพยาบาลมะเร็งลำป่าง มีประมาณ 900 ราย/ปี ผู้ป่วยหายจากระบบประมาณ 300 ราย ที่ไม่เดินทางไปรับการรักษา เพราะผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปจังหวัดลำปาง เพื่อเข้ารับการรักษาเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ประมาณ 15,000 บาทต่อราย 

 

ซึ่งการจัดตั้งศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร ณ อาคารรังสีรักษาแห่งนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วนและสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถรับการรักษาได้ตามแผนการรักษา ส่งผลให้มีโอกาสหายจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น สามารถบริการผู้ป่วยมะเร็งด้านรังสีรักษา พัฒนาบุคลากรรองรับบริการด้านรังสีรักษา และพัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานบริการในเครือข่าย เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วยและการใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อคุณภาพบริการแบบครบวงจร และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนชาวเชียงราย

 

พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า รู้สึกยินดีและดีใจที่จังหวัดเชียงรายมีศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร ขอชื่นชมโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ที่ได้มีความมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้สามารถบริการผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างครอบคลุมทั้งการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การรักษา และบริการรังสีรักษาตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายจังหวัดเชียงราย-พะเยา ให้เข้มแข็ง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นให้เกิดปรโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน พร้อมกล่าวต่อไปว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่ต้องความสำคัญ 

 

ทั้งในด้านการป้องกัน และดูแล รักษา การเปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะผู้ป่วยมะเร็งของจังหวัดเชียงราย-พะเยา รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง จะสามารถเข้าถึงการรักษา ลดระยะเวลารอคอย ลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทางเพื่อไปรักษา อีกทั้งยังได้รับการรักษาโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ เครื่องมือที่มีมาตรฐานเป็นการดูแลแบบครบวงจรอีกด้วย

 

ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา และมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระราชูปถัมภ์ ได้มอบเครื่องอุปโภค ของใช้จำเป็นให้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อมอบต่อผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากับโรงพยาบาล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการรับการรักษาต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News