Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

‘ภูมิธรรม’ ตั้งโต๊ะคุยคนรุ่นใหม่เชียงราย YEC ถกแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า

 

มื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลา 17.30 น. ภายหลังจบการประชุม ครม.สัญจร จังหวัดพะเยา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ YEC และ Moc Biz Club ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ร้านอาหารภูพันธ์ จ.เชียงราย เพื่อส่งเสริมการค้าให้กับจังหวัด แก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า และแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชียงรายมาจัดแสดง อาทิ ผ้าทอจากกลุ่มชาติพันธุ์ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวหอมมะลิเชียงราย กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง กล้วยตาก ชาอู่หลง สับปะรดภูแลเชียงราย (GI) เครื่องเคลือบเวียงกาหลง เป็นต้น

 

 

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเดินทางมาต่างจังหวัดอยากพูดคุยกับผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ เช่น กลุ่ม YEC กลุ่ม MOC Biz Club เพราะเป็นกลุ่มที่มีความรู้เห็นโลกกว้าง สอดรับกับปัจจุบันที่ระเบียบโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้าใช้เครือข่ายจะยิ่งมีพลัง ยิ่งมีเครือข่ายข้ามจังหวัดได้จะยิ่งมีพลัง ให้ทั้งชนชั้นกลางและทุกส่วนเติบโต ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน เราพร้อมช่วยให้ท่านมีพลัง และกระทรวงพาณิชย์ต้องการเชื่อมเครือข่ายทุกจังหวัดให้ส่งเสริมกัน

 

 

จากนั้นนายภูมิธรรมได้หารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยผู้ประกอบการ อยากให้รัฐหาแหล่งเงินกู้ ปัจจุบันดอกเบี้ยสูงและกู้ยาก ส่วนที่ประสบปัญหาอยากให้ขยายเวลาชำระหนี้พยุงให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่รอดได้ และคนรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่ได้รับโอกาสในการทำธุรกิจเท่าที่ควร จึงเข้าสู่เมืองหลวงทำให้ต่างจังหวัดไม่มีโอกาสได้คนรุ่นใหม่มาทำธุรกิจหรือตั้งตัว อยากให้ช่วยโปรโมตสินค้า ส่งเสริมให้คนมาเที่ยวเมืองรองอย่างเชียงรายมากขึ้นเป็นจังหวัดมีความพร้อมด้านสุขภาพเพราะมีทั้งโรงพยาบาลและสินค้าสุขภาพ

 

 

 ”ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซามีปัญหากำลังซื้อไม่มีผู้ประกอบการ SMEs ล้มหายตายจาก เป็นหนี้ เจอโควิดมา 3 ปี สงครามการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส มาตรการทางการค้าเราใช้หมดแล้ว 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำงานแบบไม่มีงบ ต้องกระตุ้นกำลังซื้อทุกขอบเขตให้เงินกระจายทั่ว แต่วันนี้แบงก์ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ตนอยากให้เศรษฐกิจเมืองรองแข็งแรง จะได้ทำให้เศรษฐกิจประเทศโตได้ ซึ่งต้องสร้างความเข้มแข็งทุกช่องทางช่วยคนตัวเล็กชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร SMEs ใช้กลไกใหม่ในการส่งเสริม ที่ตนก็กำลังทำใช้อินฟลูเอนเซอร์และซีรีส์วายมาช่วยสร้างการรับรู้สินค้าและสร้างยอดขาย ต้องเห็นช่องทางจะเป็นประโยชน์กับสินค้าท้องถิ่น อยากให้ทุกคนเป็นตัวเชื่อมในระดับจังหวัดให้แข็งแรง และเชื่อมโยงไปจังหวัดอื่นร่วมกันเติบโต อยากเห็นการทำเครือข่ายทั้งประเทศ ให้เดินไปข้างหน้าร่วมกัน“ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES VIDEO

(คลิปเสียง) สัมภาษณ์พนักงานสนามบินเชียงรายช่วยเหลือชาวต่างชาติหมดสติ เมืองพัทยา

 

เมื่อวันที่  18 มีนาคม 2567 เวลา 13.40 น.ที่ผ่านมาเพจข่าวมีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรีอย่าง เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News  ได้โพสต์ภาพ นาทีชีวิตและข้อความว่า “การช่วยเหลือชาวต่างชาติล้ม หมดสติไม่หายใจ บริเวณพระตำหนัก ซ.2 มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 2 ท่านได้ทำช่วยเหลือด้วยการ CPR จนกว่ารถ โรงพยาบาลเมืองพัทยามารับไปรักษาต่อ” และมีชาวโซเชียลต่างชื่นชมมากมาย มีการถามถึงว่าเป็นใครเพราะมีความชำนาญในการช่วยเหลือด้วยการ CPR

ต่อมาทางเพจข่าว เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News ได้แจ้งว่าทราบว่าชาวไทย ที่ให้การช่วยเหลือเป็น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในภายหลังทางเพจ Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI  ได้ออกมายืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของคลินิกแพทย์ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) โดยเป็นเหตุการณ์ที่ทั้ง 3 เจ้าหน้าที่เดินทางไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

1.นางสาวอรณิชชา คุณยศยิ่ง ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ

2.นายธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์

อีก 1 ท่าน ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 ส่วนรักษาความปลอดภัย ทชร. นายพงศ์พล ศรีพรม

 

ทางทีมข่าวสำนักข่าว นครเชียงนิวส์ ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ คุณธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์อีกครั้งเพื่อสอบถามรายละเอียดอีกครั้งโดยทางคุณธนพล แจ้งว่าระหว่างทางได้พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอนหมดสติ ไม่หายใจอยู่บริเวณริมถนน พระตำหนัก ซอย 2 เมืองพัทยา จึงได้รีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และช่วยเปิดทางเดินหายใจ พร้อมกับประสานแจ้งรถพยาบาลฉุกเฉิน (1669) เพื่อนำผู้ป่วยส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

หลังจบการสัมภาษณ์ได้เน้นย้ำกับทีมข่าวว่าการ CPR เป็นการปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ที่ทุกคนสามารถทำได้ครับและการ CPR #ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวประชาชนทุกคน สามารถทำ CPR  หากทำสิ่งนี้ได้ผมเชื่อว่า สถิติ ประชาชนที่รอดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น มีเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการแพทย์ของ เจ้าหน้าที่คลินิกแพทย์ และพนักงาน รปภ.ทชร. ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งผู้โดยสาร ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกร่วมลดผลกระทบสภาพภูมิอากาศ

 

เมื่อวันอังคาร 19 มีนาคม 2567 เวลา 15.00 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พบปะและให้โอวาทก่อนเดินทาง คณะศึกษาดูงานอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก ร่วมลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ โถงชั้น 1 สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 

จากภาวะโลกร้อน สู่โลกเดือด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบ ต่อการดำรงชีวิต ของพี่น้องชาวเชียงราย และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เช่น ภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำทางการเกษตร ความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลง การลดลงของพื้นที่สีเขียว และภัยจาก ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นต้น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องมีการตั้งรับ ปรับตัวด้านสังคม เศรษฐกิจและ สิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนให้เกิดอาสาสมัครท้องถิ่น รักษ์โลก 
 
 
เป็นภาคประชาชนจิตอาสา ที่ร่วมจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย และได้จัดโครงการนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ประสบการณ์ และเพิ่มพูนทักษะ การปรับตัวด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงราย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ โครงการ Urban Resilience Building and Nature ด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เทคโนโลยีเรือนเห็ดอัจฉริยะ จ.เชียงราย วิสาหกิจชุมชนสวนเห็ดกรรณิกา

 

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีดีอี นายวัลลภ รุจิรากร เลขานุการรัฐมนตรีดีอี นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดีอี นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดีอี นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุอนิยมวิทยา ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ นายพรชัย หอมชื่น ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมผลการดําเนินโครงการระบบควบคุมความชื้นในโรงเรือนเห็ดอัจฉริยะ ของวิสาหกิจชุมชนสวนเห็ดกรรณิกา โดยการนำเทคโนโลยี IoT: Smart Farm มาประยุกต์ใช้ควบคุมความชื้น ให้ความชื้นด้วยระบบการให้น้ำแบบพ่นหมอก และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชน

 

สำหรับวิสาหกิจชุมชนสวนเห็ดกรรณิกา ผลิตดอกเห็ดในถุงพลาสติกหลายชนิด เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็นโคนญี่ปุ่น ฯลฯ เดิมใช้แรงงานคนรดน้ำด้วยวิธีการเปิดปั๊มน้ำและพ่นละอองออกด้วยมินิสปริงเกอร์ โดยได้ทดลองใช้ตัวตั้งเวลา (Timer) แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์ในแต่ละวันไม่เท่ากัน อีกทั้งกระบวนการและละอองน้ำที่ได้จากมินิสปริงเกอร์ไม่มีความสม่ำเสมอ ทําให้เห็ดที่โดนน้ำมากฉ่ำน้ำ ขณะที่เห็ดที่โดนน้ำน้อยกรอบแห้ง ผลผลิตจึงไม่สม่ำเสมอทั้งฟาร์ม ซึ่งวิสาหกิจชุมชนสวนเห็ดกรรณิกาได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT: Smart Farm จาก ดีป้า โดยนำมาใช้กับโรงเรือนเพาะเห็ดทั้ง 7 โรงเรือน ผ่านการควบคุมโดยระบบชุดควบคุมอัจฉริยะสําหรับระบบพ่นหมอกในโรงเรือนเห็ด

 

ทำให้เกิดผลสําเร็จของโครงการ ดังนี้
1. ลดต้นทุนค่าแรงงานลงไม่น้อยกว่า 30% คิดเป็นจํานวนเงิน 46,537.50 บาทต่อปี (โดยประมาณ)

2. ลดการสูญเสียของก้อนเห็ด ประมาณ 5-7% ของจํานวนก้อนเห็นในโรงเรือน คิดเป็น 250 – 350 ก้อน (โดยประมาณ)

3. มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 20% คิดเป็นเงิน 302,400 บาท (โดยประมาณ)

4. มีระบบ Smart Farm เห็ด 1 ระบบ บริหารจัดการ 7 โรงเรือน

 

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี โดย ดีป้า มุ่งส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตร ทดแทนการทํางานรูปแบบเดิม การใช้เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อจัดการด้านเพาะปลูก โดยดําเนินการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ให้ออกมาเป็นแนวทาง หรือวิธีการต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการสูญเสียของผลิตผล บูรณาการการปฏิบัติงานกับกรมอุตุนิยมวิทยาในการส่งเสริมเกษตรกรให้สามารถทราบผลการพยาการณ์อากาศล่วงหน้า ช่วยเตือนภัยธรรมชาติและรับทราบข้อมูลสภาพอากาศ รวมถึง ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าในพื้นที่ได้อย่างแม่นยํา เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการทรัพยากร ตลอดจนวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อีกทั้งต่อยอดกระบวนการและผลิตผลของชุมชนด้วยเอกลักษณ์ไทย กลายเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ที่สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศได้

 

“จากการร่วมลงพื้นที่ในวันนี้ นอกจากจะได้เห็นถึงความสำเร็จของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผสมผสานเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้วยังได้เห็นโอกาสของการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรมอาหารด้วยมาตรฐานของผลิตผล รวมถึงกระบวนการการผลิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะสามารถนำมาเป็นจุดขายของชุมชน เปิดเมือง เปิดให้ทั้งชาวไทยเองและชาวต่างชาติได้เข้ามาเยี่ยมชม ท่องเที่ยว สร้างซอฟต์พาวเวอร์ด้านไลฟ์สไตล์แบบไทย ๆ และกลายเป็นแรงดึงดูด กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้” รมว.ดีอี กล่าวเสริม

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

สศช. เผย Chiang Rai Wellness City ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ ครม.สัญจร

 

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร.)กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน2 (พะเยา เชียงราย น่านและแพร่)ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจำนวน 9 โครงการรวมวงเงิน 155 ล้านบาทและโครงการภาคเอกชนอีกจำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 145 ล้านบาท รวม 300 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กรอ.) เสนอ

 

 

โดยโครงการที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม.สัญจรจังหวัดพะเยา จำนวน 13 โครงการเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการภายใน 1 ปี มาจากข้อเสนอของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 9 โครงการ และภาคเอกชน 4 โครงการ จากจำนวนโครงการเร่งด่วนที่เสนอเข้ามามีจำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ โดยมีโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.สัญจรจ.พะเยาดังนี้ 
โครงการของจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด 9โครงการ ได้แก่

1.โครงการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Gastronomy tourism สู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน วงเงิน 20 ล้านบาท 

2.โครงการ A Cup to Village เพิ่มขีดความสามารถการเป็นนวัตกรด้านชาและกาแฟเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน วงเงิน 15 ล้านบาท 

3.โครงการยกระดับสินค้าและบริการด้านสุขภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 วงเงิน 15 ล้านบาท

4.โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ วงเงิน 26.12 ล้านบาท

5.โครงการยกระดับการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรมูลค่าสูง ตามแนวทางตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ จังหวัด พะเยา วงเงิน 23.88 ล้านบาท 

6.โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับการท่องเที่ยวน่านสู่ท่องเที่ยวคุณภาพสูง วงเงิน 14 ล้านบาท

7.โครงการน่านเมืองเก่ามีชีวิต สร้างสรรค์ เมืองแห่งวัฒนธรรมสู่มรดกโลก วงเงิน 21 ล้านบาท 8.โครงการเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง (กาแฟ) จังหวัดน่าน วงเงิน 15 ล้านบาท 

9.โครงการยกระดับการผลิตภาคการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าจังหวัดแพร่ วงเงิน 5 ล้านบาท

 

 

กลุ่มที่ 2 โครงการซึ่งเป็นข้อเสนอของภาคเอกชน  4 โครงการ วงเงินรวม 145.88 ล้านบาท ประกอบด้วย 

1.โครงการพัฒนาทางหลวงหมายเลข 1202 ตอนควบคุม 0200 ตอน สันต้นแหน – ป่าแดด ตําบลโรงช้าง อําเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย วงเงิน 50 ล้านบาท 

2.โครงการอํานวยความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมเชียงรายเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City) วงเงิน 50 ล้านบาท 

3.โครงการพลิกโฉมถนนสายวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Soft Power พะเยา วงเงิน 25.88 ล้านบาท 

4.โครงการสูบน้ำขึ้นดอย สอย PM2.5 สร้างป่าคาร์บอนเครดิต วงเงิน 20 ล้านบาท

 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า 2 โครงการที่กรอ.จังหวัดภาคเหนือตอนบน2 เสนอ ครม.สัญจร จ.พะเยา แล้วยังไม่ผ่านความเห็นชอบมี 2 โครงการได้แก่  โครงการเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City) วงเงิน 50 ล้านบาท และโครงการ โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองเก่าแพร่ วงเงิน 45 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการที่ประชุม ครม.ให้ปรับปรุงรายละเอียดของโครงการใหม่แล้วเสนอเข้ามาสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้งตามขั้นตอนต่อไป


ทั้งนี้ความเห็นของ ครม.ในส่วนของโครงการทั้งสองโครงการที่ให้มีการปรับปรุงโครงการได้แก่ โครงการเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ ต้องการให้มีการปรับลดในส่วนของการฝึกอบรม และเพิ่มเติมในส่วนของงบประมาณที่ลงไปส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนก่อน ส่วนโครงการเมืองเก่าแพร่นั้นที่ประชุมเห็นว่าในส่วนของงบประมาณ 45 ล้านที่ขอมา 37 ล้านบาทนั้นเป็นการใช้ไปในเรื่องของการจัดซื้อวัสดุและครุภัณฑ์ จึงอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ลงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการให้ชุมชนได้รับงบประมาณส่วนนี้มากที่สุด

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ตรวจตลิ่งริมแม่น้ำอิง จ.เชียงรายเตรียมสร้างเขื่อนป้องกันบรรเทาความเดือดร้อน

 

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 10:08 น.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมเกียรติ กิจเจริญ คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเอกภพ เพียรพิเศษ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำอิง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายอรัญ กิติเรืองแสง ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบัลลังก์ ไวท์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ณ บริเวณตลิ่งริมแม่น้ำอิงชุมชนห้วยขี้เหล็ก บ้านหลวง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

 

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า ตลิ่งริมแม่น้ำอิง มีลักษณะเป็นทางโค้ง ทำให้กระแสน้ำกัดเซาะดินริมตลิ่งได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องซึ่งจุดที่เสียหายอยู่ใกล้กับถนนสายบ้านหลวงเชื่อมบ้านหลวงใหม่พัฒนา หากไม่ได้รับการป้องกันจะสร้างผลกระทบต่อเส้นทางสัญจรที่อยู่ติดริมตลิ่งแม่น้ำอิงในเขตเทศบาลตำบลครึ่งได้ จึงได้มีข้อสั่งการให้เทศบาลตำบลครึ่ง และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องตลิ่งริมแม่น้ำถูกกัดเซาะ ประสานกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย ในการขอรับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งกำชับให้กรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณาจัดทำแผนงานขอรับสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

 

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลครึ่ง มีหนังสือถึงสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย เพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำอิง หมู่ที่ 4 ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ความยาว 400 เมตร พร้อมทั้งได้ดำเนินการตรวจสอบกรรมสิทธิ์ที่ดินทุกแปลงของพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว พบว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ และไม่มีส่วนราชการอื่นดำเนินการในพื้นที่ กรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีภารกิจสำคัญในด้านการพัฒนาเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้ขานรับข้อสั่งการนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณาจัดทำแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณและดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

 

ทั้งนี้ หากโครงการฯ ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการ จะมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวกว่า 50 ครัวเรือน และเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาพื้นที่เกษตรกรรม สภาพแวดล้อม และใช้ประโยชน์พื้นที่สาธารณะได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ชลน่าน” “พวงเพ็ชร” ลงพื้นที่ สถานชีวาภิบาล วัดหัวฝาย อ.พาน

 

เมื่อวันอังคาร ที 19 มีนาคม 2567 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อม ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คณะผู้บริหารฯ ได้ลงพื้นที่ วัดหัวฝาย ต.สันกลาง จ.เชียงราย เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานสถานชีวาภิบาล วัดหัวฝาย ต.สันกลาง อ.พาน โดยมี พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ดร.เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ประธานมูลนิธิปิยวรรณพิพัฒน์เพื่อสังคม และประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย นำเยี่ยมชมโครงการ และบรรยายการดำเนินงานในรูปแบบศูนย์บริการฯ โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุอำเภอพาน อสม.อำเภอพาน ให้การต้อนรับ

 

ในการนี้รัฐมนตรีพร้อมคณะฯ ได้รับฟังการดำเนินงานในรูปแบบศูนย์บริการ ทางสังคมแบบเบ็ดเสร็จ เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ดำเนินการภายในวัดหัวฝาย อ.พาน จ.เชียงราย นำโดยพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ดร.เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม ประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย มีการดำเนินงานยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มวัย ทุกมิติ ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รวมถึงการดูแลรักษา ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพร่างกาย โดยการบูรณาการทุกเครือข่ายในพื้นที่ มีการเตรียมความพร้อมการจัดตั้งชีวาภิบาลให้เป็นไปตามมาตรฐาน ด้านอาคารสถานที่ จำนวน 10 ห้อง ด้านความปลอดภัย ระบบการบริการรักษาพยาบาลฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการดูแลผู้สูงอายุ 
 
 
โดย “บ้านกลาง” ดำเนินการมุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ยากไร้รวมถึงผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง ให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นองค์รวมครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ อย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู่บ้าน ชุมชน โดยไม่ถูกทอดทิ้งเพียงลำอย่าง ลูกหลานสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ อันเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยนับจนวาระสุดท้ายของชีวิต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

บพข. กองทุน ววน. ร่วมกับ CAMP เปิดตัว “Leisure Lanna Super App”

 

วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี (CAMP) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัวแพลตฟอร์มล้านนาสร้างสรรค์ให้เป็น Soft Power สู่สากล ภายใต้ทุนวิจัยจาก บพข. สกสว. โดยกองทุน ววน. พัฒนาแอพพลิเคชั่น ใช้แนวคิด PLAY TRAVEL and EARN โดยใช้ “Leisure Lanna Super App” ต่อยอดเชื่อม TAGTHAi (ทักทาย) ด้วยแนวคิดจากการเล่มเกมมาเปลี่ยนเป็นคะแนนเพื่อแลกส่วนลดในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจนร่วมมือ แอพพลิเคชั่น GOGO และ Hop and Go ของกรีนบัส โลจิสติกส์ท้องถิ่นให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ในเขตพื้นที่ 8 จังหวัดล้านนา

 

การพัฒนาแอปพลิเคชัน “Leisure Lanna Super App” ภายใต้โครงการ “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าและคุณค่าแก่การท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนล้านนา (Creative Leisure Lanna)” โดยมี ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ เป็นหัวหน้าโครงการ ประยุกต์ใช้แนวคิดของ PLAY TRAVEL and EARN เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว การเดินทาง การแนะนำสถานที่ ร้านค้า ที่พักหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอข้อมูลเชิงการท่องเที่ยว การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงพื้นที่ตลาด (Market Place) ให้กับสินค้ากับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ตลอดจนสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชนในเขตพื้นที่ 8 จังหวัดล้านนา เตรียมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านสื่อสร้างสรรค์ (Creative Content) ทั่วประเทศไทย 4 ภูมิภาค ให้กับ SMEs และท่องเที่ยวชุมชนจำนวน 120 ราย ออกแบบกิจกรรมการ ท่องเที่ยวและนำอัตลักษณ์ชุมชนมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ โดยโครงการได้ร่วมมือกับ TAGTHAi (ทักทาย) แพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการด้านการขนส่งเพื่อการท่องเที่ยวโดยเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะในสองระดับคือ ในเขตเมืองเชียงใหม่คือการสร้างความร่วมมือกับระบบขนส่งสาธารณะขนาดเล็ก เช่น Sharing bike เช่น GOGO และผู้ให้บริการท่องเที่ยวด้วยพาหนะขนาดเล็ก เช่น E-Tuk Tuk ของ LoMo ขณะที่เชื่อมโยงสู่แหล่ง ท่องเที่ยวเชื่อมต่อในและนอกเมืองเชียงใหม่ รวมถึงกับจังหวัดโดยรอบผ่านเครือข่ายการให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะภาคเหนือบริษัท Green Bus เป็นต้น ทั้งนี้หากสนับสนุนให้การท่องเที่ยวเชื่อมกับระบบขนส่งสาธารณะและเครือข่ายระบบขนส่งสาธารณะขนาดเล็กในเมือง เพื่อมุ่งสู่การสร้าง “Net Zero” ทางการท่องเที่ยว

 

ในการนี้บพข. กองทุน ววน. ร่วมกับ CAMP จัดกิจกรรมเปิดตัวแพลตฟอร์มล้านนา “Leisure Lanna Super App” ในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แอปพลิเคชัน “Leisure Lanna Super App” เป็นที่รับรู้สู่สาธารณชนและขับเคลื่อนนำไปใช้เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางสนับสนุนการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับเกียรติจากนายสรศักดิ์ วจีสัตย์ รองปลัด อบจ. จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี และผู้แทนจาก สกสว. และ บพข. โดย ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานอนุกรรมการแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. กล่าวแนะนำแผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. พร้อมทั้งจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์กางเกงข้างคุณภาพสูงเชียงใหม่ผ่านแบรนด์ 1) Thai Global Sourcing Co.,Ltd 2) Lofbaz Company Limited & Dalla Brand และ 3) Lanna Clothes Design Co.,Ltd ด้วยการถ่ายภาพนักศึกษาจีนจำนวน 30 ราย เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์บนสื่อสังคมของชาวจีนให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยการเสวนาแนวทางการใช้ประโยชน์แอปพลิเคชัน Leisure Lanna เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและ Soft Power ล้านนา โดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ แอปพลิเคชันทักทาย และ CAMT 

 
นายสรศักดิ์ วจีสัตย์ รองปลัด อบจ. จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเมืองการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคเหนือ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของจังหวัดที่ได้ส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน ซึ่งแอปพลิเคชันการท่องเที่ยว Leisure Lanna จะเป็นสื่อกลางในการรวบรวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ให้เกิดประสิทธิผล เป็นโมเดลในการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มในการพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมในการรองรับและสนับสนุนการเป็นจุดหมายปลายทางที่มีคุณภาพ    
 
 
 
ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานอนุกรรมการแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. กล่าวว่า ในภาคของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ กองทุนส่งเสริม ววน. และสกสว. ได้มอบหมายภารกิจให้ บพข. บริหารจัดการแผนงานวิจัยการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งแบ่งออกเป็นแผนงานย่อย 2 แผนงาน  (1) แผนงานการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ซึ่งมีกรอบการดำเนินการภายใต้แผนงานย่อย จำนวน 3 ประเด็น ได้แก่ (1.1) การท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (1.2) การยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (1.3) การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ และ (2) แผนงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งมีกรอบการดำเนินการเพื่อการยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เน้นการทำงานแบบแผนงานวิจัยเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนและผู้ให้บริการในภาคการท่องเที่ยว มุ่งตอบเป้าหมายสำคัญ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่า ความยั่งยืน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
 
         “ทั้งนี้แผนงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง มีฐานทุนทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นำ Soft Power 11 สาขา ตามนโยบายของรัฐบาลมาต่อยอดร่วมกับภูมิปัญญาเดิม โดยแผนการดำเนินงานปีพ.ศ. 2566-2570 จะเป็นการเชื่อมโยงนวัตกรรม สร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่ พัฒนาไปสู่การบูรณาการระหว่างอุตสาหกรรมอื่นๆและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งแผนงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ดูแลทั้งระบบนิเวศ พัฒนาสินค้าสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ โดยผลลัพธ์จากงานวิจัยแผนงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ผ่านมา อาทิ เทศกาลยี่เป็ง การท่องเที่ยวทางรถไฟ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร 7 ลุ่มน้ำ มวยไทย และผ้าทอ เป็นต้น มีการบูรณาการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการและจะดำเนินการขับเคลื่อนต่อไปเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ” ผศ.สุภาวดี กล่าวเสริม
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“ประเสริฐ” ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตรวจ “สายไฟใต้ดิน” เพิ่มความปลอดภัย

 
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม เดินทางประชุม ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 18 – 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ลงพื้นที่ตรวจราชการงานนำสายสื่อสารลงใต้ดิน เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายวัลลภ รุจิรากร เลขานุการรัฐมนตรีฯ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดีอี นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุอนิยมวิทยา ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน สถิติแห่งขาติ และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง
.
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การนำ สายสื่อสารทุกประเภทลงใต้ดิน ในพื้นซึ่งเป็นตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของนโยบายสำคัญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระดับสากลและเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA) เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของจังหวัด ประกอบกับมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จากความสำคัญดังกล่าว เทศบาลนครเชียงราย และเทศบาลตำบลแม่สาย จ.เชียงราย ให้ดูสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีสายไฟฟ้าหรือสายสื่อสารรกรุงรังบดบังทัศนียภาพของสถานที่ท่องเที่ยว และเพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมทั้งรองรับการพัฒนาเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่จะสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐจากการให้เช่าใช้ท่อร้อยสายหรือสายสื่อสารใต้ดินให้แก่ผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อีกด้วย
.
ทั้งนี้ การนำสายสื่อสารทุกประเภทลงใต้ดิน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ ดังนี้
1. ทำให้พื้นที่ของ เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย และ เทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย หรือจุดท่องเที่ยวที่มีการนำสายสื่อสารลงใต้ดินมีทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม เพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2. ระบบการสื่อสารและโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากลดปัญหาผลกระทบที่เกิดจาก การพาดสายบนอากาศ เช่น การถูกสัตว์กัดแทะ การเกิดไฟไหม้
3. สามารถรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สูงขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสังคม และขีดความสามารถในการแข่งขันในการก้าวสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อน และยกระดับการสื่อสาร และดิจิทัลให้กับประเทศ รองรับการพัฒนาเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และนโยบายไทยแลนด์ 4.0
5. สร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐจากการให้เช่าท่อร้อยสาย และสายสื่อสารใต้ดิน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประกาศผลประกวดตุงล้านนาบูชาพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง ประจำปี 2567

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. ณ อาคารปฏิบัติการวิชาชีพสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ดำเนินการประกวดตุงล้านนาบูชาพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง ประจำปี 2567 เนื่องในประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ตุงให้อยู่คู่กับวัฒนธรรมประเพณีของชาวล้านนาสืบไป

 

โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ผศ.ภัทรีพันธุ์ พันธุ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวต้อนรับ และนางสลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการประกวด พร้อมด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ข้าราชการเจ้าหน้าที่ สถานศึกษา เครือข่ายด้านวัฒนธรรม เข้าร่วมกิจกรรมฯ

 

การประกวดตุงล้านนาบูชาพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง ประจำปี 2567 แยกเป็น 2 ประเภท โดยผลการประกวด ดังนี้

  1. ประเภทนักเรียน นักศึกษา และสถานศึกษา ผลการประกวด ดังนี้

     1.1 รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย

     1.2 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย

     1.3 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง

     1.4 รางวัลชมเชย คณะบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

     1.5 รางวัลชมเชย สาขาพุทธศิลปกรรม วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย

  1. ประเภทกลุ่ม องค์กร ชุมชน และประชาชน

     2.1 รางวัลชนะเลิศ ทีมเอราวัณ

     2.2 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 สภาวัฒนธรรมตำบลห้วยไคร้

     2.3 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายสิรภพ กันยะมี

     2.4 รางวัลชมเชย สภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน

     2.5 รางวัลชมเชย กลุ่มแม่บ้านขัวแคร่ หมู่ที่ 1

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News