Categories
EDITORIAL

หายนะ “บุหรี่ไฟฟ้า” คืบคลานสู่ “เด็ก” ที่อายุน้อยลงมาก

 

จากข่าวเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ที่มีคุณแม่หัวใจสลายที่รับทราบว่าลูกสาววัย 9 ขวบ ไปลองดูดบุหรี่ไฟฟ้าเพราะเพื่อนที่โรงเรียนชวน ซึ่งได้มีจิตแพทย์เด็กได้ให้คำแนะนำในการดูแลลูกและเตือนว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ประมาท เลิกคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องไกลตัวแล้วนั้น  รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กอายุเพียง 9 ปี หรือวัยประถมศึกษา นับเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะอายุเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าน้อยลงกว่าอายุเฉลี่ยของการเริ่มสูบบุหรี่มวนที่มักจะเริ่มสูบที่อายุ 18 ปี หรือชั้นมัธยมปลาย ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดอื่นๆ 

 

ที่ผ่านมาจึงมักจะเริ่มสำรวจในเด็กระดับชั้นมัธยมต้น ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 การสำรวจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (อายุราว 13 ปี) ทั่วประเทศ จากกลุ่มตัวอย่าง 6,045 ราย พบว่า อัตราการสูบบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก ม.1 อยู่ที่ร้อยละ 7.2 และ 3.7 ตามลำดับ โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเรียงจากสูงสุดจากงานวิจัย ดังนี้ 1) การที่พ่อแม่สูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงที่เด็กจะสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็น 6.1 เท่า 2) การที่ไม่รู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตราย เพิ่มความเสี่ยง 5.3 เท่า และ 3) การที่มีเพื่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความเสี่ยง 3.8 เท่า ตามลำดับ นอกจากนี้จากการติดตามเด็กกลุ่มนี้เป็นเวลา 1 ปี พบเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้มีแนวโน้มสูบบุหรี่มวนเพิ่มขึ้น 5 เท่า และมีแนวโน้มสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า

 

ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า การที่พบว่าเด็กอายุน้อยขนาดนี้ ไปลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นประเด็นที่สังคมไทยจะต้องตระหนักอย่างจริงจัง เพราะแสดงว่าหายนะจากบุหรี่ไฟฟ้ากำลังคืบคลานไปสู่เด็กไทยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์เสพติดสูงสุด เมื่อลองแล้วจะเสพติด ที่อันตรายที่สุดคือนิโคตินจะทำลายสมองที่กำลังพัฒนาตั้งแต่ในครรภ์จนถึงอายุ 25 ปี 

 

โดยเฉพาะหากเสพตั้งแต่อายุน้อยกว่า 14 ปี โดยการป้องกันลูกจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีไม่สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความระมัดระวังและหมั่นเอาใจใส่ดูแลลูกรวมถึงให้ความรู้ในประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ามากยิ่งๆ ขึ้น ให้มีทักษะชีวิตอย่าให้ลูกไปริลอง และโรงเรียนต้องมีหลักสูตรให้ความรู้เรื่องพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ที่สำคัญรัฐบาลต้องจัดบรรยากาศที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าทั้งที่โรงเรียนและชุมชน นั่นคือบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดในการห้ามนำเข้า ห้ามขายและห้ามโฆษณาโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ เพื่อปกป้องหายนะนี้จากเด็กไทย

อ้างอิง: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36104174. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34319044.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย ร่วม อบต.ศรีค้ำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวโล้ชิงช้าอาข่า “บ่อง ฉ่อ ตุ๊”

 
วันเสาร์ ที่ 9 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว งานประเพณีโล้ชิงช้าอาข่า “บ่อง ฉ่อ ตุ๊” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 
 
โดยมีนายสนั่น มาหล้า นายก อบต.ศรีค้ำ เป็นผู้กล่าวรายงาน นายสิทธิชัย ภักดีธนเกียรติ รองนายก อบต.ศรีค้ำ ส.อ.พินิจ ม่วงเกตุ ประธานสภา อบต.ศรีค้ำ นายไกรสร เมืองสุวรรณ รองประธานสภา อบต.ศรีค้ำ ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ และมีนายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ. แม่จัน นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม ผอ.กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ อบจ.เชียงราย นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นางสาวสุมิตรา บางขะกูล หัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยว อบจ.เชียงราย นางสาวณิชาภา สันธิ หัวหน้าฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
 
ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น การสาธิตการโล้ชิงช้า ซึ่งเป็นไฮไลท์ของกิจกรรม การแสดงกระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ การแสดงชุดชนเผ่าอาข่า ชุดการแสดงพื้นเมือง ฯลฯ กิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 10 กันยายน 2566 ณ ลานโล้ชิงช้า บ้านแสนสุข ม.9 ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

กรมป่าไม้ส่งชุดพยัคฆ์ไพร ลุยพิจิตร พบพิรุธโรงงานแปรรูป

 
“กรมป่าไม้ส่งชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ขยายผลตรวจสอบกรณีได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้ามาซุกซ่อนและทำการแปรรูปภายในบริเวณสถานประกอบกิจการอุตสาหกรรมไม้แห่งหนึ่งในอำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เบื้องต้นตรวจพบไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้ท้ายในอนุญาต จึงได้แจ้งความกล่าวโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484”
 
นายทรงศักดิ์ กิตติธากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สั่งการให้นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.4 สาขานครสวรรค์ เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการอุตสาหกรรมไม้แห่งหนึ่งในอำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้ามาซุกซ่อนและทำการแปรรูปภายในบริเวณสถานประกอบการแห่งนี้
 
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบปรากฏว่า สถานประกอบกิจการอุตสาหกรรมไม้แห่งนี้ ได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรเพื่อการค้า โดยมีผู้แทนบริษัทได้นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และมอบสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการจัดทำบัญชีไม้ ให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงในแต่ละวัน และไม่เก็บรักษาบัญชีไม้และหลักฐานกำกับไม้ที่นำเข้าและจำหน่ายออกไว้ ณ สถานที่รับใบอนุญาต 
 
ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ฉบับที่ 18 (พ.ศ.2532) ออกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ ข้อ 8 และ ข้อ10 มีความผิด ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือข้อกำหนดที่รัฐมนตรีกำหนดให้ปฏิบัติเพิ่มเติม ตามมาตรา 58 ประกอบตามมาตรา 73 ทวิ และจากการตรวจสอบพบคนงาน 11 คน ไม่มีใบคู่มือคนงานหรือผู้รับจ้าง แสดงต่อเจ้าหน้าที่ มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 57 ประกอบมาตรา 71
 
นอกจากนี้ตรวจพบไม้สักท่อน 1 ท่อน ปริมาตร 1.43 ลูกบาศก์เมตร ไม้สักแปรรูป 21 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 2 ลูกบาศก์เมตร และไม้พฤกษ์แปรรูป 27 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 3.62 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังไม่สามารถแสดงเอกสารการได้มาของไม้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งผู้แทนบริษัทแจ้งว่าเป็นไม้ที่รับจ้างแปรรูป จึงขอโอกาสนำเอกสารการได้มาของไม้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 7 วัน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องต่อไป
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่บันทึกเรื่องราว นำไปแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโพทะเล ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจะได้แจ้งประสานไปยังศูนย์ป่าไม้พิจิตร เพื่อประสานไปยังสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจิตร ให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายด้านการอนุญาต และประสานสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขานครสวรรค์ เพื่อพิจารณามอบหมายเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องการได้มาของไม้ตามระเบียบและกฎหมายต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
HEALTH

หน้ากากอนามัยผ้าสปันบอนด์ เป็นไมโครพลาสติก สูดดมอาจเสี่ยงมะเร็ง ไม่เป็นความจริง

 

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566  ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข่าวปลอม อย่าแชร์! หน้ากากอนามัยผ้าสปันบอนด์ เป็นไมโครพลาสติก สูดดมอาจเสี่ยงมะเร็ง

 

ตามที่มีข้อมูลเตือนในสื่อโซเชียลเรื่องหน้ากากอนามัยผ้าสปันบอนด์ เป็นไมโครพลาสติก สูดดมอาจเสี่ยงมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีผู้บอกต่อข้อมูลโดยระบุว่า หน้ากากอนามัยผ้าสปันบอนด์ที่เกิดจากเส้นใยสังเคราะห์ของโพลิเมอร์ที่เป็น “Polypropylene ( PP )” ซึ่งมีกลิ่นฉุน แตกยุ่ยได้ง่าย จะก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เรียกว่า ไมโครพลาสติก หากสูดดมเข้าไปในร่างกายจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า หน้ากากอนามัยผลิตจากใยสังเคราะห์ประเภทเดียวกันกับผ้าสปันบอนด์ ซึ่งทำมาจากพลาสติกกลุ่ม Polypropylene จากรายงานขององค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer ; IARC) ระบุว่า พลาสติกกลุ่ม Polypropylene ไม่จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ หรืออยู่ในกลุ่ม 3

โดยในปัจจุบันการใช้หน้ากากอนามัยที่ทำมาจากผ้าสปันบอนด์จึงยังไม่มีข้อมูลว่า ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งพลาสติกกลุ่ม Polypropylene ที่นำมาใช้ผลิตผ้าสปันบอนด์ใช้ระยะเวลาในการย่อยสลายเร็วกว่าพลาสติกทั่วไป ทำให้เกิดความกังวลว่า พลาสติกชนิดนี้จะย่อยสลายเป็นไมโครพลาสติกแล้วปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีรายงานทางวิชาการที่ยืนยันแน่ชัดถึงไมโครพลาสติกกลุ่ม Polypropylene ที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมแล้วก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ควรตื่นตระหนกเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัยจากใยสังเคราะห์สปันบอนด์

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nci.go.th หรือ โทร. 02-202-6800

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : หน้ากากอนามัยผลิตจากใยสังเคราะห์เป็นประเภทเดียวกันกับผ้าสปันบอนด์ ซึ่งทำมาจากพลาสติกกลุ่ม Polypropylene ซึ่งพลาสติกกลุ่ม Polypropylene ไม่จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้น การใช้หน้ากากอนามัยที่ทำมาจากผ้าสปันบอนด์จึงยังไม่มีข้อมูลว่า ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566

คลิกที่ภาพ

 

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566

.

1. เศรษฐาแวะ ‘ตลาดผ้านาข่า’จ.อุดรธานี หาชุดไทยใส่ประชุมครม. ก่อนช้อปฝากอุ๊งอิ๊ง 

2. ‘พิธา’ เสียดายไม่ได้อภิปรายเอง ฝากขุนพลก้าวไกล ขุดนโยบาย ‘ยิ่งลักษณ์-ประยุทธ์’ เทียบ ‘รัฐบาลเศรษฐา’

3. ‘สาธิต’ปชป. ฉะ ‘ก้าวไกล’ เล่นการเมืองแบบเก่าหาเสียงให้ร้ายคนอื่น มองประเทศโชคดีที่พรรคนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล

4. “บิ๊กโจ๊ก” ยันมีตำรวจคช่วยกำนันนก ทำลายหลักฐาน-ถ่วงเวลา เตรียมออกหมายจับ 1-2 วัน นี้

5. อนุทิน เร่ง”คดีกำนันนกนครปฐม” ล่าสุดสั่งด่วนให้ ตร. ส่งความคืบหน้าคดี-ยึดใบอนุญาตพกปืน

6. “แอฟ” รับมีคนคุยรอเขาพร้อมก่อนจะเปิดตัว กับ “ทิม” เป็นเพื่อนรู้จักกันมานานเกือบ 20 ปี

7. “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมบุตรสาว ชมพิธีสวนสนามเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี วันก่อตั้งประเทศ

8. เกิดแผ่นดินไหว 6.8 ใกล้เมืองมาร์ราเคช โมร็อกโก ตาย 632 เจ็บ 329 ราย รุนแรงที่สุดในรอบ 120 ปี

9. ฮ่องกงฝนตกหนัก-น้ำท่วมสูง รุนแรงสุดในรอบ 140 ปี

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เปิดแล้ว!! มหกรรมแข่งขันกีฬา “อนุบาลลิมปิก เซ็นทรัลเชียงราย 2023”

 

เมื่อวันที่ 9 กันายน 2566 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย,ท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย,ชมรมโรงเรียนอนุบาลเอกชนจังหวัดเชียงราย นำโดย โรงเรียนอนุบาลพรรณี ,โรงเรียนอนุบาลกุลภัสสร์,โรงเรียนเด็กดีพิทยาคม,โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์,โรงเรียนอนุบาลศุภลักษณ์ และโรงเรียนศุภปัญญา  จัดงาน “อนุบาลลิมปิกเซ็นทรัลเชียงราย เกมส์ ครั้งที่ 5” มหกรรมกีฬาอนุบาลชิงถ้วยรางวัลสุดยอดเจ้าแห่งกีฬา จากท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย ระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2566 ณ ชั้น G โซนแกรนฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

คุณเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย

โดยทางนายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ในฐานะเจ้าของถ้วยรางวัลอนุบาลลิมปิกเซ็นทรัลเชียงราย เกมส์ ครั้งที่ 5นี้ กล่าวว่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน ถือว่าจัดขึ้นเพื่อสร้างความสุข/ให้กับเด็กๆ  พร้อมให้เด็กและเยาชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ซึ่งในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมจัดทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ชมรมโรงเรียนอนุบาลเอกชนจังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ และโดยเฉพาะศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่เป็นผู้จัดหลัก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดกิจกรรมดีๆ อย่างนี้ อย่างต่อเนื่องและจะสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับจังหวัดเชียงรายเพื่อส่งเสริมเยาวชนของชาติของจังหวัด

คุณวรกัณญาลักษณ์ เพชรพันธ์ ผู้จัดการแผนกการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

ในส่วนของคุณกัณญาลักษณ์ เพชรพันธ์ ผู้จัดการแผนกการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายที่เป็นผู้จัดหลัก ได้กล่าวถึงงานอนุบาลลิมปิกเซ็นทรัลเชียงราย เกมส์ ครั้งที่ 5  ว่ามีวัตถุประสงค์หลักเราต้องการให้เด็กได้ออกกำลังกายเสริมสร้างความสามัคคี รวมไปถึงความพร้อมเพียง ให้เด็กรู้จักการให้อภัยรู้แพ้รู้ชนะกัน การให้พื้นที่เด็กใช้วันว่างให้เกิดประโยชน์วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ที่ห่างไกลต่อยาเสพติด โดยมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายเป็นผู้สนับสนุนหลักร่วมกับครูพรรณี เวียงโอสถ และชมรมโรงเรียนอนุบาลเอกชนจังหวัดเชียงราย

สำหรับงาน  อนุบาลลิมปิกเซ็นทรัลเชียงราย เกมส์ ครั้งที่ 5  นี้ เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่างเข้าปีที่ 5  ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดยได้รับความร่วมมือด้วยดีเสมอมา จากหลายภาคส่วน เพื่อเป็นการส่งเสริมเยาวชนให้รู้รักสามัคคี พร้อมร่วมส่งเสริมสถาบันครอบครัว และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ทางศูนย์การค้าฯ ได้มุ่งเน้นกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม  และพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ แก่ทุกท่าน  ในงานพบกับขบวนพาเหรดทัพนักกีฬาวัยจิ๋ว, การแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์น้อยวัยใส, การแข่งขันกีฬาสมรรถภาพด้านร่างกาย และการแข่งขันสมรรถภาพด้านความคิดเสริมทักษะ

ร่วมชมและให้กำลังใจกับกองทัพนักกีฬาวัยจิ๋วในกีฬาประเภทต่างๆ ในระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2566 ณ ชั้น G โซนแกรนฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย เปิดงาน “กว่าง” ยอดนักสู้แห่งล้านนา

 
วันศุกร์ ที่ 8 กันยายน 2566 ที่ป่าในเมือง สวนป่าประชารัฐเพื่อความสุขของคนไทย สวนรุกขชาติโป่งสลี ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย เป็นประธานเปิดงาน “กว่าง” ยอดนักสู้แห่งล้านนา Chiang Rai Beetles Festival 2023 กิจกรรมการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีศิลปะวิถีชีวิตล้านนาอย่างสร้างสรรค์ ตามโครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยมี นายกวี ประสมพล ประธานคณะกรรมการจัดงาน พร้อมด้วยนางสาวนัทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และนักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
 
 
สำหรับการจัดงาน “กว่าง” ยอดนักสู้แห่งล้านนา Chiang Rai Beetles Festival 2023 ในปีนี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานอัตลักษณ์ ประเพณีของชาวล้านนาให้คงอยู่ รวมถึงสามารถต่อยอดนำไปสู่การสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ และเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายได้เข้ามาใช้บริการโครงการป่าในเมือง สวนป่าประชารัฐฯ เพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อีกทั้งสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนให้แก่ประชาชน ชุมชน และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างรายได้จากการท่องท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นแก่ประชาชนและจังหวัดเชียงราย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 9 กันยายน 2566
 
ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับด้วงกว่าง ศิลปะการชนกว่าง การแสดงภาพวาดกว่างที่ได้รับรางวัล รวมถึงการจำหน่ายสินค้าจากด้วงกว่างในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนนิทรรศการของหน่วยงานราชการ การประกวดการแข่งขันเกี่ยวกับด้วงกว่าง อาทิ การประกวดกว่างชนสง่างาม การประกวดกว่างแปลก การประกวดกว่างกิเล็ก การประกวดกว่างไทยตัวผู้ใหญ่ยักษ์ การประกวดกว่างแม่พันธุ์ใหญ่ การประกวดวาดภาพกว่าง การแข่งขันวิ่งกว่าง และการแข่งขันกว่างชนลีลาเด็ด พร้อมกันนี้ ในพิธีได้มีการมอบรางวัลการประกวดภาพวาดระบายสี ในหัวข้อ “กว่าง กับวิถีชีวิตแห่งล้านนา” แก่ผู้ที่ได้รับรางวัล ทั้ง 6 ประเภท รวมจำนวน 32 รางวัล 
 
ซึ่งได้ ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยนายกสุวิทย์ ใจป้อม และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมขัวศิลปะ ร่วมตัดสินผลงาน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีผลงานที่ส่งเข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้น 541 ชิ้นงาน ตามประเภทการประกวด 6 ประเภท ได้แก่ ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรืออาชีวศึกษา ระดับอุดมศึกษา และระดับประชาชนทั่วไป
 

สำหรับการเลี้ยงกว่าง และการชนกว่าง เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนา ที่นิยมเล่นกันเป็นเวลานาน ได้สืบทอดกันมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ในอดีตการเล่นชนกว่างของชาวล้านนา นิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และมีให้เล่นกันเฉพาะในฤดูฝน คือช่วงประมาณเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม พอออกพรรษาแล้วก็ค่อย ๆ ปล่อยไป หรือเริ่มตายตามวัฏจักร แต่ปัจจุบันได้มีกลุ่มที่ชื่นชอบการเพาะเลี้ยงด้วงกว่างได้พัฒนาองค์ความรู้ในการเพาะพันธุ์ด้วงกว่างจนสามารถทำให้มีด้วงกว่างออกมาได้ตลอดทั้งปี และมีการต่อยอดนำไปสู่การสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจได้หลากหลาย 

ทั้งด้านการเพาะเลี้ยงปรับปรุงสายพันธุ์ เกมก็ฬา ของที่ระลึก ศิลปะ อุปกรณ์การเลี้ยงด้วงกว่าง รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีศิลปะวิถีชีวิตในท้องถิ่น โดยมุ่งรักษาอัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมนี้ให้คงอยู่สืบไป รวมถึงการต่อยอดเพื่อให้เกิดแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับด้วงกว่างให้กับประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กองกำลังผาเมือง ยึดจักรยานยนต์ ลักลอบนำข้ามแดน จ.เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 กองกำลังผาเมือง โดย กองร้อยทหารพรานที่ 3107 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 31 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร บริเวณช่องทาง บ้านโป่งไฮ หมู่ที่ 21 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 
 
หลังจากสืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 4 ราย ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน เข้ามาบริเวณพื้นที่ดังกล่าว หน่วยจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ ได้ทิ้งรถและวิ่งหลบหนีไปตามภูมิประเทศ 
 
โดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ หน่วยจึงได้ประสาน กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ จากการตรวจสอบพบรถจักรยานยนยต์ จำนวน 4 คัน ได้แก่ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, ยี่ห้อ ฮอนด้า PCX สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน, ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 ไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หน่วยจึงได้นำของกลางส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

ก.อุตฯ โชว์อัตลักษณ์ผ้าไหมไทย “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย”

 
กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย (Premium Thai Silk ประจำปี 2566 พร้อมเปิด “Collection 2023 : The art & heart of Thai silk” เน้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ผ่านการพัฒนาและออกแบบบพื้นฐานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมความเป็นไทย พร้อมผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่า สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน“มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” 
 
ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย Premium Thai Silk ประจำปี 2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (สสท.) ดำเนินการยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม และแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้ดำเนินการมาในปีงบประมาณ 2566 ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมมัดหมี่ไทยรูปแบบใหม่เน้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ผ่านการพัฒนาและออกแบบบนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย ผสานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่า 
 
เพื่อให้ชุมชนผ้าไหมไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน พร้อมเป็นรากฐานที่สำคัญของวงการแฟชั่นผ้าไหมไทย ตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานได้ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2566 กระทรวงฯ มุ่งขยายตลาดผ้าไหมไทยไปสู่ระดับสากล ด้วยการส่งตัวอย่างผ้าไหม ภายใต้โครงการนี้ เพื่อการเจรจาซื้อขายและเผยแพร่ไปยังตลาดประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย อิตาลี และยุโรป คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งนี้ โครงการฯ เน้นในเรื่องการนำรายได้และความยั่งยืนกลับสู่ชุมชน 
 
โดยการเพิ่มทักษะทางอาชีพให้กับคนในชุมชนต่าง ๆ ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวกับผ้าไหม เช่น ช่างย้อม ช่างมัด ช่างทอ รวมถึงผู้จำหน่าย เน้นให้ความรู้และทักษะด้วยการใส่ความเป็นไทยลงไปในลวดลายผ้า พร้อมนำแรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์ ในชุมชน รวมถึงการเลือกใช้สีธรรมชาติที่มีในท้องถิ่นในการย้อมผ้าเพื่อรักษาอัตลักษณ์ของผ้าไหมไทยไว้ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจชุมชนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 400,000 -1,700,000 บาทต่อชุมชน “กระทรวงอุตสาหกรรม 
 
โดยสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้พัฒนาและออกแบบผ้าไหมไทย ร่วมสมัย อาทิ ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมขิด ผ้าไหมยกดอก ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแต้มหมี่ ผ้าไหมบาติก ที่ออกแบบลวดลายใหม่ทั้งหมด เน้นอัตลักษณ์ไทย ผสานเทคนิคการผลิตแบบใหม่ จำนวน 24 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงโชว์ภายในงาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk) ภายใต้คอลเลกชั่นใหม่ : The art & heart of Thai silk” ที่เน้นความเป็นไทย ทั้งการออกแบบลายผ้าไหมสมัยใหม่บนศิลปะและ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งทั้ง 24 ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาภายใต้โครงการฯ จากผู้ประกอบการทั้ง 8 วิสาหกิจชุมชนคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 7,395,000 บาท” 
 
นางสาวณัฏฐิญา กล่าว งาน “มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย (Mud Tor Jai : Premium Thai Silk)” ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทย ร่วมสมัย Premium Thai Silk ประจำปี 2566 และนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ได้รับการพัฒนาสู่ระดับสากล กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 -17 กันยายน 2566 ณ หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงอุตสาหกรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News