Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เทศบาลนครเชียงรายเฝ้าระวังน้ำ 24 ชม. “นายกวันชัย” สั่งเปิดประตูระบายน้ำรับมือภัยฝน

เทศบาลนครเชียงรายเฝ้าระวังน้ำ 24 ชม. “นายกวันชัย” สั่งเปิดประตูระบายน้ำเร่งด่วน เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอดแนวแม่น้ำสำคัญ

เชียงราย, 27 กรกฎาคม 2568 – เทศบาลนครเชียงรายเดินหน้า “บริหารจัดการน้ำเชิงรุก” รักษาความปลอดภัยเมืองท่ามกลางฤดูฝน ในช่วงฤดูฝนที่ปริมาณน้ำฝนและน้ำท่ามีความผันผวนสูงเช่นนี้ เทศบาลนครเชียงรายอยู่ในสภาวะตื่นตัวสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อได้รับอิทธิพลจากพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำกก ลาว และกรณ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัยในเขตเมือง ล่าสุด นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเสี่ยง สำรวจและบริหารจัดการประตูระบายน้ำทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มวลน้ำไหลเข้าท่วมในเขตเมือง โดยให้ความสำคัญกับแนวตลิ่งแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำกก แม่น้ำลาว และแม่น้ำกรณ์

เดินแผนบริหาร “ประตูน้ำ” ปิดจุดเสี่ยง-เปิดระบายต่อเนื่อง

ผลจากการสำรวจพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำกรณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะบริเวณสะพานขัวพญาเม็งราย วัดระดับน้ำที่ 3.11 เมตร ซึ่งยังต่ำกว่าตลิ่งที่ 6 เมตร แต่อย่างไรก็ตามเทศบาลยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยประตูน้ำฝั่งเข้าเมืองทั้งหมด 9 บาน ได้รับคำสั่งปิดไว้ตลอด เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำสายหลักไม่ให้ไหลเข้าสู่เขตเมือง ในขณะที่ประตูน้ำฝั่งหนองด่าน 4 บาน และประตูน้ำดอยสะเก็น 5 บาน ได้รับคำสั่งเปิดยกขึ้นเต็มที่ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำกกและลดความเสี่ยงน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำ

สำรวจจุดเสี่ยง-เสริมกำลัง “กระสอบทราย” เตรียมรับมือชุมชนริมแม่น้ำ

นอกจากการตรวจสอบระดับน้ำและประตูน้ำแล้ว เทศบาลนครเชียงรายยังได้ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำลาว โดยเฉพาะที่จุดประตูน้ำพื้นที่ท่าสาย ซึ่งพบว่าระดับน้ำลดลงจากวันก่อนถึง 60 เซนติเมตร พร้อมทั้งเสริมกำลังนำกระสอบทรายไปวางเพิ่มเติมในจุดบิ๊กแบ็ค และทางเชื่อมต่อลำน้ำสาขาที่เสี่ยงน้ำไหลเข้า เช่น พื้นที่บ้านทุ่งพญาหมี ชุมชนสันหนอง และชุมชนข้างเคียง เพื่อเป็นการป้องกันเชิงรุก

เทศบาลฯ ยังประสานการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กองช่าง สำนักการโยธา และฝ่ายปกครอง รวมถึงกลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อบูรณาการแผนเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์อุทกภัยให้ครอบคลุมที่สุด โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสลับเวรตลอด 24 ชั่วโมง

วิเคราะห์สถานการณ์ความตื่นตัวของเทศบาลนครเชียงรายกับโจทย์ “เมืองปลอดภัย”

การสั่งการของนายกเทศมนตรีนครเชียงรายในการเฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำและการบริหารจัดการประตูน้ำทุกจุดเป็นตัวอย่างที่ดีของการบริหารภัยพิบัติในระดับท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นสูง ประเด็นที่น่าสังเกตได้แก่

  • การเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง: เทศบาลฯ ใช้ระบบการติดตามสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ มีการจัดเวรยามสำรวจทุกช่วงเวลาเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • กลยุทธ์ปิด-เปิดประตูน้ำ: การวางแผนปิดประตูน้ำฝั่งเข้าเมืองและเปิดฝั่งระบายออก เป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนเมือง
  • การสำรวจจุดเสี่ยงและเสริมกำลังล่วงหน้า: การนำกระสอบทรายไปวางในพื้นที่ชุมชนเสี่ยงล่วงหน้า เป็นการป้องกันก่อนเกิดเหตุการณ์จริงและสามารถลดผลกระทบในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ: การทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและกลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการรับมือภัยพิบัติ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องระดมสรรพกำลังอย่างเร่งด่วน

ข้อท้าทายและข้อเสนอแนะ

แม้ว่าสถานการณ์น้ำในวันนี้จะยังไม่ถึงระดับวิกฤต แต่หากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ต้นน้ำหรือจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน ต้องเตรียมพร้อมแผนสำรองในการอพยพและการแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การสื่อสารข้อมูลกับประชาชนโดยตรง ผ่านช่องทางออนไลน์ของเทศบาลหรือกลุ่มชุมชน จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดความตื่นตระหนกและสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการรัฐ

การดำเนินงานของเทศบาลนครเชียงรายในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพในเชิงบริหารจัดการวิกฤตแบบ “เชิงรุก” ซึ่งสมควรเป็นแบบอย่างให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ในการสร้างเมืองปลอดภัยและรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • สำนักการโยธา เทศบาลนครเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์น้ำ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์ประจำวัน, กลุ่มชุมชนเขตเทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อ.แม่สรวย จัดพิธีจำลองแห่ พระเจ้าทองทิพย์ขึ้นแม่น้ำลาว ปี 67

 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ผู้นำชุมชน ท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ตำบลศรีถ้อย รวมถึงตำบลข้างเคียง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร่วมกันจัดงานจำลองการเสด็จทางชลมารคของพระเจ้าไชยเชษฐา โดยมีการจำลองการเสด็จทางแม่น้ำลาวไปครองเมืองเชียงใหม่ และอัญเชิญพระเจ้าทองทิพย์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของเมืองล้านนาขึ้นมาจากแม่น้ำลาว เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร ณ ลานหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์  ริมแม่น้ำลาว เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2567 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
 

 จากประวัติเหตุการณ์พระเจ้าไชยเชษฐา เสด็จทางชลมารคแม่น้ำลาวไปครองเมืองเชียงใหม่ และได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ครั้นเสด็จมาถึงตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย บริเวณหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์ในปัจจุบัน เรือพระที่นั่งไม่สามารถเคลื่อนต่อได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูป ดังกล่าว ประทับ ณ ศาลาชั่วคราว ต่อมาได้มีการสร้างเป็นวัดพระเจ้าทองทิพย์ เดิมอยู่เมืองหลวงพระบางประเทศลาว มีอายุประมาณพันปีเศษ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อ พ.ศ. 2063 พระเจ้าโพธิสารขึ้นครองนครเชียงทอง (หลวงพระบาง) 
 
 
ได้ไปขอราชธิดากษัตริย์เชียงใหม่มาเป็นมเหสี และได้ครองราชสมบัติร่วมกันเป็นเวลาหลายปีแด่ก็ไม่มีพระโอรส ดังนั้นในวันวิสาขบูชา พระเจ้าโพธิสารพร้อมด้วยมเหสี จึงได้ไปบนบานศาลกล่าวต่อพระเจ้าทองทิพย์เพื่อขอให้มีพระโอรส ซึ่งต่อมาไม่นานมเหสีก็ตั้งครรภ์ และประสูติเป็นพระโอรสนามว่า “ไชยเชษฐากุมาร” เมื่อพระไชยเชษฐาอายุ 14 พรรษาพระอัยกา (สมเด็จตา) ผู้ครองนครเชียงใหม่สวรรคต และไม่มีพระโอรสเหล่าอำมาตย์ของนครเชียงใหม่พร้อมกันมาทูลขอพระเจ้าไชยเชษฐา ไปครองนครเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารทรงอนุญาต 
 
 
โดยก่อนที่จะไปนครเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารให้นำพระเจ้าทองทิพย์ไปด้วยเพราะเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ ดังเมื่อตอนไปขอให้มเหสีมีพระโอรสก็ได้ดังประสงค์ พระเจ้าไชยเชษฐา จึงได้นำพระเจ้าทองทิพย์ลงเรือไปด้วย โดยเดินทางจากนครเชียงทอง (หลวงพระบาง) ผ่านแม่น้ำโขง แม่น้ำกก สู่แม่น้ำลาว เพื่อจะไปยังนครเชียงใหม่ ครั้นเรือล่องมาถึงหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์ในปัจจุบัน เรือพระที่นั่งไม่สามารถเคลื่อนต่อได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง พระเจ้าไชยเชษฐา ทรงเห็นว่าพระเจ้าทองทิพย์ คงประสงค์จะประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้ จึงให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระเจ้าทองทิพย์ปัจจุบัน
 

 ต่อมาในปี พ.ศ. 2397 เจ้าหลวงผู้ครองเมืองเชียงราย และพระยาไชยวงศ์ ผู้รักษาเมืองหนองขวาง (อำเภอแม่สรวยปัจจุบัน) ได้เป็นประธานบูรณะวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าทองทิพย์ และเมื่อปี พ.ศ.2461 พระนางเจ้าดารารัศมี และเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้เสด็จมาทำการสักการบูชาพระเจ้าทองทิพย์ และพักแรมอยู่ที่สถานที่นี้หลายคืน  พระเจ้าทองทิพย์องค์จริงดั้งเดิมยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเจ้าทองทิพย์ จวบจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของเมืองล้านนา ที่ผู้คนมักจะมาบนบานขอให้มีบุตรตามความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่น้ำลาวยังคงความอุดมสมบูรณ์ หลังพบเต่าปูลูตัวแรกในรอบ 2 ปี ที่พะเยา

 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตได้รับการแจ้งจากชุมชนว่ามีชาวบ้านพบตัวเต่าปูลูในแม่น้ำลาว บ้านคะแนง ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ทางทีมงานจึงได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเก็บข้อมูลถิ่นที่อยู่อาศัยเฉพาะของเต่าปูลู และทำการบันทึกข้อมูลสัญฐานเต่า ก่อนให้ชุมชนนำไปปล่อยไว้ตามที่อยู่เดิมในชุมชน

 

จากการสำรวจ เป็นเต่าปูลูหรือเต่าปากนกแก้ว เพศเมีย น้ำหนัก 0.290 กิโลกรัม กระดองมีความยาว 120.4 มิลลิเมตร กระดองส่วนกลางกว้าง 95.5 มิลลิเมตร มีชาวบ้านได้ไปหาปลาตอนหัวค่ำเจอตัวเต่าปูลูกำลังว่ายเข้าหลบในซอกหิน
นายวีระวัฒน์ พากเพียร ชาวบ้านคะแนง อายุ 23 ปี ได้กล่าวว่า
 
 
“ตอนเย็นผมไปเดินเล่นหาปลา ดำจับปลาในน้ำเจอเต่าปูลูกำลังว่ายผ่านหน้าเข้าหลบในซอกหิน บริเวณต้นน้ำแม่ลาว ห่างจากชุมชนประมาณ 2 กิโลเมตร เจอตัวในเย็นวันที่ 2 เมษายน เวลาประมาณ หกโมงกว่าเกือบหนึ่งทุ่มครับในหมู่บ้านมีคนพบเต่าปูลูบ่อย แต่ผมพึ่งเจอเป็นครั้งแรก”
 
 
เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลาว เป็นระบบนิเวศน์ลำธาร ที่ตั้งชุมชนบ้านคะแนงตั้งอยู่ในหุบเขา ลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขา มีลำห้วยสาขาล้อมรอบ มีแม่น้ำลาวเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านหมู่บ้าน มีแม่น้ำสาขาที่สำคัญในชุมชนจำนวน 10 ลำห้วย ได้แก่ ห้วยคะแนง ห้วยผาลาด ห้วยตาดเก๊าซาง ห้วยปูลู ห้วยผีหลอก ห้วยสวนหมาน ห้วยหินแดง ห้วยขุนลาว ห้วยน้ำลาวฝั่งซ้าย และห้วยน้ำตกขุนลาว ชาวบ้านยังมีการพบเจอตัวเต่าปูลูอยู่เป็นระยะๆ และมีชุกชุมในชุมชน
น้ำแม่ลาวมีต้นกำเนินในเทือกเขาภูลังกา ในเขตอำเภอเชียงคำ ไหลผ่านอำเภอเชียงคำ และไปบรรจบแม่น้ำอิงที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย รวมความยาวประมาณ 40 กิโลเมตร
 
 
เต่าปูลูหรือเต่าปากนกแก้ว มีสถานภาพการอนุรักษ์ อยู่ในระดับใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง(Critically Endangered-CR มีลักษณะจำเพาะกระดองหลังมีสีน้ำตาลดำ กระดองท้องสีเหลืองอมส้ม หัวใหญ่ จงอยปากแหลมคล้ายปากนกแก้ว หดหัวเข้ากระดองได้ไม่เต็มที่ ขาใหญ่และหดเข้ากระดองไม่ได้ เท้ามีเล็บ หางยาวกว่าความยาวของกระดอง มีเดือยแหลมขนาดเล็กบริเวณขา รอบ ๆ รูทวารและที่โคนหาง กินเนื้อ กินปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำอื่นๆ รวมถึงผลไม้ป่าเป็นอาหาร กินเหยื่อโดยการฉกงับ เต่าปูลูมีเล็บแหลมคมมีความสามารถปีนป่ายขอนไม้ หรือโขดหินได้เก่ง หากินในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน ส่วนกลางวันจะหลบซ่อนตามซอกหิน ในฤดูหนาวจะจำศีลซ่อนตัวอยู่ตามหลืบหินหรือโพรงน้ำในลำห้วย
 
 
นายสายัณห์ ข้ามหนึ่ง ผู้อำนวยการสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ได้กล่าวถึงการเก็บข้อมูลครั้งนี้ว่า “วันนี้ทางสมาคมได้ทำการตีแปลงวิทยาศาสตร์และวัดข้อมูลตัวเต่า ศึกษาจุดระบบนิเวศน์ที่เจอตัวเต่าเต่าปูลู การพบเต่าปูลูครั้งนี้เป็นการพบเต่าตัวแรกในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาจากการลงมาศึกษาเต่าปูลูร่วมกับชุมชนบ้านคะแนง และแนวทางต่อไปจะปรึกษาชุมชนหาแนวทางการอนุรักษ์เต่าปูลูโดยการมีส่วนร่วมชุมชนต่อไป เต่าปูลูเป็นตัวชี้วัดสำคัญของระบบนิเวศน์ การพบตัวเต่าปูลูแสดงว่าต้นแม่น้ำลาวยังคงความอุดมสมบูรณ์”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News