Categories
WORLD PULSE

เมียนมาไหวซ้ำ 169 อาฟเตอร์ช็อก ภาพดาวเทียมเสียหาย

แผ่นดินไหวเมียนมาเผยความเสียหายหนัก GISTDA เปิดภาพดาวเทียม THEOS-2 อาฟเตอร์ช็อกพุ่ง 169 ครั้ง

ประเทศไทย, 30 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียม THEOS-2 ซึ่งบันทึกเมื่อเวลา 10:05 น. ของวันที่ 29 มีนาคม 2568 โดยเปรียบเทียบกับภาพถ่ายก่อนเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเมียนมา ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงความเสียหายรุนแรงในหลายพื้นที่ของเมืองมัณฑะเลย์ เมืองสำคัญอันดับสองของเมียนมา โดยพบรอยแยกบนถนน สะพานเส้นทางด่วนสายย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์พังถล่ม สะพานอังวะ (Ava Bridge) ซึ่งเป็นสะพานประวัติศาสตร์พังทลายลง รวมถึงการทรุดตัวของสิ่งปลูกสร้าง และรอยแยกตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำสายหลักอย่างแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำมิตเงะ

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา ด้วยขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแต่ในเมียนมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ที่สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้

สถานการณ์อาฟเตอร์ช็อกและการติดตาม

กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศไทยรายงานว่า หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลัก เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2568 มีรายงานการเกิดอาฟเตอร์ช็อกแล้วถึง 169 ครั้ง แม้ว่าขนาดของอาฟเตอร์ช็อกจะค่อย ๆ ลดระดับความรุนแรงลงจนถึงจุดที่ไม่สามารถรับรู้ถึงการสั่นไหวได้ในหลายพื้นที่ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อเวลา 14:08 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวหลักประมาณ 332 กิโลเมตร ซึ่งบางจุดในประเทศไทยยังคงรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกจะเริ่มคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติภายในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์นับจากนี้ โดยได้มีการเฝ้าติดตามข้อมูลจากเครื่องมือวัดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินความเสี่ยงและแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงพัฒนาการของสถานการณ์

ความเสียหายในเมืองมัณฑะเลย์จากภาพถ่ายดาวเทียม

ภาพถ่ายจากดาวเทียม THEOS-2 ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรของประเทศไทยที่มีความละเอียดสูง ได้บันทึกภาพความเสียหายในเมืองมัณฑะเลย์อย่างชัดเจน โดย GISTDA ระบุว่า ความเสียหายที่ปรากฏในภาพประกอบด้วยรอยแยกขนาดใหญ่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อเมืองต่าง ๆ สะพานเส้นทางด่วนสายย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการคมนาคมของเมียนมา พังถล่มลงอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ สะพานอังวะ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยอาณานิคมและมีอายุกว่า 90 ปี ก็พังทลายลงจากแรงสั่นสะเทือน ส่งผลให้การสัญจรข้ามแม่น้ำอิรวดีหยุดชะงัก

นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐาน ภาพถ่ายดาวเทียมยังเผยให้เห็นการพังทลายของอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ รวมถึงรอยแยกขนาดใหญ่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำมิตเงะ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านเมืองมัณฑะเลย์ ความเสียหายในบริเวณนี้บ่งชี้ถึงผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนที่อยู่อาศัยริมน้ำ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการอพยพและความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในระยะยาว

การตอบสนองของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในประเทศไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยมีถึง 57 จังหวัดที่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน หน่วยงานได้ประสานงานกับจังหวัดต่าง ๆ เพื่อสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือ เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด

ในส่วนของเมียนมา รัฐบาลทหารของประเทศได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายพื้นที่ รวมถึงเมืองมัณฑะเลย์ และเมืองเนปยีดอ ซึ่งเป็นเมืองหลวง และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติเพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) และหน่วยงานบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศได้เริ่มส่งทีมกู้ภัยและสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงบางพื้นที่ยังคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากถนนและสะพานที่เสียหาย รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564

ผลกระทบต่อประชาชนและโครงสร้างพื้นฐาน

จากรายงานเบื้องต้นในเมียนมา ความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ครอบคลุมทั้งบ้านเรือนประชาชน วัด โรงพยาบาล และอาคารราชการ โดยเฉพาะในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของเมียนมา ความสูญเสียทางชีวิตยังคงอยู่ในระหว่างการประเมิน แต่คาดว่ามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เนื่องจากความหนาแน่นของประชากรและสภาพอาคารที่ไม่ได้รับการออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

ในประเทศไทย แม้ว่าจะไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรงเทียบเท่ากับในเมียนมา แต่ประชาชนในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร รายงานว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน บางพื้นที่ เช่น เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มีรายงานอาคารสูงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่มลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นกำลังเร่งดำเนินการกู้ภัยและประเมินความปลอดภัยของอาคารต่าง ๆ

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้นำไปสู่การถกเถียงในสองมุมมองหลัก ฝ่ายหนึ่งมองว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเมียนมา อาจมีสาเหตุมาจากการขาดการเตรียมพร้อมและมาตรฐานการก่อสร้างที่ไม่เพียงพอต่อการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพานและอาคารต่าง ๆ ไม่ได้รับการออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งอาจสะท้อนถึงปัญหาการบริหารจัดการและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลทหารเมียนมา

ในทางกลับกัน อีกฝ่ายหนึ่งให้เหตุผลว่า แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงเกินกว่าที่โครงสร้างส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้จะรับไหวได้ ไม่ว่าจะมีการเตรียมพร้อมดีเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยในบริเวณนี้ และความลึกของจุดศูนย์กลางที่เพียง 10 กิโลเมตรยิ่งเพิ่มความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือน

จากมุมมองที่เป็นกลาง ข้อสังเกตของทั้งสองฝ่ายมีน้ำหนักในตัวเอง การขาดการเตรียมพร้อมและมาตรฐานการก่อสร้างอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ความเสียหายทวีความรุนแรงขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ความใหญ่ของแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และอาจเกินขีดความสามารถของโครงสร้างทั่วไปในภูมิภาคนี้ การหาข้อสรุปที่ชัดเจนจึงต้องรอผลการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและวิศวกรรม เพื่อชี้ชัดถึงสาเหตุและแนวทางป้องกันในอนาคต โดยไม่ควรตัดสินว่าเป็นความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงด้านเดียวในขณะนี้

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนครั้งของแผ่นดินไหวในเมียนมา: จากข้อมูลของ United States Geological Survey (USGS) ตั้งแต่ปี 2550-2567 มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเกิน 5.0 ริกเตอร์ ในเมียนมาและบริเวณใกล้เคียงรวม 45 ครั้ง โดยครั้งนี้ (2568) เป็นเหตุการณ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบเกือบศตวรรษ (ที่มา: USGS Earthquake Catalog, 2567)
  2. ความเสียหายจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า แผ่นดินไหวที่มีผลกระทบในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2550-2567 เกิดขึ้น 12 ครั้ง โดยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้คือแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์ ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2557 ซึ่งสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน 1,200 หลัง (ที่มา: รายงานภัยพิบัติ ปภ., 2567)
  3. โครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายในเมียนมา: ตามรายงานของ UN Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (OCHA) ณ ปี 2566 โครงสร้างพื้นฐานในเมียนมามีความเปราะบางจากความขัดแย้งภายใน โดยร้อยละ 30 ของถนนและสะพานอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมรับภัยพิบัติ (ที่มา: OCHA Myanmar Humanitarian Update, 2566)

สรุป

เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ในเมียนมาได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งภาพถ่ายจากดาวเทียม THEOS-2 ของ GISTDA ได้เผยให้เห็นถึงความรุนแรงของผลกระทบ ขณะที่อาฟเตอร์ช็อกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องถึง 169 ครั้ง หน่วยงานทั้งในเมียนมาและประเทศไทยกำลังเร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย การค้นหาความจริงและแนวทางป้องกันในอนาคตจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัติครั้งต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • GISTDA
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • USGS
  • UN OCHA
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ถ้ำหลวงไม่กระทบแผ่นดินไหว พร้อมเปิดที่ใหม่ “เลียงผา-พญานาค

อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พร้อมเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่

เชียงราย, 30 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยและความพร้อมของอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบโดยละเอียดทั้งโครงสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และเส้นทางท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ พบว่าไม่มีความเสียหายหรือผลกระทบใด ๆ ต่อพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมอุทยานฯ ได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีการยืนยันจากทีมวิศวกรที่ได้ร่วมตรวจสอบแล้วว่า โครงสร้างต่าง ๆ ยังคงมีความแข็งแรงปลอดภัย

เตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค”

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายอรรถพล ยังได้ติดตามความคืบหน้าการเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ภายในอุทยานฯ ได้แก่ เส้นทาง “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค” ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับตำนานท้องถิ่นของเจ้าแม่นางนอน โดยเส้นทางดังกล่าวได้รับการปรับปรุงให้มีความปลอดภัย พร้อมติดตั้งป้ายสื่อความหมายเพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางใหม่นี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น

มาตรการความปลอดภัยและการเฝ้าระวังแผ่นดินไหว

แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ แต่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ถ้ำหลวงที่เคยเป็นจุดสำคัญของภารกิจกู้ภัยในอดีต นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของเส้นทางท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ

เยี่ยมชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่าดอยตุง

หลังจากตรวจสอบอุทยานฯ นายอรรถพล ได้เดินทางต่อไปยังสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ทรงงานดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อติดตามการปฏิบัติงานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้มีการลาดตระเวนและเฝ้าระวังไฟป่าอย่างเข้มข้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและเป็นพื้นที่ทรงงาน

ข้อมูลสถิติและการเฝ้าระวังแผ่นดินไหว

จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 มีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา และสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย รวมถึงจังหวัดเชียงราย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหายที่รุนแรงในพื้นที่ประเทศไทย

สถิติย้อนหลังระบุว่า จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว เนื่องจากใกล้กับแนวรอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ของเมียนมา ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังสูง การเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็นจากสองฝ่าย

  • ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่: นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่เห็นว่าการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่จะเป็นโอกาสที่ดีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน
  • ฝ่ายที่มีความกังวล: บางฝ่ายกังวลว่าการเปิดเส้นทางใหม่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีก จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยในพื้นที่เสี่ยง

สรุป

อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยไม่มีความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกัน การเปิดเส้นทางใหม่ “ถ้ำเลียงผา-ถ้ำพญานาค” จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
  • กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (www.dnp.go.th)
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ม.แม่ฟ้าหลวง จุดเทียนรำลึก ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

นักศึกษาเมียนมาร์ ม.แม่ฟ้าหลวง จัดพิธีจุดเทียนรำลึกผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเมียนมาร์-ไทย

เชียงราย, 29 มีนาคม 2568 – ชมรมนักศึกษาเมียนมาร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย จัดพิธีจุดเทียนรำลึกเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 7.7 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนในทั้งสองประเทศ

พิธีจุดเทียนรำลึก แสดงออกถึงความห่วงใยและกำลังใจ

พิธีจุดเทียนรำลึกจัดขึ้นในเวลา 18.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีนักศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหาร และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้

ในพิธีมีการกล่าวคำรำลึกโดย ศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองศาสตราจารย์ นพ.ปรีชา สุนทรานันท์ และ ดร.สืบสกุล กิจนุกร ซึ่งได้กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมมือและการให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังมีการอ่านบทกวีเพื่อแสดงความอาลัย รวมถึงการร้องเพลงปลอบขวัญเพื่อส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบภัยทั้งในเมียนมาร์และไทย

นักศึกษาเมียนมาร์ร่วมไว้อาลัยและให้กำลังใจ

นักศึกษาเมียนมาร์ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ร่วมกันจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ขณะที่บางส่วนได้แบ่งปันเรื่องราวและความรู้สึกเกี่ยวกับครอบครัวและบ้านเกิดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

หนึ่งในนักศึกษากล่าวว่า

เหตุการณ์นี้สร้างความเจ็บปวดอย่างมากต่อพวกเรา ครอบครัวและเพื่อนบ้านที่อยู่ในเมียนมาร์กำลังเผชิญกับความยากลำบาก แต่การที่ทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

การระดมความช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบภัย

นอกเหนือจากการจัดพิธีจุดเทียนรำลึกแล้ว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยังได้จัดตั้ง ศูนย์รับบริจาค เพื่อรวบรวมสิ่งของจำเป็นและเงินบริจาคสำหรับส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการประสานงานกับองค์กรด้านมนุษยธรรมและหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เบื้องต้นมีการจัดเตรียมสิ่งของจำเป็น เช่น

  • อาหารแห้ง
  • น้ำดื่ม
  • ยารักษาโรค
  • เสื้อผ้า
  • ผ้าห่ม และอุปกรณ์ยังชีพ

ประชาชนที่ต้องการร่วมบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย หรือผ่านทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ความเสียหายจากแผ่นดินไหวในเมียนมาร์และไทย

จากรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ครั้งนี้ มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสกาย (Sagaing) ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของเมียนมาร์ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • เมียนมาร์: มีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 150 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยราย บ้านเรือนและโบราณสถานหลายแห่งได้รับความเสียหาย
  • ไทย: ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ อาคารสูงบางแห่งได้รับความเสียหายเล็กน้อย และมีรายงานแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในหลายจังหวัด

ความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติ

ในส่วนของการรับมือภัยพิบัติ มีความคิดเห็นที่หลากหลายจากทั้งนักวิชาการและประชาชน

  • ฝ่ายที่เห็นด้วย ระบุว่าการจัดงานรำลึกเช่นนี้ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน การรวบรวมความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายที่เห็นต่าง ให้ความเห็นว่า ควรมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสียหายและการสูญเสียในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมการศึกษาด้านการป้องกันภัยพิบัติให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวและแหล่งอ้างอิง

  • สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS): รายงานแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ความลึก 16 กิโลเมตร
  • ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ: รายงานแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ใน 57 จังหวัดของประเทศไทย
  • กระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์: รายงานผู้เสียชีวิตกว่า 150 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 300 ราย
  • ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย: รวบรวมข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มนักศึกษาเมียนมาร์ในไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS)
  • ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
  • กระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์
  • ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายมั่นใจ ตรวจโรงแรม ปลอดภัยบ้านร้าวไม่ใช่แผ่นดินไหว

ผู้ว่าฯ เชียงราย มอบหมายหน่วยงานตรวจสอบโครงสร้างโรงแรม หลังแผ่นดินไหว สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เชียงราย, 29 มีนาคม 2568 – จากสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา และส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในภาคเหนือของประเทศไทย ล่าสุด นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารโรงแรม และสถานที่สำคัญในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

การตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรมสำคัญ

นายสุพจน์ แสนมี ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย ได้นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบโรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น และโรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าพักจำนวนมาก

จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบความเสียหายในโครงสร้างหลักของอาคาร รวมถึงระบบความปลอดภัยภายในอาคารยังคงใช้งานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำให้โรงแรมทุกแห่งตรวจสอบระบบป้องกันภัยภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ

การลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนประชาชน

ในส่วนของประชาชน นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลตำบลสันทราย ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเรือนที่ได้รับรายงานความเสียหายจากแผ่นดินไหวในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย

โดยหลังการตรวจสอบพบว่า รอยแตกร้าวที่ได้รับแจ้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นรอยเดิมที่ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหวล่าสุด นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการเข้าทำลายของปลวกและการซ่อมแซมก่อนหน้านี้ด้วยพียูโฟม ซึ่งมีการเปลี่ยนสีตามระยะเวลา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าของบ้านเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในวันที่ 30 มีนาคม 2568 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

การสั่งการและติดตามสถานการณ์

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้รายงานผลการตรวจสอบอาคารที่มีความเสี่ยงภายในวันนี้ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่พบความเสียหายเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจอาคารโรงพยาบาล โรงเรียน วัด และสถานที่ราชการที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคารเก่าที่มีโครงสร้างเสี่ยงต่อการเสียหาย

สถิติและผลกระทบจากแผ่นดินไหว

จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 มีขนาด 8.2 ตามมาตราแมกนิจูด และมีจุดศูนย์กลางลึกลงไปประมาณ 10 กิโลเมตรในประเทศเมียนมา ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงหลายจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงจังหวัดเชียงราย

เบื้องต้นมีการรายงานความเสียหายเล็กน้อยในพื้นที่ 11 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ทั้งในส่วนของอาคารบ้านเรือน โรงพยาบาล วัด และสถานที่ก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ความเห็นจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการการตรวจสอบ:

  • ประชาชนและผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายชื่นชมการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงราย

ฝ่ายที่มีข้อกังวล:

  • อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนบางส่วนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของอาคารเก่าในพื้นที่เสี่ยง โดยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดและจัดทำแผนป้องกันภัยพิบัติที่ชัดเจนมากขึ้น

สรุป

จังหวัดเชียงรายยังคงติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างใกล้ชิด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการสำรวจและตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับความมั่นใจในความปลอดภัย ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นความเสียหายเพิ่มเติม สามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือได้ทันที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติแห่งชาติ
  • สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งเร่งสำรวจตึกเสี่ยงแผ่นดินไหว 11 อำเภอ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งการทุกหน่วยงานเร่งสำรวจอาคารที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พร้อมรายงานผลภายในวันนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

เชียงราย, 29 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2568) อย่างละเอียด โดยเน้นย้ำให้เร่งสำรวจอาคารที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาล วัด โรงเรียน และอาคารของหน่วยงานราชการ เพื่อประเมินความปลอดภัยและรายงานผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบภายในวันนี้

รายงานสถานการณ์ล่าสุด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ. เชียงราย) ได้รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พบว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 11 อำเภอ 12 ตำบล 12 หมู่บ้าน รวมถึงวัด 1 แห่ง โรงพยาบาล 9 แห่ง และสถานที่ก่อสร้าง 1 แห่ง มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์เสียหายรวม 7 คัน ส่วนบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายบางส่วน 1 หลัง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วน

อำเภอที่ได้รับผลกระทบหลัก

  • อำเภอเชียงของ: วัดท่าข้ามศรีดอนชัย ตำบลศรีดอนชัย หมู่ 7 ได้รับความเสียหายจากการพังถล่มของหลังคาอาคารวัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างไม้เก่า อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  • อำเภอป่าแดด: เกิดเหตุคานถล่มบริเวณจุดก่อสร้างทางรถไฟ บ้านโป่งศรีนคร หมู่ 11 ตำบลโรงช้าง คานคอนกรีตขนาด 10 ตัน จำนวน 20 ท่อน ถล่มลงมาทับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 7 คัน โดยโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  • อำเภอเมืองเชียงราย: โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พบรอยร้าวเล็กน้อยที่ผนังอาคาร แต่ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างหลัก เครื่องมือแพทย์ และผู้ป่วย ยังคงสามารถให้บริการได้ตามปกติ
  • อำเภอดอยหลวง: บ้านเรือนประชาชนที่ตำบลโป่งน้อย หมู่ 8 และตำบลโชคชัย หมู่ 5 ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ส่งผลให้ผนังบ้านแตกร้าว 1 หลัง โรงพยาบาลดอยหลวงเกิดรอยร้าวที่ผนังอาคาร แต่โครงสร้างหลักยังคงปลอดภัยและเปิดให้บริการได้ตามปกติ

มาตรการและการสั่งการเพิ่มเติม

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและตรวจสอบอาคารที่มีความเสี่ยงโดยละเอียด ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัด และอาคารที่สูง พร้อมรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบภายในวันเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้มีการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และวิศวกรโยธา เพื่อเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารและให้คำแนะนำในการซ่อมแซม

ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบวัดวาอารามที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างละเอียด ขณะที่สำนักงานการศึกษา ได้เร่งตรวจสอบสภาพอาคารเรียนของโรงเรียนทุกแห่งในจังหวัด เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา

การให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำแก่ประชาชน

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแต่ละอำเภอ เพื่อรับแจ้งเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยประชาชนสามารถติดต่อแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ในกรณีที่ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอให้ประชาชนตรวจสอบว่าข้อความดังกล่าวส่งจากชื่อผู้ส่ง “DDPM” ซึ่งเป็นชื่อทางการ และหากพบว่ามีการส่งลิงก์แนบมากับข้อความ ขอให้ระมัดระวัง เนื่องจากอาจเป็นกลลวงจากมิจฉาชีพ

ข้อเสนอแนะในการป้องกันและรับมือแผ่นดินไหว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้แนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันและรับมือแผ่นดินไหว ดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผนัง หน้าต่าง หรือสิ่งของที่อาจตกหล่น
  2. หากอยู่ภายในอาคารให้หมอบลงและใช้มือป้องกันศีรษะ
  3. หากอยู่ภายนอกอาคาร ให้หลีกเลี่ยงเสาไฟฟ้าและอาคารสูง
  4. ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด

สถิติที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว

จากสถิติของกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยมีแผ่นดินไหวขนาด 4.0 ขึ้นไปเฉลี่ยปีละ 15-20 ครั้ง และแผ่นดินไหวที่มีขนาด 6.0 ขึ้นไปที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงเกิดขึ้นเฉลี่ยทุกๆ 10-15 ปี โดยครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

  • กรมอุตุนิยมวิทยา

  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

  • สำนักข่าวไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ปภ.รายงานผลกระทบแผ่นดินไหว เร่งช่วยเหลือทั่วประเทศ

ปภ. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แผ่นดินไหวและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ย้ำทุกหน่วยงานร่วมเป็นกลไกการทำงานภายใต้ บกปภ.ช. เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ประเทศไทย, 29 มีนาคม 2568 – กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยมีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 แมกนิจูด ลึก 10 กิโลเมตร ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ประชาชนใน 57 จังหวัดสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง

สรุปสถานการณ์และพื้นที่ได้รับผลกระทบ

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และผู้สูญหาย 101 ราย โดยในปัจจุบันได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในจังหวัดปทุมธานี แพร่ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ในส่วนของอาคารและสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ เช่น

  • เชียงใหม่: อาคารคอนโดมิเนียม ศุภาลัย มอนเต้ 1 และ 2 และดวงตะวันคอนโดมิเนียมได้รับความเสียหายอย่างหนัก วัดสันทรายต้นกอกและวัดน้ำล้อมเกิดรอยร้าวในโครงสร้างเจดีย์และวิหาร
  • เชียงราย: หลังคาอาคารวัฒนธรรมวัดท่าข้ามศรีดอนชัยพังถล่ม และมีเหตุคานถล่มในจุดก่อสร้างทางรถไฟที่อำเภอป่าแดด
  • กรุงเทพมหานคร: อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตจตุจักรถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายราย
  • ลำพูน: ซุ้มประตูวัดพาณิชน์สิทธิการามและหอระฆังวัดดอนตองได้รับความเสียหาย รวมถึงบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่

การให้ความช่วยเหลือและมาตรการเร่งด่วน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่ออำนวยการในการค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหาย รวมถึงให้การเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ ปภ. ได้ส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR) พร้อมอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณชีพเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร และร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

ความคิดเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ

ฝ่ายรัฐบาลและภาคประชาชนได้แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างหลากหลาย

  • ฝ่ายสนับสนุน: เห็นว่าการตอบสนองของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างทันท่วงที
  • ฝ่ายกังวล: มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคารเก่าและโครงสร้างพื้นฐานที่อาจไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเกิดเหตุ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหายโดยเร็ว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า แผ่นดินไหวที่มีขนาด 8.2 แมกนิจูดครั้งนี้ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงสูงสุดในรอบ 100 ปีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • มีรายงานอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 56 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังแผ่นดินไหว
  • กรุงเทพมหานครได้รับแรงสั่นสะเทือนถึงระดับ 4 ตามมาตราริกเตอร์ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงในหลายอาคารสูง

ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โทร. 1784 หรือแจ้งผ่านไลน์ไอดี @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักข่าวรอยเตอร์
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

เมียนมาวิปโยค แผ่นดินไหว 8.2 แรงสุดรอบศตวรรษ

สรุปเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในเมียนมา แรงสั่นสะเทือนที่สุดในรอบ 100 ปี

เมียนมา,29 มีนาคม 2568 – เมื่อเวลา 13.21 น. ของวันที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมา ซึ่งถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ของประเทศ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งในเมียนมาและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงส่งแรงสั่นสะเทือนถึง เวียดนาม และ ประเทศไทย จนทำให้อาคารในกรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างน้อย 1 แห่ง

ศูนย์กลางและข้อมูลทางเทคนิค

กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาด 8.2 และมีความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะที่ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) ระบุว่ามีขนาด 7.7 และความลึก 16 กิโลเมตร โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ทาง ตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสกาย (Sagaing) ใกล้กับ เมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมา

ผลกระทบและความเสียหาย

  • สะพานเอวา (Ava Bridge) ข้ามแม่น้ำอิระวดีในเมืองมัณฑะเลย์ พังถล่มลงมาบางส่วน ซึ่งเป็นภาพที่ได้รับการยืนยันจากสำนักข่าวรอยเตอร์ผ่านการตรวจสอบทางภูมิศาสตร์
  • วัดในเมืองมัณฑะเลย์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยมีพระสงฆ์หลายรูปที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่
  • กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา มีอาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะเพดานที่พังถล่มลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องอพยพออกจากอาคารอย่างเร่งด่วน
  • เมืองตองอู วัด Wailuwun พังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย โดย 5 ราย เป็นเด็กไร้บ้าน และยังมีเด็กอีกกว่า 20 คน ที่อาจติดอยู่ในอาคารเรียนที่ถล่มลงมา

มาตรการรับมือและการประกาศภาวะฉุกเฉิน

กองทัพเมียนมา ได้ประกาศ ภาวะฉุกเฉิน ในหลายภูมิภาค พร้อมแถลงการณ์ผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ว่าจะเร่งดำเนินการสอบสวนสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายสนับสนุน: เห็นว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินและการเร่งดำเนินการช่วยเหลือเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วและจำเป็นในสถานการณ์วิกฤต ขณะเดียวกัน การประกาศใช้มาตรการกู้ภัยโดยทันทีถือเป็นการลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม
  • ฝ่ายกังวล: ตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าถึงข้อมูลที่จำกัดจากทางการเมียนมา และการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวดหลังการรัฐประหาร อาจทำให้การรายงานข้อมูลไม่ครบถ้วนและขาดความโปร่งใส ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ขนาดแผ่นดินไหว: 8.2 แมกนิจูด (ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา)
  • ขนาดแผ่นดินไหวจาก USGS: 7.7 แมกนิจูด และลึก 16 กิโลเมตร (ที่มา: USGS)
  • ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในตองอู: 6 ราย (ที่มา: Save The Trees Foundation)
  • เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาในอดีต: มากกว่า 6 ครั้ง ขนาด 7.0 ขึ้นไป ระหว่างปี 1930 – 1956 (ที่มา: USGS)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : apnews 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ตึกสูงเสียหาย สั่งปิดคอนโดฯ ด่วน

เชียงใหม่สั่งปิดดวงตะวันคอนโดมิเนียม ตรวจสอบความเสียหายหลังแผ่นดินไหว

เชียงใหม่,28 มีนาคม 2568 – จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม 2568 จังหวัดเชียงใหม่ได้รับแรงสั่นสะเทือน ส่งผลกระทบต่ออาคารสูงหลายแห่ง โดยเฉพาะ ดวงตะวันคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับความเสียหายรุนแรง จนต้องมีคำสั่งปิดอาคารโดยด่วน ขณะที่ อีก 3 แห่ง ได้แก่ ศุภาลัย มอนเต้ 1-2 และ อาคารจอดรถสวนดอกพาร์ค ได้รับความเสียหายในระดับที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างหลัก แต่มีรอยร้าวและการหลุดร่วงของวัสดุตกแต่ง

คำสั่งปิดอาคารและการดำเนินการเบื้องต้น

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์และประเมินความเสียหาย

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ดวงตะวันคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นอาคารสูง 8 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 103 ห้อง และมีผู้อยู่อาศัยอยู่ 60 ห้อง ได้รับความเสียหายในเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรง เสาอาคารเกิดการบิดงอ และมีปูนกะเทาะในหลายจุด เบื้องต้น สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งปิดอาคารทันทีและห้ามประชาชนเข้าออกโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

การดูแลผู้ได้รับผลกระทบและศูนย์พักพิงชั่วคราว

เทศบาลนครเชียงใหม่ได้จัดตั้ง ศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 แห่ง เพื่อรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:

  • โรงยิมของสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่
  • บริเวณชั้น 2 ของสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่

ทั้งนี้ ทางอาคารที่ได้รับความเสียหายได้มีการทำประกันภัยอาคารไว้แล้ว โดยผู้พักอาศัยสามารถย้ายไปพักยังโรงแรมหรือที่พักสำรองได้ในระหว่างที่มีการซ่อมแซมและตรวจสอบโครงสร้างเพิ่มเติม

ความเสียหายในพื้นที่อื่น ๆ

  • โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และ โรงพยาบาลลานนา ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากแรงสั่นสะเทือน แพทย์และพยาบาลได้อพยพผู้ป่วยลงจากอาคารชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย และปัจจุบันสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติ
  • วัดสันทรายต้นกอก ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบรอยแตกร้าวที่องค์เจดีย์
  • วัดน้ำล้อม อำเภอสันกำแพง วิหารของวัดเกิดรอยแตกร้าวเช่นกัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างอยู่ระหว่างการสำรวจและประเมินความเสียหาย

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายสนับสนุน: มีความเห็นว่าการปิดอาคารอย่างเร่งด่วนเป็นมาตรการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นการดูแลผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว
  • ฝ่ายกังวล: บางฝ่ายมีความกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบอย่างละเอียด และเสนอให้มีการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสูงทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ขนาดแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางในเมียนมา: 7.7 แมกนิจูด (ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา)
  • จำนวนอาคารที่ได้รับความเสียหายในจังหวัดเชียงใหม่: 4 แห่ง (ที่มา: ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่)
  • จำนวนผู้พักอาศัยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดอาคาร: 60 ห้องพัก (ที่มา: ดวงตะวันคอนโดมิเนียม)
  • ศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ประสบภัยได้กว่า 300 คน (ที่มา: เทศบาลนครเชียงใหม่)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงใหม่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แผ่นดินไหวเมียนมา เชียงรายระทึก 3 อำเภอเสียหาย

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงราย ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหว พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

เชียงราย,28 มีนาคม 2568 – กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานสถานการณ์และผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย 3 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ อำเภอเชียงของ อำเภอป่าแดด และอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน

ความเสียหายที่เกิดขึ้น

  1. อำเภอเชียงของ:
    • วัดท่าข้ามศรีดอนชัย หมู่ที่ 7 ตำบลศรีดอนชัย ได้รับความเสียหายบริเวณ หลังคาอาคารวัฒนธรรม ซึ่งพังถล่มลงมาเนื่องจากโครงหลังคาที่เป็นไม้เก่ารองรับน้ำหนักไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  2. อำเภอป่าแดด:
    • เกิดเหตุ คานคอนกรีตถล่ม บริเวณจุดก่อสร้างทางรถไฟ บ้านโป่งศรีนคร หมู่ที่ 11 ตำบลโรงช้าง โดยคานคอนกรีตขนาดใหญ่ จำนวน 20 ท่อน น้ำหนักประมาณ 10 ตันต่อท่อน พังลงมาทับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งหมด 7 คัน ได้แก่ รถสิบล้อ 2 คัน รถกระบะ 3 คัน รถเก๋ง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  3. อำเภอเมืองเชียงราย:
    • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน ทำให้ ผนังอาคารบางส่วนเกิดรอยร้าว แต่โครงสร้างหลักยังคงปลอดภัย ไม่มีรายงานความเสียหายต่อเครื่องมือแพทย์หรือผู้ป่วย โรงพยาบาลยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

การให้ความช่วยเหลือและมาตรการเบื้องต้น

ภายหลังจากเกิดเหตุ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดังนี้:

  • สำรวจความเสียหายอย่างละเอียด โดยประสานงานกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย รวมถึงหน่วยงานด้านวิศวกรรม เพื่อประเมินโครงสร้างอาคารในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
  • จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในแต่ละอำเภอเพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล วัด และโครงการก่อสร้างต่าง ๆ อย่างละเอียด

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายสนับสนุน: ผู้ที่สนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดเชียงรายชื่นชมในความรวดเร็วของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถเข้าพื้นที่และเริ่มการช่วยเหลือได้อย่างทันเวลา รวมถึงการประเมินความปลอดภัยของอาคารสำคัญอย่างเร่งด่วน
  • ฝ่ายกังวล: อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายมีความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงที่อาจไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดในอดีต โดยเสนอให้มีการเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่ที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหว

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ขนาดแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางในเมียนมา: 7.7 แมกนิจูด (ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา)
  • จำนวนอาคารที่ได้รับความเสียหายในจังหวัดเชียงราย: 3 แห่ง (วัด โรงพยาบาล และจุดก่อสร้าง) (ที่มา: กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)
  • การเกิดแผ่นดินไหวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2568: มากกว่า 20 ครั้ง (ที่มา: ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กรมทรัพยากรธรณี รำลึกเหตุแผ่นดินแม่ลาวไหวครบรอบ 1 ทศวรรษ

 
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นประธานพิธีเปิดการจัดงานครบรอบ “1 ทศวรรษ แผ่นดินไหวแม่ลาว บทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน” ที่ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความตระหนักและถอดบทเรียนจากแผ่นดินไหวสู่องค์ความรู้ในการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถของทุกภาคส่วน ไปสู่การขับเคลื่อน การจัดการธรณี พิบัติภัยอย่างเป็นรูปประธรรม โดยมี ดร.สมศักดิ์ วัฒนปฤดา ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม นำหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ชุมชน เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยธรณีพิบัติภัย และประชาชนในจังหวัดเชียงราย กว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมรูปแบบการประชุม และการเสวนาถอดบทเรียน ในหัวข้อ “ถอดบทเรียน 10 ปี แผ่นดินไหวเชียงราย สู่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการป้องกันและลดผลกระทบจากพิบัติภัยทางธรรมชาติ” โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ด้านแผ่นดินไหว มาร่วมบรรยายพิเศษ “บทบาทของสถาบันการศึกษาและภาคีเครือข่าย เยาวชน ในการร่วมขับเคลื่อนการบริหารจัดการภัย พิบัติทางธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และ การอภิปลายบทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน โดยภายในงานจัดให้มีนิทาศการองค์ความรู้ด้านธรณีพิบัติภัย อีกด้วย
 

         นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการแจ้งเตือนภัย เร่งติดตั้งเครื่องมือวัดแผ่นดินไหว จัดทำแผนที่แสดงจุดปลอดภัยและซักซ้อนแผนอพยพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมทรัพยากรธรณี ได้นำองค์ความรู้ทางวิชาการด้านธรณีพิบัติภัยมาใช้ เพื่อลดความสูญเสียและลดผลกระทบต่อชุมชนบนหลักการ “อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเสี่ยงธรณีพิบัติภัย อยู่อย่างไรให้ปลอดภัยอย่างยั่งยืน” โดยมีการถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้อาศัยอยู่อย่างมั่นใจและปลอดภัย เสริมสร้างศักยภาพของภาคีเครือข่ายและชุมชนให้พร้อมรับมือธรณีพิบัติภัย และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อประสบภัย รวมถึงประชาชนทั้งที่อยู่ในเขตเมืองที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวและประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่สูงที่เสี่ยงต่อการดินถล่ม จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวทางประสบการณ์การดำเนินชีวิตได้รับรู้วิธีการอยู่อาศัยในที่เสี่ยงธรณีพิบัติภัย สามารถนำไปปรับใช้ได้กับชีวิตประจำวัน และมีศักยภาพเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญภัยได้อย่างมีสติ 
 

        ดร.สมศักดิ์  วัฒนปฤดา ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า ถ้าหากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 นาฬิกา เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศไทย ขนาด 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ด้วยเหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชน บ้านเรือนประชาชนกว่า 10,000 หลังคาเรือน ศาสนสถานต่างๆ โรงเรียน ถนนเกิดรอยแยกเป็นทางยาวหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย และอาคารสูงในกรุงเทพฯสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าการเกิดธรณีพิบัติภัยในแต่ละครั้งส่วนมากจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันยากต่อการคาดการณ์ล่วงหน้า สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหลายพื้นที่ และที่สำคัญมักจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ดังนั้นกรมทรัพยากรธรณี จึงได้จัดประชุมสัมมนา เรื่อง “๑ ทศวรรษแผ่นดินไหวแม่ลาว : บทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน” ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการถอดบทเรียนจากการเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยที่สำคัญ นำมาสู่การเรียนรู้เกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยและเพื่อจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างบูรณาการ เพื่อบรรเทาลดผลกระทบและความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News