Categories
ECONOMY

จับตาธุรกิจร้านอาหารปี 68 โตแต่แข่งสูง รายใหญ่สู้รายเล็ก

ทีทีบีเผย ธุรกิจร้านอาหารไทยปี 2568 โต 6.12 แสนล้านบาท ชี้ตลาดแข่งเดือด รับยุคใหม่ Next Era

ประเทศไทย, 12 พฤษภาคม 2568 – ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารไทยประจำปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง และมีมูลค่ารวมสูงถึง 6.12 แสนล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงลักษณะพิเศษของอาหารซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นที่มีความต้องการจากผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา

รายงานดังกล่าวยังได้วิเคราะห์สถานการณ์ในปีที่ผ่านมา (2567) ว่า แม้ปัญหาด้านต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ จะเริ่มลดลง แต่ราคาสินค้าในธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับลดราคาลงตามต้นทุนที่ลดลงแต่อย่างใด ซึ่งกลายเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่องมาถึงปีนี้

การขยายตัวของตลาดร้านอาหาร ส่งผลการแข่งขันสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทีทีบีชี้ว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นได้สร้างการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดร้านอาหารไทย โดยเฉพาะในด้านอุปทาน เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารมีข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดต่ำ หรือที่เรียกว่าการมี No Barrier to Entry ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเปิดกิจการได้โดยง่าย และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าจำนวนร้านอาหารในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 333,000 ร้านในปี 2562 เป็นกว่า 405,000 ร้านในปี 2567 และมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อผู้ประกอบการเดิม โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารรายใหญ่ที่เคยมีความได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งที่ดีและภาพลักษณ์ Premium

รายใหญ่รับผลกระทบ รายกลาง-รายเล็กโตสวนกระแส

รายงานของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มร้านอาหารรายกลางและรายเล็กกลับสามารถปรับตัวและจับกลยุทธ์ใหม่ที่เรียกว่า Premium Mass & Niche Market ได้ดีกว่ารายใหญ่ โดยอาศัยเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังตั้งราคาขายตามกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

จากการวิเคราะห์พบว่าธุรกิจร้านอาหารรายใหญ่ที่มีการเติบโตเฉลี่ยเพียง 4.0% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่กลุ่มร้านอาหารรายกลางและรายเล็กกลับเติบโตสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึง 7.0% และ 7.5% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในตลาดร้านอาหารไทยได้เป็นอย่างดี

ร้านอาหารรายใหญ่ปรับกลยุทธ์สู่ตลาด Mass

จากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ทำให้ธุรกิจร้านอาหารรายใหญ่จำเป็นต้องปรับตัวโดยนำกลยุทธ์ใหม่เข้ามาใช้ คือการจับตลาด Mass หรือ Everyday Integration Strategy ผ่านการสร้างเมนูที่ง่ายต่อการบริโภค เข้าถึงลูกค้าทั่วไปได้ในชีวิตประจำวัน และใช้แพลตฟอร์ม Food delivery เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะสูญเสียลูกค้าในกลุ่ม Premium บางส่วนให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง แต่สามารถเข้าถึงกลุ่ม Mass ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีโอกาสในการขยายตัวต่อเนื่องมากกว่า

จากทำเลสู่แพลตฟอร์มเดลิเวอรี โอกาสใหม่ของธุรกิจร้านอาหาร

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่รายงานชี้ให้เห็น คือ การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจร้านอาหารจากการอาศัยทำเลที่ตั้งที่เคยมีความสำคัญในอดีต (Traditional Location-Based Advantage) ไปสู่การให้บริการอาหารผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี (Democratizing Food Delivery) ทำให้ร้านอาหารไม่จำเป็นต้องมีทำเลที่ดีอีกต่อไป ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนหน้าร้าน และขยายการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น Cloud Kitchen หรือ Ghost Kitchen ที่สามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากร้านอาหารที่มีทำเลดีเดิมได้ง่ายขึ้นมาก

กระแสนิยม การแข่งขันแบบใหม่ระยะสั้น

ขณะเดียวกันในยุคที่ธุรกิจร้านอาหารเข้าสู่ Next Era ยังเกิดกระแสนิยมร้านอาหารใหม่ๆ ที่เน้นการลงทุนในระยะสั้นและเกาะกระแสความนิยมชั่วคราว (Trend-based Business) ส่งผลให้ร้านอาหารรูปแบบนี้เข้ามาแย่งอุปสงค์จากร้านอาหารที่มีอยู่เดิม และสร้างวัฏจักรใหม่ของการเกิดร้านอาหารที่มีการแข่งขันแบบต่อเนื่องตามกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

วิเคราะห์อนาคตตลาดร้านอาหารไทย

จากรายงานนี้ ทีทีบีชี้ชัดว่า ธุรกิจร้านอาหารไทยกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เชิงรุก ใช้การตลาดและการสร้างแบรนด์ที่เข้มข้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเองในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปี 2567 ระบุว่า จำนวนร้านอาหารในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5.3% ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปี 2567 และคาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดจะเติบโตถึง 612,000 ล้านบาท (ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) 
  • ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปี 2567 
  • KANJO Review
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2568 ส่องเทรนด์เศรษฐกิจไทย

10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2568 เผยเทรนด์เศรษฐกิจไทย สะท้อนโอกาสและความท้าทาย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ประจำปี 2568 โดยมีการวิเคราะห์ปัจจัยสนับสนุนและบั่นทอนเศรษฐกิจไทย พร้อมประเมินทิศทางการฟื้นตัวในปีหน้า

10 ธุรกิจดาวร่วง ปี 2568

  1. ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่า CD หรือ VDO
  2. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์
  3. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น CD, DVD, Thumb Drive
  4. บริการส่งหนังสือพิมพ์
  5. ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
  6. ธุรกิจถ่ายเอกสาร
  7. ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมที่ไม่มีการออกแบบใหม่
  8. ธุรกิจรถยนต์มือสอง
  9. ร้านขายเครื่องเล่นเกม
  10. ธุรกิจผลิตกระดาษและร้านโชห่วย

10 ธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568

  1. ธุรกิจแพทย์และความงาม, Cloud Service, Cyber Security
  2. ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ยูทูบเบอร์ รีวิวสินค้า อินฟลูเอนเซอร์
  3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และซอฟต์พาวเวอร์ไทย เช่น ซีรีส์, ภาพยนตร์, สื่อออนไลน์
  4. งานคอนเสิร์ต, มหกรรมแสดงสินค้า, ธุรกิจจัดอีเวนต์ และธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  5. ธุรกิจสายมู, เงินด่วน, ประกันภัย, ประกันชีวิต
  6. บริการแพลตฟอร์ม เช่น แม่บ้านรายวัน และสถานบันเทิง
  7. คลินิกกายภาพบำบัด, บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า, รถยนต์อีวี, ธุรกิจสัตว์เลี้ยง
  8. ธนาคาร, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ, ธุรกิจท่องเที่ยว
  9. ธุรกิจโลจิสติกส์, เดลิเวอรี, ทนายความ, ตลาดนัดกลางคืน
  10. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, พลังงานทดแทน

ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2568

  1. การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
    • แรงหนุนจากฟรีวีซ่า
    • แคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025”
  2. การลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก
    • Amazon, Google, Microsoft
  3. ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    • ไทยเข้าร่วมเป็นพันธมิตร BRICS ยกระดับบทบาทบนเวทีโลก
  4. นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
    • ช่วยกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่าย

ปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจ

  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ราคาพลังงานโลกที่ผันผวน
  • การเมืองภายในประเทศที่ไม่แน่นอน
  • ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง

หนี้ครัวเรือนปี 2568

นายธนวรรธน์ คาดการณ์ว่า หนี้ครัวเรือนจะลดลงจาก 89% เป็น 85% ต่อ GDP เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของรัฐบาลผ่านโครงการ “คุณสู้เราช่วย”

สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568

เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี โดยเติบโตในกรอบ 2.8-3.2% มีโอกาสจากธุรกิจดาวรุ่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดโลก ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

งานสำรวจนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ภาคธุรกิจไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างทันท่วงที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE