Categories
WORLD PULSE

รัฐบาลทหารเมียนมาสกัดคนหนีเกณฑ์ทหาร ประกาศสั่งห้ามพลเมืองชายไปทำงานต่างประเทศ

 

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 สำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า การเตรียมการในพม่ากำลังมีการห้ามชายที่มีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี ซึ่งต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ไม่อนุญาตให้ออกจากประเทศเพื่อมุ่งหางานทำต่อไป คำสั่งนี้ได้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 แต่มีการยืนยันจากนายยุ้นวิน ปลัดกระทรวงแรงงานของรัฐบาลทหารพม่าว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่มีผลต่อบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากประเทศก่อนหน้านี้ และจะยกเลิกคำสั่งนี้เมื่อสถานการณ์ในประเทศอนุญาตให้เช่นนั้น แม้ว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ

 

Myanmar Now รายงานว่า แม้ว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ได้รับรายงานจากบุคคลที่เข้าร่วมประชุมระหว่างนายมิ้นหน่อง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่า และเจ้าหน้าที่ของสมาคมจัดหางานในย่างกุ้งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุม รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่าได้ระบุว่า เตรียมที่จะออกกฎห้ามผู้ชายเดินทางออกจากประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร โดยมาจากเบื้องบน

ในระหว่างนี้ ผู้ชายหนุ่มจากเขตอิระวดีกล่าวว่า กองทัพกำลังทำให้คนหนุ่มสาวมีทางเลือกเพียงอย่างเดียว คือการเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้าน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า คำสั่งนี้จะเพิ่มจำนวนผู้ออกจากประเทศอย่างผิดกฎหมายเพื่อหางานทำอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า (Assistance Association for Political Prisoners) ระบุว่า ตั้งแต่เผด็จการทหารยึดอำนาจมา กองทัพพม่าได้สังหารพลเรือนทั้งสิ้น 4,957 คน ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 121 คน เป็นชาย 88 ราย และหญิงอีก 33 ราย  ซึ่งรวมไปถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีและผู้สูงอายุ ผู้ร้องขอความช่วยเหลือกล่าวว่า การประชุมระหว่างนายมิ้นหน่อง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่า และเจ้าหน้าที่ของสมาคมจัดหางานในย่างกุ้งได้สร้างความกังวลในประเทศอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่จะเสริมสร้างความเจ็บปวดในชุมชนนั้น ซึ่งสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างวิกฤตต่อไป โดยจำนวน 42 รายนั้นเสียชีวิตจากสาเหตุปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพพม่า และเขตสะกาย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายต่อต้านกองทัพพม่าและเป็นพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด กองทัพพม่าที่กำลังสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้องรับมือสงครามกับฝ่ายต่อต้านทั่วประเทศ ทำให้กองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการโจมตีและสังหารพลเรือน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าว Myanmar Now

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
CULTURE SOCIETY & POLITICS

จัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชนมุสลิม

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 ณ มัสยิดอันนูร แม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชนมุสลิม ภาคฤดูร้อน ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยมี นายสมจิตร มุณีกร ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดอันนูร แม่สาย เป็นผู้กล่าวรายงาน และอิหม่ามอรุณ จินดาอภิรักษ์กุล กล่าวดุอา (การอวยพร) นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มาพบปะและกล่าวถึงความสำคัญ และติดตามประเมินผลโครงการ เพื่อนำผลไปพัฒนา ส่งเสริม และขยายผลต่อไป

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดอันนูร แม่สาย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อจัดโครงการจัดอบรมคุณธรรมและจริยธรรมเด็กและเยาวชนมุสลิม ภาคฤดูร้อน ประจำปี พ.ศ. 2567 ในระหว่างวันที่ 1 – 5 พฤษภาคม 2567 ณ อาคารเอนกประสงค์มัสยิดอันนูร แม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก เยาวชน และประชาชนในอำเภอแม่สาย จำนวน 200 คน

 

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนายพร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่เพื่อติดตามประเมินผลโครงการฯ โดยมีกิจกรรมสำคัญดังนี้

 

  1. การอบรมให้ความรู้ด้านศาสนา จริยธรรม และวัฒนธรรม รวมทั้งการดำเนินชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง
  2. การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและกฎจราจร
  3. การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติด
  4. การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รัชกาลที่ 9
  5. การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการรู้จักป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโรโรนา 2019
  6. กิจกรรมนันทนาการและการปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนาอิสลาม
  7. การบำเพ็ญประโยชน์จิตอาสา และทำความสะอาดสถานที่ต่าง ๆ
  8. การทัศนศึกษาของเด็กและเยาวชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, สุพจน์ ทนทาน : รายงาน

พร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ : ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการข่าว
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ จับตาสถานการณ์ภัยแล้ง สั่งบูรณาการ จัดการอย่างเป็นระบบ

 

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์ภัยแล้งที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งภาคเกษตรกรรม ความเป็นอยู่ การลงทุน รวมทั้งการท่องเที่ยว เล็งภาคใต้จะกระทบหนัก สั่งการทุกหน่วยงานวางแผนบริหารการอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมเพื่อรับมือและบรรเทาสถานการณ์ และช่วยเหลือประชาชน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลเรื่องน้ำ กระทรวงมหาดไทยที่ดูแล บรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งเหล่าทัพ ที่นำสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภัยแล้ง รวมถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมด้วยช่วยกัน ในส่วนที่ทำได้อำนวยความสะดวก ดูแล แบ่งเบาความทุกข์ ประชาชน และกำชับหน่วยกองทัพร่วมเข้าช่วยเหลือแก้ปัญหาภัยแล้ง ดูแลการขาดน้ำอุปโภค บริโภค ของประชนให้ทันท่วงทีและรายงานนายกรัฐมนตรีทุกระยะ เพื่อพิจารณาปรับแผนการดำเนินการที่เหมาะสม

 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ซึ่งจากการสั่งงานของนายกรัฐมนตรี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ กษ. มท. เหล่าทัพ เร่งหามาตรการบรรเทา และเป็นการแก้ไขสถานการณ์ทั้งระบบเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนน้อยที่สุด โดยขณะนี้มี รถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ รถขนน้ำ การขุดลอกแหล่งน้ำ และซ่อมบำรุงระบบปะปาแก่ชุมชน
 
 
“ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดนี้ นายกรัฐมนตรีวางแผนการทำงานล่วงหน้าเพื่อบรรเทาน้ำแล้งทั้งระบบ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ภารการเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ที่รับรายงานว่าเกิดปัญหาขาดน้ำแล้วโดยขอทุกหน่วยงานแบ่งงานกันดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องและรายงานนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเพื่ออาจพิจารณาปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ตรงความต้องการ” นายชัย กล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ ปี 2570 แก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมซ้ำซาก

 

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567นายพิเชษฐ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน กล่าวว่า “โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำ” จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ในลุ่มน้ำคำ ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะสามารถช่วยพื้นที่การเกษตรกว่า 75,000 ไร่ ที่มีทั้งปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมหลากซ้ำซากในพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่การเกษตรในอำเภอแม่จัน โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำ ตั้งอยู่บ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

 

“ขณะนี้โครงการอยู่ในขั้นตอนของการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการ และจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2567 อ่างเก็บน้ำแม่คำมีความจุประมาณ 51.73 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าจะได้รับงบประมาณก่อสร้างประมาณปลายปี 2569 หรือ 2570 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปีครึ่ง”

 

       เมื่อดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำแล้วเสร็จ จะช่วยให้การทำการเกษตรมีแหล่งน้ำถาวรเพิ่มขึ้น ทำการเพาะปลูกในฤดูฝนได้เต็มประสิทธิภาพประมาณ 67,000 ไร่ ลดปัญหาฝนทิ้งช่วง ส่วนฤดูแล้งจะสามารถทำการเกษตรเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 48,900 ไร่ สามารถส่งน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคได้ประมาณ 1.8 ล้าน ลบ.ม./ปี ช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มริมน้ำแม่คำ ประมาณ 1,200 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำของท้องถิ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และ รักษาสมดุลนิเวศท้ายน้ำ โดยระบายน้ำในฤดูแล้งลงลำน้ำเดิม

 

      ทางด้าน นายธนพล สงวนตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้าง ชลประทานขนาดกลางที่ 2 กล่าวว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะกระทบพื้นที่ทำกินของราษฎร จำนวน 175 ราย รวม 267 แปลง ประมาณ 1,207 ไร่ และกระทบที่อยู่อาศัยจำนวน 16 หลัง ซึ่งจะได้การชดเชยที่ดินและทรัพย์สินทั้งกรณีที่ดินมีเอกสารสิทธิ์และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2532 รวมทั้งการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะทำให้ระดับน้ำสูงสุดท่วมถนนในบางช่วงจากบ้านสามัคคีใหม่ไปบ้านห้วยหม้อ และจากบ้านห้วยหม้อไปบ้านห้วยมุ ก็จะสร้างถนนทดแทนให้ การก่อสร้างจะใช้วัสดุก่อสร้างเขื่อนจากภายในอ่างให้มากที่สุด เพื่อลดการขนส่งวัสดุจากภายนอกเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบด้านเสียง ฝุ่น และการสัญจร รวมทั้งมีการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนใกล้เคียง โดยปฏิบัติตามรายงานแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIMP) ที่กรมชลประทานได้จัดทำรายงานและผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว “ผลกระทบในแง่ชีวิตและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทานมีแผนปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข และติดตาม โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการก่อสร้าง เป็นระยะเวลา 15 ปี อย่างเช่น ป่าไม้ที่ถูกน้ำท่วมก็จะปลูกป่าชดเชยให้ 2 เท่า”

 

      ดร.สมชาย ประยงค์พันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำแม่คำตั้งอยู่ห่างจากรอยเลื่อนแม่จัน 13 กิโลเมตร จึงต้องออกแบบเขื่อนให้สามารถต้านแรงแผ่นดินไหวได้ที่ขนาด 6.8 โดยออกเเบบตามมาตรฐานต้านแผ่นดินไหวทั้งของกรมชลประทานเเละมาตรฐานระดับโลก

 

       นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มักมีปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกหนัก น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและบ้านเรือนอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเขตอำเภอพาน, อำเภอแม่จัน, อำเภอแม่ลาว ส่วนในช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่ขาดฝนทำให้แม่น้ำและลำห้วยต่างๆ มีปริมาณน้ำลดลง บางแห่งน้ำขอด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตร โดยพื้นที่ที่มักจะประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก คือ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอแม่สรวย

 

       เมื่อมีการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำแล้วเสร็จ จะสามารถส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้สม่ำเสมอตลอดปี ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำคำ สามารถดูแลผลผลิตจากการปลูกพืชให้มีผลผลิตมากขึ้น และจะบริการจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำใน รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่จัน และอำเภอเชียงแสนได้อีกด้วย

 

    ขณะที่นายผาย วงศ์ฝั่น ประธานฝายผาม้าและประธานเครือข่ายลุ่มน้ำคำ บอกว่า ในพื้นที่มักจะประสบปัญหาแล้งและท่วมสาหัส อยู่เสมอ อย่างเช่น ในขณะนี้เกิดภาวะภัยแล้งรุนแรงจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ ไร่นาเสียหาย โดยเฉพาะปีนี้ไร่นาในอำเภอเชียงแสนเสียหายหนักมาก จึงรอความหวังให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำให้ได้โดยเร็ว

 

        ด้านนายเขียว วิยาพร้าว กรรมการลุ่มน้ำคำ ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย บอกว่ารอคอยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำมานานกว่า 30 ปี ปีนี้ ในตำบลศรีดอนมูล นาข้าวยืนต้นตายจากปัญหาภัยแล้งกว่า 2,000 ไร่ เพราะน้ำในคลองส่งน้ำแห้งขอด อ่างเก็บน้ำแม่คำจึงเป็นความหวังของชาวบ้านที่จะสามารถเพิ่มรายได้จากการทำการเกษตรและน้ำกินน้ำใช้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย 

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิจารณาสุดยอดผ้าเชียงราย ปี 67 ผ้าพื้นถิ่น ผ้าทอมือ ผ้าที่ทำจากมือ

 
เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมพวงแสด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงรายจังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย จัดการประชุมคณะกรรมการประกวดสุดยอดผ้าเชียงราย ประจำปี 2567 พิจารณาคัดเลือกสุดยอดผ้าจังหวัดเชียงราย เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

 

ในการนี้ นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางจิราภรณ์ โมสิกรัตน์ อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะกรรมการฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจังหวัดเชียงราย และ คุณจินตนา จิตรสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP หรือ ช่างทอจังหวัดเชียงรายได้ให้ความร่วมมือจัดส่งผ้าเข้าร่วมการประกวดฯ เป็นจำนวนมาก โดยคณะกรรมการฯ พิจารณาจากผ้าพื้นถิ่น ผ้าทอมือ ผ้าที่ทำจากมือ (Hand Made) และควรเป็นสีธรรมชาติ เส้นใยที่ใช้ทอ หรือผลิต ต้องเป็นเส้นใยฝ้ายหรือเส้นใยไหมที่เป็นเส้นใยแท้ ไม่ใช้เส้นใยประดิษฐ์หรือเส้นใยผสม

 

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

คุณตัน มอบเงินแสนให้ 54 หมู่บ้านหลังจบ ภารกิจท้าชาวเชียงใหม่ลด “จุดความร้อน”

 

เมื่อวันที่  2 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ คุณตัน ภาสกรนที หรือ “ตัน อิชิตัน” นักธุรกิจเจ้าของเครื่องดื่มชื่อดังของเมืองไทย ได้เดินทางมามอบเงินรางวัลให้กับหมู่บ้านที่สามารถลดจุดความร้อนได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตามเงื่อนไขที่ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกันระหว่างมูลนิธิตันปัน กับ มูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานมูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอำเภอแม่ริมและนายอำเภอหางดง ร่วมเป็นสักขีพยาน

หลังมูลนิธิตันปัน นำโดย คุณตัน ภาสกรนที ได้มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับมูลนิธิป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน จังหวัดเชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567  เพื่อบูรณาการความร่วมมือ และทดสอบความท้าทายในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ร่วมกับ 69 หมู่บ้าน โดยเริ่มเก็บสถิติเป็นเวลา 40 วัน เงื่อนไขให้ลดจำนวนจุดความร้อนให้ได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับจำนวนจุดความร้อนในช่วงระยะเวลาเดียวกันในปี 2566  ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม – 30 เมษายน 2567 หากสามารถทำได้ตามเงื่อนไขได้ จะมอบงบประมาณสนับสนุนเป็นเงินรางวัลให้หมู่บ้านละ 100,000 บาท

ซึ่งผลปรากฏว่า มี 54 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 69 หมู่บ้าน ที่สามารถก้าวข้ามความท้าทายและดำเนินการตามเงื่อนไขได้สำเร็จ ประกอบไปด้วย หมู่บ้านในอำเภอแม่ริม 36 หมู่บ้าน และ หมู่บ้านในอำเภอหางดง 18 หมู่บ้าน ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อนใน 2 อำเภอ ลดลงเป็นจำนวนมาก จากเดิมในปี 2566 เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 324 จุด ส่วนปีนี้ลดลงเหลือเพียง 111 จุด หรือลดลงจากเดิมกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คุณตัน ยังได้มอบเงินรางวัลปลอบใจให้กับอีก 15 หมู่บ้าน ที่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าอีกหมู่บ้านละ 10,000 บาท รวมเป็นยอดเงินสนับสนุนในครั้งนี้กว่า 5.5 ล้านบาท

โดย คุณตัน ภาสกรนที เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวถือว่าประสบผลอย่างมาก ทั้งสองอำเภอสามารถช่วยกันลดจุดความร้อนได้กว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 40 วัน ทั้งที่อยู่ในช่วงที่เป็นจุดพีคของการเกิดไฟป่า อย่างไรก็ตามหากจะให้เกิดความยั่งยืน ประชาชนทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง ส่วนในปีหน้าก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอีก แต่เพียงตนเองอาจจะมีกำลังไม่มากพอ ดังนั้น อาจจะต้องร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ โรงแรม ห้างร้าน และหน่วยงานภาคเอกชนอื่นๆ เข้ามาร่วมสนับสนุน เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด ถือเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ต้นแบบระดับจังหวัดเชียงราย ธนาคารขยะฮอมบุญบ้านหนองบัว แม่ลาว

 
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และ ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่โครงการขับเคลื่อนธนาคารขยะ (Recyclable Waste Bank) ณ ธนาคารขยะฮอมบุญบ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 ตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นชุมชน หมู่บ้าน ต้นแบบในการขับเคลื่อนโครงการธนาคารขยะระดับจังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดงานประกาศความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะภายใต้หุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ขับเคลื่อนโครงการธนาคารขยะอย่างต่อเนื่องและจัดสวัสดิการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายเจตณรงค์ อินกัน ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว นายสุริยัน ตื้อยศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อดำ ตลอดจนผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นเข้าที่ร่วมพิธี พร้อมรับมอบป้ายธนาคารขยะสำหรับการจัดตั้งธนาคารขยะในเขตพื้นที่ อบต.ป่าก่อดำ จากทั้ง 7 หมู่บ้าน ที่ได้มีการดำเนินการธนาคารขยะมาแล้ว จำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 บ้านสันหนองล้อม หมู่ที่ 6 และบ้านแม่ผง หมู่ที่ 5 และมีการขยายผลไปยังหมู่บ้านที่เหลืออีก 4 หมู่บ้าน โดยได้เริ่มดำเนินการธนาคารขยะ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 67 ได้แก่ บ้านโป่งมอญ หมู่ที่ 1 บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 3 บ้านท่าขี้เหล็ก หมู่ที่ 4 และบ้านสันหนองบัว หมู่ที่ 11 จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อีกด้วย
 

      นายสุริยัน ตื้อยศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อดำ กล่าวว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการธนาคารขยะ (Recyclable Waste Bank) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดความยั่งยืน และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานธนาคารขยะให้กับประชาชนได้เห็นคุณค่า และให้ความสำคัญในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของธนาคารขยะ จังหวัดเชียงรายได้คัดเลือกธนาคารขยะบ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 ตำบลป่าก่อดำ ภายใต้การสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เป็นธนาคารขยะต้นแบบในระดับจังหวัด เพื่อถอดบทเรียนการขับเคลื่อนธนาคารขยะและผลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีปริมาณขยะที่นำฝากผ่านธนาคารขยะทั้ง 3 หมู่บ้าน มีจำนวนเฉลี่ย 335 กิโลกรัมต่อเดือน มีเงินทุนในธนาคารขยะ จำนวนกว่า 4,000 บาท ที่หมุนเวียนกลับไปให้สมาชิกในรูปแบบการสังคมสงเคราะห์ เช่น กรณีเสียชีวิตช่วยรายละ 500 บาท ถุงอุปโภคบริโภคเพื่อการยังชีพให้กับผู้ด้อยโอกาส และสมทบเพื่อสาธารณประโยชน์ในหมู่บ้าน ต่อไป
 

      สำหรับการขับเคลื่อนธนาคารขยะในพื้นที่ อบต.ป่าก่อดำ ได้ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ชุมชน ครัวเรือน และภาคีเครือข่ายฯ ในพื้นที่ร่วมสนับสนุนเพื่อสร้างกลไก สร้างความเข้มแข็งของระบบการบริหารจัดการขยะ และธนาคารขยะให้เกิดความยั่งยืน เป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากการขับเคลื่อนธนาคารขยะแล้ว อบต.ป่าก่อดำ ได้มีการบริหารจัดการขยะภายในครัวเรือนโดยเน้นให้ทุกครัวเรือนได้ช่วยกันลดปริมาณขยะมูลฝอยและคัดแยกขยะในครัวเรือนอย่างเข้มข้น อีกทั้งได้สนับสนุนให้ทุกครัวเรือนใช้ประโยชน์จากถังขยะเปียกลดโลกร้อนเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยได้มีการใช้สมุดบันทึกประจำครัวเรือนรักษ์โลก เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการตรวจติดตามการบริหารจัดการขยะของทุกครัวเรือน นับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือมีการจัดทำหลักสูตร EF บูรณาการในการปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อที่จะได้เป็นพลังในการสร้างสรรค์ชุมชนให้น่าอยู่สืบไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

จ.เชียงราย จับมือ สปป.ลาวและเมียนมา แลกเปลี่ยนแนวคิดการค้าการลงทุน

 
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเฮอริเทจ เชียงรายโฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดเชียงราย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ได้จัดงานประชุม/ สัมมนาร่วมภาครัฐและเอกชน ภาคเหนือของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว-เมียนมา) ตามโครงการ “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ Northern Border Economy Acceleration 2024” โดยมี นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์  นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด มีผู้เข้าประชุมสัมมนาจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด ทั้งภาครัฐและเอกชน จำวน 70 ราย หัวหน้าสำนักงานพาณิชย์และภาคเอกชน 6 แขวงภาคเหนือของสปป.ลาว 22 ท่านและนักธุรกิจเมียนมา 8 ท่าน

           นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าการประชุมสัมมนา ว่ารัฐบาลให้ความสําคัญ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนและสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในทุกภูมิภาค  กระทรวงพาณิชย์จึงได้กําหนดนโยบายในการพัฒนาการค้าชายแดนหลายประการอันจะได้ประโยชน์ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน (ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา)  โดยได้มีการกําหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้า การลงทุน การค้าชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 – 2570 ประกอบด้วย

  1. พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า
    2. ยกระดับศักยภาพและการอํานวยความสะดวกของด่านชายแดน
    3. ส่งเสริมและใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงและกรอบความร่วมมือต่าง ๆ
    4. ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน

ซึ่งการสัมมนาร่วมภาครัฐและเอกชนภาคเหนือของประเทศไทย กับประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ การค้า และใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้าในภูมิภาค ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจใช้โอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษและการเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาค GMS, BIMSTEC และ AEC ขยายฐานเศรษฐกิจของภาคเหนือ รวมถึงเป็นการขยายช่องทางและโอกาสทางการตลาดของสินค้าและบริการ มุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของภาคเหนือ

 

ด้านนางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวถึงรายละเอียของโครงการว่าได้จัดทำขึ้นทั้งหมด 5 โครงการดังนี้

  1. การอบรมสัมมนาผู้ประกอบการ Boost Up Trader to Overseas ซึ่งได้จัดไปเมื่อวันที่ 21-22 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงราย ผู้ประกอบการเข้าร่วม 84 ราย
  2. การศึกษาดูงานการค้าชายแดน สปป.ลาว (เส้นทางท่าลี่ จังหวัดเลย-จังหวัดหนองคาย) ระหว่างวันที่ 5-7 เมษายน 2567 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมดูงาน 40 ราย
  3. การศึกษาดูงานการค้าชายแดน เมียนมา อ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 24-27 เมษายน 2567 ผู้ประกอบการดูงานจำนวน 40 ราย
  4. การประชุม/ สัมมนาร่วมภาครัฐ และเอกชนกลุ่มภาคเหนือของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมเดอะเฮอริเทจ แกรนด์คอนเวนชั่น เชียงราย
  5. กิจกรรมเสวนากลุ่มย่อย (Focus Group) ธุรกิจการค้า การบริการ การท่องเที่ยว และ โลจิสติกส์เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทย-เมียนมา-สปป.ลาว เพื่อสร้างมูลค่าทางการค้าในวันที่ 3พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมเดอะเฮอริเทจ แกรนด์คอนเวนชั่น

ทางด้านนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ) ในปี พ.ศ. 2558 โดยมีพื้นที่เป้าหมาย
 3 อำเภอ ประกอบด้วย

(1) อำเภอแม่สาย : ศูนย์การค้าและการเงิน (Trading City)

(2) อำเภอเชียงแสน : ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและท่าเรือเทียบนานาชาติ (Port City)

และ (3) อำเภอเชียงของ : ศูนย์โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชิงนิเวศและการแปรรูปสินค้าเกษตร (Logistic City) โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประตูการค้าและศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมโยง สู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดดเด่นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ประชาชน อยู่ดีมีสุข”

ปี 2566 จังหวัดเชียงรายมีมูลค่าการค้าชายแดนกับเมียนมา และสปป.ลาว และการค้าผ่านแดนไปจีน มีมูลค่าการค้ารวม 100,951.88 ล้านบาท เป็นการส่งออก 79,517.60 ล้านบาท และการนำเข้า 21,434.28 ล้านบาท มูลค่าการค้าสูงขึ้นจากปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 3.11  จากสถิติการค้าที่ผ่านมาพบว่ามูลค่าการค้ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุด

               ซึ่งทางนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวย้ำว่ายินดีที่ได้เห็นรูปแบบการเตรียมความพร้อมในการนำความรู้ทางวิชาการด้านการตลาด การค้าขายแดน มาผสานในการจัดงานที่หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการจัดทำFocus Group ที่ทุกท่านจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กันในหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และ Wellness ซึ่งเป็นนโยบายท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย(นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์) ที่จะขับเคลื่อนเชียงราย เป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City)3 ด้าน คือ Wellness Food การพัฒนาสู่ เมืองแห่งอาหารสุขภาพ Wellness Health Careเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางกายภาพ เพื่อความเป็นเลิศในการบริการสุขภาพการพัฒนาบริการทางการแพทย์ และ Wellness Tourism ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์

 

รัฐบาลให้ความสำคัญต่อ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ถือเป็นจังหวัดสำคัญในแผน ยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้านของรัฐบาล เนื่องจากมีชัยภูมิที่เหมาะสมในการเป็นจุดเชื่อมโยงการค้า ชายแดน มีข้อได้เปรียบจากศักยภาพต้านพื้นที่ เป็นประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ (Logistics) โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงการค้าชายแดนกับสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว และสาธารณัฐประชาชนจีน (เส้นทาง R3A) และมีเส้นทางเชื่อมโยงกับสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา (เส้นทาง R3B) ซึ่งเป็นช่องทางการค้าขายแดน การค้าผ่านแดนที่สำคัญ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายพร้อมจัด กีฬานักเรียน อปท. รอบคัดเลือกระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 38

 

เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้ นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย นางสาววรรณพัชร จินดาขัด เลขานุการนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย เป็นประธานการประชุม เตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่งประเทศไทย รอบคัดเลือกระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 38 “นครเชียงรายเกมส์” พร้อมผู้อำนวยการสำนัก/กอง และผู้อำนวยการโรงเรียน ในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย เข้าร่วมประชุมครั้งนี้

 

.
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้คัดเลือกให้จังหวัดเชียงราย โดยเทศบาลนครเชียงราย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือกระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 38 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 4-13 มิถุนายน 2567 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย โดยจัดการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 11 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา เทเบิลเทนนิส วอลเลย์บอลในร่ม วอลเลย์บอลชายหาด ฟุตบอล เซปักตะกร้อ ฟุตซอล เปตอง/ชูดติ้งเปตอง แบดมินตัน หมากรุกไทย และหมากฮอส
 
.
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือกระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 38 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวม 11 ฝ่าย พร้อมมอบหมายภารกิจให้แต่ละฝ่ายได้ดำเนินการ โดยประธานได้เน้นย้ำคณะกรรมการทุกฝ่าย ให้เตรียมความพร้อมในการดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การจัดการแข่งขันและการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเชิญชวนชาวเชียงราย ให้การต้อนรับคณะนักกีฬาและผู้ฝึกสอนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย หนุนงบส่งเสริมและสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย

 
เมื่อวันที่อังคารที่ 30 เมษายน 2567 นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ โดยมี นายสมเกียรติ พรมชัย นายกเทศมนตรีตำบลดอนศิลา กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมด้วย นายเขื่อนเพ็ชร วงค์เป็ง รองนายกเทศมนตรีตำบลดอนศิลา นายมานพ ปฐมวงค์ ประธานสภาเทศบาลตำบลดอนศิลา ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และบุคลากรเทศบาลตำบลดอนศิลา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ณ ข่วงพญาแถน บ้านสมานมิตร ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดย อบจ.เชียงราย ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงการ จำนวน 120,000 บาท
 
 
ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสาน โดยมีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้านของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซึ่งในนิทานพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชาพญาแถน เนื่องด้วยบรรพบุรุษ หมู่บ้านสมานมิตร ต.ดอนศิลา อพยพมาจาก อีสาน ประกอบกับประเพณีบุญบั้งไฟเป็น หนึ่งในฮีตสิบสองของชาวอีสานที่นิยมทำกันในเดือน 6 หรือเดือน 7 อันเป็นช่วงฤดูฝน เข้าสู่การทำนา ตกกล้า หว่าน ไถ เพื่อเป็นการบูชาพญาแถน ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เทศบาลตำบลดอนศิลา จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่ออนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามเอาไว้ให้ลูกหลาน เสริมสร้างความร่วมมือและปลูกจิตสำนึกรักประเพณีท้องถิ่นของชาวอีสาน และเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ ความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชนและสังคม ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News