Categories
ECONOMY

นายกฯ สั่งติดตามการค้าชายแดน 6 เดือน ส่งออก 534,316 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินนโยบายระหว่างประเทศด้วยความเป็นมิตร ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อเพิ่มตัวเลขมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน โดยให้ติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าเป็นตลาดที่สำคัญของการส่งออกสินค้าของไทย เพื่อต่อยอดเพิ่มพูนประโยชน์ทางด้านการค้าระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้านและประเทศคู่ค้าและความสัมพันธ์ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เศรษฐกิจไทย

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 การค้าชายแดน-ผ่านแดน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณบวก ขยายตัวที่ 3.6% จึงสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนในงานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน สร้างพันธมิตรทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศคู่ค้า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย

นายชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินนโยบายตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนอย่างใกล้ชิด จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 ที่มีสัญญาณที่ดี อยู่ในแดนบวก มีมูลค่าการค้ารวม 912,283 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออก 534,316 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการนำเข้าของไทยอยู่ที่ 377,968 ล้านบาท โดยที่ไทยได้ดุลการค้า 156,348 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 493,470 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ ลาว มีมูลค่าสูงสุด 150,697 ล้านบาท มาเลเซีย 149,361 ล้านบาท เมียนมา 106,630 ล้านบาท และกัมพูชา 86,783 ล้านบาท ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 305,452 ล้านบาท ในส่วนของการนำเข้าอยู่ที่ 188,019 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้ารวม 117,433 ล้านบาท จากสินค้าส่งออกชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 23,109 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 10,432 ล้านบาท และน้ำยางข้น 8,221 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม ช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 418,813 ล้านบาท โดยการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุดที่ 244,175 ล้านบาท สิงคโปร์ 53,137 ล้านบาท และเวียดนาม 36,269 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 228,864 ล้านบาท และการนำเข้า 189,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% โดยสินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญ ได้แก่ ทุเรียนสด 67,601 ล้านบาท ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 40,957 ล้านบาท และยางแท่ง TSNR 19,500 ล้านบาท

นายชัยกล่าวว่า มูลค่าทางการค้าเพิ่มมากขึ้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมการค้าชายแดน-ผ่านแดน งานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 ระหว่างวันที่ 15-18 ส.ค.ที่ จ.สงขลา บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการค้าภายใน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เข้าร่วม โดยจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน เจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ และสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

Tesla พับแผนตั้งโรงงาน ‘ไทย-มาเลย์-อินโด’ หลังไม่สามารถแข่งขันกับรถอีวีจากจีนได้

 

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเปิดเผยว่า “เทสลา อิงค์” (Tesla) ได้ตัดสินใจยกเลิกแผนการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เนื่องจากความท้าทายจากการแข่งขันที่ดุเดือดจากประเทศจีนและสถานการณ์ที่บริษัทเผชิญอยู่

เว็บไซต์เดอะสเตรทไทม์สในสิงคโปร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้กล่าวถึงเหตุผลที่เทสลาตัดสินใจเปลี่ยนแผน โดยระบุว่า ซาฟรุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้รับข้อมูลตรงจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเทสลาว่า บริษัทไม่สามารถแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้

อันวาร์อธิบายว่า ซาฟรุลได้รับข้อมูลล่าสุดซึ่งแสดงถึงความเพลี่ยงพล้ำของเทสลาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากรถอีวีที่ผลิตในจีน ซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับเป็นการรายงานโดยตรง ไม่ใช่จากสื่อ

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ยังกล่าวด้วยว่าแผนการลงทุนในมาเลเซียยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และตอนนี้เทสลามีเพียงการตั้งสำนักงานขายและโชว์รูมในประเทศไทยและมาเลเซียเท่านั้น

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรีไทยได้เปิดเผยว่ามีการเจรจาเบื้องต้นกับเทสลาสำหรับการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยได้เสนอแผนการใช้พลังงานสีเขียว 100% ในโรงงานเพื่อดึงดูดการลงทุนจากเทสลา

ทางด้านซาฟรุล อาซิสได้ชี้แจงว่ากระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซียไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่าเทสลาจะเปิดโรงงานในประเทศมาเลเซีย และเทสลาก็ไม่เคยประกาศแผนการตั้งโรงงานในประเทศนี้เช่นกัน

ซาฟรุลยังกล่าวถึงรายงานล่าสุดที่เทสลาพับแผนการลงทุนในอาเซียนว่าไม่ได้มาจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากเทสลา แต่เป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้นจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนสามารถเสนอราคาและเทคโนโลยีที่แข่งขันได้อย่างดุเดือด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทต่างชาติในการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์เดอะสเตรทไทม์สในสิงคโปร์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ธนพิริยะ ค้าปลีกเชียงราย ครึ่งแรกปี 67 กวาดรายได้ 1,409 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค้าปลีกเชียงรายโตแรงรับท่องเที่ยวเมืองรอง TNP กวาดรายได้ ครึ่งแรกปี 67 ทะลุ1,409 ล้านบาท โต 11% กำไรสุทธิ 87 ล้านบาทครึ่งปีหลังเร่งขยายเพิ่ม 4 สาขาในช่วงที่เหลือของปี รับดิจิทัลวอลเล็ต เที่ยวเมืองรอง และไฮซีซั่นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี หนุนรายได้ทั้งปีโต 10-15%

เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทเร่งเปิดสาขาใหม่และเพิ่มสัดส่วนการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในกลุ่มแม่และเด็กรวมถึงเพิ่มสัดส่วนการขายส่งให้กับร้านค้า ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขายจำนวน 1,409.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.03 ล้านบาท คิดเป็น 11.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 244.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.92% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 17.36% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นดังกล่าวเกิดจากภาพรวมยอดขายที่เติบโต สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 87.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.62% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 6.15

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 67 TNP มีรายได้จากการขายจำนวน 709.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.25% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักจากยอดขายของสาขาเดิมที่เติบโต 1.4% ทำให้มีกำไรขั้นต้น 122.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.82% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 17.20% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.65% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 5.92%

ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 67 เป็นไปตามกลยุทธ์หลักในการเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นรากฐานการเติบโตในอนาคต โดยครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทได้เปิดสาขาใหม่จำนวน 1 สาขา ทำให้มีสาขาทั้งหมดจำนวน 46 สาขา

และในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนพิริยะเปิดสาขาใหม่อีก 1 สาขา รวมเป็น 47 สาขา อีกทั้งมีแผนเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาในช่วงที่เหลือของปี สนับสนุนให้ในสิ้นปี ธนพิริยะจะมีสาขาทั้งสิ้น 51 สาขา

“ในปี 67 นี้ TNP ตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 10-15% ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยขยายสาขาเพิ่มเพื่อรับกำลังซื้อที่ฟื้นตัว และการบริหารงานที่ทันต่อสถานการณ์ บวกกับอานิสงส์ของนโยบายภาครัฐ ทั้งในส่วนของดิจิทัลวอลเล็ต ถ้าดีเดย์ อนุมัติใช้แล้วคาดว่าประชาชนจะเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้า กระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ มาตรการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรอง สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นปัจจัยสนับสนุนบรรยากาศการใช้จ่ายภายในจังหวัดเชียงรายให้คึกคัก เนื่องจากเป็นจังหวัดแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ จึงมองว่าในปี 67 บริษัทฯ จะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”

ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดผลดำเนินงานงวด 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 67 ในอัตราหุ้นละ 0.0425 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2567

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ดึงพลังคนรุ่นใหม่ เทศกาลออกแบบ ของคนเชียงรายสร้างสรรค์ ครั้งที่ 3

 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลางหลังแรก จังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานเทศกาลออกแบบของคนเชียงรายสร้างสรรค์ (Chiangrai Sustainable Design Week 2024) ครั้งที่ 3 “Chiangrai Creature” สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมแสดงความยินดีในการจัดงานในครั้งนี้

เทศกาลออกแบบของคนเชียงรายสร้างสรรค์ (Chiangrai Sustainable Design Week 2024) ครั้งที่ 3 เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด Chiangrai Creature สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง แนวคิดเมืองมีชีวิต สรรพสิ่งมีชีวิต สะท้อนแนวคิดเมืองสร้างสรรค์เชียงรายที่สมดุล ใน 4 มิติ ที่มีความสัมพันธ์กัน ได้แก่ มิติที่ 1 คนรุ่นใหม่ คือศูนย์กลางแห่งการแลกเปลี่ยนและพัฒนากระบวนทัศน์ทางความคิด และความคิดสร้างสร้างสรรค์ ผลักดันโอกาสทางเศรษฐกิจการลงทุน และสังคมและวัฒนธรรมของเชียงราย มิติที่ 2 การก่อให้เกิดความยั่งยืนผ่านกระบวนทางความคิดและความคิดสร้างสรรค์ผสานกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นรากฐานสำคัญในกระบวนการแห่งการพัฒนาเมือง มิติที่ 3 ความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นแก่นทางสังคมและวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกและปลุกความมีชีวิตของเมืองเชียงราย และมิติที่ 4 การมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมออกแบบเมืองเชียงรายให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิต

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของ UNESCO (UCCN) ในฐานะที่มีเป็นเมืองน่าอยู่ เมืองน่าลงทุน และเมืองน่าเที่ยวสนุกสนาน พร้อมเปิดความรู้และประสบการณ์จาก 3 กิจกรรมหลักสอดคล้องเมืองน่าอยู่กับกิจกรรม SMOG ธุลีกาศสร้างสรรค์วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรที่ก่อให้เกิดไฟป่าและมลภาวะ PM 2.5 ให้เป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นการตระหนักและสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับเมืองเชียงราย โดยเฉพาะกิจกรรมสล่ากาแฟ ที่สะท้อนกระบวนการของความคิดสร้างสรรค์ ความประณีต และความใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระบวนการผลิตกาแฟ เพื่อให้ได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีความพิเศษ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรมของเมืองเชียงราย 

ทั้งนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมวน “เวียง” เจียงฮาย ที่ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ตอกย้ำความเข้มแข็งและการให้ความสำคัญกับการศึกษาในรูปแบบต่างๆ การฉายภาพ Projection Mapping สื่อความหมายปัจจุบันและอนาคตที่ทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกันออกแบบ กิจกรรม exhibition & showcase บูทนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา และผู้ประกอบการ การสัมมนาทางวิชาการด้านการออกแบบสร้างสรรค์ กิจกรรม Learning & sharing กิจกรรม workshop ตลาดนัดนักออกแบบ Design market การขายสินค้าที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งงานจัดระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2567 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลางหลังแรก จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่เวลา 13.00 – 21.00 น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กาดอุตสาหกรรมรักษ์โลก ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป จ.เชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2567 นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธีเปิดงาน “BCG Industry Happy market กาดอุตสาหกรรมรักษ์โลก” ณ ศูนย์การค้า บิ๊กซี  ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เชียงราย 1  มีนางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้  ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน  ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว มาจับจ่ายซื้อของภายในงานอย่างคึกคัก 

          นางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งาน “BCG Industry Happy market กาดอุตสาหกรรมรักษ์โลก” กิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปโดยใช้วิทยาศาสตร์  นวัตกรรม ตามแนวคิด BCG ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างเครือข่ายผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพ อาหารปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้  เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่จัดแสดงและทดสอบตลาด ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่าย ให้แก่ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่ได้รับองค์ความรู้ การปรับเปลี่ยนแนวคิด โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามแนวคิด BCG จากการที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย ได้จัดหลักสูตรการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่” เมื่อวันที่ 23 – 26 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

          ด้าน นางสุภาพรรณ  หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  กล่าวว่า  จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคการเกษตร ดังนั้นการสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคการเกษตรเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของจังหวัดเชียงราย ซึ่งการสร้างมูลค่าเพิ่ม  โดยยการส่งเสริมการเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญโดยเน้นการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมี  หรือใช้ในระดับที่ปลอดภัย รวมทั้งการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการใช้พลังงาน ตลอดจนการส่งเสริม
การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกร  วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการอุตสาทกรรมเกษตรแปรรูป ให้มีความมั่นคงด้านอาชีพ และมั่งคั่งด้านรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป

          สำหรับงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป “BCG Industry Happy market กาดอุตสาหกรรมรักษ์โลก” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 10 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การค้าบิ๊กซีเชียงราย 1 ชั้น 1 ลานบิ๊กบาร์ซาร์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย จัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกต้นไม้และปล่อยปลา เฉลิมพระเกียรติ “วันแม่แห่งชาติ”

 

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 67 ณ หนองหลงโค้ง บ้านหนองบัวแดง หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานกิจกรรมจิตอาสาปลูกต้นไม้และปล่อยปลา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสาจังหวัดเชียงราย ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำผู้เข้าร่วมกิจกรรม ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา และปลูกต้นไม้บริเวณหนองหลงโค้ง เพื่อให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายได้มีส่วนร่วมในการเพิ่มพูนปริมาณสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น เป็นการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน ช่วยขยายพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อเทิดพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมพระราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 พร้อมร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมพระราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทรงคันคิดและพัฒนาโครงการต่าง ๆ นับเป็นอเนกประการ ทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมอนุรักษ์ฟื้นฟูงานศิลปะพื้นบ้าน และงานหัตถศิลป์อันงดงามหลากหลายสาขา ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ ต่อราษฎรและประเทศชาติสืบไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง”ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก”

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่ห้องเชียงรุ้ง โรงแรมเวียงอินทร์ เชียงราย อำเภอเมือง นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง เรื่อง “การติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานแบบบูรณาการ ประจำปี 2567” โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงกลุ่ม 2 เชียงราย ลุ่มน้ำโขงเหนือ โดยมีนายอดิเรก อินต๊ะฟอง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง นำหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์การบริการส่วนท้องถิ่น ผู้แทน จำนวนทั้งสิ้น 126 คน จาก 55 หน่วยงาน เข้าร่วม 

ซึ่งก่อนการเปิดประชุมนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนแบบโครงการหลวง ระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ดำเนินงาน 3 แห่ง อุทยานแห่งชาติดอยหลวง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เพื่อบูรณาการแผนปฏิบัติงานร่วมกัน พัฒนาประชาชนบนพื้นที่สูงให้มีการประกอบอาชีพ ที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และตามแนวทางของโครงการหลวง เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นชุมชนอยู่ดีมีสุข ประกอบอาชีพควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการหลวงได้ดำเนินงานตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชดำริ และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ดำเนินงานพัฒนาการเกษตรบนพื้นที่สูง ลดการปลูกพืชเสพติด และการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธาร โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนบนพื้นที่สูงให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (“ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก”) พระบาทสมเด็จฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด งานโครงการหลวง และให้ขยายผลงานออกไป เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่นอกพื้นที่โครงการหลวง พร้อมกล่าวต่อไปว่า จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนราชการให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น มุ่งเน้นถึงผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก และทางจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การดำเนินงานของโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยเฉพาะปัญหาที่จำเป็นต้องร่วมกันแก้ไข เช่น การพัฒนาแหล่ง น้ำ และการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภค-บริโภค รวมถึงการพัฒนาอาชีพของเกษตรกรบนพื้นที่สูงให้มีรายได้ที่เพียงพอ โดยควบคู่ไปกับการดูแลป่าต้นน้ำการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกิดความยั่งยืน

โดยการจัดประชุมในครั้งนี้ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำหนดแนวทางและเป้าหมายของการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงราย ให้เป็นคู่มือการปฏิบัติงานในพื้นที่กับบุคลากรของหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะได้นำปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ในการดำเนินงาน มาร่วมพูดคุยและร่วมกันกำหนดเป็นแผนงานในปีต่อ ๆ ไปได้อย่างเหมาะสม ให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพ และความต้องการของชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เปิดโลกอุทยานธรณีให้เชียงราย เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยว

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ อำเภอเมืองเชียงราย นายธิติพันธ์ จูจันทร์โชติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายบุญเกิด ร่องแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมความพร้อมจัดงานมหกรรมเปิดโลกอุทยานธรณี เพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย ตอน “ธรณีมหัศจรรย์ สร้างสรรค์อัตลักษณ์เชียงราย” ในวันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2567 ณ หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี จังหวัดเชียงราย 

โดยกรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและภาคีเครือข่าย จัดงานมหกรรมเปิดโลกอุทยานธรณีเพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย ตอน “ธรณีมหัศจรรย์สร้างสรรค์อัตลักษณ์เชียงราย” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวชิงธรณีในพื้นที่แหล่งมรดกธรณี หรืออุทยานธรณี ผ่านนิทรรศการและกิจกรรม รวมทั้งเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่ร่วมพัฒนาแหล่งมรดกธรณีหรืออุทยานธรณี 

ได้มีพื้นที่นำเสนอกิจกรรมการให้บริการ และผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับอุทยานธรณี อีกทั้งยังเป็นการสร้างการรับรู้ ด้านคุณค่าความสำคัญของแหล่งมรดกธรณี อุทยานธรณี รวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงธรณีของจังหวัดเชียงราย ให้จังหวัดเชียงรายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยว ส่วนด้านรูปแบบและกิจกรรมภายในงาน จะมีการนำเสนอนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ความรู้ เนื้อหาสาระ เช่น นิทรรศการอุทยานธรณีประเทศไทย “What is geopark – Geopark is People” นิทรรศการเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรณี จังหวัดเชียงราย “Chiang Rai Geotrail” นิทรรศการ ตรวจสอบอัญมณีและวัตถุทางธรณีสายมู “หมอดูหิน” นิทรรศการ Dark sky “พาเธอมาดูดาว” นิทรรศการจากหน่วยงานพันธมิตร กิจกรรม Food & Products Market กิจกรรม Show case “Geofood” สับปะรดภูแล ข้าวเหนียวเขี้ยวงู และกิจกรรมบนเวทีลุ้นรับของรางวัลมากมาย

สำหรับจังหวัดเชียงรายมีแหล่งทางธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรม ประเพณี และเรื่องราวของชุมชนที่โดดเด่น มีแหล่งธรณีวิทยาในพื้นที่อุทยานธรณี อาทิ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และ ถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย น้ำพุร้อนป่าตึง และเวียงหนองหล่ม อำเภอแม่จัน ซึ่งพื้นที่เหล่านี้สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว รูปแบบใหม่ที่เน้นการใช้แหล่งธรณี เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม และเรื่องราวของชุมชน เป็นเครื่องมือในการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เดินหน้าเต็มสูบชูจุดแข็งท่องเที่ยว คาดปี 67 ทุกภูมิภาครายได้เพิ่ม

 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าผลงานรัฐบาลในรายการ “ไฮไลต์ไทยคู่ฟ้า” โดยประเดิมการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนด สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของไทยผ่านมาตรการต่าง ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบาย IGNITE Thailand 8 ด้าน ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล โดยย้ำว่า IGNITE Thailand’s Tourism เป็นด้านแรก ๆ สำคัญและ“เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจ” ที่จะมีบทบาทอย่างยิ่งในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างเร็ว โดยข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยระบุว่าเมื่อปีที่แล้วนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศไทย สิ้นปี 2566 จำนวน 28 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งสิ้นถึง ประมาณ 2.09 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2567) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 21,045,344 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (ปี 2566) โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 33% ตลอดเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.67) และพบว่าไม่มีเดือนไหนที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะน้อยกว่าปีที่แล้ว โดยทุกๆ เดือนจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรกที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้แก่ จีน 4,229,268 คน มาเลเซีย 2,925,755 คน อินเดีย 1,218,453 คน เกาหลีใต้ 1,117,576 คน และ รัสเซีย 1,015,762 คน โดยปัจจัยบวกสำคัญที่ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าว เช่น การมีวันหยุดปิดภาคเรียน (School holiday) ในประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น การเข้าสู่ช่วง Summer holiday ของภูมิภาคยุโรป นักท่องเที่ยวได้รับความเชื่อมั่นจากมาตรการยกเว้นวีซ่า และบัตร ตม.6 จำนวนที่นั่งเครื่องบินเข้าไทย (Seat Capacity) เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 มีจำนวน 22 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 กระแสการเดินทางเที่ยวไทยตามรอยศิลปินนักแสดง Influencer/KOL  กิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดต่างประเทศของ ททท. ที่ดำเนินการช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เป็นต้น

ทั้งนี้จากการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยว 7 เดือนแรกนั้น ทุกเดือนรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ในส่วนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ปีนี้ มากกว่า 15 ล้านคน-ครั้ง และพบว่า 7 เดือนที่ผ่านมา คนไทยท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายได้จากการท่องเที่ยวพบว่าทุกเดือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยช่วง เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2567 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ที่ 20.47 ล้านคน (เพิ่ม 17%) เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีอยู่ที่ 37.98 ล้านคน ( เพิ่ม 34.88%) ส่วนนักท่องเที่ยวไทย พบว่า 105.00 ล้านคน-ครั้ง (เพิ่ม 5%) เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวไทยทั้งปีอยู่ที่ 205.08% ล้านคน-ครั้ง (เพิ่ม 10.46%) ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1,410,000 ล้านบาท (เพิ่ม 6.2%) เมื่อรวมรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งปีอยู่ที่ 2,738,000 ล้านบาท (เพิ่ม 31%) 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงผลการจัดกิจกรรมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ผ่านมาที่เกิดผลเป็นรูปธรรมและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เช่น งาน Amazing Beach Life festival จังหวัดระยอง รายได้ 61.27 ล้านบาท นักท่องเที่ยว 53,264 คน งาน Vijitr 5 ภาค รายได้ 417.54บาท นักท่องเที่ยว 393,259 คน งาน Amazing food festival จังหวัดภูเก็ต รายได้ 21.45 บาท นักท่องเที่ยว 20,118 คน เป็นต้น นอกจากนี้ ย้ำว่าในปี 2568 ถือเป็นปีทองของการท่องเที่ยวไทยและคาดการณ์รายได้จะมากกว่าปี 2567 โดยรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ คาดเป็นไปตามเป้าจะทำรายได้อยู่ที่ 650,000 ล้านบาท และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศปีนี้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งมาจากการท่องเที่ยว สำหรับสัปดาห์หน้า “ไฮไลต์ไทยคู่ฟ้า” พบกับการอัปเดตประเด็นเรื่องภาคการเกษตรซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและได้ดำเนินการต่อเนื่องจนเกิดผลเป็นรูปธรรมส่งผลให้ขณะนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายชนิดเพิ่มขึ้นยกแผง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชลประทานเชียงราย ยืนยันไม่กระทบ มวลน้ำเข้าเมืองทุกสายไหลลงสู่แม่น้ำกก

 

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 67 นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย พร้อมด้วย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน. กลุ่มนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย และนายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง (นักบริหารงานทั่วไป) เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานที่กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ แหล่งน้ำ และทางระบายน้ำ คลองผันน้ำอาคารควบคุมน้ำ และทิศทางการไหลของน้ำ ในเขตตัวเมืองเชียงราย โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สำหรับวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจชุมชนเมืองเชียงราย

     โดยจุดแรกได้ลงพื้นที่ตรวจสอบท่อส่งน้ำบริเวณหัวสนามบิน ฝูงบิน 416 ตำบลรอบเวียง จุดที่ 2 ตรวจสอบประสิทธิภาพการผันน้ำของคลองผันน้ำแม่กรณ์สู่แม่น้ำกกที่บริเวณบ้านหัวฝาย ตำบลรอบเวียง จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบทิศทางการไหลของน้ำที่ฝายชัยสมบัติ ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย และที่บริเวณอาคารควบคุมน้ำ การรับน้ำ และการระบายน้ำ ณ เขื่อนเชียงราย เดิมเรียกว่า (ฝายเชียงรายเดิม) ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ของแม่น้ำกก ที่อยู่ในเขตตัวเมืองเชียงราย ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ตามที่อุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนว่า ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูร้อน และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 โดยในบริเวณประเทศไทยตอนบน สภาพอากาศมีฝนตกชุกหนาแน่นครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 60 และต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป โดยพื้นที่จังหวัดเชียงรายเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม 2567 เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยและดินสไลด์ มีผลกระทบระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 และอาจส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงช่วงฤดูฝนปีนี้ โดยทางผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ยืนยันว่ามวลน้ำทุกสายที่ไหลผ่านเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย และไหลลงสู่แม่น้ำกก ผ่านไปยังแม่น้ำโขงไม่กระทบต่อชุมชนในเขตเมือง และพื้นที่อื่นๆ อย่างแน่นอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News