Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายคุมเข้ม ห้ามกรอกน้ำมันใส่ภาชนะ ป้องกันลักลอบข้ามแดน

เชียงรายเข้มงวด! ห้ามกรอกน้ำมันใส่ภาชนะ ป้องกันลักลอบขนส่งข้ามแดน ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย พร้อมแนวทางซื้อน้ำมันอย่างถูกต้อง

เชียงราย, 9 กุมภาพันธ์ 2568  –เชียงรายประกาศเตือน ห้ามกรอกน้ำมันใส่ภาชนะ ฝ่าฝืนดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายปรศักดิ์ งามสมภาค พลังงานจังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ตรวจสอบและแจ้งเตือน สถานีบริการน้ำมันทุกแห่ง ห้ามกรอกน้ำมันลงภาชนะ เช่น ถังน้ำมัน กระป๋องน้ำมัน หรือแกลลอน โดยเด็ดขาด ตามมาตรการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงและนโยบายปราบปรามเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงจากชายแดนไทยไปดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายในเมียนมา

มาตรการเข้มงวด: ห้ามจำหน่ายน้ำมันลงภาชนะ

จากการพิจารณาของ จังหวัดเชียงราย พบว่า การจำหน่ายน้ำมันลงภาชนะอื่นนอกเหนือจากการเติมในยานพาหนะ ไม่เป็นไปตาม พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2544 มาตรา 4 ซึ่งกำหนดให้สถานีบริการน้ำมันต้องให้บริการแก่ยานพาหนะเท่านั้น

ประกอบกับรัฐบาลไทยได้ ระงับการส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมา เพื่อตัดวงจรการลักลอบใช้น้ำมันในกิจกรรมผิดกฎหมาย จึงมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน หากฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

หากต้องการซื้อน้ำมันในภาชนะ ต้องทำอย่างไร?

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อน้ำมันเพื่อใช้งานในภาชนะสามารถซื้อได้จากแหล่งที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่:

  1. สถานที่เก็บรักษาน้ำมันลักษณะที่ 1 (สำหรับปริมาณน้อย)
  • น้ำมันชนิดไวไฟมาก: เก็บได้ไม่เกิน 40 ลิตร
  • น้ำมันชนิดไวไฟปานกลาง: เก็บได้ไม่เกิน 227 ลิตร
  • น้ำมันชนิดไวไฟน้อย: เก็บได้ไม่เกิน 454 ลิตร

สามารถซื้อจากร้านค้าปลีกที่ได้รับอนุญาต เช่น ร้านค้าที่มีการกรอกน้ำมันใส่ขวดหรือแกลลอนขายภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมาย

  1. สถานที่เก็บรักษาน้ำมันลักษณะที่ 2 (สำหรับปริมาณมาก ต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
  • น้ำมันชนิดไวไฟมาก: เก็บได้ตั้งแต่ 40 – 454 ลิตร
  • น้ำมันชนิดไวไฟปานกลาง: เก็บได้ตั้งแต่ 227 – 1,000 ลิตร
  • น้ำมันชนิดไวไฟน้อย: เก็บได้ตั้งแต่ 454 – 15,000 ลิตร

หากต้องการใช้ในปริมาณมาก ผู้ประกอบการต้อง ขอใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมัน จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย

มาตรการนี้ช่วยป้องกันอะไร?

  • ป้องกัน การลักลอบนำน้ำมันข้ามพรมแดน ไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย
  • ควบคุม การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามกฎหมาย และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
  • สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ

จังหวัดเชียงราย ขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการทุกฝ่าย ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากพบเห็นการฝ่าฝืน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานพลังงานจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย 2568 สร้างสัมพันธ์ระดับโลก

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เชียงราย, 8 กุมภาพันธ์ 2568  –  ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ร่วมงาน มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน อีกทั้งยังเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนทั้งในไทยและต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือ พัฒนาความเข้มแข็งและความสามัคคีของชุมชนอิ้วเมี่ยน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเรียนรู้พหุวัฒนธรรมในสังคมไทย

ความสำคัญของงานมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-3 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 4-5 จัดที่จังหวัดน่าน และครั้งที่ 6 จัดที่จังหวัดพะเยา การจัดงานในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ได้แก่:

  • นิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของอิ้วเมี่ยน

  • การแสดงศิลปะและการละเล่นพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน

  • การสาธิตงานหัตถกรรมและการจำหน่ายสินค้าโอทอปของชุมชนอิ้วเมี่ยน

  • การประชุมและเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนอิ้วเมี่ยนในอนาคต

อัตลักษณ์ของชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนในประเทศไทย

อิ้วเมี่ยน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เย้า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศจีนมายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 160 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง เชียงใหม่ กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก ระนอง และกาญจนบุรี มีประชากรกว่า 60,000 คน ในประเทศไทย

อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวอิ้วเมี่ยนได้แก่:

  • เครื่องแต่งกายประจำเผ่า ที่มีการปักลวดลายอย่างปราณีต

  • เครื่องเงิน ที่ใช้เป็นเครื่องประดับและสัญลักษณ์ของสถานะในสังคม

  • การเขียนตำราโบราณ ด้วยอักษรจีนในภาษาฮั่น

  • ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ผลกระทบของงานต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วย อนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนอิ้วเมี่ยน เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

บทสรุป

มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์จากนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

“ดีอี” ร่วมลงนาม ‘อาเซียน-จีน’ ยกระดับความร่วมมือด้านดิจิทัล

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the People’s Republic of China on Co – operation in Communications and Digital Technology) ในช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลและสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะมีระยะเวลา 5 ปี มีเนื้อหาและขอบเขตความร่วมมือ อาทิ
 
1) การแลกเปลี่ยนนโยบายและกฎระเบียบด้านดิจิทัลและ ICT (Policies and Regulations) เพื่อยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
 
2) ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital Infrastructure) เพื่อที่จะร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาทางตรงและทางอ้อม
 
3) ด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ (Emerging Technologies) ซึ่งประกอบด้วย 5G Use Cases, Artificial Intelligence, Cloud Computing, Big Data, Digital Governance, Smart Cities, และ Future Networks
 
4) ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital Security) เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูล
 
5) ด้านทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy)
 
6) ด้านคลื่นความถี่และการบริหารจัดการคลื่นความถี่ (Radio Frequency Spectrum and Management) เพื่อยกระดับความร่วมมือในการประชุมการสื่อสารโทรคมนาคมวิทยุระดับโลกภายใต้กรอบการทำงานของสหภาพโทรคมนาคม หรือ International Telecommunication Union (ITU)
 
7) ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและข้อมูล (Other Fields)
 
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งอินโดนีเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (Memorandum of Understanding between the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand and The Ministry of Communications and Informatics of Indonesia on Information and Communication Technology and Digitalization Cooperation) โดยมีนายประเสริฐ รัฐมนตรีดีอี เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน สำหรับความร่วมมือสำคัญ ประกอบด้วย บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital platform services) การกำกับดูแลบริการดิจิทัล (Digital service governance) การป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (Anti-online scamming) การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital transformation) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมโอกาสและศักยภาพของประชาชนอย่างครอบคลุม (Digital inclusion) กำลังคนทางดิจิทัล (Digital manpower) และเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News